“จะไม่เรียนเลขอีกต่อไป” นี่ของความคิดของเราตอนจบมอปลาย คือไม่เอาอีกแล้วจ้า ลาก่อนจ้าตัวเลขยุบยับ จะเป็นเด็กสายศิลป์เต็มตัวละจ้า พอติดอักษร ศิลปากร ก็ไม่คิดว่าชีวิตนี้ต้องเจอกับตัวเลขเจอคำนวณอีกเลย(หมายถึงการเรียนนะ) เพราะคิดว่าต่อไปคงเรียนภาษาล้วน คงเอกญี่ปุ่น โทอิ้ง พอเรียนๆไป เอกอิ้ง โทญี่ปุ่นดีกว่า แล้วๆๆๆก็กลายมาเป็นเอกอิ้ง โทเศรษฐศาสตร์ และนี่ก็คือจุดเริ่มต้นของการจะเจอตัวเลขและกราฟต่างๆ ตอนเรียนตรีเศรษฐศาสตร์ถึงแม้ว่าจะมีสูตรคำนวณมีกราฟเราตอนนั้นก็ยังไหวเนื่องจากอาจารย์ปรับหลักสูตรให้เข้ากับการสอนให้เด็กอักษร พอจะเรียนจบก็คิดทำงานอะไรดีนะ เห็นปะป๊าทำการตลาดน่าสนใจดี เอาละ ลองดีกว่า ก็ลองสมัครงานและได้ทำงานในสายการตลาด แต่พอทำไปสักพักนี่ก็เริ่มรู้สึกว่าไม่ได้การละด้วยสภาพแวดล้อมด้วยสถานการณ์ต่างๆถ้าจะทำงานในด้านนี้ต่อไปนี่ก็อยากมีความรู้ในด้านนี้แบบจริงจัง อยากเก่งขึ้น อยากทำงานได้ดีขึ้น อยากรู้สึกว่าตัวเราเนี่ยมีความรู้ความสามารถในการเป็น”นักการตลาด”นะ เอาจริงตอนแรกอยากจะเปลี่ยนสายงานแต่คิดว่ามาทางนี้ละอะลองให้สุดๆสักตั้งละกันเลยตัดสินใจเรียนต่อดีกว่า เอาให้ได้ความรู้ด้วยได้ปริญญาด้วยไปเลย เราก็เลยทำการหาที่เรียนนู่นนี่เจอ Solbridge International School of Business โห มหาลัยเกาหลีอะ แต่สอนเป็นอิ้ง แถมเป็นbusiness school ที่สำคัญให้ทุนด้วย นี่ก็เอาเลยสมัครมาจนได้เข้ามาเรียน สาขาที่เราเข้ามาคือ MS in Marketing Analysis
ตอนแรกก็เตรียมใจละดูจากวิชาเรียนเจอเลขแน่นอนแต่คงประยุกต์แหละน่าจะไม่คำนวนจนคิ้วขมวดเลยชิวมากก่อนมาเรียนป๊าบอกให้ไปเทคคอร์สสถิติก็ไม่ไปเพราะคิดว่าคงไม่ได้เรียนลงลึกอะไรมากมายแต่ก็แอบกลัวนิดๆ เลยพอมาถึงเราก็ถามเพื่อนว่า ถ้าไม่มีพื้นฐานเลขสถิตินี่น่าไหวไหม เพื่อนก็บอกมันมีตัวcoreที่คำนวณหลักๆในเทอมสองถ้าไม่มีพื้นฐานน่าจะลำบากแล้วก็แนะนำว่าควรลงตัว statistic analysisในเทอมแรกนี้เพื่อปูพื้นไปก่อน เราก็โอเคจัดไปและแล้วก็มาถึงช่วงเวลาที่โอ้โห หนึ่งในช่วงเวลาที่จะจำไปตลอดชีวิต คำนวนมากมายคำนวนเยอะมากไหนจะตารางกราฟโปรแกรมนู่นนี่มาหมดและต้องเรียนสอบพรีเซนท์ภายในสามอาทิตย์ ความชิวหายความเครียดเข้ามาแทนทันทีจ้า ร้องไห้บ่อยอะ บางวันเข้าใจบางวันไม่เข้าใจ เรียนไม่ค่อยทันเพื่อนเท่าไหร่แต่ก็พยายามเท่าที่จะไปไหว เป็นสามอาทิตย์ที่เกือบยาวนานที่สุดในชีวิต รู้สึกแบบทำไมนะทำไมไม่เทคคอร์สแบบที่ป๊าบอก ทำไมไม่เตรียมตัว ทำไมเต็มไปหมด จนถึงขั้นมาเรียนทำไมวะมาที่นี่ทำไมวะ แต่ก็กัดฟันอะพยายามทำการบ้านผิดๆถูกๆ สอบไม่ได้คะแนนดีเท่าไหร่แต่ก็โอเคอย่างน้อยๆเราก็ทำได้นิดนึง
จนมาถึงโปรเจคก็เข็นจนได้มาเล่มพร้อมกับพรีเซนท์ที่ผ่านไปด้วยดี มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากนะแต่ก็รู้สึกว่ามันสอนอะไรตัวเราเยอะอะ สอนว่าก่อนทำอะไรเตรียมตัวนะอย่าชิวเกิน สอนว่าเออ ปัญหาอุปสรรคมันมีแหละทุกเรื่องอะแต่ทำยังไงได้ก็ต้องสู้ไหม ร้องไห้ได้แต่ก็ต้องทำงานให้เสร็จ สอนว่าไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้ถ้าเราให้เวลากับมัน เรียนวันแรกอาจจะงงทำการบ้านไม่ได้แต่อ่านทุกวันอาจจะเข้าใจทำการบ้านได้ในวันที่ห้าก็ได้ เรียกได้ว่าได้รับบทเรียนสำคัญเลยอะ ขอบคุณทุกคนนะที่คอยให้กำลังใจคอยฟังคำบ่นคอยเห็นความประสาทแดกของเรา ขอบคุณอาจารย์และเพื่อนในห้องที่คอยช่วยเหลือ และก็ขอบคุณตัวเองที่พยายามกัดฟันสู้จนจบวิชา หวังว่าใครที่กำลังเจอช่วงเวลายากๆแบบนี้หรือแบบไหนหวังว่าทุกคนจะผ่านมันไปได้นะ :)
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in