ผมนั่งอยู่บนเก้าอี้ ทางซ้ายเป็นนางร้ายที่ตอนนี้ชักรู้สึกว่าเธอก็น่ารักดี ทางขวาเป็นเป้าหมายในการจีบที่ตอนนี้ก็รู้สึกว่าเขานั้นน่ารักมาก...ตกลงว่าสเปคของผมมันเป็นแบบไหน จะชอบผู้ชายหรือผู้หญิงก็เอาให้มันแน่สิ ไม่สิ...เดิมทีแค่คิดว่าน่ารักก็ไม่เห็นจะต้องชอบจนเข้าไปจีบเลย ถ้าคนเราต้องเลือกแต่งงานกับคนที่ตัวเองเห็นว่าน่ารักทุกคนมิวุ่นวายตายหรือ?
อืมนางร้ายเป็นตัวเลือกที่จีบไม่ได้อยู่แล้ว ส่วนตัวเลือกที่จีบได้ก็เป็นเพศเดียวกัน ผมก็แค่ประหม่าเพราะพวกเขาดูดีแล้วก็ทำตัวเป็นมิตรกว่าที่คิดก็เท่านั้นเอง ไม่ได้สนใจอะไรมากกว่านั้นสักหน่อย
เพราะดีโอเป็นคนที่ช่างพูดช่างถาม ดูน่ารำคาญไปหน่อย แต่ถ้าหลับตาข้างหนึ่งให้กับความน่ารักนั่นก็พอจะให้อภัยกันได้ อีกอย่างขืนเขาไม่พูดอะไรแล้วปล่อยผมกับเฟอร่าให้อยู่ในความเงียบ ผมคงจะอึดอัดตายไปซะก่อน...ต้องขอบคุณเขาแล้วจริงๆ
เขาชวนพวกเราคุย เรียกผมบ้าง เรียกคุณเฟอร่าบ้างพลางหัวเราะไปกับบทสนทนา ตั้งแต่ผมมาเป็นริออสยังไม่เคยได้ทำอะไรแบบนี้เลย
อาสึกะกับริออสเกิดมาก็ต้องอยู่ในตระกูลใหญ่โต เพื่อนที่ฐานะเท่าเทียมจะคุยเล่นได้ก็มีไม่มาก แต่ถึงคุยเล่นได้ก็ยังคงดูห่างเหินอยู่บ้างไม่ได้สนิทกันมากมายอะไร เป็นเพียงความสัมพันธ์ที่เกิดจากการรักษามารยาทต่อกันเท่านั้น อย่างเช่นกับคริส ผมสนิทกับเขาพอเล่นหัวได้ก็จริง แต่ในบางคราวเขาก็จะทำตัวห่างเหินกับผมเพราะฐานะเราไม่ได้เท่ากันขนาดนั้น ในตอนเป็นอาสึกะนั้นเธอโดดเดี่ยวยิ่งกว่าริออสเสียอีก แล้วพอจะได้มีเพื่อนกับเขาบ้าง เธอกลับถูกหักหลัง...
ผมคิดถึงตรงนี้ก็พยายามเลิกคิด การนึกถึงเรื่องของคนๆนั้นทำให้ผมรู้สึกกลัวที่จะคุยกับคนอื่น
"พี่ชายเป็นอะไรไปรึเปล่าครับ?" ดีโอถามขึ้นเมื่อสังเกตเห็นว่าผมท่าทางแปลกๆไป
"คงจะเหนื่อยกับการเดินทางรึเปล่าคะ?" คุณเฟอร่าถามด้วยความเป็นห่วง
ผมมองท่าทางที่หวังดีพวกนั้น คนๆนั้นก็เคยทำแบบนี้มาก่อน...ไม่ได้ พี่ชายอุตส่าอยู่ปลอบผมตั้งขนาดนั้น ผมจะเอาเรื่องนี้มาคิดเล็กคิดน้อยอีกทำไมกัน...ผมผลักความคิดแย่ๆออกไปก่อนจะตอบพวกเขา "นั่นสินะครับ คงจะเพราะตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อออกเดินทางมาที่นี่ด้วย ก็เลยยังไม่ได้พักเลย"
ไม่ได้พักเลยจริงๆนะครับ พอลงจากรถม้ามาไม่ทันไรก็ถูกผู้ชายแปลกๆคนหนึ่งชวนไปเดินเล่นด้วยกันน่ะครับ...
"พิธีคงใช้เวลาไม่นานมาก พวกเราเองก็เป็นอันดับแรกๆ คิดว่าน่าจะขอตัวออกไปก่อนได้อยู่นะครับ"
"ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวข้าจะไปแจ้งกับพวกสภานักเรียนนะคะว่าหลังพิธีแล้วพวกเราจะขอตัวออกไปก่อน จะได้ไม่วุ่นวาย"
"ขอบคุณนะครับ"
นี่มัน...กลายเป็นการจับกลุ่มแปลกๆไปซะแล้วสิครับ...
แม้ว่าผมจะกลัวยังไงก็ตาม ก็ไม่สามารถปฎิเสธความรู้สึกที่อบอุ่นใจข้างในได้ ไม่รู้ว่าจะมีเรื่องที่ทำให้ผิดหวังเกิดขึ้นในอนาคตรึเปล่า ทว่าตอนนี้มีช่วงเวลาที่ดีเท่านั้นก็พอแล้ว ท่านพี่เองก็บอกไว้อย่างนั้น
พอเฟอร่าไปแจ้งกลับมา ไฟที่มืดอยู่แล้วก็มืดลงอีก พร้อมๆกับที่มีผู้ใหญ่หลายคนเดินเข้ามาในปะรำพิธีด้านหน้า
"ยินดีต้อนรับเหล่านักเรียนใหม่ทุกคน ข้าคืออาเชลล์ เป็นรองผู้อำนวยการของโรงเรียนแห่งนี้" คุณลุงที่หน้าตาท่าทางค่อนข้างเนี๊ยบคนนึงเดินออกมาข้างหน้าแล้วกล่าวต้อนรัับ มีคนไม่มากในโลกนี้ที่ไร้นามสกุล หากไม่ใช่พวกเด็กกำพร้าไร้บ้าน ก็เป็นพวกผู้วิเศษจากทวีปเหนือ คนตรงหน้าดูจะเป็นอย่างหลัง เพราะชุดของเขาดูหรูหราและมีลวดลายแปลกๆที่ผมไม่คุ้นเคย คิดว่าเป็นวัฒนธรรมของทางเหนือจากที่เคยอ่านเจอในหนังสือ คนในทวีปที่ผมอาศัยอยู่ แม้เป็นเด็กกำพร้าแต่หากได้ลงทะเบียนประชากร ไม่ใช่คนเร่ร่อนไร้บ้านแล้วล่ะก็ จะถูกบังคับให้ตั้งนามสกุลขึ้นมา ดังนั้นคนสำคัญระดับนี้ ยังไงก็ไม่ใช่ประเภทแรกหรอก
ท่าทางของคุณลุงตรงหน้าดูไม่แคร์อะไร เขารีบอธิบายให้ทุกคนฟังอย่างประชับว่าต้องทำอะไรบ้าง "ผู้อำนวยการจะกล่าวต้อนรับพวกเธออย่างเป็นทางการด้วยตัวเองอีกครั้งพรุ่งนี้ จากนี้ไปจะเป็นพิธีรับศีลขอให้ผู้ที่ถูกขานชื่อ ก้าวขึ้นมาด้านหน้าด้วย หลังจากท่านนักบวชให้ศีลจุ่มแล้วให้เดินมาทางขวามือจะมีลูกแก้วทดสอบพลังเวทย์อยู่ เหล่าคณาจารย์จะวัดประเภทพลังเวทย์ให้พวกเจ้าเพื่อใช้ในการแบ่งคลาสเรียนในวันพรุ่งนี้"
มีเสียงพูดคุยเกิดขึ้นในห้อง แต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไร แล้วรีบเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว ช่างเป็นรองฯ ที่ไม่คิดจะสนใจนักเรียนเลย
"เฟอร่า อัลทิอัส" ชื่อของเด็กสาวข้างตัวถูกขานขึ้นเป็นอันดับแรก เฟอร่าลุกขึ้นยืนอย่างสง่างาม ทุกคนล้วนจดจ้องไปยังเธอด้วยหลากหลายเหตุผล เจ้าหล่อนก้าวตรงไปบนปะรำพิธีอย่างมั่นคงแน่วแน่ ทั้งดูสวยทั้งเท่ไปพร้อมกันเลย
อ๊ะ ไม่ใช่เวลาจะชื่นชมคนอื่น ถัดไปก็ตาผมแล้ว แถมนี่มันไม่มีเวลาให้ฝึกฝนกันสักนิดเลยนี่นา 1 นาทีก็ยังไม่ถึงเลยด้วยซ้ำ จะให้ผมควบคุมเวทมนตร์ได้ภายในเสี้ยวเวลาสั้นๆนี่แทบจะหมดหวังได้เลย...
พยายามทำเท่าที่ได้ละกัน ตอนนี้ก็ได้แต่เตรียมใจเอาไว้เท่านั้น ต่อให้เป็นแผนสำรองก็คงช่วยอะไรไม่ได้แล้วล่ะครับ
นักบวชยื่นภาชนะใบเล็กที่หน้าตาคล้ายๆชามแต่ถูกแกะสลักตกแต่งอย่างวิจิตรไว้ด้านหน้า เขากล่าวคำอวยพรบางอย่างพร้อมกับตักน้ำในชามนั้นขึ้นมาแตะที่หน้าผากของหญิงสาว เกิดประกายแสงขึ้นรอบๆ ไม่นานมันก็จางหายไป
นี่มันแฟนตาซีสุดๆไปเลย หลังจากได้รับความทรงจำจากอาสึกะก็เพิ่งจะรู้สึกถึงความแฟนตาซีของโลกที่ตัวเองอยู่อย่างชัดเจนก็ตอนนี้แหละ
เฟอร่าก้าวจากพิธีตรงนั้นไปยังจุดที่เตรียมลูกแก้วเอาไว้ พอเธอแตะมือไปที่ลูกแก้วมันก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีเงินอย่างช้าๆ โดยที่ยังดูไม่ทันจบสิ้นกระบวนการดี ชื่อของผมก็ถูกขานขึ้นมาเสียก่อน
"ริออส ฟาไรล์"
ผมลุกออกไปอย่างระมัดระวัง พยายามไม่ให้ท่าทางของตัวเองดูตลกในสายตาคนอื่นๆ และเพราะแบบนั้นเลยไม่สามารถทำตาล่อกแล่กหันไปมองคนรอบๆหรือเฟอร่าที่อยู่ตรงลูกแก้วได้ ตอนนี้ได้แต่พึ่งพาตัวเองอย่างเดียวแล้ว
จากความทรงจำ พลังของเฟอร่าเป็นสายจันทรา หมายความว่าลูกแก้วเปลี่ยนเป็นสีเงินก็คือจันทราสินะ ผมจะลองลอกเธอดูดีไหม ในเป้าหมายการจีบก็แบ่งเป็นครึ่งๆพอดี รุ่นพี่ไคลด์กับเจ้าชายไอร์เป็นสายจันทรา ส่วนคริสกับดีโอนั้นเป็นสายตะวัน เนื่องจากคลาสจะถูกแบ่งตามสายพลังด้วย ผมรู้สึกดีกับสองคนหลังมากกว่าจึงอยากจะโกหกว่าตัวเองอยู่สายตะวัน แต่เพราะไม่มีตัวอย่างสีของสายตะวันให้ดูผมเลยกลัวว่าจะเผลอทำให้มันกลายเป็นสีเพี้ยนๆไป
ในระหว่างที่ตัดสินใจไม่ถูก ผมก็ก้าวมาถึงตรงจุดที่นักบวชยืนแล้ว ผมก้มศีรษะลงเล็กน้อยแล้วอีกฝ่ายก็ปฏิบัติแบบเดียวกับรอบของเฟอร่า
ผมรู้สึกเหมือนหัวสมองว่างเปล่าไปชั่วขณะ ก่อนที่จะมีกระแสอะไรบางอย่างไหลเข้ามาในหัวไม่หยุด มันไม่ได้รู้สึกต่อต้าน แต่ก็ไม่ใช่ความรู้สึกที่ดีนักหรอก ก่อนที่ประกายแสงรอบๆจะหายไปจนหมด ก็เกิดเรื่องแปลกๆขึ้น
ผมได้ยินเสียงบางอย่าง เป็นเสียงแหลมกังวาน เสียงเหมือนโลหะชิ้นบางกระทบกับพื้นกระเบื้อง มันดังขึ้นเพียงสองสามครั้งเท่านั้นแล้วหยุดลง เสียงไม่ได้ดังมาก แถมคนในห้องยังส่งเสียงพูดคุยกันอยู่ ดังนั้นจึงไม่มีใครได้ยิน
"ช่วยหยุดพิธีสักครู่ได้ไหม?"
เอ๋???
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in