ตุ๊งติ๊งหรือออกสาว นั้นเป็นสิ่งที่ภัทรเริ่มรู้เพศสภาพมาตั้งแต่เด็ก ภัทรชอบเล่นกระโดดหนังยางกับเพื่อนๆ ชอบเวลาได้ลองแต่งหน้าทาปาก หรือเดินบิดขาเหมือนผู้หญิง จนญาติๆ แถวบ้านเราที่เคร่งครัดศาสนาก็เริ่มบทลงโทษให้ภัทรในตอนประถม
มันแปลกมากที่เด็กคนหนึ่งต้องแบกรับเรื่องทุกข์ระทมหลายเรื่องเข้ามาในคราเดียวกัน
ตอนนั้นภัทรแอบชอบพีชายญาติตัวเองที่ชื่อ ‘เอิร์ธ’ ภัทรแสดงความรักจนต้องยอมเก็บเงินอดออมเพื่อซื้อของขวัญพวกโมเดลดราก้อนบอลให้กับเขา แต่เอาเข้าจริงภัทรในยามนี้ก็เพิ่งมาตระหนักได้ว่า...มันแค่เป็นสิ่งที่ชื่นชมอีกฝ่ายก็แค่นั้น
เรืื่องมันแดงก็เพราะว่าภัทรชอบแสดงออกมากจนเกินไป ไม่ว่าจะกิริยาท่าทางที่เหมือนผู้หญิง จนผู้ใหญ่หรือป้าจิ๋มที่อยากให้ภัทรเหมือนกับเด็กชายทั่วไป ต้องถือไม้เรียวทำท่าจะตีภัทร ตอนนั้นพ่อแม่ก็ไม่เคยว่างหรืออยู่ด้วยเลยสักครั้ง เพราะต้องไปทำงา่นที่ต่างจังหวัด บางทีก็กลับดึกดื่น ภัทรถึงได้โดนเครือญาติรุมรังแก และมันก็ทำให้ภัทรโกรธเกลียดจนไม่อยากอยู่ที่นี่จนแม้กระทั่งปัจจุบัน
ภัทรถูกสั่งให้เดินเหมือนเด็กชาย โดยมีเด็กและพี่คนอื่นๆ ต่างมุงดู ทุกคนต่างหัวเราะขำภัทรกันหมด มันเป็นพื้นที่กว้างและภัทรก็ต้องคอยเดินเหยียบย่ำกับกระเบื้อง พยายามแหวกขาผิดปกติ ท่าทางค่อนข้างเก้ๆ กังๆ จนภัทรอธิบายไม่ถูก แต่ภัทรไม่สามารถเดินได้เหมือนเด็กผู้ชายคนอื่นๆ จริงๆ
ภัทรถูกสั่งให้เดินหมุนไปมา ไปกลับห้าหกรอจนเหนื่อยจนต้อร้องไห้ และจนกว่าจะพอใจกับท่าทางการเดิน ภัทรรู้สึกว่าตัวเองแปลกแยกจากคนอื่นๆ ยิ่งนั้น
และภัทรก็โมโหมากที่ทุกคนทำเหมือนกับภัทรเป็นตัวตลก
ภัทรได้พยักหน้าอิดออดยินยอมว่าจะเลิกเป็นตุ๊ดสมกับที่ทุกคนครหา แต่แท้จริงความรู้สึกเหล่านี้ก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไป ยังไงเสียภัทรก็ยังเป็นภัทร เด็กชายคนหนึ่งที่ชอบการเดินตุ๊งติ๊ง หรือแสดงท่าทางเกินหน้าเกินตาว่าชอบพี่คนหนึ่ง
ภัทรเริ่มถูกเครือญาติรุมรังแก พอมีคนแกล้งสมใจอยากก็จะรีบไปฟ้องป้าจิ๋ม หลังจากนั้นภัทรก็จะถูกป้าจิ๋มนำภัทรมาขังในห้องน้ำมืดๆ
บอกตามตรงว่ามันน่ากลัวมาก ยิ่งกับเด็กคนหนึ่งที่พ่อแม่ชอบเปิดหนังผีดู มันยิ่งทำให้ภัทรจินตนาการต่างๆ นานา ไม่ว่าจะวิญญาณหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัว ภัทรถูกขังอยู่เกือบสิบห้านาทีในครั้งแรก และพันธนาการเหล่านี้จะหลุดพ้นก็ต่อเมื่อภัทรจะยอมเลิกเป็นกะเทย
ภัทรไม่ยินยอมที่จะทำตาม ทั้งกระแทกบานประตูและบิดลูกบิดกระแทกไปมา ภัทรไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมาขังภัทรในห้องน้ำ ทำเหมือนกับภัทรเป็นเด็กที่ไม่ใช่มนุษย์
มันไม่มีแสงสว่างไสวเลยสักนิด มีแต่ความมืดมิดที่อำพราง มันน่ากลัวมากจริงๆ จนภัทรตัวสั่นเสียงสั่นไปหมด ภัทรเริ่มจะถูกกักขังในห้องน้ำบ่อยครั้งเวลามีเด็กแถวบ้านเห็นว่าอิริยาบถภัทรไม่เหมือนกับเพศกำเนิด
ภัทรโดนขังในห้องน้ำและล็อกจากภายนอกอยู่แทบตลลอดทุกอาทิตย์ ทุกช่วงบ่ายของวันหรือยามเย็น ภัทรถูกขังแบบนั้นทุกครั้งเวลาแสดงท่าทางมีจิตใจเป็นหญิง
“จนกว่าจะยอมเป็นผู้ชาย”
ทำไมทุกคนชอบพูดแต่คำแบบนี้ รู้ไหมมันทำให้ภัทรประสาทแดกทุกครั้งที่คิดถึง ภัทรโกรธเกลียดจนเริ่มบ้า นึกสาปแช่งจนความชาชินมันเริ่มก่อเกิด ความมืดเปรียบเสมือนเพื่อน เสียงทุบกำแพงก็กลับน้อยลง จากเด็กที่ดิ้นรนแสดงสัญชาตญาณเอาตัวรอด ก็กลับบ้ามายืนเต้นท่ามกลางความมืดมัว ร้องเพลงสาปแช่งให้ไปตายห่า ลงนรกกันไปให้หมด สตงสติไม่เหลือ ทั้งหัวเราะและกระโดดโลดเต้นเหมือนคนจิตป่วย ภัทรเริ่มรู้ว่าตัวเองผิดปกติมาตั้งแต่เด็ก นั่นก็เพราะสิ่งที่พวกมึงทำกันทั้งนั้น
กูเกลียดมาก เกลียดจนบอกกับพระเจ้าว่าทำยังไงก็ได้ให้พวกนี้ไปตายห่ากันให้หมด อย่าได้มีชีวิตสุขสบายกันอีกเลย เอาให้มันต้องดิ้นรนทุกข์ทรมานเหมือนที่ทำกับกู
นั่นคือสิ่งที่ภัทรเคยคิดภายในหัว และยังร้องเพลงบ้าๆ หวังให้คนไปตายพลางหัวเราะเหมือนจิตหลอน จนกระทั่งบานประตูเปิดออก ท่าทางเหล่านั้นก็กลายเป็นนิ่งงัน ทุกคนมองภัทรเหมือนตัวประหลาด
ก็จะไม่ประหลาดได้ไง ในเมื่อพวกมึงทำกับกูมาถึงขั้นนี้…
ภัทรได้แต่ยิ้มและก้าวขาออกมาจากห้องน้ำที่มืดมิด หันซ้ายแลขวามองทุกคนที่ทำตัวเหมือนกลัวภัทรผิดปกติ
ภัทรเดินออกมาโดยไม่มีคำพูดใดๆ หลังจากโดนกักขังมาสี่ห้ารอบ ภัทรว่าภัทรไม่กลัวความมืดอีกต่อไป
จากเด็กที่นอนทีหลังต้องเปิดไฟสว่างจ้าตลอดเวลา ก็กลายเป็นเด็กประถมตัวเล็กไม่กี่ขวบที่เริ่มชอบการปิดไฟ และพลอยรู้สึกว่าความมืดไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด กลับเป็นความชาชินที่ตัวเองอยู่ร่วมกับมัน เหมือนเป็นเพื่อนในเวลาเหงาและดำดิ่งในห้วงอารมณ์
เรื่องมันเหี้ยสุดคืออะไรรู้ไหม ?
ตรงที่ภัทรเริ่มไม่หลงเชื่อในคัมภีร์ศาสนา หรือคำที่ว่าการเป็นตุ๊ดกะเทยจะตกนรกทุกข์ทรมาน
ภัทรคิดว่านรกมันก็มาในรูปแบบการทดสอบความอดทนนะ
มันหนักที่สุดก็ตรงที่ภัทรเริ่มแสดงตัวตนว่าชอบพี่คนนั้น จนพี่ที่เป็นเลสเบี้ยนมาปั่นประสาทไปเรียกป้าจิ๋ม ทุกคนต่างมารุมล้อมและอุ้มภัทรไปที่กุโบว์ สถานที่สุสานที่มีคนตายเป็นนับร้อยในธรณี
มันคือความจริง นี่ไม่ใช่การปรุงแต่งหรือนิยายดราม่าห่าเหวไรทั้งนั้น แต่มันเป็นชีวิตที่กูได้รับมาตั้งแต่เด็ก และมันเป็นบาดแผลจนถึงทุกวันนี้ กูในตอนนั้นต้องถูกมัดขึงกับต้นไม้ขนาดใหญ่ตรงกลางสุสาน ส่วนอีพวกญาติๆ ทั้งเด็กวัยรุ่นและผู้ใหญ่ รวมไปถึงคนที่เคยคิดว่าชอบก็มุงดูเราอยู่นอกประตูรั้ว พลางหัวเริงร่าเหมือนเราเป็นตัวตลก
พวกมึงเป็นเหี้ยอะไรกัน
หากกูไม่ใช่คน คนที่เป็นอมนุษย์ก็คงเป็นพวกมึงมากกว่า กูในตอนนั้นต้องดีดดิ้นทั้งแหกปากร้องขอความช่วยเหลือ ตะโกนร้องหาพ่อกับแม่
มึงไม่สงสารกูหน่อยเหรอ ?
กูเป็นเด็กแค่ตัวนิดหนึ่งเองนะ
เป็นเด็กที่ไม่ประสีประสากับโลกอะไรเลย
กูยังไม่เข้าใจอะไรเลยในตอนนั้นว่าตัวเองผิดแปลกจากใครเขา
และกูผิดอะไรที่ชื่นชอบการเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง
มึงไม่แคร์ความรู้สึกกูกันหน่อยเหรอ ลองเปรียบกูเป็นมึงดูสิ มึงจะโกรธเกลียดผู้คนมากแค่ไหนที่ปฏิบัติกับมึงเช่นนี้
เริ่มดำดิ่งกับมันอีกแล้ว…
หมอบอกว่าเวลาภัทรเขียนนิยายอย่าไปอินกับมัน ให้คิดว่ามันคือเรื่องจินตนาการ
แต่จินตนาการที่ว่าดันเป็นอดีตที่เราสะสมมาเนิ่นนาน
ภัทรแหกปากร้องโวยวาย ทั้งกรี๊ดแหลมหูสนั่นคาสุสาน ทุกคนที่มุงดูก็สะกิดกันและไปแอบ ทำท่าเหมือนทิ้งภัทรไว้คนเดียว
ภัทรเริ่มจิตหลุด สติสัมปชัญญะขาดหาย กลายเป็นหยุดนิ่ง
เสียงกรีดร้องโหวกเหวกเงียบสงัด มีแต่ตัวเองที่เริ่มหมุนคอไปมา ภัทรจำอิริยาบถของตัวเองได้หมด จำได้แม้กระทั่งตัวเองมองป้ายหลุมศพยังไง สายตาแบบไหน ทั้งหลุดหัวเราะขำพรืืดออกมา รู้สึกว่าศพคนที่ตายๆ ในที่แห่งนี้ก็เป็นเพื่อนเราที่อยู่ยามเราไม่เหลือใคร
กลายเป็นวิญญาณและความเงียบสงัดที่น่าสบายใจกว่าอะไรทั้งปวง
กลายเป็นตัวเองที่รักการร้องเพลง ปลุกแต่งเพลงเนื้อร้องสาปแช่งทั้งเอื่อยเฉื่อยและดังก้องหวังขับกล่อมคนที่หลับใหลต้องสดับรับฟัง ได้ยินเสียงเพลงสาปส่งและหัวเราะเหมือนคนสติแตก
“ฮ่าๆๆๆๆ” จำเสียงร้องของตัวเองได้ดี มันบ้าคลั่งแค่ไหน มันหมดความอดทนเพียงใด เหมือนครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะไม่ยอมทนตรอมอีกต่อไป
สุดท้ายทุกคนก็เริ่มหวั่นวิตก ต่างจากภัทรที่จิตตกไปเรียบร้อย เห็นคนเริ่มหุนหันกันเข้ามา
รู้ไหมว่าภัทรถูกมัดในสถานที่สุสานเวลาใด ?
มันเป็นเวลาสามสี่ทุ่มได้…
และทุกคนก็เริ่มขวัญหนีดีฟ่อกับเสียงหัวเราะของภัทรแหละมั้ง ถึงได้รีบปลดแก้พันธนาการออกจากตัว พาภัทรออกจากที่สุสาน โดยที่ตัวเองก็มีสายตาเหม่อลอย เดินเอื่อยเหมือนคนเบื่อโลก แต่ในใจนั้นถึงขั้นสาปส่งรอดูวันตายของทุกคน และคอยจดจำสีหน้าของแต่ละคนที่เหยียดยิ้มให้กับเรา
ในยามที่คนสิ้นลมหายใจ ถูกฝังอยู่กับดินในสถานที่สุสาน
วันนั้นจะเป็นวันที่ภัทรแสดงสีหน้าเหมือนที่คุณทำกับเรา…
รู้ไหม ? ความจริงเหล่านี้ภัทรถึงขั้นเอาไปใส่ในนิยาย ‘Buffs impure พิกัดอันตราย ร้ายสัมผัสรัก’ ใส่ปมอดีตของนายเอก ทั้งที่เป็นเรื่องราวของตัวเอง เพราะคิดว่านักอ่านคงไม่ล่วงรู้ อีกทั้งก็มีหลายอย่างที่ใส่ลงไปในจินตนาการ แต่มันก็เป็นเรื่องจริงและความรู้สึกที่จดจำได้อย่างแม่นยำ
ภัทรว่าภัทรเป็นคนจำอดีตได้แม่นนะ แม้ทุกวันนี้จะดูขี้หลงขี้ลืม แต่ภัทรก็พอจะจำเรื่องแย่ๆ ที่เคยโดนกระทำมา
ทุกวันนี้ภัทรรักษาตัว ปัจจัยหนึ่งของเรื่องโรคก็เพราะมีเรื่องนี้เกี่ยวข้องด้วย
ทั้งในด้านความรุนแรงภายในบ้าน…
ทั้งในด้านของศาสนาที่กีดกันเพศสภาพตั้งแต่ช่วงประถมศึกษาปีที่หนึ่ง
เด็กไม่กี่ขวบเจออีกหลายเรื่องที่คุณไม่คาดคิด
และผู้ใหญ่บางคนก็โหดร้ายทารุณกับเด็กมากจนเกินไป
ทำให้เด็กคนหนึ่งรู้สึกว่าตัวเองผิดปกติ
ทั้งไร้ค่า…
ทั้งรังเกียจตัวเอง…
ทั้งเกลียดขี้หน้าเครือญาติ…
ไม่ชอบตัวเอง และก็ไม่รักใครๆ
รู้สึกว่าคนที่อยู่เคียงข้างเราก็มีเพียงเราตามลำพัง
ใครก็ตามแต่ที่ได้อ่านไดอารี่ของภัทร หรือคิดจะเอาเรื่องเหล่านี้ไปเขียน ขอบอกก่อนเลยว่าห้ามเด็ดขาด ภัทรฟ้องแน่ อีกทั้งมันเป็นเรื่องที่เกิดกับเราโดยตรง ฉะนั้นอย่าได้ตัดสินใจโง่ๆ เพื่อให้นี่ต้องมานั่งรอนับเงินในชั้นศาลเลย
หลังจากที่ภัทรโดนขังในที่สุสานก็เกิดไรขึ้นน่ะเหรอ ? ภัทรก็กลับมานอนที่บ้านปกติ รอจนกว่าพ่อแม่จะกลับมาถึงบ้าน เช้าวันต่อมาผู้ใหญ่ก็ปรึกษาหารือกัน สุดท้ายก็ยอมรับเพศสภาพของภัทร
แต่จริงเหรอ ?
มันควรเป็นสิทธิของเราตั้งแต่แรกไหมที่เลือกจะชอบอะไร ? อยากทำอะไร ?
มันไม่ใช่เรื่องของพวกคุณเลยด้วยซ้ำ แต่พวกคุณกลับทำร้ายและสร้างเด็กคนหนึ่งให้จิตตกมาตั้งแต่เล็กจนโต เริ่มร้องไห้และผสมปนเปไปกับเสียงหัวเราะเหมือนคนบ้าไม่เต็มบาท
แต่แท้จริงมันก็แค่ห้วงอารมณ์หนึ่งเท่านั้น หมอบอกกับภัทรมาว่ามันปกติดี…
ฉะนั้นการร้องไห้ไปและหัวเราะไป คงเป็นห้วงอารมณ์หนึ่งก็เท่านั้น
ศาสนา อาจเป็นสถานที่ปักใจและที่พึ่งพิงของใครบางคน แต่ศาสนาสำหรับบางคน ก็นำพาความโหดร้ายให้แก่เด็กคนหนึ่งจนจดจำไม่รู้ลืม
ทั้งคำสาปแช่ง
คำสาปส่ง
รอดูวันตายของแต่ละคน…
ทุกวันนี้คิดเช่นนั้น…
คนที่เรายอมอภัยคือป้าจิ๋ม…
ภัทรอยากบอกว่าไม่โกรธป้าเลยนะ ป้าคงหวังดีกับภัทรแหละ ถึงได้พยายามให้ภัทรเป็นเด็กผู้ชายเหมือนกับคนอื่นๆ เพียงแต่วิธีที่ป้าทำ มันทำให้ภัทรเจ็บปวดมาตั้งแต่เล็ก
ภัทรไม่เคยลืมเลยว่าตอนเด็กตัวเองโดนทำอะไร และทุกคนหัวเราะเยาะกับเพศสภาพของภัทรแบบไหน เพียงเพราะภัทรไม่เหมือนกับพวกเขา
แต่ภัทรรักในสิ่งที่ภัทรเป็น และภัทรให้อภัยป้าจากใจจริง
ภัทรไม่อยากให้เด็กหลายคนโดนเหมือนภัทร ภัทรถึงได้เอาประสบการณ์ที่ตัวเองเคยเจอมาเล่าให้พวกคุณที่อ่านอยุ่ได้รับรู้
ภัทรไม่ได้ต้องการเมนต์จากเรื่องนี้
ภัทรแค่อยากข้ามผ่านความกลัวมันไปให้ได้
เวลาภัทรคิดถึง ภัทรจะแพนิคทุกครั้ง
ภัทรจะฝ่าฟันกับสิ่งนับต่อจากนี้
อีกเรื่องที่มันร้ายแรงและน่าขยะแขยงจนรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องขัดแย้งในห้วงอารมณ์ แถมยังเป็นตราบาปสำหรับตัวเองตั้งแต่เด็กห้าหกขวบนั่นก็คือ…
ภัทรหวังว่าพวกคุณจะเข้าใจและไม่รังเกียจ
ภัทรเคยโดนพรากผู้เยาว์มาตั้งแต่เด็กจนโต
พ่อ แม่… นับต่อจากนี้ก็คงเป็นเรื่องที่ภัทรปกปิดมาเนิ่นนาน เพราะไม่อยากให้พ่อกับแม่ต้องเป็นห่วง
แต่สิ่งที่มันทำร้ายภัทรมาโดยตลอด นอกเหนือจากเรื่องความรุนแรงและการกีดกันเพศสภาพ
สิ่งที่ภัทรทุกข์ทรมาน คือภัทรไม่สามารถหลุดพ้นจากความโง่เขลาที่ตัวเองได้รับรู้เป็นที่ประจักษ์
ภัทรเริ่มเข้าใจความหมายของการมีเพศสัมพันธ์
และมันก็เป็นสิ่งที่น่าเจ็บปวดสำหรับภัทรเป็นอย่างมาก
หากคุณเป็นนักอ่าน…
ภัทรอยากบอกว่านี่คือเรื่องจริง มันไม่ใช่การอำอะไรกันทั้งนั้น
มันอาจดูใช่...ที่เด็กคนหนึ่งจะเจออะไรหลายสิ่งมากเกินจะทนไหว
แต่มันก็คือความจริงที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง และภัทรจะก้าวผ่านเรื่องนี้ไปให้ได้
ภัทรเป็นนักเขียนคนหนึ่ง ที่เคยมีประสบการณ์เลวร้ายจากการโดนล่วงละเมิดทางเพศ จากคนที่อายุมากกว่าตัวเองหกเจ็ดปี…
มันเป็นความไม่รู้ และก็เป็นการสมยอมและไม่สมยอมในคราเดียวกัน
นี่ก็ดึกมากแล้ว คงเป็นหน้ากระดาษที่คุณควรหยุดพักหายใจ
ไว้ตอนต่อไปเรามาคุยเรื่องนี้กันดีกว่า…
บางครั้งความน่ากลัว...อาจเป็นสถานที่ปลอดภัยสำหรับเรา
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in