4 NOV 16 เวลา 16.18 น. พี่ที่เคยทำงานด้วยกันที่บริษัทเก่าไลน์มาชวนไปเนปาล อย่างแรกที่ถามคือไปตอนไหน เมื่อไหร่ พี่เขาระบุมาว่าประมาณเดือนธันวาคม งบประมาณ 20,000 บาท เราก็ถามกลับไปว่าไปกี่วัน พี่เขาก็ตอบกลับมาว่าประมาณ 1 สัปดาห์ เราก็ถามกลับไปอีกว่าอยู่เหรอ ไปสัปดาห์หนึ่งแต่งบ 20,000 บาท พี่เขาก็ตอบกลับมาว่าบวกลบอีกประมาณ 5,000 บาท เราก็ถามกลับไปอีกว่า 20,000 บาทนี่เฉพาะค่าตั๋วเครื่องบินหรือเปล่า พี่เขาก็ถามกลับมาว่า เราไหวหรือเปล่า สามารถไหม พี่เขาหาข้อมูลจากใน Pantip เขาบอกรวมทุกอย่าง 25,000 บาท ตอนนั้นเราก็ว่างๆ อยู่ (คือมีงานทำ แต่ว่างงาน) เลยลองนั่งหาราคาตั๋วเครื่องบินไปเนปาลของเดือนธันวาคม 2559 ของสายการบินต่างๆ ดูเพื่อรู้ราคาก่อนตัดสินใจว่าจะไปหรือไม่ไป โดยลองใส่วันที่มั่วๆ แต่เป็นในช่วงไป-กลับ 1 สัปดาห์และอยู่ในเดือนธันวาคม 2559
สายการบินแรกคือ Airasia เพราะเคยได้ยินว่าเป็นสายการบิน low cost ซึ่งเมื่อดูราคาจริงๆ ก็ไม่ได้ถูกเลย เพราะเป็นหลักหมื่นขึ้นไปหรือเกือบหมื่นแค่ขาเดียวไม่ใช่ไป-กลับด้วย
พอหาสายการบินแรกเสร็จก็ส่งให้พี่เขาดูทางไลน์ พี่เขาก็ให้หาข้อมูลที่เที่ยวของเนปาลดู และเสนอถ้าผ่อนค่าตั๋ว 0% ใน 3 เดือนไหวหรือเปล่าโดยใช้บัตรของพี่เขาก่อน แต่เราต้องเตรียมค่าที่พักและ Pocket Money เองแต่ค่าครองชีพไม่แพงมาก เราเลยไปลองหาข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวของเนปาลดูก่อนว่ามีที่เที่ยวที่ไหน เป็นอย่างไรบ้าง แต่ก็ถามพี่เขาเหมือนกันว่าทำไมถึงอยากไปเนปาล พี่เขาก็ตอบกลับมาว่าฮิปสเตอร์ไม่เหมือนใคร แต่เราก็บอกพี่เขาไปเหมือนกันว่าต้องแบบที่พักถูก ตั๋วเครื่องบินถูก พี่เขาก็บอกว่าที่พักหาไม่ยาก เราเลยเริ่มไปหาตั๋วสายการบินก่อน อยากรู้ว่าราคา เราสามารถจ่ายได้ไหม ตอนแรกหาของการบินไทย ได้ราคาไป-กลับที่ 16,065 บาท แต่บินตรงก็ส่งให้พี่เขาดูทางไลน์
พี่เขาก็บอกว่าแอบแพง แต่ Full Service เราก็เห็นด้วยว่าแพง แต่ก็ต้องหาตั๋วเครื่องบินถูกต่อ พี่เขาก็บอกอยากได้ซักหมื่นต้นๆ พอซึ่งเราก็เห็นด้วย เพราะการเดินทางแบบนี้ที่ต้องจ่ายจริงๆ เลี่ยงไม่ได้มีอยู่ 2 อย่างหลักๆ คือค่าตั๋วเครื่องบินและค่าที่พัก ถ้าลดให้มันถูกลงมาได้ ก็มีเงินเหลือไปเที่ยวเพิ่ม ก็ลองหาต่อไปแต่เป็นพวก ไฟลท์ถูกแต่ต้องต่อเครื่อง ซึ่งใช้เวลารอนานมากของ Jet Airways และ Fly dubai โดยของ Jet Airways ลองตั้งวันที่ไป-กลับเป็น 5 - 15 DEC 2016 จะได้ราคาไป 6,335 บาทและกลับ 6,625 บาท และของ Fly dubai ลองตั้งวันที่ไป-กลับเป็น 5 - 12 DEC 2016 จะได้ราคาไป 5,440 บาทและกลับ 5,840 บาท เลยลองกลับไปหาราคาตั๋วเครื่องบินของการบินไทยอีกทีแต่ตั้งเป็นไป-กลับ 5 - 13 Dec 2016 จะได้ราคาไป 5,360 บาท และราคากลับ 6,050 บาท ซึ่งถือว่าถูกเพราะบินตรงด้วย ก็แปลกใจเหมือนกันเพราะปกติไม่ใช่คนไปต่างประเทศบ่อย ยิ่งหาตั๋วเครื่องบิน จองตั๋วเครื่องบินเองนี่ไม่เคยเลย และได้ยินว่ามาตั๋วเครื่องบิินของการบินไทยแพง แต่ก็ถ่ายภาพราคาจากหน้าจอคอมส่งไปให้พี่เขาดูทางไลน์ว่าหาตั๋วเครื่องบินของวันนี้ ราคาเท่านี้มาได้นะ ก็น่าสนใจดีนะ
พี่เขาเลยให้ลองวันใหม่ เพราะพี่เขาตั้งใจว่าจะไปช่วงวันที่ 14 - 20 DEC และ 21-27 DEC 2016 โดยถามเราว่าไปได้ไหมและจะได้ไปทำวีซ่ากัน เราเลยมาลองเลื่อนวันที่ดูใหม่เพื่อดูราคาตั๋วเครื่องบินว่ากี่บาท
ถ้าเป็นไป-กลับวันที่ 14 - 20 DEC 2016 ค่าตั๋วไปราคา 5,360 บาทและกลับ 6,050 บาท ส่วนถ้าเป็นวันที่ 21 - 27 DEC 2016 ค่าตั๋วไปราคา 5,360 บาทแต่ค่าตั๋วกลับราคา 5,755 บาท ซึ่งถูกกว่าเกือบ 300 บาท แล้วก็ลองหาราคาที่พักจากอโกดาดูเพื่อดูว่าที่พักราคาประมาณเท่าไหร่ แล้วเราก็หาพวกรีวิวจากพันทิปอ่านว่าเขาไปเที่ยวไหน พักที่ไหนกันบ้าง แล้วเราลองเอาราคาตั๋วเครื่องบินไป-กลับและที่พักที่วางไว้ 6 คืนมาคำนวนว่าค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ โดยที่พักอิงตามของรีวิวของคุณ Knowgistics ในชื่อกระทู้ "ชวนเที่ยวเนปาล"
โดยมาลองทำค่าใช้จ่ายของทั้งตั๋วเครื่องและค่าที่พักทั้งหมดว่าจะได้ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ เพื่อจะดูว่ามีเงินพอจะเดินทางไปในทริปนี้ได้หรือเปล่าและต้องมีงบเท่าไหร่ โดยในใจตั้งไว้ 20,000 - 25,000 บาท
กำหนดการเดินทาง 21 - 27 DEC 2016
ค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับ : 5,360 + 5,755 = 11,115 บาท
ค่าโรงแรม Thorong Peak Guest House (21 - 22 DEC) = 1,361 บาท
ค่าโรงแรม Butterfly Lodge (23-24 DEC) = 1,574.09 บาท
ค่าโรงแรม Khwopa Guest House (25-26 DEC) = 1,822 บาท
ค่าโรงแรม Hotel Happy Home (27 DEC) = 743.32 บาท
ซึ่งจะเกินมา 1 คืน แต่เพราะยังไม่ทราบว่าจะไปเมืองไหน วันไหนบ้าง เลยอิงตามที่รีวิวที่เขาไป 8 วัน 7 คืนไปก่อน แม้ของเราจะเป็น 7 วัน 6 คืน ซึ่งจะรวมได้สำหรับค่าโรงแรมคือ 5500.41 บาท แต่ถ้าหาร 2 เพราะพักห้องละ 2 คนจะได้ 2,750.205 บาท
เมื่อรวมตั๋วเครื่องบิน + ที่พักจะได้คนละ 13,865.205 บาท ซึ่งเป็นราคาที่น่าสนใจแม้เป็นแค่ราคาคร่าวๆ เท่านั้น แม้ยังไม่รวมค่ารถทัวส์ ค่าอาหาร ค่าวีซ่าหรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ แล้วพี่เขาก็ให้เช็คสภาพอากาศซึ่งพอดูแล้วก็โอเคอยู่ มีแต่รูปพระอาทิตย์ที่เนปาล
พี่เขาก็สงสัยว่าที่เนปาล เดือนธันวาคมจะหนาวไหม เผื่อเจอหิมะ เราก็บอกว่าถ้าไปเขาสูงๆ อาจจะเจอแต่นี่เราไปพื้นราบแต่ก็หาข้อมูลเกี่ยวกับสภาพอากาศเนปาลที่มีคนเขียนในรีวิวหรือตามเว็บทั่วไปที่เสิร์ชหาได้ใน Google เขาก็เขียนว่าอากาศหนาว บางวันติดลบ สุดท้ายวันนั้นพี่เขาก็ให้ส่งหน้าพาสปอร์ตเพื่อที่จะจองตั๋วเครื่องบินของการบินไทย แต่ก็มาถามกันอีกว่าจะไป 7 วันหรือ 8 วัน ตอนนั้นเรายังไม่ได้หาข้อมูลรายละเอียดอะไร หรือบอกพี่เขาไปว่าแค่ 7 วันพอพี่ เดี๋ยวงบบานปลายเพราะเราไม่ได้มีเงินเยอะ สรุปก็จองตั๋วการบินไทยไป-กลับคนละ 11,400 บาท แต่เราก็มีกังวลเรื่อง Sim wifi เพราะเราติดโซเชียลมีเดียมากและเราเป็นแอดมินเพจ เผื่อต้องตอบอะไรลูกค้า เลยจำเป็นต้องมีเนตใช้ตลอดเผื่อเช็คอะไร พี่เขาก็บอกค่อยๆ หาอาจจะเช่า Pocket wifi เราก็หาข้อมูลเพิ่มจนรู้ว่ามีเนปาลมี N Cell ซึ่งเป็น Sim wifi และหาซื้อได้ที่สนามบิน ตอนนี้ทุกอย่างยังเป็นข้อมูลเบื้องต้น เรากับพี่ก็มาตกลงว่าจะหาพวกที่เที่ยวและที่พักกันก่อน เพราะเราไม่อยากพักไกลจากแหล่งท่องเที่ยว ก็ตกลงจะแบ่งจะจัดตารางการเที่ยวแล้วมาเทียบกันว่าเห็นด้วยเหมือนกันไหม เราก็เริ่มจากโรงแรมก่อน โดยกำหนดว่าไป 4 เมืองคือ Kathmandu, Pokhara, Bharatpur และ Patun
เมื่อได้รายชื่อโรงแรมแต่ละเมืองในราคาพอจ่ายได้ก็ส่งให้พี่เขาดูทางไลน์ว่าสนใจโรงแรมไหน เห็นด้วยกันไหม จะได้จองเพราะกลัวเต็มแล้วต้องไปจ่ายให้โรงแรมที่ราคาแพงขึ้น โดยเลือกโรงแรมที่ดูไม่แพง ไม่น่าไกลจากที่เที่ยว เดินทางสะดวก ก็อ่านรีวิวแขกที่เคยไปพักและคะแนนที่ได้ด้วย พี่เขาก็ส่งพวกเว็บเกี่ยวกับที่เที่ยวเนปาล 4 เมืองมาให้ดู แต่เราก็มากังวลเรื่องแรกเพราะอ่านจากข้อมูลต่างๆ การเดินทางจาก Kathmandu ไป Pokhara และจาก Pokhara กลับ Kathmandu เพราะถ้าเดินทางด้วยรถบัส แม้มันถูกแต่ใช้เวลาอย่างต่ำ 7 ชั่วโมง แต่ถ้าไปเครื่องบินเล็กใช้เวลา 25-30 นาที แต่ราคาแพงมากคือ USD 110 แต่พี่เขาก็ตอบกลับมาว่าถ้าให้ไป - กลับโดยรถบัส 14 ชั่วโมงก็ไม่ไหวเหมือนกัน เราก็เสิร์ชหาเกี่ยวกับ Flight Kathmandu to Pokhara และก็อ่านตามรีวิวคือไป Pokhara โดยรถบัสแต่กลับมา Kathmandu โดยเครื่องบิน เราก็หาข้อมูลเกี่ยวกับรถบัสให้พี่เขาดู พี่เขาก็บอกค่าตั๋วเครื่องบินเล็กแพง ไป Tourist bus ก็โอเค เราก็หาพวกเวลาออกของรถบัสให้พี่เขาดูก็เสิร์ชหาข้อมูลจาก Google ก็เจอของ babaadventure.com, greenline.com.np และ nepalbus.net ก็ได้เที่ยวเช้าสุดคือ 7 โมงเช้า ส่วนเครื่องบินเล็ก เราก็หาข้อมูลเกี่ยวกับราคาตั๋วและเวลาออกก็เจอของ nepalcheapflight.com, kathmandupokharaflight.com, yetiairlines.com ได้ราคาถูกสุดคือ USD 110 ลองคิดเป็นเงินบาทดู ซึ่งตอนนั้นคิดง่ายๆ ไป 1 ดอลเท่ากับ 35 บาทก็ได้ 110 x 35 = 3,850 บาท ซึ่งที่อ่านจากรีวิวซึ่งคงหลายปีก่อนประมาณ 2,500 บาท ซึ่งก็มีปัญหาอยู่ดีคือจะให้ไปเดินทางโดยรถบัสไป - กลับ 14 ชั่วโมงก็ไม่ไหวเหมือนกันเสียเวลาเที่ยว พี่เขาก็บอกงั้นเป็นรถบัสเที่ยวหนึ่ง เครื่องบินเล็กเที่ยวหนึ่ง เราก็บอกเลยว่าถ้ารถบัสทั้งไป - กลับ 14 ชั่วโมงนี่ต้องถึงกลับตัดเมืองหนึ่งที่จะไปทิ้ง เราก็เขียนให้พี่เขาดูคร่าวๆ ว่าถ้าเดินทางด้วยรถบัสทั้งไป - กลับ 14 ชั่วโมงจะเป็นยังไงบ้าง
"21Dec เราไปถึงเที่ยงกว่า 22 Dec ถ้าเราอยู่เมืองหลวง 23 Dec เดินทางไปโภคารา ออกแต่เช้าเดินทาง 7 ชั่วโมงไปถึงประมาณบ่ายสอง 24 Dec อยู่โภคารา เพราะวันที่ 23 Dec มาถึงตั้งบ่ายสอง 25 Dec เดินทางกลับเมืองหลวง สมมติรถบัส 7 ชั่วโมง มาถึงเมืองหลวงบ่ายๆ และเดินทางไปภัตตะปูร์ อีกชั่วโมงถึงเย็นพอดี 26 Dec อยู่ภัตตะปูร์ 27 Dec เดินทางกลับไปสนามบิน สรุปแบบนี้คือ ปาทันเราไม่ได้ไป คือจาก4เมืองตัดเหลือ 3 เมือง"
พี่เขาก็บอกว่าให้นั่งเครื่องบินเล็กขาไปโภคาราและกลับกาฐมาณฑุโดยรถบัส แต่เราก็แย้งว่าถ้าเสียเงินค่าเครื่องบินเล็ก 4,000 บาทนี่เกินงบแน่ๆ แต่พี่เขาก็แย้งมาว่าน่าไปเพราะดีกว่าเสียค่าเครื่องบินบินมาเนปาลรอบสองเพราะไฮไลท์อยู่ที่หิมาลัย เราก็บอกพี่เขาไปว่าไปไม่ถึงหิมาลัยอยู่ดี อย่างมากคือขึ้นเขาซารางก๊อต (Sarangkot) เพื่อชมวิวเทือกเขาหิมาลัยแบบพาราโนม่า ตามที่หาข้อมูลมา พี่เขาเสนอมาว่าหรือจะเลื่อนตั๋วเครื่องบินไปกลับวันที่ 28 DEC 2016 แทน คือเลื่อนไป 1 วันเพื่อจะได้มีเวลาเดินทางมากขึ้น ซึ่งเราก็บอกพี่เขาไปว่าตอนแรกที่พี่เขาถามว่าจะกลับวันที่ 27 หรือ 28 DEC เรากลัวมีปัญหาเรื่องงานที่หยุดเยอะ แต่พอมาคิดจริงๆ ตอนนี้คือสมมติเพิ่มมา 1 วัน ค่าที่พักหารสองอย่างมากก็คนละ 500 บาท ค่าข้าวก็ไม่น่าเกินคนละ 1,000 บาท ค่ารถบัสก็ประมาณ 700 บาท (ความจริงที่หาข้อมูลค่ารถกลับกาฐมาณฑุประมาณคนละ USD 9) คือไม่ถึง 2,000 บาทแลกกับตั๋วค่าเครื่องบินเล็กเกือบ 4,000 บาท คำนวนงบประมาณแหลกเพราะไม่อยากมีรายจ่ายเยอะ ว่าจะลดค่าที่พักเพราะตั้งงบค่าที่พักไว้ประมาณไม่เกิน 3,000 บาทไม่ว่าจะอยู่ 6 คืนหรือ 7 คืน แต่พี่เขาก็แย้งว่าลดค่ากินดีกว่าและค่าที่พัก 3,000 บาทต่อ 7 คืน เฉลี่ยประมาณคืนละ 400 บาทนี่หายากแต่เราก็แย้งกลับไปเหมือนกันว่าเรื่องที่พักคือหารสอง ต่อให้คืนละคนละ 400 บาทก็ได้ค่าห้องคืนละ 800 บาทอยู่ดี ซึ่งตอนเราหาข้อมูลค่าที่พักราคาหลักร้อยนี่ตัวเลือกเพียบและอยู่ในพื้นที่ก็ย่านที่พักนักท่องเที่ยวทั่วไปและไม่ไกลจากแหล่งเที่ยวตามที่อ่านรีวิวมาจาก agoda พี่เขาก็เน้นย้ำเรื่องย่านที่พักเหมือนกันว่าไม่ให้ไกลจากแหล่งท่องเที่ยว ส่วน Patun นี่ไกลจาก Kathmandu ประมาณ 5 Km. นี่ไป - กลับได้ เราเลยไปหาข้อมูลเพิ่มก็ได้เวลาเดินทางมาจาก Kathmandu ไป Bharatpur และ Patun คือ
"การเดินทางจาก Kathmandu ไป เมืองภักตะปูร์ และ ปาทัน
Thamel - Patan ประมาณ 40 - 60 นาที ขึ้นอยู่กับการจราจร
Thamel - Bhaktapur ประมาณ 1.30 - 2 ชม.
*****Thamal คือย่านที่พักใน Kathmandu*****"
ถ้าตามรีวิวคือ จาก Kathmandu > Pokhara > Bharatpur > Patun แต่ถ้าจะเอาที่พักเดียวกันก็จะเป็น Kathmandu > Bharatpur > Patun > Pokhara พี่เขาก็บอกมาว่าเราต้องฝากของไว้ที่โรงแรมเพราะเครื่องบินเล็กไปโภคาราให้เอาของขึ้นนิดเดียวเพราะมีแค่ 20 - 30 ที่นั่ง ให้เอาเป้ใส่เสื้อผ้าค้างคืนไปก็พอ เราก็ถามพี่เขาว่าถ้าทำแบบนั้นแล้วโรงแรมจะรับฝากเหรอ พี่เขาบอกโรงแรมน่าจะมีห้องเก็บของ เราก็ไม่แน่ใจเหมือนกันแต่เคยไปญี่ปุ่นแต่เพราะไปก่อนเวลา Check-in ที่จะเข้าห้องพักได้ เลยเอากระเป๋าฝากไว้ที่ล็อบบี้รวมกันไว้ แล้วทางโรงแรมเอาตาข่ายมาคลุมไว้ให้ แต่สำหรับที่เนปาลเราไม่แน่ใจเพราะเรื่องฝากกระเป๋าจะฝากไปที่ไหนอย่างไปโพคารา 2 วันนี่ต้องฝากกระเป๋าไว้โรงแรมไหน คือเพราะเราไม่เคยไปเนปาลด้วย เราไม่ค่อยวางใจเรื่องฝากกระเป๋าทิ้งไว้ข้ามวัน แต่เรื่องฝากกระเป๋าจบไปก่อน พี่เขาก็เสนอเรื่องไปบินวนเหนือเขาเอเวอเรสต์ ค่าบินวนประมาณ USD 100 เราก็แย้งพี่เขาไปว่าถ้าจะไปบินแบบนั้นต้องจัดตารางใหม่เพราะตอนนี้แผนการเที่ยวเราเต็มมากแต่ก็บอกให้พี่เขาลองจัดตารางเที่ยวมา แต่เราก็ไปหาเรื่องค่าบินวนเขาเอเวอเรสต์เหมือนกันว่าความจริงราคาเท่าไหร่
เมื่อหาข้อมูลได้ก็ส่งทางไลน์ให้พี่เขาดู พี่เขาก็บอกว่าเพื่อนเขาแนะนำให้ซื้อจากเอเจนซี่ที่นู้นจะได้ลด 10 - 30 % เราก็ถามพี่เขาว่าตกลงวันกลับคือ 27 DEC หรือ 28 DEC พี่เขาก็บอกว่าติดต่อการบินไทยไม่ได้ เราเลยลองติดต่อการบินไทยเอง คนรับสายก็ถามว่าเราจองจากไหน เราเลยดูใบจองคือจองจาก Expedia ดังนั้นถ้าจะเปลี่ยนวันเดินทางต้องไปเปลี่ยนกับ Expedia และคนรับสายของการบินไทยก็บอกเราว่าของเราเป็นตั๋วโปรโมชั่นก็ไม่ทราบว่าจะเปลี่ยนวันกลับได้หรือเปล่า แต่ตั๋วกลับของวันที่ 28 DEC ยังมีตั๋วเหลือ เราบอกพี่เขาไปว่าของเราตั๋วโปร แต่พี่เขาก็บอกเรากลับมาว่าตั๋วปกติ และให้เราไปถามการบินไทยใหม่และคิดว่าคนที่รู้เรื่องน่าจะเลิกงานกลับบ้านไปแล้วเพราะตอนที่เราโทรติดต่อประมาณ 3 ทุ่มแล้ว เราเลยโทรไปการบินไทยอีกที เขาก็ถามเลขรหัสการจอง เลขตั๋ว ชื่อเจ้าของตั๋ว ซึ่งเขาก็บอกให้เราไปถาม Expedia ว่าตกลงเปลี่ยนตั๋วเครื่องบินได้ไหม พี่เขาเลยบอกเราว่าเรื่องเปลี่ยนตั๋วเครื่องบินวันกลับ พี่เขาจะจัดการเอง เราเลยเปลี่ยนมาคุยเรื่องที่พัก พี่เขาก็บอกให้เตรียมไฟฉายไป เพราะที่เนปาลไปเปิด - ปิดตามเวลา ให้เตรียมที่ชาร์จแบตไปด้วยเพราะช่วงเวลาชาร์จไฟมีจำกัด และยังบอกว่าห้องน้ำแย่มาก ให้เตรียมทิชชู่เปียกไปเยอะๆ และหลอดดูดน้ำ เตรียมเสื้อหนาวไปด้วยเพราะว่าน่าจะหนาว แล้วพี่เขาก็ส่ง link เพลงจาก Youtube มาให้ฟังเป็นเพลง "เฟวา..โพคารา ดวงตากับความรัก" ที่ไปถ่ายทำที่ทะเลสาบเฟวา ที่เมืองโพคารา ส่วนเราก็หาข้อมูลเรื่องสภาพอากาศ ซึ่งได้ข้อมูลมาว่าช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์จะหนาว โดยเฉพาะเดือนธันวาคม - มกราคมจะหนาวมาก บางวันติด - 7 องศาในกรุงกาฐมาณฑุ
เราดู MV เพลงที่พี่เขาส่งมาก็บอกกลับพี่เขาไปว่า โภคาราสวยเหมือนที่เราบอกพี่เขาไปเมื่อวานว่าจะเห็นแนวเขาหิมาลัยถ้าฟ้าเปิดระหว่างนั่งรถบัส และพอขึ้นเขาซารางก๊อต (Sarangkot) ก็จะเป็นจุดชมวิวเทือกเขาหิมาลัยแบบพาราโนม่าที่ใกล้ที่สุดเพราะห่างจากบริเวณเทือกเขาแค่ 30 Km. เราก็บอกพี่เขาว่าส่วนใหญ่ที่พักที่โภคาราที่หาก็อยู่ไม่ไกลจากทะเลสาบเฟวา ส่วนที่ Kathmandu ก็ที่ Thamal และจากรีวิวคือจะมีการนั่งเรือที่ทะเลสาบเฟวาด้วย เราก็บอกพี่เขาไปว่าถ้าไม่เป็นวันแรกที่ไปถึงโภคาราก็วันที่สอง คือตอนนั้นตื่นเต้นจริงๆ เพราะจากรูปที่เคยดูหรือจากใน MV สวยมาก ถ้าได้นั่งเรือในทะเลสาบนี้คงฟินมาก และเราก็หาเกี่ยวกับการเดินทางไปเขาซารางก๊อต (Sarangkot) เพราะที่พักที่หา ส่วนใหญ่คืออยู่แถวทะเลสาบเฟวา ซึ่งข้อมูลที่ได้คือต้องออกจากโรงแรมก่อนตีห้าโดยรถแท๊กซี่เพื่อเดินทางไปยังเขาซารางก๊อต (Sarangkot) เมื่อไปถึงจุดชมวิวจะเห็นยอดเขาโพลนด้วยหิมะตัดกับภูเขาสีเขียว โดยราคาค่าแท๊กซี่ทั้งไป - กลับระหว่างโรงแรมกับเขาซารางก๊อต (Sarangkot) 900 NPR ซึ่งลองมาคิดเป็นเงินบาทไทยก็ประมาณ 300 บาท ซึ่งก็เป็นราคาที่รับได้อยู่เพราะก็ไป - กลับ
วันต่อมาซึ่งเป็นวันที่ 8 NOV 2016 เราก็ทำเรื่องลางานกับที่บริษัท โดยลาระหว่าง 21 - 28 DEC 2016 ถ้าพอไลน์บอกพี่ พี่เขากลับบอกว่าเปลี่ยนวันกลับไม่ได้เพราะถ้าเปลี่ยนต้องเสียเงิน เราเลยถามเรื่องยกเลิกการจองเพื่อจองใหม่ พี่เขาก็เห็นด้วยแล้วให้เราถามการบินไทยว่ายกเลิกได้ไหมเพราะ Expedia บอกว่าถ้าสายการบินว่าไง เขาก็ว่าตาม เราเลยโทรไปที่การบินไทยซึ่งก็ได้ข้อมูลมาว่าถ้าเปลี่ยนวันเวลาต้องเสียคนละ 3,000 บาท ถ้ายกเลิกการจองตั๋วเครื่องบินจะได้เงินคืนแค่ค่าภาษีพันกว่าบาท แต่เงินค่าตั๋วเครื่องบินจะไม่ได้คืน และบอกว่าเพราะคือตั๋วโปรโมชั่น สรุปคือทำไรไม่ได้นอกจากกลับวันเดิมคือ 27 DEC 2016 เราเลยกลัยมาคุยกันใหม่เรื่องตั๋วเครื่องบินเล็กว่าการไป - กลับ Kathmandu > Pokhara และ Pokhara > Kathmandu เราคงต้องไปเครื่องบินเล็กเที่ยวหนึ่ง และกลับโดยรถบัสเที่ยวหนึ่ง ซึ่งเราก็บอกว่าราคา USD 110 นี่แหละ ถูกสุดเท่าที่หาได้แล้ว ก็ถ้าค่าเงินตอนนั้น 110 x 35 = 3,850 บาท ซึ่งความจริงเราเคยอ่านรีวิวคนบินไปโภคาราโดยเครื่องบินเล็กตอนนั้น USD 75 และค่าเงินประมาณ 30 บาท แต่ตอนนี้ราคาขึ้น แล้วเราก็บอกพี่เขาเรื่องเลือกที่นั่งฝั่งเครื่องบิน คือพี่ที่ทำงานบอกว่าถ้านั่งเครื่องบินจากกรุงเทพฯ ไปเนปาลให้นั่งฝั่งขวา แต่ตอนกลับให้นั่งฝั่งซ้ายจะเห็นแนวเขาหิมาลัย แต่บางทีอย่างพี่เขาไป เครื่องบินลงจอดไม่ได้ต้องบินวนรอบสนามบินเลยได้วนดูแนวเขาหลายรอบ
พี่เขาก็ส่งแผนการเดินทางมาให้อ่านโดย
21 DEC เดินทางมาถึงเนปาลตอนเที่ยงกว่า ก็นั่งเครื่องบินเล็กไปโภคารา แล้วอยู่ถึง 23 DEC ก็เดินทางมากาฐมาณฑุแต่เช้าโดยรถบัส เที่ยวในกาฐมาณฑุ วันที่ 25 DEC ก็ไปปาทันตอนเช้า ก่อนตอนบ่ายไปภักตะปูร์ และเดินทางกลับวันที่ 27 DEC 2016 แต่เราก็ไม่เห็นว่าจะต่างจากเดิมตรงไหน แค่สลับเมืองจากตอนแรกอยู่กาฐมาณฑุก่อนไปโภคาราวันที่ 23 DEC และไม่เห็นด้วยที่จะอยู่ปาทันแค่ครึ่งวันและไปอยู่ภักตะปูร์วันครึ่ง แต่พี่เขาก็แย้งว่าปาทันเล็ก แบบเพื่อนพี่เขาเคยไปมาและภักตะปูร์น่าอยู่กว่า เราก็เลยโอเคตามพี่เขาไป
เราติดใจเรื่องราคาเครื่องบินเล็ก เลยลองค้นหาใน google ด้วยตัวเอง "cheap flights from kathmandu to pokhara" ก็เจอราคา $110 , $114 และ $124 ซึ่งมันแพงไป เคยอ่านรีวิวของคนที่เคยไปมันถูกกว่านี้แต่ก็เข้าใจว่ายิ่งเวลาผ่านไป ราคายิ่งแพงขึ้น ตอนนั้นค่าเงินประมาณ 35-36 บาทต่อ $1 ซึ่งสูงมาก พอหาได้ที่น่าลองถามดูที่เป็นพวกบริษัททัวร์ 2 แห่ง ก็ลองส่งเมลไปสอบถามราคา ตอนแรกที่หนึ่งเขาเมลกลับมาว่า $124 เราก็ขอบคุณเขาไป แต่ต่อมาเขาก็เสนอราคามาคนละ $90 ซึ่งถือว่าถูกสุดเท่าที่หาได้จริงๆ เลยปรึกษาพี่ที่เดินทางไปด้วย และตกลงจะจองตั๋วเครื่องบินเล็กกับเขา
จัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินเสร็จ ก็มาจัดการเรื่องที่พักต่อ ซึ่งเราจะพัก 3 ที่ คือที่ Pokhara, Kathmandu และ Bhaktapur ก็มีเถียงกับพี่เขาเรื่องราคาเพราะเราต้องการถูก และยิ่งหาร 2 คนยิ่งถูก ที่ Kathmandu เราจองที่พักที่ "Hotel Dream City" ที่ Pokhara ตอนแรกจองที่ "Mount View Pokhara" แต่พี่เขาจองวันผิด เลยได้ที่ "Hotel tara" แต่คนละห้องแทน ซึ่งตอนแรกเราก็เซ็งเล็กๆ เพราะห้องคืนละ 400 กว่าบาท ถ้าหาร 2 จะถูกลง (แต่ตอนหลังที่เข้าพักจริงคือดีแล้วที่พักคนละห้อง จะได้มีช่วงเวลาส่วนตัว เพราะเราเอางานไปทำด้วยคืนแรกๆ) ส่วนที่ Bhaktapur พี่เขาจะเอา "Peacock guest house" ซึ่งห้องละ 1,600 บาท หารสองคือคนละ 800 บาท แต่ได้วิวสวย ซึ่งเราก็ไม่แน่ใจเพราะเกินงบมาเยอะเพราะค่าเครื่องบินเล็ก พี่เขาก็บอกลองหาของตัวเองดู เราก็หาที่ถูกๆ ได้มา 3 ที่ลังเลอยู่นาน ที่ "Peacock guest house" เราก็ลองหาห้องถูกคืนละ 800 บาทแต่ไม่มีหน้าต่าง แต่ที่ "Shive guest house" คืนละ 300 กว่าบาท ห้องน้ำรวม แต่มีหน้าต่างเห็นพวกโบราณสถานนิดหนึ่งเพราะอยู่ชั้น 2 ซึ่งราคาถูกสุด สุดท้ายเราเลยเลือก "Shive guest house" ความจริงเราหาข้อมูลจากรีวิวคนเคยไปพัก เขาบอกว่าที่พักนี้อยู่ในเมืองต้องเสียค่าเข้าเมือง $15 เราเลย inbox ไปถามที่โรงแรม ซึ่งได้ข้อมูลมาว่าที่พักไหนก็ต้องเสียค่าเข้าเมือง ตอนแรกทางที่พักก็แนะนำราคาจองกับเขามา แต่เราดูทางจองผ่านเว็บ Booking มันถูกกว่า แล้วเราก็สอบถามเรื่องไฟฟ้าเพราะต้องชาร์จแบต หาข้อมูลมาและพี่เขาบอกว่าดึกๆ ไฟดับ แต่เขาบอกว่ามีไฟฟ้า
หลังจัดการเรื่องที่พัก เราก็กังวลเพราะเวลาที่เครื่องบินถึงเนปาล เรามีเวลาชั่วโมงเศษไปต่อเครื่องบินเล็ก ซึ่งเพราะไม่เคยไปเลยกังวลว่าจะนานหรือเปล่า สนามบินใหญ่ไหม เพราะอย่างสุวรรณภูมิกว่าจะออกมาได้ เลยลองหาเพจสนามบิน สอบถามแต่ไม่ได้รับคำตอบ นอกจากนี้ยังกังวลเรื่อง sim wifi เพราะติดเล่นเนตมาก หาข้อมูลดูทราบว่ามี Ncell แต่เมืองไทยไม่มีขาย แต่มีขายที่สนามบิน ตอนแรกก็กังวลจนหาแผนที่ว่าจากสนามบินไปที่พัก จะแวะซื้อ Ncell ได้ไหม เพราะไม่แน่ใจตอนเครื่องลงจะเลทไหมต้องรีบไปขึ้นเครื่องบินเล็กทันไหม อย่างข่าวเมืองไทยที่ไปเลท อดขึ้นเครื่องบิน แล้วหาเพจ Ncell ติดต่อสอบถามไปพร้อมส่งแผนที่ไปให้ดู ซึ่งก็ต้องไปวัดดวงตอนถึงเนปาลว่าจะซื้อทันไหม
นอกจากนี้ก็สอบถามไปยังธนาคารหรือที่รับแลกเงินแต่ไม่มีเงินเนปาลให้แลก เลยกัดฟันเอาเงินไทยไปแลกเงินดอล เพราะเอาเงินดอลไปแลกเงินเนปาลที่ประเทศเนปาล ซึ่งค่าเงินตอนนั้น 35.8 ซึ่งสูงมาก ปกติ 32 - 33 บาท ต่อ $1
พอจัดการเรื่องสำคัญที่จำเป็นเสร็จก็มานั่งหาสถานที่ท่องเที่ยวว่ามีที่ไหนบ้างใส่ word เอาไว้แล้วส่งให้พี่เขาดู
ส่วนเรื่องขอวีซ่าเนปาล 900 บาท (ถ้าจำไม่ผิด) สำหรับ15 วัน
เมื่อทุกอย่างที่สำคัญจัดการและสอบถามค้นหาข้อมูลเรียบร้อยก็รอเวลาที่จะออกเดินทางในวันที่ 21 ธันวาคม 2559 เย้
-บันทึกความทรงจำ ล่าสุด 9 มกราคม 2561
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in