เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Thor x Loki fanfictionsTippuri~ii*
My Gorgeous Beast
  • My Gorgeous Beast

    The Avengers + Thor fanfiction by Tippuri~ii *

    Pairing: Thor x Loki a.k.a. Thunderfrost

    * แฟนฟิคชั่นเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของไรเตอร์และแต่งขึ้นเพื่อความบัง เทิง ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ ทั้งสิ้น และแฟนฟิคชั่นเรื่องนี้เป็นแฟนฟิคชั่น boy’s love…ถ้าใครไม่ชอบแนะนำให้ปิดค่ะ *

    REMARK: อิงจากหนังเรื่อง how to train your dragon เพราะฉะนั้นอาจมีการสปอยล์ตัวหนัง และรีดเดอร์อาจดูหนังเรื่องนี้ด้วยความบริสุทธิ์ใจไม่ได้อีกต่อไป….เราเตือนแล้วนะ =W=

    REMARK 2: มันคือไหดอง ไม่รู้ว่าจะเขียนต่อมั้ย…take it at your own risk นะก๊ะ

    ***************************************

    เสียงใบไม้ดังกรอบแกรบ

    ธอร์กระชับโยนิรร์ในมือแน่น นัยน์ตาสีฟ้าวาวระยับ ไม่ใช่เพราะหวาดกลัว…ความรู้สึกเดียวที่มีตอนนี้คือความตื่นเต้น กระหายจะจัดการเจ้าสัตว์ร้ายที่ไม่เคยมีใครไวพอแม้แค่มองเห็น…อาจมีมังกรมากมายที่ชาวแอสการ์เดียนเคยสังหาร แต่ไม่ใช่ไนท์ฟรอสต์…เจ้าตัวร้ายสีดำสนิทและปราดเปรียวราวกับสายลมฤดูหนาว

    สิ่งมีชีวิตที่เป็นตำนานของตำนาน…โดนกระชากลงมาจากท้องฟ้าเพราะฝีมือเขา

    ฝูงมังกรที่บุกแอสการ์ดเมื่อคืนโดนไล่พ่ายกลับไปด้วยฝีมือของโอดินและกองทัพฝีมือฉกาจ ธอร์ยิ้มเหี้ยมเกรียมกับความทรงจำของตนยามที่ฟาดฟันบรรดาสัตว์ร้าย… กลิ่นควันไฟของการดิ้นรนครั้งสุดท้าย…และเสียงกรีดร้องแสบแก้วหูยามที่เขาฉีกปีกและตวัดโยนิรร์ใส่ตรงขั้วหัวใจ

    สนามรบชะงักงันไปชั่วครู่เมื่อลมเย็นจนบาดผิวพัดวูบเข้ามา ก่อนที่เสียงตะโกนจะดังก้องไปทั่ว…ถูกกลบทับด้วยเสียงคำรามแหลมแสบแก้วหูและเปลวลูกไฟสีม่วงครามที่สาดกระหน่ำลงมา

    “นั่นมันไนท์ฟรอสต์!! หลบเร็วเข้า!!”

    ไม่มีใครรู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าสัตว์ร้ายสีรัตติกาลตัวนี้หน้าตาเป็นอย่างไรเพราะไม่มีใครเคยรอดมาเล่า ไนท์ฟรอสต์รวดเร็วและร้ายกาจเหมือนพายุน้ำแข็ง…แม้แต่นักรบที่กล้าหาญที่สุดยังทิ้งอาวุธเพื่อเอาชีวิตรอดเพียงได้ยินแค่ชื่อของมัน

    แต่นั่นไม่ใช่ธอร์

    รอยยิ้มเหี้ยมเกรียมเหยียดกว้างขึ้น มือแข็งแรงควงโยนิรร์เป็นวงกลม…ก่อนจะเหวี่ยงออกไปทางกลุ่มเมฆต้นทางของเปลวไฟสีคราม ชายหนุ่มผมทองหัวเราะหยันๆ เมื่อได้ยินเสียงร้องอย่างเจ็บปวดกรีดก้องดังขึ้นพร้อมกับฝนลูกไฟที่หายวับไปในชั่วพริบตา เขาเหยียดแขนรับค้อนเหล็กที่พุ่งกลับมา มองเห็นผ่านกลุ่มเมฆยามราตรีว่าเจ้าสัตว์ร้ายบิดตัว ก่อนจะถลาร่วงลงมาจากผืนฟ้า…เสียงต้นไม้จากด้านหลังเกาะล้มครึกครืนบอกให้รู้ว่าซากของมันหล่นไปตรงไหน

    ร่างสูงขยับจะพุ่งตามไป…แต่ก็เปลี่ยนใจด้วยเสียงการต่อสู้ที่รายล้อม โยนิรร์ถูกเหวี่ยงใส่บรรดาฝูงมังกรอีกครั้ง…นัยน์ตาสีฟ้าวาววับอย่างสะใจกับบรรดามังกรที่ร่วงลงสู่ผืนดิน

    ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน…ซากไร้ชีวิตไม่มีทางหนีไปไหนได้อยู่แล้ว

    การต่อสู้ยืดเยื้อจนถึงเช้า และหลังจากที่ยอมให้ผู้เป็นมารดาจัดการทำแผลให้เขาเท่าที่นางพอใจแล้ว…ธอร์ก็แอบหลบออกมาแล้วมุ่งหน้าไปทางป่าหลังเกาะทันที เขาไม่พบซากของมังกร แต่ก็ไม่คิดว่าตนจะหาจุดที่ร่างของไนท์ฟรอสต์ร่วงลงไปไม่เจอ…ซากต้นไม้ที่หักโค่นและรอยเกล็ดบนพื้นดินเป็นเครื่องนำทางที่ชัดเจนยิ่งกว่าสิ่งใด

    ธอร์ขมวดคิ้วเมื่อพบว่าร่องรอยหายไปเมื่อถึงเนินเล็กๆ…ก่อนจะกระจ่างใจเมื่อมองลงไปเห็นว่าผืนดินเบื้องล่างยุบเป็นหลุมผาที่ลึกพอตัว หญ้าสีเขียวกับบรรดาซากหินก้อนใหญ่ระเกะระกะที่ก้นหลุมเรียกความสนใจเขาไว้ ธอร์ยิ้มอย่างผู้ชนะ…ไม่มีอะไรดีสำหรับสัตว์บาดเจ็บมากไปกว่าที่นอนนุ่มๆ และที่กำบังอีกแล้ว

    ร่างสูงไถลตัวลงไปในหลุมผาโดยอาศัยก้อนหินที่ลดหลั่นอยู่อย่างชำนาญ…ถึงจะมองไม่เห็น แต่เขาก็มั่นใจว่าเจ้าตัวร้ายต้องซ่อนตัวอยู่ระหว่างกองหินนี่แน่นอน มือใหญ่กระชับรอบโยนิรร์อย่างเตรียมพร้อม…พยายามหายใจเข้าออกช้าๆ เพื่อสกัดความตื่นเต้น

    เขาก้าวไปจนถึงริมแอ่งน้ำใหญ่ตรงใจกลางหลุม…มองไปรอบตัว หากผืนน้ำก็สงบนิ่งเหมือนบรรยากาศที่โอบล้อม ธอร์เริ่มหงุดหงิดจางๆ…เขาเกลียดเหยื่อที่เอาแต่หลบซ่อนแบบนี้ที่สุด ไม่อยากเชื่อว่ามังกรที่ร้ายกาจที่สุดในประวัติศาสตร์จะน่าเบื่อแบบนี้ ชายหนุ่มผมทองสบถเบาๆ…โยนโยนิรร์ลงบนพื้นข้างตัว

    วินาทีนั้นเองที่ความเงียบโดนฉีกกระชากด้วยเสียงกรีดร้องแหลมสูงที่เขาจำได้ดี

    ธอร์หันขวับมาทันเวลาพอดีที่ร่างสีนิลพุ่งเข้าใส่จากด้านหลัง…ทุกอย่างเคลื่อนไหวรวดเร็วจนสิ่งเดียวที่เขาเห็นคือปีกเคลือบเกล็ดวาววับที่โบกสะบัดราวผืนผ้าสีราตรีกับนัยน์ตาสีทองอมเขียวเจิดจ้า กรงเล็บแหลมเรียวเหมือนคมนิลตวัดลงมาแต่พลาดเพราะเขาหลบทัน…ธอร์อาศัยจังหวะนี้กระชากส่วนขาเหนือกรงเล็บแล้วเหวี่ยงทุ่มเจ้าตัวร้ายไปทางหน้าผา

    เสียงหินแตกกระจายดังกัมปนาทปนกับเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวด…ธอร์ก้มลงคว้าโยนิรร์ขึ้นมาถือ แต่ก็ต้องนิ่งอึ้งกับภาพที่เห็นตอนที่เงยหน้าขึ้นมาแล้ว

    ปีกสีดำใหญ่โตของไนท์ฟรอสต์ม้วนงอจนปิดร่างของมันเอาไว้…แต่เมื่อยิ่งมอง ธอร์ก็ยิ่งเห็นว่ามันไม่เหมือนปีกมังกรอีกต่อไป…เกล็ดแต่ละเกล็ดสลายกลายเป็นควันสีนิล แผ่นหนังแข็งกระด้างดูอ่อนนุ่มลงจนดูเหมือนเป็นผืนผ้า…

    ไม่สิ…ไม่ใช่ ‘ดูเหมือน’..

    ธอร์ได้แต่มองอย่างนิ่งอึ้ง แผ่นปีกเคลือบเกล็ดกลายเป็นผืนผ้าสีราตรีในชั่วอึดใจแล้วค่อยๆ พลิ้วยวบตัวลง…เผยให้เห็นว่าร่างที่โดนห่อหุ้มอยู่เล็กเกินจะเป็นมังกร

    นั่นมัน…คน…?

    ราวกับจะตอบคำถามของเขา…ร่างที่นอนนิ่งอยู่ค่อยๆ ขยับ เสียงกัดฟันอย่างกลั้นความเจ็บปวดและลมหายใจที่หอบกระชั้นยิ่งยืนยันว่าสิ่งมีชีวิตในกองผ้าสีดำนี้ไม่มีทางเป็นสัตว์ร้ายใดๆ…แต่ธอร์ก็ไม่วางใจ เขาก้าวเข้าไปโดยที่ยังกระชับโยนิรร์ไว้มั่น ก่อนที่จะย่อร่างลงเพื่อกระชากผืนผ้าออกไปให้พ้น

    ภาพที่เห็นทำให้เขานิ่งอึ้งอีกครั้ง…เพียงแค่คราวนี้ไม่ใช่เพราะความไม่คาดฝันอะไรทั้งนั้น

    …แต่เพราะสิ่งมีชีวิตตรงหน้างดงามจนทำให้ลืมหายใจ

    ร่างนั้นบอบบางจนเกินจะเชื่อว่าเป็นบุรุษเพศ…ไม่มีอะไรปกปิดนอกจากผืนผ้าสีรัตติกาลที่มือเรียวยึดจับอย่างแน่นหนาให้มันคลุมร่าง ผิวขาวจัดยิ่งกว่าหิมะตัดกับเส้นผมสลวยระต้นคอสีดำสนิท ริมฝีปากสีเรื่อเหมือนกลีบกุหลาบเม้มแน่นกับความเจ็บปวด…แต่ก็ส่งเสียงขู่ในลำคออย่างมาดร้ายใส่เขา

    “เจ้า…” ธอร์รู้ว่าเสียงของเขาไม่ดังกว่าถ้อยกระซิบ…ความสับสนปั่นป่วนในหัว “…เจ้าคือ…ไนท์ฟรอสต์งั้นหรือ…?”

    ชายหนุ่มผมดำไม่ตอบ…และธอร์ก็ไม่ได้หวังว่าเขาจะได้คำตอบ ร่างบางไม่ยอมละสายตาจากเขา…ขู่ฟ่อพร้อมถอยหนีแม้ว่าเบื้องหลังจะติดแผ่นหินแล้ว ดวงตาสีเขียวน้ำทะเลนั้นเจือด้วยความจงชังและไม่วางใจชัดเจน…จุดสีทองตรงกึ่งกลางนัยน์ตาย้ำให้ธอร์คิดได้ถึงดวงตาของสัตว์ร้ายที่ลอบกระโจนใส่เขาจากด้านหลังเมื่อครู่ที่ผ่านมา และเมื่อมองดีๆ…เขาก็เห็นรูปทรงคล้ายปีกมังกรเล็กๆ อยู่ตรงข้างศีรษะทั้งสองด้านด้วย

    ธอร์เผลอเอื้อมมือออกไปอย่างลืมตัว แล้วก็ต้องสบถออกมาเมื่อร่างบางขู่ฟ่อแล้วตวัดกรงเล็บตอบโต้ไม่ให้เขาสัมผัสตนได้ ชายหนุ่มผมทองสะบัดหยดเลือดที่ซึมออกมาจากรอยข่วนบนหลังมือแล้วเหลือบตามองอีกฝ่าย…มือขาวผ่องดูตัดกันกับปลายเล็บเรียวแหลมสีดำสนิท

    นัยน์ตาสีฟ้ามองตอบสายตาจากชายหนุ่มผมดำตรงหน้าที่จ้องเขาเขม็ง…บอกชัดว่าพร้อมจะจู่โจมอีกครั้งแน่นอนหากเขาคิดเข้ามาใกล้ ธอร์อดยิ้มท้าทายออกมาไม่ได้เมื่อเห็นการพยายามข่มขวัญคู่ต่อสู้ทั้งที่ตัวเองไม่มีทางชนะของอีกฝ่าย…ความคิดจะปลิดชีพสิ่งมีชีวิตตรงหน้าเริ่มดูน่าสนใจน้อยลงและน้อยลงทุกที

    ข้าจะจัดการกับเจ้าอย่างไรดีนะ…เจ้าสัตว์ร้ายแสนสวย…?

    Fin …. or tbc. ??

  • Chapter 2


    แอสการ์ดเป็นเกาะที่ทุกคนอยู่กันอย่างเรียบง่ายภายใต้คติสั้นๆ ข้อเดียว…มังกรที่ดีคือมังกรที่ตายแล้ว

    เท่าที่ธอร์จำความได้…ภาพฝูงมังกรที่บุกเผาทำลายบ้านเรือนเป็นเรื่องปกติเจนตา เขาแทบจะรอเวลาให้ตัวเองโตพอที่จะร่วมต่อสู้ด้วยซ้ำ…เพราะการอยู่ในที่หลบภัยโดยไม่ทำอะไรนั้นน่ารำคาญใจ และการได้สังหารสัตว์ร้ายมีปีกเหล่านี้ก็เป็นเหมือนกับเครื่องพิสูจน์ว่าเขามีความกล้าหาญสมกับที่เป็นบุตรชายคนเดียวของประมุขแห่งแอสการ์ด

    ชายหนุ่มผมทองจัดการกับมังกรมานับไม่ถ้วน…แต่ในตอนนี้ เขากลับนึกไม่ออกว่าควรจะทำอย่างไรดี

    สิ่งมีชีวิตตรงหน้ายังคงไม่ยอมละสายตาที่จ้องเขม็ง…ยอบร่างอย่างพร้อมจะกระโจนใส่เขาได้ทุกเมื่อ ธอร์ไม่รู้มาก่อนว่ามังกรสามารถเปลี่ยนร่างได้แบบนี้…แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าร่างที่ไม่เหมือนเดิมจะสามารถเปลี่ยนความจริงได้

    มังกรก็คือมังกร…และไม่มีคำว่าเมตตาให้กับเจ้าสัตว์ร้ายพวกนี้

    มือใหญ่กระชับโยนิรร์ให้เหมาะมือขึ้น…การขยับน้อยนิดที่ตัดเส้นด้ายตึงเขม็งของบรรยากาศ เสียงขู่ฟ่อกรีดแหลมพร้อมกับที่ร่างบางโผนเข้าใส่ ผืนผ้าโดนกระชากมาด้วยตามแรงขยับดูเหมือนสายน้ำตกสีดำ ธอร์สบถลั่นเมื่อเล็บคมข่วนลงมา…ค้อนเหล็กหล่นกระแทกพื้นดังสนั่น

    เจ้าตัวร้ายแสยะยิ้มเมื่อเห็นว่าแผนปลดอาวุธของตนสำเร็จ โถมตัวใส่อีกครั้ง ผลักให้เขาล้มไปกับพื้น…จุดสีทองกลางนัยน์ตาเจิดจ้าเหมือนเปลวเพลิง กรงเล็บเตรียมตวัดลงมาซ้ำ ธอร์ไม่คิดเสียเวลาเรียกโยนิรร์ เขาฉวยมีดเล็กตรงเข็มขัดแล้วตวัดสวนออกไปก่อนที่เล็บคมสีราตรีจะทันได้ขยับ

    เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดและผืนผ้าที่ฉีกขาดบอกให้รู้ว่าการโจมตีของเขาไม่พลาด น้ำหนักที่กดทับหายไปเมื่อร่างบางเซล้มลงไปนอนฟุบ…ผ้าสีดำม้วนไม่เป็นรูปทรงตามไปด้วย

    ชายหนุ่มผมทองหยัดกายขึ้น เหยียดแขนออกไปเพื่อรับโยนิรร์ที่พุ่งกลับมาหา…นิ่วหน้าตอนรวบมือ รอยข่วนเป็นทางบาดอยู่บนผิว เขาหอบหายใจถี่รัวพลางถลึงตามองร่างที่นอนนิ่งอยู่ห่างออกไป…กองผ้าสีดำบดบังให้เขามองไม่เห็นว่าคมมีดของตนแทงเข้าที่ตรงไหน แต่ก็ไม่คิดจะสนใจเพราะร่างนั้นไม่ขยับแล้ว

    เจ้าตัวแสบปราดเปรียวและพิษสงร้ายกาจสมชื่อ…และตอนนี้มันก็คงเหลือแค่เพียงชื่อแล้ว

    *****

    คืนนั้น…ฝนตกหนักจนเหมือนเป็นพายุหลงฤดู

    ธอร์ออกไปตรวจตราความเสียหายตั้งแต่เช้า แต่ไม่มีอะไรหนักหนามากไปกว่าบ้านเรือนที่โดนลมพัดเสียหายกับกองฟืนที่เปียกชุ่ม เขากลับมาที่วังในตอนสายด้วยความสบายใจที่ทุกอย่างปลอดภัย…ร้องทักเมื่อเห็นร่างของมารดายืนรออยู่

    “ท่านแม่…ลูกกลับมาแล้ว”

    ชายหนุ่มผมทองขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าหญิงวัยกลางคนมีสีหน้าลำบากใจ ขายาวรีบเร่งรุดไปหา “เกิดอะไรขึ้นหรือท่านแม่?”

    “อ๋อ…ไม่จ้ะ ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร” ฟริกก้ายิ้มออกมา ก่อนจะพูดเสียงค่อย “แม่มีเรื่องอยากให้เจ้าช่วยหน่อยน่ะ”

    ธอร์ยิ้มบ้างเมื่อเห็นความไม่สบายใจหายไปจากหน้ามารดา เดินตามอีกฝ่ายไปทางชายป่าด้านหลังวัง…ก่อนที่นัยน์ตาสีฟ้าจะเบิกกว้างขึ้นกับสิ่งที่เห็น

    “ท่านแม่…นี่มันอะไรกัน?!”

    ร่างหมาป่าสีเทาตัวใหญ่ยักษ์นอนนิ่งอยู่ในรถเข็นที่ใช้ขนฟืน ถึงขาของมันจะโดนมัดไว้พร้อมมีที่ครอบปากแน่นหนา…แต่ขนาดของมันก็บอกถึงพละกำลังได้ ธอร์กันร่างของอีกฝ่ายไว้ข้างหลังตน…ขยับโยนิรร์เตรียมจะฟาดลงใส่ร่างที่หายใจรวยริน หากมารดาของเขาก็พูดแทรกเสียงดัง

    “หยุดเดี๋ยวนี้นะ! เจ้าคิดจะทำอะไรกัน?”

    มือเรียวที่ยื้อยุดอาวุธในมือเขาทำให้ธอร์ต้องยอมลดมันลง ถอนหายใจอย่างหน่ายๆ…แม่ของเขาเป็นหมอฝีมือฉกาจที่สุดของแอสการ์ด และถึงจะไม่ได้รักษาผู้คนอย่างจริงจังแล้ว…นางก็ยังคงใช้ความรู้ที่มีกับบรรดาสัตว์บาดเจ็บทั้งหลายอยู่ดี

    แต่นี่มันออกจะเกินไปหน่อยแล้ว…

    “ท่านแม่…” ธอร์เริ่มต้น “ลูกนับถือสิ่งที่ท่านแม่ทำเสมอ…แต่นี่มันหมาป่านะ มันฆ่าสัตว์และก็ทำร้ายพวกเรา…ท่านแม่จะไปช่วยมันทำไม?”

    “แม่จะช่วยเจ้าตัวนี้เพราะว่ามันไม่ได้ฆ่าสัตว์หรือทำร้ายใครน่ะสิ” ฟริกก้าพูดเสียงแข็ง “มันโดนต้นไม้โค่นใส่ตรงชายป่า…และถ้าเจ้าไม่ช่วย แม่ก็จะอุ้มมันเข้าไปข้างในเองนี่แหละ”

    ธอร์รู้ว่ายามที่นัยน์ตาสีเทาวาววับแบบนี้…มารดาของเขาหมายความตามคำพูดทุกตัวอักษร ร่างสูงจึงตรงเข้าไปยกเจ้าหมาป่าขึ้น เดินไปทางที่เขาจำได้เจนใจว่าจะนำไปสู่ห้องที่หญิงวัยกลางคนเปลี่ยนเป็นที่พยาบาลสัตว์บาดเจ็บ

    ชายหนุ่มผมทองวางร่างหนักๆ ลงบนโต๊ะไม้ตัวโตกลางห้อง เจ้าหมาป่าส่งเสียงครางขู่ต่ำๆ ในลำคอ…แต่เชือกที่มัดไว้แน่นหนาและบาดแผลฉกรรจ์ตรงต้นขาก็ทำให้มันขยับไม่ได้ ธอร์เดินไปตักน้ำถังใหญ่จากอ่างตรงมุมห้องมาวางไว้ให้เพราะรู้ว่าต้องได้ใช้ ก่อนจะนั่งนิ่ง…มองมารดาที่ลงมือทำแผลด้วยสายตาครุ่นคิด

    “เจ็บนิดเดียวเท่านั้นแหละ…” ฟริกก้าค่อยๆ คีบชิ้นเศษไม้จากปากแผล พูดเสียงอ่อนโยนเมื่อเจ้าหมาป่าครางต่ำๆ “นี่ไง…หมดแล้วเห็นไหม…”

    “ท่านแม่…” ธอร์พูดขึ้น “ลูกถามจริงๆ เถอะ…ท่านแม่จะช่วยสัตว์พวกนี้ไปทำไม? มันไม่ใช่พวกกระต่ายหรือหมาแมวนะ…”

    ฟริกก้าเงยหน้าขึ้นสบตาลูกชาย เรือนผมสีน้ำผึ้งขยับไหวเมื่อเจ้าตัวส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ ก่อนจะแย้งถามเสียงนุ่ม

    “เพราะมันเป็นสัตว์ที่ทำอันตรายกับเรา…เลยไม่ผิดที่จะปล่อยให้มันตายงั้นหรือ?”

    ชายหนุ่มนิ่งเงียบ…รอให้มารดากล่าวต่อ

    “หมาป่ามันก็เป็นสัตว์ชนิดหนึ่งนะลูก…มันต้องหาอาหาร” หญิงวัยกลางคนกล่าวนุ่มนวล “จะหมาป่าหรือมังกร…สัตว์นักล่ามันก็ต้องฆ่าสัตว์อื่นเพื่อการอยู่รอดทั้งนั้นแหละ”

    ธอร์นิ่งเงียบ เขารู้ดีว่ามารดาไม่เคยเห็นด้วยกับการสังหารมังกร แต่นางก็ไม่ปริปากเพราะมันไม่มีทางอื่นในการจะจัดการเจ้าสัตว์ร้ายพวกนี้…จู่ๆ ใจก็หวนนึกไปถึงร่างบอบบางที่เขาทิ้งไว้ในป่า ความคิดที่ทำให้เผลอตัวเปรยออกไปลอยๆ

    “แต่ต่อให้ครั้งนี้มันไม่ได้ทำร้ายเรา…มันก็อาจเคยทำมาก่อน และถ้าช่วยมันไป…มันก็อาจกลับมาทำร้ายเราอีกก็ได้นี่” คำถามตามมาในประโยคหลัง “ถ้ามีโอกาสก็ควรจะจัดการเสียไม่ใช่หรือท่านแม่?”

    “แม่ตอบไป…มันก็ไม่ตรงใจเจ้าอยู่ดีนั่นแหละ” ฟริกก้าถอนหายใจพลางบรรจงเกลี่ยใบสมุนไพรให้เสมอกันบนปากแผล “สัตว์นักล่าก็คือสัตว์นักล่า…ก็จริงที่มันเป็นอันตราย แต่ช่วยไม่ได้นี่…นั่นเป็นธรรมชาติของมัน”

    ธอร์ฟังเงียบๆ…มองตามมือเรียวบางที่ค่อยๆ พันผ้าขาวรอบขาของหมาป่า

    “เจ้าตัวนี้เคยทำร้ายใครมาก่อนหรือเปล่า…ถ้าช่วยมันไว้แล้วมันจะกลับมาทำร้ายเราอีกหรือเปล่า…แม่ก็ไม่รู้หรอก” เสียงนุ่มนวลพูดราวกับจะสั่งสอน “แต่แม่คิดว่าทุกชีวิตมีค่าและมีสิทธิ์ที่จะได้รับการให้อภัย เราช่วยมันวันนี้…มันอาจจะจำเอาไว้ก็ได้…”

    ชายหนุ่มอดยิ้มออกมาไม่ได้…ไม่ใช่หัวเราะกับความคิดของมารดา แต่เพราะเขาคิดว่ามันช่างฟังดูใจดีและสวยงามเหมือนจิตใจของคนตรงหน้าเสียจริง

    “อย่ามาคิดว่าแม่ตลกนะ” ฟริกก้าค้อนยิ้มๆ ก่อนจะพูดต่อเสียงจริงจังอ่อนโยน “นักรบอย่างเจ้าอาจลืมไป…แต่ความเมตตาก็มีค่าพอๆ กับความกล้าหาญนะ”

    ร่างระหงลุกขึ้นยืน มือบางไล้ขนปุยสีเทาตรงข้างหูเจ้าหมาป่าพร้อมกระซิบคำปลอบประโลมเสียงเบา ก่อนจะเดินไปล้างมือ ธอร์ก้าวไปเปิดประตูรอ…ยิ้มตอบมารดาจนนางเดินจากไป วงหน้าหล่อเหลาก็เครียดขึงด้วยปัญหาเดิม

    ทุกชีวิตมีค่าและมีสิทธิ์ที่จะได้รับการให้อภัย…งั้นหรือ?

    ธอร์ไม่เคยมองว่ามังกรเป็นสิ่งที่ต้องไว้ชีวิตเพราะพวกมันเองก็ไม่ลังเลในการจะทำร้ายผู้คนเช่นกัน หัวเราะหึอย่างเหยียดๆ กับรอยกรีดจากคมเล็บบนหลังมือตัวเอง…เจ้าตัวร้ายก็แสดงออกชัดเจนว่าพร้อมจะตอบโต้เขาทุกวิถีทาง

    แต่นั่นก็เพราะว่า…

    ธอร์กำมือแน่น ความคิดขัดแย้งกันทำให้เขารู้สึกสับสนเป็นครั้งแรกว่าสิ่งที่ตนทำเป็นเรื่องที่ถูกต้องไหม

    ที่ไนท์ฟรอสต์ทำร้ายเขา…ก็เพราะเขาเองก็ต้องการจะทำร้ายมันเหมือนกันไม่ใช่หรือ…?

    ชายหนุ่มพยายามปัดความคิดที่เริ่มก่อตัวจากคำพูดมารดาออกไปจากหัว…แต่ก็ทำไม่ได้

    “เพราะมันเป็นสัตว์ที่ทำอันตรายกับเรา…เลยไม่ผิดที่จะปล่อยให้มันตายงั้นหรือ?”

    การช่วยเหลือมังกรไม่ต่างอะไรกับการทรยศสิ่งที่เป็นดั่งคำสอนสำคัญสูงสุดของชาวแอสการ์ดเดียนเลยสักนิด…แต่ตอนนี้ ธอร์ไม่อยากจะยอมรับว่าเขาเริ่มรู้สึกเสียใจกับการที่ตนปล่อยเจ้ามังกรตัวแสบทิ้งไว้ในป่าขึ้นมาเสียแล้ว

    *****

    ป่าเย็นชื่นด้วยไอฝน

    ธอร์จำทางไปสู่หลุมผานั้นได้แล้ว…การเดินทางจึงไม่กินเวลาสักนิด เขาไถลตัวลงมาตามก้อนหินที่กองระเกะระกะอย่างสบายๆ…ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าร่างบางที่โดนกองผ้าสีดำคลุมรอบยังคงนอนนิ่งอยู่ตรงที่เดิม

    อย่าบอกนะว่า…

    ชายหนุ่มผมทองเร่งฝีเท้าเข้าไปใกล้ ตระหนกกว่าเก่าเมื่อเจ้าตัวร้ายไม่ได้แม้แต่จะลุกขึ้นมาหรือส่งเสียงขู่อย่างที่ควร เขาทิ้งย่ามหนังและโยนิรร์ลงบนพื้น แขนแข็งแรงช้อนร่างที่นอนอยู่ขึ้นมาประคอง…ค่อยๆ ดึงผืนผ้าที่ปกปิดใบหน้าของอีกฝ่ายออก สบถในลำคอเมื่อเห็นวงหน้าซีดเซียวและริมฝีปากที่สั่นระริก…บอกให้รู้ว่าเจ้าตัวคงนอนตากฝนอยู่ตรงนี้ทั้งคืน

    ธอร์อังมือลงตรงหน้าผากขาวเนียน…ไม่รู้ว่ามังกรจะไม่สบายได้ไหม แต่อุณหภูมิที่สัมผัสได้ก็เป็นปกติ…เขาจึงเริ่มสันนิษฐานใหม่ว่าอะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้เจ้าตัวร้ายหมดสภาพแบบนี้ ก่อนจะนึกขึ้นได้ยามที่เห็นมีดเล็กตรงเข็มขัดของตน ดวงตาสีฟ้าตวัดมอง…ผ้าสีดำโดนกรีดเป็นแนวยาวตรงหน้าท้อง บอกให้รู้ถึงตำแหน่งของแผลที่เขาฝากไว้

    หากก่อนที่จะได้สำรวจว่าแผลลึกแค่ไหน…ดวงตาของร่างในอ้อมแขนก็ลืมขึ้นอย่างที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว เจ้าตัวร้ายใช้เวลาสั้นกว่าเสี้ยววินาทีในการรับรู้ว่าตนกำลังอยู่ในสภาพไหนกับใครก่อนที่จะเริ่มดิ้นปัดๆ แบบสุดชีวิต…ธอร์ผงะตัวหนีมือเรียวและเล็บคมสีดำที่ตวัดระรัวแบบไร้ทิศทาง สบถเสียงลั่นออกมาอย่างหงุดหงิดพลางหาทางทำให้อีกฝ่ายหยุดทำร้ายร่างกายเขาเสียที

    ให้ตายเถอะ!…เจ้ามังกรไร้สตินี่ยังจะคิดสู้ในสภาพร่างกายแบบนี้อีกเรอะ?!

    ธอร์ใช้แขนข้างหนึ่งกดร่างบอบบางลงไปติดพื้น…ส่วนอีกข้างตวัดรวบมือทั้งสองของอีกฝ่ายไว้เหนือหัว กดให้แนบตามไปกับพื้นด้วยแล้วจึงละแขนที่ตรึงร่างนั้นอยู่ออกมา แต่ถึงอย่างนั้น…เจ้าตัวแสบก็ยังคงเตะขารัวๆ อย่างไม่ยอมแพ้ ธอร์ขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด ตัดสินใจใช้วิธีไม่นุ่มนวลเพื่อทำให้เรื่องจบลงเสียที…มือใหญ่ประทับหนักๆ ลงบนรอยแผล เรียกเสียงร้องอย่างเจ็บปวดจากเรียวปากสีซีดนั้น อีกฝ่ายหยุดดิ้นไปชั่วครู่…และชายหนุ่มผมทองก็ฉวยจังหวะนี้ในการคว้าชายผ้าสีดำมาผูกรวบข้อมือของร่างตรงหน้าเอาไว้

    แต่ทันทีที่ละมือจากปม…ร่างเพรียวก็ขยับจะถอยหนีอีกครั้ง ธอร์ถอนหายใจกับการดึงดันไร้สาระนี้…ตวัดมือกดลงบนแผ่นอกของอีกฝ่ายให้ขยับตัวไม่ได้ มืออีกข้างกระชากรอยกรีดบนผ้าให้กว้างกว่าเดิมจนฉีกขาดออกไป เสียงทุ้มพูดดังลั่นหนักแน่นเป็นเชิงขู่

    “อยู่เฉยๆ…ถ้าดิ้นอีก ข้าแทงเจ้าซ้ำแน่”

    ไม่รู้ว่าเข้าใจจากคำพูดหรือท่าทาง…แต่เจ้าตัวร้ายก็ยอมนอนนิ่ง หากก็ยังไม่วายตวัดสายตาเกลียดแค้นและส่งเสียงขู่เบาๆ ในลำคอ…ธอร์ชักสีหน้ารำคาญกลับไป ก่อนจะค่อยๆ ยกเศษผ้าที่ปิดบาดแผลไว้ออก…เผยให้เห็นรอยกรีดยาวสีสดบนผิวขาว เลือดบางส่วนแห้งแล้ว…แต่ก็ยังเห็นได้ชัดว่าแผลยังเปิดอยู่ ชายหนุ่มผมทองมองเศษหญ้าและฝุ่นทรายรอบปากแผลแล้วขมวดคิ้ว

    ทั้งปล่อยแผลไว้แบบนี้ ทั้งเอาแต่ดิ้น…เจ้าตัวแสบนี่นอกจากจะไร้สติแล้วยังไร้สมองเสียด้วย

    “เจ้านี่มันบ้าชัดๆ…ใครเขาปล่อยให้แผลสกปรกขนาดนี้กัน?” เสียงทุ้มว่าทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจไหม มือใหญ่ดึงให้ร่างบางลุกขึ้น “มานี่…เจ้าต้องล้างแผล”

    ชายหนุ่มผมดำหยัดตัวได้นิดเดียวก่อนจะหงายหลังลงไปนอนอีกครั้ง…เสียงครางแผ่วๆ ในลำคอไม่ได้เจือความโมโหจงชังใดๆ แล้ว มีแค่ความเจ็บปวดเท่านั้น ธอร์ถอนหายใจอีกครั้ง…คราวนี้เพราะปวดหัวกับสิ่งที่ตัวเองกำลังเผชิญอยู่ พูดสั่งใหม่

    “งั้นเจ้ารอเฉยๆ อยู่ตรงนี้…อย่าดิ้นหรือหนีนะ” เขาสบตากับอีกฝ่ายพร้อมกล่าวช้าๆ…หวังว่าคำพูดของตนจะเป็นที่เข้าใจ “ข้าไม่ได้จะทำร้ายเจ้า”

    นัยน์ตาสีน้ำทะเลมองแบบไม่เชื่อสักนิด…จ้องเขม็งที่มีดเล็กตรงเข็มขัด ธอร์นึกได้ถึงคำขู่เมื่อครู่ของตน…จึงพูดเสียงอ่อน

    “ข้าไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้น…ก็เจ้าเอาแต่ดิ้นนี่” ชายหนุ่มหยิบมีดขึ้นมา เสียงขู่ดังเบาๆ ในลำคออีกฝ่าย…ก่อนที่จะเงียบกริบเมื่อเขาโยนมันลงแอ่งน้ำใหญ่ตรงใจกลางหลุมผาไป ธอร์หันมาสบตากับร่างตรงหน้าอีกครั้ง ย้ำคำเดิมด้วยเสียงที่ตัวเองไม่ได้รู้เลยว่ามันอ่อนโยนเพียงใด

    “เชื่อข้าเถอะ…ข้าไม่ได้จะทำร้ายเจ้า”

    เจ้าตัวร้ายนิ่งไป เห็นได้ชัดว่าตอนแรกคงไม่เชื่อจริงๆ ว่าเขาจะหมายความตามที่พูด…ตอนนี้จึงประหลาดใจจนตอบโต้ไม่ถูกกับการกระทำของเขา ธอร์ค่อยๆ ละมือที่กดร่างอีกฝ่ายไว้แล้วก้าวไปที่ริมแอ่งน้ำ และเมื่อมองหาทางอื่นไม่ได้…เขาก็ปลดผ้าคลุมสีแดงของตนออก ฉีกเอาชิ้นผ้าเล็กๆ มาแล้วจุ่มลงในน้ำใสสะอาด ก่อนจะเดินกลับมาหาร่างที่นอนนิ่งอยู่

    เสียงครางอย่างไม่ชอบใจดังขึ้นตอนที่เขาแตะผ้าเปียกลงตรงแผล เจ้าตัวแสบขยับจะหนีให้พ้น…แต่ธอร์ก็ไวกว่า เขากดร่างอีกฝ่ายไว้อีกครั้งก่อนจะจัดการเช็ดเศษหญ้าและฝุ่นทั้งหมดออกไป คาดคะเนสภาพแผลคร่าวๆ…มันไม่ได้ลึกมากมาย ไม่กี่วันก็หายเองได้ แต่ทางที่ดีคงต้องพันผ้าปิดไว้เพราะเจ้าตัวแสบนี่ดูจะไม่มีหัวคิดเลยว่าต้องระวังไม่ให้แผลสกปรก

    ผ้าคลุมสีแดงโดนฉีกเพิ่ม…ก่อนที่มือแข็งแรงจะค่อยๆ พันมันรอบปากแผล ไม่สนใจแรงขัดขืนเล็กๆ ตอนที่เขาโอบร่างบอบบางเข้ามาหาตนเพื่อจัดการให้ชิ้นผ้าพันรอบตัวอีกฝ่ายดีๆ…เจ้าตัวแสบยังคงทำหน้างอตอนที่เขามัดปมผ้าพันแผลแล้วแกะปมผ้าที่มัดมือออกให้ มือขาวเรียวพุ่งไปที่ชิ้นผ้าสีแดงตรงหน้าท้องตน…แต่ธอร์ก็เดาไว้อยู่แล้วว่าจะต้องเป็นแบบนี้ เขาจึงปัดมืออีกฝ่ายทิ้งด้วยความไวพอกัน พูดเสียงคาดโทษ

    “อย่าแกะเชียวนะ”

    ชายหนุ่มผมดำชักสีหน้าบึ้งตึงใส่…จุดสีทองกลางนัยน์ตาวาววับแบบไม่สบอารมณ์ ธอร์พ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิดปนระอาออกมาให้รู้ว่าเขาเองก็ไม่ได้อยากจะมาทำอะไรบ้าๆ แบบนี้เหมือนกัน ก่อนจะค้นย่ามหนังที่เอาติดตัวมา…โยนห่อใบไม้ที่ห่อชิ้นเนื้อรมควันไว้ลงบนตักอีกฝ่าย

    “กินซะ”

    วงหน้าหวานก้มลงมอง หยิบห่อใบไม้ขึ้นมาดมฟุดฟิดครู่เดียวก่อนจะขว้างคืนกลับมาแบบไม่ไยดี ธอร์สบถสั้นๆ แต่ก็รับมันไว้ได้ ตวัดสายตามองหน้างอง้ำของอีกฝ่ายแล้วตวาดออกมาอย่างเหลืออด

    “เจ้าเป็นมังกรประสาอะไรกันหา?! มังกรบ้าอะไรไม่กินเนื้อ?”

    ถึงจะไม่รู้ว่าจะพูดตอบได้ไหม…แต่ชายหนุ่มผมทองมั่นใจแล้วว่าเจ้าตัวร้ายนี่ฟังทุกคำของเขาเข้าใจ เรียวปากสีซีดเม้มแน่นกับเสียงตวาด…ไม่ยอมตอบคำใด ธอร์กลั้นคำสบถที่อยากจะพูดตามมาแล้วเก็บห่อใบไม้กลับเข้าย่ามไป หยิบแอปเปิ้ลสีแดงสดออกมาแทน

    นัยน์ตาสีน้ำทะเลลุกวาว มือเรียวพุ่งเข้ามาเพื่อคว้าผลไม้ แต่ชายหนุ่มผมทองก็ไวกว่า…แขนยาวชูแอปเปิ้ลขึ้นให้สูงเกินเอื้อม ไม่สนใจเสียงขู่ฟ่อของอีกฝ่ายระหว่างที่ถามคำถามของตน

    “เจ้าชื่ออะไร?”

    ชายหนุ่มผมดำไม่ยอมตอบ ธอร์จึงรวบข้อมืออีกฝ่ายไว้แน่น…กระชากให้นั่งนิ่งๆ เพื่อจะได้สบตาถนัดๆ “ข้ารู้ว่าเจ้าฟังข้าเข้าใจ ตอบข้ามา…เจ้าชื่ออะไร?”

    สายตาที่จ้องเขม็งใส่นั้นมีแต่ความโกรธเกรี้ยวแบบเด็กโดนขัดใจ แต่ถึงอย่างนั้น…แอปเปิ้ลในมืออีกข้างของเขาก็สามารถเอาชนะได้ในที่สุดอยู่ดี

    “…โลกิ” เสียงทุ้มหวานชวนฟังเหมือนกระดิ่งเงิน…แม้ว่าตอนนี้จะแข็งกร้าวไม่สบอารมณ์ก็ตาม “ข้าชื่อโลกิ”

    ชายหนุ่มผมทองพยักหน้า พูดตอบไปตามมารยาทการแนะนำตัว “ข้าชื่อธอร์”

    แววตาหมิ่นๆ ในดวงตาสีหยกบอกชัดยิ่งกว่าคำพูดใดว่าตนไม่ได้อยากจะรู้สักนิด…เอื้อมมือมาฉกแอปเปิ้ลไปทันทีที่ชายหนุ่มผมทองลดแขนลงก่อนจะเริ่มต้นกัดผลไม้สีแดงอย่างหิวโหย นัยน์ตาสีฟ้ามองร่างบอบบางที่มีกองเศษผ้าขาดรุ่ยพันรอบตัว…อดหัวเราะออกมากับผมสีดำยุ่งเหยิงและการจัดการกับแอปเปิ้ลที่รวดเร็วจนน่ากลัวว่าจะติดคอไม่ได้

    เจ้าตัวแสบนี่เหมือนเด็ก…เด็กดื้อแถมเอาแต่ใจอย่างร้ายกาจเสียด้วย

    วงหน้าขาวใสเงยขึ้นหลังจากจัดการแอปเปิ้ลไปได้เกินครึ่งลูก…ธอร์สังเกตเห็นรอยเปื้อนของน้ำหวานจากผลไม้บนข้างแก้ม จึงขยับไปเพื่อจะเช็ดให้ตามสัญชาตญาณ…การกระทำที่ผิดพลาด เพราะถึงมือจะไม่ว่าง…เจ้าตัวร้ายก็ยังไม่หมดหนทางในการจะทำร้ายเขา ปีกมังกรเล็กๆ ตรงข้างศีรษะปัดแรงๆ ดังเพี๊ยะใส่มือใหญ่ ก่อนที่ร่างบางจะถอยหนีปราดๆ ไปซุกตรงใต้ซอกหินที่เรียงตัวกันเป็นเหมือนถ้ำเล็กๆ

    ธอร์สะบัดมือเร่าๆ…ก้มลงมองรอยแดงที่เพิ่มขึ้นอีกรอยบนผิว ความหงุดหงิดใจหวนกลับมาอีกระลอก…ในแค่เพียงสองวัน เจ้ามังกรบ้านี่ทำให้เขาได้แผลตรงมือมากกว่าที่เคยมีมาตลอดชีวิตรวมกันเสียอีก เสียงทุ้มตะโกนใส่อย่างโมโห

    “ถ้าเจ้ายังไม่เลิกทำบ้าๆ แบบนี้…ข้าจะทิ้งเจ้าไว้ให้อดตายไปตรงนี้นี่แหละ!!”

    คำตอบรับคือแกนแอปเปิ้ลที่โดนเขวี้ยงกลับมาเฉียดปลายเท้าเขาไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น พร้อมกับวงหน้าหวานที่หันมาชักสีหน้าท้าทายใส่ให้เห็นเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ร่างบางที่นอนหันหลังให้…แถมเอาผ้าดำมาคลุมโปงตัวเองซ้ำแบบจงใจกวนโมโหที่สุดด้วย

    ธอร์ได้แต่ขยี้ผมตัวเองจนยุ่งเหยิงด้วยความหงุดหงิด…พยายามบอกให้ตัวเองใจเย็นลงแม้ว่าจะเป็นเรื่องยากมากก็ตาม มือใหญ่คว้าย่ามหนังขึ้นมาถือเพื่อเตรียมตัวกลับวัง สายตามองไปทางร่างที่นอนคลุมโปงอยู่เป็นครั้งสุดท้าย…พ่นลมหายใจอย่างไม่สบอารมณ์กับแกนแอปเปิ้ลบนพื้นหญ้า

    เจ้ามังกรตัวร้าย…ไม่ได้น่ารักเหมือนหน้าตาเลยสักนิด…

    tbc.

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in