เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
สาระนะเออชีสตัวน้อยตัวนิด
4 ยอดชายงามแห่งประวัติศาสตร์แดนมังกร
  •        ในประวัติศาสตร์จีนหากกล่าวถึงเหล่าคนงามเราก็คงจะได้ยินเกี่ยวกับ'สี่ยอดหญิงงาม' ผู้พลิกชะตาแห่งแดนมังกรมาไม่มากก็น้อย แต่สำหรับบทความในวันนี้เราไม่ได้จะมาเล่าความเป็นมาหรือประวัติของพวกเธอแต่อย่างใด เพราะคงจะได้ฟังกันมาบ่อยพอสมควรแล้ว วันนี้ผู้เขียนเลยจะขอนำพาทุกท่านมารู้จักกับ 'สี่ยอดชายงาม' บ้าง ซึ่งขอรับรองว่าเรื่องราวของพวกเขาก็ล้วนมีความน่าสนใจไม่แพ้ฝั่งหญิงงามเลยล่ะค่ะ

    1. พานอัน 潘安


            มาประเดิมกันที่หนุ่มหล่อคนแรกกันเลยค่ะ 'พานอัน' นักปราชญ์และรัฐบุรุษแห่งราชวงศ์จิ้นตะวันตก ว่ากันว่าพ่อหนุ่มคนนี้คือหล่อนัมเบอร์วัน หล่ออมตะตลอดกาลของยุคโบราณเลยก็ว่าได้ค่ะ จนมีคำเปรียบเปรยว่า ''ราวกับพานอัน'' (貌似潘安) ซึ่งถ้าหนุ่มๆคนไหนได้ยินสาวๆมาพูดแบบนี้กับตนคงมีหวังได้ตัวลอยขึ้นฟ้ากันเป็นแถบๆ เพราะคำพูดนี้หมายความว่า คุณหล่อสุดๆ หล่อจนเหมือนไม่ใช่คน แทบจะเป็นเทวดาที่เหาะลงมาเที่ยวเล่นในแดนมนุษย์!! อะไรทำนองนี้

           ถ้าถามว่าพานอันหล่อแค่ไหนน่ะเหรอ? ก็ถึงขนาดกับตอนที่เขากำลังจะเดินทางกลับบ้านในแต่ละวัน เหล่าแม่นางน้อยใหญ่ทุกช่วงวัยจะพากันแห่มาขวางหน้ารถม้าของเขา เพียงเพื่อหวังจะได้ยลโฉมเขาเพียงชั่ววูบก็ยังดี บ้างก็ขว้างผลไม้และดอกไม้ต่างๆเข้าไปในรถม้าของเขาเพื่อเป็นของขวัญแทนใจจนเต็มคันรถ (ดีนะที่ไม่มีทุเรียนอยู่ในนั้น ไม่งั้นไม่พ้นหัวแตกตายแน่T-T) เรียกได้ว่ามีแฟนคลับรุมล้อมทั่วทุกสารทิศ ถ้าอยู่ในสมัยนี้คงเดบิวต์เป็นไอดอลได้สบายๆเลยนะเนี่ย

    สุภาษิตจีน ''โยนผลไม้ให้เต็มคันรถ'' (掷果盈车) ความหมายก็คือเป็นการเปรียบเทียบผู้หญิงที่ชื่นชอบผู้ชายหน้าตาดีถึงขั้นหลงใหลคลั่งไคล้ คอยตาม คอยมองตลอด ทุ่มเทหมดหน้าตัก ก็ล้วนมาจากตำนานพานอันนี่แหละ 

           นอกจากจะรูปงามจนยากหาใครเทียบแล้ว พานอันก็ยังขึ้นชื่อในเรื่องของความกตัญญู รักครอบครัวด้วยนะ มีครั้งหนึ่งที่แม่ของเขาป่วยหนักแล้วพร่ำบอกว่าคิดถึงบ้านหลังเก่าที่เคยอยู่ในอีกเมือง เขาถึงกับขนาดลาออกจากงานเพื่อพาแม่ที่แก่ชรากลับไปดูแลปรนนิบัติอย่างดีที่บ้านนั้นทันที แม้ว่าเจ้านายของเขาจะชื่นชอบการทำงานของพานอันมากและพยายามรั้งให้เขาอยู่ต่อก็ตาม

           ส่วนในบทบาทของการเป็นคู่ชีวิตนั้น พานอันนับได้ว่าเป็นสามีที่ประเสริฐสุดคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ เมื่อพานอันอายุ 24 ก็ได้เข้าพิธีวิวาห์กับสตรีนางหนึ่งชื่อ 'หยางหรงจี' ดรุณีน้อยที่หมั้นหมายกันไว้แต่ครั้งเยาว์วัย ตลอดเวลาที่ครองคู่อยู่กินด้วยกันมา พานอันนั้นรักมั่นและทะนุถนอมแต่ภรรยาของเขาเพียงผู้เดียว ไม่เคยออกไปเที่ยวหลอกล้อเกี้ยวพาหญิงคนไหนเลยแม้ว่าเขาจะรูปงามมาก ทั้งยังไม่เคยย่างกรายเข้าไปในหอคณิกาสำมะเลเทเมาดั่งเช่นวิสัยของบุรุษทั่วไป แต่ความสุขอยู่ได้ไม่นานนักเมื่อต่อมาหรงจีก็มาตายจากไปด้วยโรคเก่า พานอันโศกเศร้ามาก แม้ว่าญาติของเขาจะบอกให้แต่งงานใหม่อีกครั้งเขาก็ไม่ยอม จะขออยู่ครองตัวเป็นพ่อหม้ายอย่างนี้ไปชั่วชีวิตไม่คิดมีใหม่ 

          แต่อย่างไรก็ดีในช่วงชีวิตที่ยังเหลืออยู่ พานอันก็ถูกดึงเข้าไปพัวพันทางการเมือง และสุดท้ายก็โดนตัดสินโทษประหารสามชั่วโครต จบตำนานชายรูปงามอันดับหนึ่งแห่งยุคไปอย่างน่าเสียดายมาจนทุกวันนี้


    2. เว่ยเจี้ย 卫玠 


           ชายรูปงามคนที่สองนี้ ราชวงศ์จิ้นตะวันตกก็ส่งเข้าประกวดมาอีกแล้วค่ะ เกิดยุคเดียวกับพี่พานอันเลย >< 

           'เว่ยเจี้ย' นั้นฉายแววความหล่อมาตั้งแต่สมัยเด็กๆแล้ว เมื่อตอนอายุได้เพียงห้าขวบ ครอบครัวก็พาเขาขึ้นเกวียนแกะท่องตลาดไปในเมืองที่กำลังคึกคัก จู่ๆชาวบ้านตามร้านรวงและท้องถนนเหล่านั้นก็ต่างพากันมองมาอย่างตกตะลึงแล้วกล่าวว่าเด็กชายผู้นั้นงดงามราวกับรูปสลักที่ทำจากหยกทั้งตัวก็ไม่ปาน จนลุงของเขาซึ่งเป็นพลทหารม้านาม 'หวางจี้' ผู้ที่เป็นหนุ่มรูปงามเหมือนกันถึงกับถอนหายใจแล้วกล่าวว่า ''พอมายืนอยู่ข้างๆเว่ยเจี้ยแล้ว ข้าดูน่าเกลียดขึ้นมาเลย''

           ถึงแม้ว่าเว่ยเจี้ยจะมีรูปโฉมงามละมุนละไม ผิวกายขาวเนียนดุจหยกมันแพะ ดวงหน้าหล่อเหลาดั่งรูปสลัก แต่เขาก็สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงนัก ป่วยกระเสาะกระแสะ ดูบอบบางมาตั้งแต่เยาว์วัย ครั้งหนึ่งเขาเดินทางไปทำธุระที่เมืองหนานกิง ผู้คนที่ได้ยินชื่อเสียงเกี่ยวกับความงามของเขามานาน จึงพากันมารุมล้อมใกล้ชิดชนิดที่ว่าไม่มีพื้นที่ให้ได้พักหายใจเลย นั่นทำให้โรคประจำตัวของเว่ยเจียกำเริบหนักก่อนจะสิ้นใจตายจากไป คนที่พยายามวิ่งเข้าไปช่วยก็ถูกกันถูกเบียดออกมา ทำให้ไม่สามารถไปช่วยชีวิตเว่ยเจี้ยได้อย่างทันท่วงที เรียกได้ว่าเป็นคนหล่อที่อายุสั้นจริงๆ โดยที่ในตอนนั้นเว่ยเจี้ยมีอายุเพียง 27 ปี เท่านั้นเอง

    สุภาษิตจีนที่ว่า 'ดูและฆ่าเว่ยเจิ้ย' (看杀卫玠)  เปรียบเปรยว่า ใครก็ตามที่ถูกรักหรือชอบมากจนเกินไปก็มักจะกลายเป็นสิ่งที่ย้อนมาทำร้ายตัวคนนั้นเองจนถึงแก่ความตายในภายหลังได้

    3. ซ่งอวี้ 宋玉


          ' ซ่งอวี้' นักกวีผู้โด่งดังจากสมัยราชวงศ์ฉู่ หนุ่มสุดหล่อผู้มาพร้อมกับความสารามารถอันโดดเด่นด้านการประพันธ์และบทกวี ว่ากันว่าพี่แกนั้นติดจะมีอารมณ์ศิลปินนิดๆ (คล้ายๆสุนทรภู่นั่นแหละ) ติสต์แตกมาก แถมยังมีวาจาคมคายบาดลึกดุจใบมีดอีก ชนิดที่ถ้าใครโดนด่าเข้าไปทีนี่แทบกระอักเลือดตายมันซะเดี๋ยวนั้นเลย

           วีรกรรมที่โด่งดังที่สุดของซ่งอวี้นั้นก็เริ่มมาจากการที่ 'เติ้งถูจื่อ' คู่อริของเขากล่าวหาว่า ''ถึงซ่งอวี้จะรูปงามมีความสามารถเพียบพร้อม แต่เขาก็เป็นพวกบ้ากามและโมโหร้าย'' ซึ่งพอซ่งอวี้ได้ฟังดังนั้นจึงร่ายกลอนสดด่ากลับไปทำนองว่า ''เติ้งถูจื่อเองก็มีภรรยาหน้าตาอัปลักษณ์ แถมยังเป็นหิดทั่วทั้งร่าง แต่เติ้งถูจื่อก็ยังคงชอบมาก มีลูกด้วยกันกับนางถึง 5 คน เพียงแค่เป็นหญิงเติ้งถูจื่อก็ชอบแล้ว ใครกันแน่ที่เป็นคนลามกจกเปรต'' เล่นซะครั้งนั้นเติ้งถูจื่อพ่ายแพ้ย่อยยับไม่เหลือชิ้นดีเลยทีเดียว

    ต่อมาคำว่า 'เติ้งถูจื่อ' (鄧兔子) ก็คล้ายมาเป็นคำด่าพวกลามก ตัณหากลับในปัจจุบันด้วย

          ด้วยความที่แม้จะเป็นคนเก่ง แต่เพราะว่าหล่อจนเกินไป ทำให้สาวๆในวังหลวงพากันกริ๊ดกร๊าดและบรรดาเมียคนอื่นๆอนุทั้งหลายของขุนนางก็มีแต่คนพูดถึงเขา อีกทั้งเหล่าผู้ชายในวังก็มักโดนกลอนสดของซ่งอวี้ทิ่มแทงใจจนหน้าแหกหมอไม่รับเย็บอยู่หลายครา จึงมีคนนำความไปยุยงอ๋องแคว้นฉู่ จนสุดท้ายซ่งอวี้ก็โดนเนรเทศออกจากเมืองหลวงกลับไปทำไร่นาที่บ้านเกิด


    4. องค์ชายหลานหลิง 兰陵王


           องค์ชายหลานหลิงหรือที่มีพระนามจริงว่า 'เกาฉางกง' (高長空) เป็นจอมทัพผู้เก่งกล้าและองค์ชายแห่งแคว้นฉี เมื่อองค์ชายหลางหลิงยาตราทัพไปยังแห่งหนใดก็มักจะได้รับชัยชนะกลับมาเสมอ ส่วนรูปโฉมของพระองค์นั้นกล่าวได้ว่าทรงมีพระพักตร์ที่งดงามอ่อนหวานมองดูแล้วคล้ายอิสตรีอยู่หลายส่วน จนต้องสวมหน้ากากปีศาจปิดบังใบหน้าทุกครั้งที่ทำศึก 

           ด้วยความที่องค์ชายหลานหลิงเป็นคนที่มีจิตใจดีงาม กล้าหาญ รักพวกพ้องเหล่าทหาร เอื้อเฟื้อต่อเหล่าปวงชนราษฎร ทำให้ใครต่อใครต่างก็พากันเคารพรักเทิดทูนองค์ชายผู้นี้มาก ซึ่งพระองค์เองก็ดันไปเป็นหนามยอกอกของกษัตริย์เกาเหว่ยที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ด้วยกลัวว่าวันหนึ่งหลานหลิงหวางอาจจะมาชิงราชบัลลังก์ไป

           องค์ชายเองก็รู้ว่าฮ่องเต้ลูกพี่ลูกน้องของพระองค์ทรงระแวงอยู่ไม่น้อยจึงทำทีแกล้งทำเป็นป่วยหนัก แล้วพยายามอยู่ให้ห่างๆจากวังหลวงเข้าไว้ไม่สนใจในยศศักดิ์หรืออำนาจใดๆ แต่สุดท้ายก็ไม่พ้นถูกฮ่องเต้ส่งเหล้าที่ผสมยาพิษมาให้ดื่มถึงที่พำนักจนสิ้นพระชนม์ด้วยพระชนมายุเพียงแค่ 33 พรรษาเท่านั้น

    รูปปั้นหลานหลิงหวางในศาลเจ้าญี่ปุ่น

           เอาล่ะค่ะ ก็จบกันไปแล้ว เราจะเห็นได้เลยว่าชะตาชีวิตสี่ยอดชายงามของแห่งแดนมังกรนั้นก็ล้วนอาภัพเกินจะกล่าว ไม่ได้โรยด้วยกลีบดอกกุหลาบเหมือนหน้าตา หล่อเกินไปก็ทำพิษอีก บ้างก็ถูกรุมล้อมหน้าหลัง บ้างก็ถูกริษยากลั่นแกล้งให้ไม่ประสบผลสำเร็จในหน้าที่การงาน น่าสงสารพอๆกับสี่ยอดหญิงงามเลยล่ะค่ะ ที่แม้ว่าพวกเธอจะไม่ได้ถูกสตรีด้วยกันริษยาจนถึงขั้นจะฆ่าแกง แต่ก็ถูกใช้ความงามเป็นตัวหมากและเครื่องมือทางการเมืองให้กับผู้ที่มีอำนาจ โดยอ้างว่ามันเป็นการพลีกายเพื่อแผ่นดินบ้านเกิด ขณะเดียวกันก็ไม่ยุติธรรมกับชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งเลยว่าต้องทนเสียอะไรไปบ้าง ฟังดูแล้วก็น่าหดหู่สุดๆไปเลยค่ะ




เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in