เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Short Stories Diary - PreludeBADBIRDLULLABY
บทที่ 5 - กำลังใจแมว
  •      เวลาใกล้ค่ำ เป็นเวลาที่สิ่งมีชีวิตหลายอย่างนั้นเดินกลับที่พักพิงของตน เพื่อที่พวกมันจะเก็บพลังงานไว้ใช้ในวันต่อไป ในทางกลับกัน ถ้าเกิดว่าสิ่งมีชีวิตนั้นไม่จำเป็นต้องใช้พลังงานในวันพรุ่งนี้ (เน้นตรงคำว่าไม่จำเป็น) ก็คงไม่จำเป็นจะต้องหวนกลับไปที่ๆ ตัวเองคุ้นเคย 
         ถ้างั้น สำหรับแมวตัวหนึ่ง เวลาก่อนหมดวันสามารถเอาไปทำอะไรได้บ้าง? 
         ในขนาดนี้อุ้งเท้าทั้งสี่ข้างกำลังเคลื่อนไปอย่างไร้จุดหมาย ปล่อยรอยเท้าที่ตื้น ลึก หนาบางไว้ข้างทาง แสงพระอาทิตย์สีส้มอุ่นสะท้อนถูกอวัยวะหลายอย่างของฉัน มันทำให้ฉันคิดได้ว่าฉันไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ตกมานานแค่ไหนแล้ว
         แต่มีอยู่ที่หนึ่งที่ฉันพอจะนับเป็นเป้าหมายได้ ถึงจะเป็นที่ๆไม่ค่อยอยากจะไปก็เถอะ ขอแค่ได้พักซักคืนก็พอ

         “นี่ไอ้หนุ่ม ขอนั่งด้วยสิ” สนามคนเล่นที่นี่ไม่ใช่ที่ของฉันแต่แรกอยู่แล้ว หากแต่เป็นที่ของแมวจรจัดทั่วไป ซึ่งในความเห็นของฉันคิดว่าในตอนนี้เราก็ไม่ต่างกันมากหรอก  
         ฉันได้ยินเสียงแมวจรจัดข้างๆ พูดต่อ “นี่ ว่าแต่ไอ้หนุ่มอยู่บ้านหลังไหนละ ฉันรู้ว่าแกไม่ใช้คนแถวนี่หรอก ทำไมดึกดื่นแล้วไม่กลับไปที่ของแกล่ะ หรือว่าไปมีปัญหากับเจ้าของบ้านมา”     
         “ผมต้องถามลุงต่างหาก เพราะผมมาเดินเล่นแถวนี้บ่อยๆ แต่ก็ไม่เคยเห็นลุงเลย ทั้งที่ผมเห็นแมวจรจัดตัวอื่นอยู่ถมเถ”    
         “ดูจากน้ำเสียงแล้วเหมือนว่าแกจะไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่สินะ เอาเถอะ ไม่จำเป็นต้องทำตัวเหมือนเจนแถวนี้มากหรอก มีอะไรจะปรึกษาไหม”     
         “ตัดสินแมวด้วยกันทั้งๆ ที่พึ่งเจอกันแบบนี้ไม่แปลกไปหน่อยหรอลุง”     
         “ฮ่าๆ อย่างงี้เรียกว่าหยิ่งได้ไหมนะ เออ ว่าแต่เรียกฉันพี่ก็พอ จริงๆ ฉันก็ไม่ได้อายุมากนักหรอก”     
         “… ถ้าบอกแล้วผมจะได้อะไรกลับมา”     
         “… ไม่ได้หรอก เอาเป็นว่าเรื่องนี้ตามใจแกแล้วกัน”     
         ในตัวฉันไม่มีอะไรจะเสียก็จริง แต่ว่า มันยังมีความรู้สึกอยู่ ชนิดที่ถ้าได้บอกปัญหาไปแล้ว คำตอบที่ได้มาจะทำให้เรื่องของตัวเองยุ่งขึ้นไปอีก พูดง่ายๆ มันคือความรู้สึกกลัวนั่นแหละ
         “แม่ของผม เขาพึ่งเสียไปวันนี้เอง”
         “หะ? อะไร”     
         “… ช่างมันเถอะ”     
         “ไม่ๆ ฉันได้ยินแกแล้ว ว่าไงดีล่ะ เออ ฉันเสียใจกับแกด้วยนะเว้ย”     
         “เห้ย ผมไม่ได้เกลียดพี่หรอกนะที่ไม่รู้จะทำตัวยังไง แต่ก็ ยังไงพี่ก็ควรจะไปได้แล้ว เวลานี้ผมควรจะอยู่คนเดียว”
         “ไม่ได้ๆ ตอนนี้แกจะอยู่คนเดียวไม่ได้ ถือว่าฉันขอละนะ”    
         “เงียบเถอะ ผมไม่เห็นว่าแมวจรจัดอย่างพี่จะช่วยอะไรได้ ยังไงเราก็ไม่ได้ใช้ชีวิตเหมือนกันแต่แรกอยู่แล้ว นี่บอกตรงๆ ผมเริ่มเข้าใจว่าพี่ก็แค่อยากฟังปัญหาคนอื่นเพราะว่าตัวเองไม่มีอะไรทำใช่ไหมล่ะ งั้นก็ช่วยหน่อยเถอะ รักษาความเป็นส่วนตัวของคนอื่นบ้าง”     
         การแลกเปลี่ยนคำพูดของเรานั้นน่าช่างน่าอึดอัด ส่วนหนึ่งก็เพราะว่าฉันไม่รู้จะตอบโต้กับแมวจำพวกนี้ยังไงดี แต่ถ้าคิดซะว่าเขาเป็นแมวแปลกหน้าที่จะไม่ได้เจอหน้าอีกนาน ฉันก็คงจะมีโอกาสระบายเรื่องที่ตัวเองต้องแบกรับไว้คนเดียว มันช่วยได้ใช่ไหมล่ะ
         ฉันรู้สึกรังเกียจตัวเองเหลือเกิน     

         “ไอ้หนุ่ม ถ้าเป็นแมวตัวอื่นละก็ไปพูดแบบนี้ไม่ได้หรอกนะ เพราะอย่างงี้ไงแมวอย่างแกถึงน่าเป็นห่วง ฉันบอกอะไรให้ไหม ฉันเคยเจอแมวแบบแกมาหลายครั้งแล้ว ส่วนใหญ่ก็อายุเท่าแกนั่นแหละ รวมถึงตัวฉันตอนยังหนุ่มเองด้วย”
         “... ผมรู้ ยังมีสิ่งที่ผมยังไม่อยากยอมรับอยู่มาก แต่ผมจะไม่หนีแล้วล่ะ ผมขอโทษเมื่อกี้นะ”
         “อืม ถือว่าแกยังมีสติอยู่ ถ้างั้นฉันจะขอนั่งตรงนี้ต่อนะ”  
         ความเงียบก่อตัวรอบๆ อีกครั้ง แต่เป็นความเงียบที่สงบขึ้น ฉันไดัคิดทบทวนกับตัวเองหลายครั้ง ในขนาดที่ม่านตาเริ่มขยายขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากว่าเป็นเวลาตกดึกแล้ว
         ฉันเห็นไฟสว่างรอบๆ ถนน เพียงแต่ครั้งนี้รู้ว่ามีแสงสีอื่นๆ รวมกันเป็นกลุ่มไกลออกจากเราสองตัวพอสวมควร  ฉันเห็นมนุษย์จำนวนมากออกันตรงนั้น แต่มันไม่น่าสนใจสำหรับฉันซักเท่าไหร่
         “ผมไม่ได้รังเกียจแมวจรหรอก เพียงแต่ว่าสำหรับผมพวกเขาคือแมวแปลกหน้าหนิ เข้าใจใช่ไหม” 
         “นี่ ยังรู้สึกผิดอีกหรือไง”
         “ผมก็ยังไม่เข้าใจว่าทำไมพี่ถึงต้องใจเย็นกับผมขนาดนี้ด้วย ไม่รู้สึกโกรธจริงๆ หรอ”
         “... จะว่ายังไงดี แมวอย่างเราเนี่ยอยู่ได้ก็เพราะสิ่งแวดล้อมที่ดีใช่ไหมล่ะ แต่แถวนี้เนี่ยมันไม่ได้ดีสำหรับแมวจรจัดอย่างเรานักหรอก มันก็เลยเป็นแนวคิดโดยธรรมชาติว่าเราควรจะทำสิ่งดีๆ ให้กันและกัน เป็นสังคมแบบหนึ่งที่เราไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันตลอด แต่เป็นที่ๆ สามารถกลับมาได้อย่างสบายใจ เพราะงั้นเวลามีแมวตัวไหนมาที่นี่ ก็ไม่แปลกว่าเราจะคุยกันเหมือนรู้จักกันมาก่อน อืม พูดมาซะยาวเลย เอาเป็นว่าฉันไม่โกรธแกหรอก” 
         “พี่คงไม่ได้แค่แก่แต่ตัวสินะ เพราะว่าสิ่งที่พี่พูดมามันฉลาดมากเลย”
         “ประมาณนั้น แต่ฉันยังไม่แก่นะเว้ย”

         เราได้พูดคุยกันพักนึง หลังจากนั้นฉันก็ตัดสินใจเดินทางกลับบ้านเจ้าของฉันซักที แต่ก็ไม่ได้เดินตัวเดียวกลับ เพราะแมวรุ่นพี่ของฉันก็เดินกับฉันด้วย อ้อ เขาไม่มีชื่อหรอก ยังไงก็ตาม ฉันจะมาเจอเขาอีกให้ได้
         ฉันรู้สึกขอบคุณแม่มากเลย ในตอนนี้อยากจะเล่าเรื่องที่ได้เจอมา และจะเล่าถึงทุกคำพูดของรุ่นพี่ด้วย แต่ฉันเอาชนะเวลาไม่เคยได้เลย
         อุ้งเท้าของเรายังคงเดินต่อไป ฉันรู้สึกได้ถึงการเป็นแมวอีกครั้ง

         “เราก็เป็นแค่แมวอะนะ ฉันไม่รู้ของแกหรอก แต่ตัวฉันเนี่ยเดินเล่นไป คุ้ยขยะไปแป็บเดียวก็หมดวันแล้ว ก็เลยคิดว่าแมวมันไม่มีชีวิตซับซ้อนอะไรมากหรอก ต่างจากมนุษย์พวกนั้น ชอบรวมตัวกันทำกิจกรรมบ้างอย่างที่เราไม่เข้าใจ และสิ่งที่เราไม่เข้าใจนี่แหละดันมีผลต่อชีวิตเรามากที่สุด ต่อจากนี้ก็อย่าเครียดเลยนะ ตราบใดที่แกยังมีชีวิตอยู่ แกไม่มีวันเข้าใจชีวิตอย่างเต็มที่หรอก แต่เราไม่เข้าใจมันไปด้วยกันได้ แกไม่คิดว่ามันพิเศษหรอ”
                 
         
                 


  •      To all my dedicated readers
         Sorry 4 the wait
         Come meet me again!
         To here knows when

         - Nippich

    ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง แต่ว่าเข้ามาคอมเม้นท์หน่อยก็ได้นะ (เรียกร้องความสนใจ)


Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
dddd (@fb1479139878828)
อ่านจบแล้วเกิดความรู้สึกหนึ่งแบบแจ่มชัด... อยากเป็นแมว เราไม่รู้นี่ว่าแมวคิดอะไร แต่ในความไม่คิดอะไรของแมว ก็อาจจะมีความคิดแบบเรา ฮ่าาา