เคยคิดมั้ย ... ที่เลี้ยงสิ่งมีชีวิตสักตัว ได้มานับพวกเขาเป็นส่วนหนึ่งในสมาชิกครอบครัวของเรา
ที่เป็นได้ทั้ง ลูกสาว ลูกชาย น้องชาย น้องสาว ซึ่งแน่นอนว่าเราคนหนึ่งล่ะ ที่คิดแบบนี้ ที่ไม่ได้มองแค่
ความน่ารักเพราะเป็นแค่สัตว์เลี้ยง แต่เรารับเด็กพวกนี้มา ก็เท่ากับรับชีวิตเด็กๆพวกนี้เข้ามา
เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเราแล้ว
ทั้งชีวิตนี้เคยคิดที่จะรับอุปการะสัตว์สักตัวหนึ่งที่ถูกเจ้าของเก่าทิ้ง ไม่เหลียวแลพวกเขา
ซึ่งเราก็มีโอกาส ได้รับเลี้ยงสัตว์ชนิดหนึ่งจริงๆ .... นั่นก็คือ เม่นแคระ [ Hedgehog ]
สมัยเรียนอยู่มหาวิทยาลัย ก็ได้เคยศึกษาเกี่ยวการดูแล การใช้ชีวิตของเม่นแคระอยู่ 2-3ปีเลยแหละ
เพราะสนใจ ในการมีอยู่ของเม่นแคระ ที่พึ่งรู้ว่าในไทยมีขายมานานแล้ว ..
ส่วนใหญ่เคสสำหรับมือใหม่ที่เลี้ยง : ควรเลี้ยงตั้งแต่ยังเป็นเม่นเด็กอายุ สองสามเดือนขึ้นไป
แต่สำหรับเราคือได้เคสยากที่สุด เป็นเม่นแคระตัวผู้ที่โตแล้ว ไม่เชื่อง ขี้กลัว จะขดตัวขู่ฟู่ๆตลอด
โตมาอายุ 6 เดือน (ถือว่าเป็นช่วงวัยรุ่นแล้ว) ไม่มีชื่อ เจ้าของคนแรกทิ้ง ซื้อมาโดนทางพ่อค้าแม่ค้าหลอกแค่เรื่องสีหนามไม่ตรงตามที่เขาต้องการ ก็ทิ้งเขาแล้ว ต่อมา เด็กคนนี้ก็ได้ไปอยู่ในฟาร์มเม่นแคระที่หนึ่ง
ที่ดูแลสุขภาพน้องดีมาก เรื่องอาหารการกิน การทำความสะอาดที่อยู่ดีเยี่ยม แต่ก็ต้องหาคนอุปการะน้อง
เพราะเด็กคนนี้ไม่สามารถเป็นพ่อพันธุ์ได้ อยู่กับตัวเมียก็ขู่ ไม่เอาใครเลยนั่นเอง
พอมาถึงมือเรา แรกๆ เราก็โดนเด็กคนนี้กัดตั้งแต่วันแรกที่ไปรับมา
เหมือนฝากรอยรักไว้ให้ดูเล่น T__T เราสงสารเด็กคนนี้ที่ไม่มีชื่อ และที่ผ่านมาไม่มีใครเล่นกับเขาเลย
เราตั้งชื่อว่า Asa (อาซา) ในภาษากรีก แปลว่า ความหวัง (hope),
แต่ถ้าในภาษาญี่ปุ่น แปลว่า ผู้เยียวยารักษา (Healer)
ช่วงแรกๆ ค่อนข้างลำบากพอสมควร ที่จะพยายามจับช้อนตัวเขามาเล่น
แล้วเราเป็นนักดนตรีในสมัยนั้น ต้องใช้มือ ที่เป็นเครื่องมือหาเลี้ยงชีพตัวเองอยู่
จะให้มีบาดแผลไม่ได้ แต่เราก็อยากเอาใจเขานะ อยากอุ้มเล่นเหมือนกันแหละ
เลยเข้าไปถามDMในไอจีคาเฟ่เม่นแคระที่ญี่ปุ้นแห่งหนึ่ง ว่าเราควรทำยังไงดี
ทำอย่างไรบ้างที่จะคอยให้อาซาลูกชายตัวน้อยของเรา ผ่อนคลายจากความหวาดกลัว
ที่เขาพบเจอมาในอดีต ทางนู้นก็ให้คำปรึกษาดีนะ (ภาษาที่ใช้ถามเป็นภาษาอังกฤษนะคะ)
เขาแนะนำให้เราใช้ถุงมือหนาๆจับช้อนใต้ท้องเขา ที่สำคัญคืออย่ากลัว เพราะถ้าเรากลัวแล้วเผลอชักมือออกน้องก็จะสะดุ้งกลัวตามด้วย เสียงดนตรีช่วยบรรเทาจิตใจให้น้องเขารู้สึกผ่อนคลายได้
เราก็ทำตามวิธีที่ทางนู้นแนะนำมานะ ถุงมือที่ใช้จับตัวอาซาตอนนั้น เป็นถุงมือกันความร้อนจากไมโครเวฟ -..- เราเล่นกับอาซาทุกเย็นหลังกลับมาจากที่ทำงาน แรกๆก็ไม่คุ้นแหละ แต่พอสองสามเดือน
เหยยยย อาการอาซาดีขึ้น เริ่มอินดี้ เริ่มอารมณ์ดี ไม่ขู่ตลอดเวลาเหมือนเมื่อก่อน
เราเลี้ยงเขาดีนะ สังเกตุที่ใต้คางรูปข้างบน น้องมีเหนียงด้วยนะ กินจุมากกก
รูปนี้ยังเป็นรูปสมัยที่ยังต้องใช้ถุงมือจับแทนมือเปล่าอยู่ แต่เราก็พยายามเอานิ้วเปล่าๆไปจิ้มจมูกน้องนะ
ให้ดมๆ เพื่อจะได้ชินกับกลิ่นมือเรา มีบ้างที่เกือบโดนงับนิ้ว =w=
ฉายาเฉพาะของอาซา : อาซาเม่นโหด / อาซาโคตรเม่นอินดี้
ถามว่า อินดี้ยังไง (อินดี้ตามเจ้าของ) เดี๋ยวนี้ เขาติดเสียงเพลงพวก Soundtrack ประกอบหนังภาพยนตร์หรือซีรี่ย์ ทำนองแบบเบาๆสบายๆ วันไหนไม่ได้ฟัง นางจะหงุดหงิด ขู่ใส่เราทุกครั้งที่เราไปจับเล่นกับเขา แต่ถ้าได้ฟังก็จะเคลิ้ม ทำหน้าตาจิ้มลิ้มน่าเอ็นดูมากๆ กว่าปกติ ปกติอาซาจะทำหน้าโหดขมวดคิ้วใส่
มีแต่คนถามเรา และเป็นคำถามที่ชินหูมาก ส่วนมากเป็นคนมีอายุ ไม่ก็คนที่มีความคิดจ่างจากเราจะมาถามคำถามแบบว่า :: เลี้ยงเม่นมันดียังไงกับเรา? เลี้ยงพวกแกสบี้ กระต่าย แฮมเตอร์ไม่ดีกว่าหรอ เลี้ยงง่ายกว่าตั้งเยอะ? หรือไม่ก็ เม่นแคระนี่ถ้ามันโมโหมันสะบัดขนหนามใส่มั้ย?
คำตอบที่เราให้พวกเขาไป
1. เม่นแคระไม่ใช่สัตว์สังคม หวงถิ่นที่อยู่ นอนตอนเช้ากลางวัน คึกเย็นกลางคืน (ช่วงหาอาหารกิน)
ซึ่งตอบโจทย์กับการใช้ชีวิตการทำงาน Freelance ของเรามากที่สุดกว่าสัตว์ตัวไหนๆ
เรากลับบ้านมืดทุกวัน ช่วงที่เราAlert พลังงานเหลือล้นมากคือช่วงกลางคืนนี่แหละ
เรามีเวลาเล่นกับเขาตอนเขาตื่นพอดีได้เยอะที่สุด สร้างความคุ้นเคยได้บ่อยด้วย
2. เอาจริงๆแล้ว ความชอบส่วนบุคคลมันไม่เหมือนกัน
เราชอบสัตว์แปลก ที่สมัยนั้น เราเป็นส่วนน้อยที่ชอบสัตว์พิเศษ พวก Exotic pet
กระต่ายก็ชอบนะ แต่มันดูบอบบางเกินไป ดูแลตัวเองไม่ได้
ในความคิดเราคือ ตามธรรมชาติสัตว์แต่ละตัวต้องมีสิ่งๆหนึ่งเป็นอาวุธที่ใช้ป้องกันภัยอันตรายด้วยตัวเองได้อย่างหนึ่ง ส่วนอาวุธของเม่นแคระคือการขดตัวหันเอาด้านหนามใส่ เหมือนลูกทุเรียนจิ๋วลูกหนึ่ง
3. เราเข้าใจว่าผู้ปกครองและเด็ก เคยดูเรื่องราวเม่น และเข้าใจตวามเชื่อผิดๆว่า
เม่นมันสะบัดขนเหมือนในการ์ตูน ในตอนที่มันโมโห .... เอ่อ มันไม่ช่ายยยย
ตัวกระจึ๋งเดียวจะสะบัดได้ไง คนละสายพันธุ์แล้ววว
ตอนนี้อาซาอายุ เกือบ 2 ปีแล้ว สองปีของเม่นน่าจะเท่ากับอายุมนุษย์ประมาณ 36 ปี
อยู่กับเรามาปีกว่าๆ เรารับอุปการะอาซามาตอนต้นเดือนธันวาคม 2017
ตอนนี้ใช้มือเปล่าจับตัวน้องได้โดยไม่ต้องพึ่งถุงมือแล้ว
เราคิดว่า ถึงเราจะเป็นบ้านหลังที่สามในชีวิตเขา แต่ดูจากพฤติกรรมและสีหน้ามันบ่งบอกได้ชัดเลยว่าเขามีความสุขมากขนาดไหนที่ได้อยู่กับเรา และเราก็คิดถูกที่ใช้เสียงดนตรี บวกกับจิตวิทยาเล็กน้อยคอยบำบัดเยียวยาเขา
รูปตอนกำลังฟังเพลง :: อ่อยแล้วนร้า ป๋มน่ารักมั้ยครับ
ป๋มจะเป็นนักดนตรีเหมือนมี๊ -- แต่มี๊คิดว่า กีตาร์มันน่าจะเล็กเกินไปนา~
โง้ยย มีี๊ ป๋มลาลาลอยแย้ววว
ติดตามความน่ารักเพิ่มเติมของเด็กๆได้ที่ FB page : www.facebook.com/mintzilladiary
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in