เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ครูบ้าเที่ยวBird Thanapong
ครั้งแรกบนภูเขาไฟฟูจิ EP.3
  • เราเผลอหลับไปอย่างไม่รู้ตัว เมื่อเวลาประมาณ 3 ทุ่มจนกระทั่งได้ยินเสียงผู้คนกำลังเตรียมสิ่งของสัมภาระ ผมลืมตาดูนาฬิกาประมาณตี 2 ถึงเวลาที่เราต้องเดินทางกันต่ออีกประมาณ 4 ชั่วโมง เพื่อขึ้นไปดูแสงแรกบนยอดภูเขาไฟที่สวยงามลูกหนึ่งของโลกเลยทีเดียว  สภาพอากาศตอนนี้ตี 2 มองออกไปมืดมิดสนิทตา เราไม่ได้เตรียมไฟฉายมาเลย มีเพียงแสงไฟจากมือถือของเราที่เป็นคอยนำทางเราขึ้นไป

    เราเดินทางด้วยความยากลำบาก ก้าวไปเรื่อยๆ ในใจก็มีความคิดต่างๆ ผุดขึ้นมา "นี่เรามาลำบากทำไมหว่ะ, นอนอยู่บ้านสบายๆ ฯ คำถามต่างๆนานา เต็มไปหมด เดินไปเรื่อยๆ 
    จนเกือบถึงยอดเขา มองดูนาฬิกาก็ใกล้ที่ดวงอาทิตย์จะขึ้นแล้ว เราน่าจะถึงยอดเขาไม่ทันดวงอาทิตย์ขึ้น
    มองออกไปที่ขอบฟ้า เรื่งเห็นแสงสีส้มๆ นั่นคือสัญญาณของแสงแรกที่กำลังจะส่องมาให้ความอบอุ่นกับเรา แม้ว่าเราจะถึงบนยอดเขาไม่ทันดวงอาทิตย์ขึ้น แต่บรรยากาศ ณ ตอนนั้นมันงดงาม สวยงามอย่างบอกไม่ถูก นักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ต่างหยิบกล้อง บ้างมือถือ ขึ้นมาบันทึกภาพที่สวยงามนี้ 
                          ณ จุดนี้เราอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 3000 กว่ากิโลเมตร ซึ่งสูงกว่าเมฆซะอีก 
    อีกประมาณ 200 เมตรเราก็จะถึงยอดเขาที่ตั้งใจไว้ แต่ด้วยพละกำลังตอนนี้ แค่ยกเท้าก้าวยังไม่ไหว เราจึงใช้วิธีเดินสามก้าวหยุด เดินสามก้าวหยุด แบบนี้ไปเรื่อยๆ ซึ่งความรู้สึกตอนนี้มันบอกไม่ถูก ไม่สามารถบรรยายได้ มันเหนื่อย มันล้า มันท้อ คำถามมากมายเกกิดขึ้นบนหัวของผม แต่ในที่สุด พวกเราก็สามารถฟันฝ่าความรู้สึก สภาพร่างกายที่ไร้กำลัง ฝืนพาตัวเองขึ้นมาถึงยอดภูเขาไฟฟูจิได้
    อากาศข้างบนหยาวเย็น ลดพัดแรงมาก ผมหมดแรงสลบอย่างรวดเร็ว เราไม่สามารถอยู่บนยอดเขาได้นาน ผมจึงขอเดินไปบริเวณปากป่องภูเขาไฟสักหน่อย แต่ไม่กล้าเดินไปใกล้มากเพราะลดแรง มันสามารถพัดตัวผมตกลงไปได้เลย และที่สำคัญไม่มีที่กั้นใดๆ ทั้งสิ้น

    ถ้าเดินลงไปอีก คงไม่ได้กลับมาแน่ๆ หลังจากใช้เวลาข้างบนได้ไม่นาน พวกเราก็ต้องเดินลงเขา ซึ่งเส้นทางลงเขา มันเป็นอีกเส้นทางหนึ่งซึ่งจะชันกว่า แต่เร็วกว่าขาขึ้นมาก 
                                                                   เส้นทางที่มีลูกศรลง
    ขาลงเราทำเวลาดีมากใช้เวลาไปประมาณ 5-6 ชั่วโมง จากยอดเขาจนถึงชั้นที่ 5 

    สรุป
    - ระยะเวลาขาขึ้น ตั้งแต่ 4 โมงเย็นถึงชั้น 9 ที่พัก ประมาณ 2-3 ทุ่ม พักผ่อน 6 ชั่วโมง เดินขึ้นต่ออีก 4 ชั่วโมง ขาลงประมาณ 5-6 ชั่วโมง

    สิ่งที่ได้เรียนรู้จากประสบการณ์นี้ ผมบอกได้เลยว่ามันคุ้มค่ามาก มันเป็นการต่อสู้กับตัวเอง กับตัวเองโดยแท้จริง มันเข้มข้นกว่าวิ่งมาราธอน เมื่อตอนเริ่มต้นเดิน ทุกคนจะมองไปที่เป้าหมายเหมือนกันคือ ยอดเขา เราต่างมีความมุ่งมั่นตั้งใจ เต็มที่แต่เมื่อก้าวเดินไปแล้วเราได้เจอ ได้พบอุปสรรคมากมาย อาจเกิดอาการท้อแท้ หมดหวัง หมดแรง ถ้าใครไม่ไหวก็ต้องเดินกลับ คนที่ไหวก็ต้องเดินต่อ เราทุกคนต้องการที่จะไปถึงเป้าหมายให้เร็วที่สุด ซึ่งคิดว่าถ้าถึงเป้าหมายหรือยอดเขาแล้ว เราจะรู้สึกสุดยอด แต่ความเป็นจริงมันไม่ใช่ มันไม่มีอะไรเลย ความรู้สึกมันว่างเปล่า มันหนาว มองลงมาแทบจะไม่เห็นสิ่งมีชีวิตใดใดเลย เราตัวเล็กนิดเดียวเมื่อเทียบกับภูเขา อยู่บนจุดสูงสุดได้ไม่นานก็ต้องกลับลงมา ผมจึงกลับมาคิดทบทวนว่าจริงๆแล้ว ความสวยงามมันไม่ได้มีแค่ธรรมชาติรอบๆตัวเรา มันยังมีความสวยงามที่ซ่อนอยู่ บางคนอาจมองเห็น บางคนอาจมองไม่เห็น แต่สิ่งที่ผมเห็นคือ ความสวยงามระหว่างทาง เราพบเจอมิตรภาพดีๆ เราได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเพื่อน เราผ่านอุปสรรคไปด้วยกัน เราท้อ เราสิ้นหวัง เราหมดแรงเหมือนไม่มีชีวิต แต่เราผ่านมันไปด้วยกันได้ เหมือนกับคำพูดปิดท้ายของ"รายการหนังพาไป"
    "จุดหมายปลายทาง อาจไม่ใช่ที่สุดของความงดงาม"







เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in