ดิวไปด้วยกันนะ เป็นหนังที่เราตื่นเต้นที่สุดในปีนี้เลยก็ว่าได้ ทั้งชื่อนักแสดง ชื่อผู้กำกับ ทั้งความเป็น LGBT ทั้งพล็อตเรื่องที่เหมือนจะไม่มีอะไรแต่ก็เดาไม่ได้เลยซะทีเดียว
จำได้ว่าช่วงแรกเรารู้จักหนังเรื่องนี้ในชื่อ "That March มีนานั้น" เป็นชื่อที่ยังไม่ออฟฟิเชียล แต่เราเข้าไปดูเบื้องหลังที่ปล่อยออกมาบ่อยมาก ส่วนหนึ่งก็เพราะชอบทั้งพี่เวียร์ (ที่ตามมาจากมะลิลา) แล้วก็น้องโอม เพราะชอบน้องมาจาก เขามาเชงเม้งข้าง ๆ หลุมผมครับ
แว๊บแรกตอนที่ไม่รู้อะไรเลย เรานึกว่าน้องโอมแสดงเป็นพี่เวียร์ตอนวัยรุ่น ด้วยความที่น้องเล่นเป็นเมะมาตลอดชีวิต
5555555555 แล้วเพิ่งมารู้ตอนหลังว่าน้องเล่นเป็นดิวนี่หว่า เห้ย ดิวเป็นเคะนะ เป็นเกย์ควีนอะ จะออกมาเป็นไงวะเนี่ย ยอมรับว่าเขวไปแปปนึงเลย แต่พอเรามาเห็นนนท์ คนที่แสดงเป็นภพหรือว่าพี่เวียร์ตอนวัยรุ่น เออ เราเข้าใจแล้ว เพราะมันเหมาะสมจริง ๆ
ความจริงแล้วด้วยเนื้อเรื่องเราไม่คิดว่ามันจะมีความแฟนตาซีอะไรมากมาย เพราะลืมไปแล้วด้วยว่าเรื่องนี้รีเมกมาจากหนังเกาหลีอีกที แต่ก่อนเข้าโรงเราดันไปเจอสปอยล์ชิ้นใหญ่ที่แทบเป็นแก่นเรื่องของพาร์ทปัจจุบัน เลยเข้าไปดูด้วย Mood เหี่ยว ๆ เซง ๆ แต่พอเข้าไปดูแล้วดีกว่าที่เราคิดเอาไว้นะ
หลังจากนี้จะมีสปอยล์อยู่นะ
โลเคชั่นของเรื่องนี้เกิดขึ้นที่ปางน้อย เมืองสมมติเล็ก ๆ เมืองหนึ่งในภาคเหนือปีพ.ศ. 2539 (ซึ่งเป็นปีเกิดเราพอดี เลยทำให้รู้สึกผูกพัน รู้สึกดีแบบแปลก ๆ) ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้เห็นความเป็น 90 มากนักในเรื่องนี้ แต่มันจะแทรกมาตามบรรยากาศในโรงเรียน เสื้อผ้าหน้าผมของตัวละครในเรื่อง เพลงที่ฟัง วิถีชีวิตที่ใช้ ที่เป็นยุค 90 ผสมกับความเป็นต่างจังหวัด
ปมที่ใหญ่ที่สุดที่ทำให้เราเห็นว่าเป็นคนละยุคกับตอนนี้น่าจะเป็นเรื่อง LGBT นี่แหละ เพราะมีฉากการประกาศกลางเสาธงว่ากำลังมีโรคเอดส์ระบาดโดยเฉพาะในกลุ่มชายรักชาย ทำให้โรงเรียนต้องออกมาตรการป้องกัน มีการให้กลุ่มที่เบี่ยงเบนทางเพศไปลงชื่อเพื่อรับการอบรม การฝึกทหาร แล้วยังมีจิตแพทย์ด้วย ตอนที่ดูนี่เราแบบ โอ้โหห อะไรมันจะโหดร้ายขนาดนั้นวะ ทำยังกะเป็นจำเลยสังคมแหนะ เป็นความ Surreal แรกที่เราเจอในหนัง แต่พอมานั่งคิดดูดี ๆ เออ นั่นมันเมื่อ 23 ปีที่แล้ว ที่เรื่องการรักเพศเดียวกันเป็นเรื่องใหญ่มาก ไม่ได้รับการยอมรับในสังคมแบบเปิดกว้างเท่าตอนนี้ แล้วเป็นปมที่เปิดมาตั้งแต่ต้นเรื่อง ทำให้เราเริ่มเห็นแนวทางของเรื่องละว่าแม่งไม่สดใสแน่นอน
แต่ในพาร์ทอดีตมันเป็นเรื่องราวที่สวยงามที่สุดจริง ๆ ถึงแม้ว่ามันจะหวานปนขมเพราะต้องแอบซ่อนไม่ให้ใครรู้ แต่มันก็เป็นความรักที่บริสุทธิ์ของทั้งคู่จนเราสัมผัสได้
สิ่งที่ทำให้หลงรักพาร์ทอดีตมากขึ้นไปอีกสำหรับเราคือเคมีของ นนท์-โอม ที่ตอนแรกเรานึกภาพไม่ออกจริง ๆ ว่าคนแบบโอมจะเล่นเป็นเคะได้ยังไง แต่เรื่องนี้ทำออกมาได้น่ารักน่าเอ็นดูมากกกกด้วยความที่โอมเป็นเด็กร่าเริงอยู่แล้ว และมาเจอกับนนท์ที่มีความนิ่ง ความแมน และอบอุ่น มันเลยเข้ากันมาก น่ารักมากกกกก จำได้ว่ามีฉากนึงที่เรานั่งกัดนิ้ว ซักพักหันมากัดมือ เพราะเขินมาก บ้าเอ๊ย
แต่ความน่ารักแบบนั้นพอมีเรื่องดิ่งขึ้นมาก็คือสงสารทั้งสองคนมาก โดนบุลลี่จากคนรอบข้าง ครอบครัวก็ไม่ใช่ Comfort Zone สำหรับทั้งคู่ ยิ่งกลายเป็นถูกผลักออกจากสังคมแค่เพราะเรื่องการชอบเพศเดียวกัน จนถึงตอนที่ภพระเบิดอารมณ์ใส่พ่อเพราะทนไม่ไหว แล้วยังมาทำร้ายคนดูต่อด้วยฉากน้องดิวร้องไห้จนน้ำตาไหลเป็นสาย ยิ่งเป็นการจบพาร์ทอดีตได้บีบหัวใจมาก
พอเริ่มเข้าพาร์ทปัจจุบัน เป็นช่วงที่เราเห็นหน้าพี่เวียร์ไม่ชัดเลย เพราะน้ำตาคลอน้ำตาไหลอยู่ตลอดเวลา แค่ตอนที่เปิดรูปเก่า ๆ ของดิวแค่นั้นก็จะตายแล้ว
ถึงแม้ว่าหลาย ๆ การกระทำของตัวละครในพาร์ทปัจจุบันจะทำให้เราขมวดคิ้วอยู่นิดนึง แต่พอเวลาผ่านไปเราก็เข้าใจว่าทำไมภพถึงได้รู้สึกผิดกับดิวอยู่แม้ว่าจะผ่านไปเป็น 20 ปี เพราะพอถึงตอนเฉลยจุดจบของดิวมันเป็นอีกฉากสะเทือนใจที่นนท์ทำออกมาได้โคตร Less is more ทัชใจมาก เข้าใจทันทีว่าเมื่อมีโอกาส ภพเลยเลือกที่จะทำหลายอย่างแทนคำขอโทษเพื่อไม่ให้ตัวเองเสียใจทีหลังอีก
เอาจริงมันยังมีปัญหา มีความเอ๊ะ มีความขัดใจในบทกับพล็อตอยู่เยอะเลยแหละ หลายตอนในพาร์ทปัจจุบันที่พูดถึงการกลับชาติมาเกิดแบบตั้งใจมาก พยายามรื้อฟื้นอดีตแบบโต้ง ๆ เหมือนยัดให้เราต้องเชื่อแบบนี้ไปตามภาพยนตร์ ทั้ง ๆ ที่เหตุการณ์มันไม่ได้แข็งจนทำให้เราเชื่อได้ (อีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะมันเป็นเรื่องแฟนตาซี Miracle ด้วยแหละ มันเลยยากที่จะทำให้เราเชื่อได้ภายในเวลา 1 ชั่วโมง)
แต่มันก็เป็นพล็อตอีกแบบที่ทำให้เห็นว่ากล้าทำ ถึงแม้ว่ามันจะวางมาแล้วจากเวอร์ชั่นเกาหลี เป็นความ Surreal ที่ทำให้ดูแล้วขัดหูขัดตานิดหน่อย แต่ไม่ได้ทำลายความสวยงามของส่วนที่เหลือจนกลายเป็นหนังที่ไม่ดี
ส่วนตอนที่ปวดใจที่สุดน่าจะเป็นตอนจบ ที่เรายังไม่อินกับทางเลือกที่ตัวละครเลือก เพราะเรารู้สึกว่าได้กลับมาเจอกันอีกรอบนึงแล้ว ไม่น่าจะทิ้งโอกาสที่จะได้อยู่ด้วยกันนี้ไปง่าย ๆ อีก ตอนดูในโรงออกมาเราไม่ได้คิดนะว่าสองคนนี้เลือกฆ่าตัวตาย มันดูเหมือนว่ากระโดดมาเพื่อเริ่มใหม่มากกว่า พอออกมาอ่านเรื่องย่อจากฝั่งเกาหลี แล้วก็ที่คนมารีวิวกัน อ่าว นางฆ่าตัวตายเลยหรอวะ เลยงงหนักกว่าเดิม
แต่ถึงไม่อินก็ทำเราร้องไห้เหมียนหมาเหมือนกันนะ เพราะตอนที่กระโดดลงมาในน้ำแล้วมันกลายเป็นภพกับดิวตอนอดีตที่ยังคงเป็นเด็ก เหมือนครัั้งแรกที่ทั้งคู่ได้ใช้ชีวิตด้วยกัน สุดท้ายแล้วก็คงได้อยู่ด้วยกันซักทีนะ
เราก็เข้าใจในมุมของคนที่จะหงุดหงิดนะ เพราะพาร์ทปัจจุบันมันกลายเป็นเรื่องราวชาย-หญิง ไม่ใช่ LGBT อีกต่อไป ตอนแรกเราก็หงุดหงิดแหละ แต่พอมานั่งคิดดูดี ๆ เพราะว่าภพรักดิวไง ภพรักดิวที่เป็นดิว เป็นจิตวิญญาณ เป็นความนึกคิดของดิว เป็นดิวที่เคยผ่านเรื่องราวดี ๆ ร่วมกันมา ไม่ว่าดิวจะมาในรูปแบบไหน ผู้ชายหรือผู้หญิง หรือจะอายุห่างกับตัวเองกี่ปีและอยู่ในสถานะอะไรก็ตาม เลยทำให้เรื่องนี้ Beyond ไปกว่าการเป็นหนัง LGBT กลายเป็นหนังรักเรื่องนึงนั่นเอง
ดิวไปด้วยกันนะมันไม่ใช่หนังที่ดีที่สุดหรอก มันยังมีจุดบอดอยู่พอสมควรตามที่หลายคนรีวิวกัน แต่สิ่งที่ทำให้เราประทับใจและไม่มูฟออนง่าย ๆ มันเป็นรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ อย่างฉากที่เป็นภาพย้อนแสงตอนดิวอยู่ในทุ่งหญ้า การเล่าสลับอดีตกับปัจจุบัน ฉากที่วิ่งเล่นอยู่ริมทะเล หรือตอนสุดท้ายที่ขึ้นรถไฟไปด้วยกันแล้วกลายเป็นเสียงดิวกับภพตอนเด็กคุยกัน หรือเพลงประกอบที่ดูหนังจบแล้วกลับมาฟังก็ยังน้ำตาคลอจวนจะไหลอยู่ทุกรอบ
สุดท้ายก็อยู่ที่แต่ละคนแล้วแหละว่าจะตีความหนังเรื่องนี้ไปในทางไหน หรือว่าจะชอบหรือไม่ชอบ จะอินมั้ย จะซื้อมั้ย
แต่สำหรับเรา เราดีใจมากที่เราชอบ อิน และยังคงดิ่งกับหนังแม้ว่าจะดูมาหลายวันแล้ว ขอยกให้เป็นหนังประทับใจอีกเรื่องหนึ่งเลยแล้วกัน
ขอบคุณ
ดีเกินไป - Smile Buffalo
ก่อน - Moderndog
รบกวนมารักกัน - ทาทา ยัง
รุ้ง - OMD
บอกตัวเอง - Room39 Feat. โป่ง หินเหล็กไฟ
I'm Not Alone - Spring Tree
#ดิวไปด้วยกันนะ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in