หลังจากที่เราได้แนะนำบริษัทมาจิโนว่าและวีทูปเบอร์ ในตอนนี้เราก็จะพูดถึงรายละเอียดของงานค่ะ
ในการฝึกงานครั้งนี้เรามากับเพื่อนอีกหนึ่งคนค่ะ ซึ่งเราดีใจมาก ๆ เพราะหมาต้องอยู่รวมกันเป็นฝูงถึงจะสนุกค่ะ เพื่อนคนนี้ก่อนที่เราจะตัดสินใจส่ง Resume และ Portfolio มาที่มาจิโนว่า เราก็เคยพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับวีทูปเบอร์ค่ะ ซึ่งเราพอมีความรู้บ้างจากการชื่นชอบวัฒนธรรมญี่ปุ่นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่ถ้าให้เจาะลึกว่าเป็นสแตนค่ายไหน หรือ ชอบวีคนไหนเป็นพิเศษ ในหัวสมอของเราว่างเปล่าไปหมดเลยค่ะ
แต่การเลือกบริษัทที่ตรงกับบุคลิกของเราเป็นสิ่งสำคัญค่ะ ดังนั้นเราเลยลองดูวิดีโอของวีทูปเบอร์แต่ละค่ายและครุ่นคิดกับตัวเองอยู่นานค่ะ จนกระทั่งเราตัดสินใจเลือกตามสัญชาตญาณของตัวเอง เราเคยดูไพ่ทาโรต์กับเพื่อนสนิทเรื่องการงานมาก่อนค่ะ คำทำนายของเราบอกว่า ถ้าตัดสินใจทำอะไร ลงมือทำได้เลยและเชื่อในสิ่งที่ตนเองคิด เราจึงตัดสินใจมาที่มาจิโนว่าตามสัญชาตญาณ (สัตว์เลี้ยง)
วันแรกของการคุยกับพี่เลี้ยง พี่เลี้ยงแนะนำตัวเองพร้อมกับถามความคิดเห็นของเราทั้งคู่ (เรากับเพื่อน) ว่านอกจากงานในตำแหน่ง Content Creator แล้ว อยากทำงานอื่น ๆ อีกไหม ทางทีมงานจะจัดโปรแกรมให้ ในตอนนั้นเราสนใจในการแต่งเรื่องราวค่ะและสนใจการทำแอเนมิชั่น (พื้นฐานเราไม่ค่อยดีเท่าไหร่แต่พี่ ๆ พร้อมจัดทีมสอนให้ค่ะ)
ทางพี่เลี้ยงก็ได้เสนอตำแหน่งอื่น ๆ ให้เป็นตัวเลือกอีกค่ะ หนึ่งในตัวเลือกที่เราสนใจคือการออกบูธค่ะ เพราะการออกบูธเราจะได้พบเจอกับแฟนคลับที่ชอบในตัววีทูปเบอร์และการเป็นการสำรวจกลุ่มเป้าหมายด้วย แต่สิ่งที่เราชอบมากกว่านั้นคือการได้ซึมซับพลังงานบวกจากแฟนคลับค่ะ เราเป็นคนที่ชอบพลังงานบวกและชอบเห็นคนมีความสุขกับการได้ใกล้ชิดในสิ่งที่ตัวเองชอบ (เราเลยชอบสนับสนุนเพื่อนเวลาอยากทำอะไรหรืออยากซื้ออะไรค่ะ!)
ดังนั้นถ้ามีโอกาส (ด้วยสถานการณ์โควิดตอนนี้) ก็อยากลองออกบูธดูค่ะ
***
ความเป็นส่วนตัวของวีทูปเบอร์และข้อมูลบางอย่างถือเป็นความลับค่ะ เรากับเพื่อนจำเป็นต้องเซ็นสัญญาเพื่อป้องกันข้อมูลในส่วนนี้ เรากังวลนิดหน่อยแต่รู้สึกตื่นเต้นมากกว่าค่ะ พยายามจินตนาการว่าตัวเองกำลังทำงานเป็นสปายในองค์กรลับเหมือนอนิเมะที่เคยดู (ถึงจะพูดให้ดูสนุก แต่การเก็บความลับเป็นเรื่องที่จริงจังมาก ๆ นะคะ)
หน้าที่แรกในฐานะนักศึกษาฝึกงานคือการทำความรู้จักวีทูปเบอร์ในค่ายค่ะ เราเริ่มจากการดูไลฟ์เดบิวต์ของแต่ละคน ซึ่งเราประทับใจในเรื่องราวความเป็นมาของวีทูปเบอร์ เหมือนได้ฟังนิทานแฟนตาซีเลยค่ะ ต่อจากนั้นเราก็ลองดู Free talk, แคสเกม เท่าที่จะทำได้และมากที่สุดค่ะ ซึ่งระหว่างฟังเราก็ลองวาดรูปไปด้วย
หลังจากที่เราทำงานเสร็จแล้ว ก็ได้กลับมาคิดถึงประโยคที่พี่เลี้ยงได้บอกกับเราค่ะ เป็นประโยคที่ยังคงติดค้างในใจ ต้องเล่าก่อนว่า ก่อนที่จะจบการสนทนา พี่เลี้ยงได้เปิดโอกาสให้เราถามคำถามที่อยากรู้ค่ะ เราได้ถามถึงกลุ่มเป้าหมายของบริษัท ซึ่งเราได้คำตอบที่ดีมาก ๆ
แต่ประโยคที่ทำให้เรากลับมาคิด คือ ความชอบแบบนี้ส่วนมากจะเป็นเด็กที่สนใจค่ะ นั่นหมายความว่าผู้ใหญ่อาจจะสนใจบ้าง ไม่สนใจบ้าง
ทำให้เราไปคิดต่อยอด (คิดเยอะ) เองค่ะ ว่าบางทีความชอบ ความสนใจของเด็ก ถูกตัดสินว่าไร้สาระและคิดว่าหากโตเป็นผู้ใหญ่คงเลิกสนใจไปเอง แต่พวกเขาลืมคิดไปค่ะ ว่าวีทูปเบอร์ เกม การ์ตูน อนิเมะ เพลง เบื้องหลังเหล่านั้นคือผู้ใหญ่ที่สามารถต่อยอดความชอบหรือความฝันของตนเองได้
มันเลยจุดประกายเล็ก ๆ ให้เราค่ะ ว่าทำอย่างไรให้ผู้ใหญ่สามารถยอมรับความชอบของเด็กได้ เหมือนที่พวกเขาชอบฟังลูกทุ่ง ชอบสะสมจานชาม ชอบปลูกต้นไม้ หากยกตัวอย่างเด็กและผู้ใหญ่ที่สามารถยอมรับความชอบของกันและกันได้ ก็คงเป็นคุณพ่อคุณแม่และเราค่ะ
คุณพ่อคุณแม่และเรา ผ่านการปรับตัวเข้าหากันมายาวนานมาก ซึ่งเป็นฝั่งเราที่สามารถยอมรับได้ง่ายกว่า เช่น การที่คุณแม่ชอบสะสมจาน คุณพ่อชอบดูฟุตบอล
ความชอบของเรามักถูกละเลยมากกว่า อย่างการชอบวัฒนธรรมเกาหลีหรือญี่ปุ่น แต่โชคดีที่คุณพ่อคุณแม่ของเราเปิดใจง่ายกว่าที่คิดค่ะ ทำให้ปัจจุบันคุณพ่อจะซื้อของเล่นที่มาจากการ์ตูนเรื่องโปรดวัยเด็ก พยายามพูดตามประโยคอนิเมะที่เราเปิดดูระหว่างกินข้าว ส่วนคุณแม่จากเดิมที่ซื้อเสื้อผ้าตามที่ท่านมองว่าดูดี ก็เริ่มใส่ใจลายระเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เลือกลายสนูปปี้ที่เราเคยบอกว่าชอบค่ะ
ล่าสุดเราขอให้คุณแม่กดตู้กาชาตัวละครในเกมให้เรา แม้ท่านจะไม่รู้ว่าคืออะไร (ฮ่า)
เราเลือกเรียนวรรณกรรมสำหรับเด็ก เพื่อจดจำวัยเด็กของตัวเองให้ได้แต่พอเราเรียนไปเรื่อย ๆ เราก็มีอีกหนึ่งสิ่งที่อยากทำค่ะ คือการเชื่อมต่อ ‘เด็ก’ กับ ‘ผู้ใหญ่
ถ้าเราสามารถทำให้ผู้ปกครองเข้าใจความสุขของเด็กได้คงดีไม่ใช่น้อย
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in