เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ชีวิตวัยเด็กของเราlookputty
ศาสนา



  • ตุ๊งติ๊งหรือออกสาว นั้นเป็นสิ่งที่ภัทรเริ่มรู้เพศสภาพมาตั้งแต่เด็ก ภัทรชอบเล่นกระโดดหนังยางกับเพื่อนๆ ชอบเวลาได้ลองแต่งหน้าทาปาก หรือเดินบิดขาเหมือนผู้หญิง จนญาติๆ แถวบ้านเราที่เคร่งครัดศาสนาก็เริ่มบทลงโทษให้ภัทรในตอนประถม


    มันแปลกมากที่เด็กคนหนึ่งต้องแบกรับเรื่องทุกข์ระทมหลายเรื่องเข้ามาในคราเดียวกัน


    ตอนนั้นภัทรแอบชอบพีชายญาติตัวเองที่ชื่อ ‘เอิร์ธ’ ภัทรแสดงความรักจนต้องยอมเก็บเงินอดออมเพื่อซื้อของขวัญพวกโมเดลดราก้อนบอลให้กับเขา แต่เอาเข้าจริงภัทรในยามนี้ก็เพิ่งมาตระหนักได้ว่า...มันแค่เป็นสิ่งที่ชื่นชมอีกฝ่ายก็แค่นั้น


    เรืื่องมันแดงก็เพราะว่าภัทรชอบแสดงออกมากจนเกินไป ไม่ว่าจะกิริยาท่าทางที่เหมือนผู้หญิง จนผู้ใหญ่หรือป้าจิ๋มที่อยากให้ภัทรเหมือนกับเด็กชายทั่วไป ต้องถือไม้เรียวทำท่าจะตีภัทร ตอนนั้นพ่อแม่ก็ไม่เคยว่างหรืออยู่ด้วยเลยสักครั้ง เพราะต้องไปทำงา่นที่ต่างจังหวัด บางทีก็กลับดึกดื่น ภัทรถึงได้โดนเครือญาติรุมรังแก และมันก็ทำให้ภัทรโกรธเกลียดจนไม่อยากอยู่ที่นี่จนแม้กระทั่งปัจจุบัน


    ภัทรถูกสั่งให้เดินเหมือนเด็กชาย โดยมีเด็กและพี่คนอื่นๆ ต่างมุงดู ทุกคนต่างหัวเราะขำภัทรกันหมด มันเป็นพื้นที่กว้างและภัทรก็ต้องคอยเดินเหยียบย่ำกับกระเบื้อง พยายามแหวกขาผิดปกติ ท่าทางค่อนข้างเก้ๆ กังๆ จนภัทรอธิบายไม่ถูก แต่ภัทรไม่สามารถเดินได้เหมือนเด็กผู้ชายคนอื่นๆ จริงๆ


    ภัทรถูกสั่งให้เดินหมุนไปมา ไปกลับห้าหกรอจนเหนื่อยจนต้อร้องไห้ และจนกว่าจะพอใจกับท่าทางการเดิน ภัทรรู้สึกว่าตัวเองแปลกแยกจากคนอื่นๆ ยิ่งนั้น


    และภัทรก็โมโหมากที่ทุกคนทำเหมือนกับภัทรเป็นตัวตลก


    ภัทรได้พยักหน้าอิดออดยินยอมว่าจะเลิกเป็นตุ๊ดสมกับที่ทุกคนครหา แต่แท้จริงความรู้สึกเหล่านี้ก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไป ยังไงเสียภัทรก็ยังเป็นภัทร เด็กชายคนหนึ่งที่ชอบการเดินตุ๊งติ๊ง หรือแสดงท่าทางเกินหน้าเกินตาว่าชอบพี่คนหนึ่ง


    ภัทรเริ่มถูกเครือญาติรุมรังแก พอมีคนแกล้งสมใจอยากก็จะรีบไปฟ้องป้าจิ๋ม หลังจากนั้นภัทรก็จะถูกป้าจิ๋มนำภัทรมาขังในห้องน้ำมืดๆ 


    บอกตามตรงว่ามันน่ากลัวมาก ยิ่งกับเด็กคนหนึ่งที่พ่อแม่ชอบเปิดหนังผีดู มันยิ่งทำให้ภัทรจินตนาการต่างๆ นานา ไม่ว่าจะวิญญาณหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัว ภัทรถูกขังอยู่เกือบสิบห้านาทีในครั้งแรก และพันธนาการเหล่านี้จะหลุดพ้นก็ต่อเมื่อภัทรจะยอมเลิกเป็นกะเทย


    ภัทรไม่ยินยอมที่จะทำตาม ทั้งกระแทกบานประตูและบิดลูกบิดกระแทกไปมา ภัทรไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมาขังภัทรในห้องน้ำ ทำเหมือนกับภัทรเป็นเด็กที่ไม่ใช่มนุษย์


    มันไม่มีแสงสว่างไสวเลยสักนิด มีแต่ความมืดมิดที่อำพราง มันน่ากลัวมากจริงๆ จนภัทรตัวสั่นเสียงสั่นไปหมด ภัทรเริ่มจะถูกกักขังในห้องน้ำบ่อยครั้งเวลามีเด็กแถวบ้านเห็นว่าอิริยาบถภัทรไม่เหมือนกับเพศกำเนิด


    ภัทรโดนขังในห้องน้ำและล็อกจากภายนอกอยู่แทบตลลอดทุกอาทิตย์ ทุกช่วงบ่ายของวันหรือยามเย็น ภัทรถูกขังแบบนั้นทุกครั้งเวลาแสดงท่าทางมีจิตใจเป็นหญิง


    “จนกว่าจะยอมเป็นผู้ชาย”


    ทำไมทุกคนชอบพูดแต่คำแบบนี้ รู้ไหมมันทำให้ภัทรประสาทแดกทุกครั้งที่คิดถึง ภัทรโกรธเกลียดจนเริ่มบ้า นึกสาปแช่งจนความชาชินมันเริ่มก่อเกิด ความมืดเปรียบเสมือนเพื่อน เสียงทุบกำแพงก็กลับน้อยลง จากเด็กที่ดิ้นรนแสดงสัญชาตญาณเอาตัวรอด ก็กลับบ้ามายืนเต้นท่ามกลางความมืดมัว ร้องเพลงสาปแช่งให้ไปตายห่า ลงนรกกันไปให้หมด สตงสติไม่เหลือ ทั้งหัวเราะและกระโดดโลดเต้นเหมือนคนจิตป่วย ภัทรเริ่มรู้ว่าตัวเองผิดปกติมาตั้งแต่เด็ก นั่นก็เพราะสิ่งที่พวกมึงทำกันทั้งนั้น


    กูเกลียดมาก เกลียดจนบอกกับพระเจ้าว่าทำยังไงก็ได้ให้พวกนี้ไปตายห่ากันให้หมด อย่าได้มีชีวิตสุขสบายกันอีกเลย เอาให้มันต้องดิ้นรนทุกข์ทรมานเหมือนที่ทำกับกู


    นั่นคือสิ่งที่ภัทรเคยคิดภายในหัว และยังร้องเพลงบ้าๆ หวังให้คนไปตายพลางหัวเราะเหมือนจิตหลอน จนกระทั่งบานประตูเปิดออก ท่าทางเหล่านั้นก็กลายเป็นนิ่งงัน ทุกคนมองภัทรเหมือนตัวประหลาด


    ก็จะไม่ประหลาดได้ไง ในเมื่อพวกมึงทำกับกูมาถึงขั้นนี้…


    ภัทรได้แต่ยิ้มและก้าวขาออกมาจากห้องน้ำที่มืดมิด หันซ้ายแลขวามองทุกคนที่ทำตัวเหมือนกลัวภัทรผิดปกติ


    ภัทรเดินออกมาโดยไม่มีคำพูดใดๆ หลังจากโดนกักขังมาสี่ห้ารอบ ภัทรว่าภัทรไม่กลัวความมืดอีกต่อไป


    จากเด็กที่นอนทีหลังต้องเปิดไฟสว่างจ้าตลอดเวลา ก็กลายเป็นเด็กประถมตัวเล็กไม่กี่ขวบที่เริ่มชอบการปิดไฟ และพลอยรู้สึกว่าความมืดไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด กลับเป็นความชาชินที่ตัวเองอยู่ร่วมกับมัน เหมือนเป็นเพื่อนในเวลาเหงาและดำดิ่งในห้วงอารมณ์


    เรื่องมันเหี้ยสุดคืออะไรรู้ไหม ?


    ตรงที่ภัทรเริ่มไม่หลงเชื่อในคัมภีร์ศาสนา หรือคำที่ว่าการเป็นตุ๊ดกะเทยจะตกนรกทุกข์ทรมาน


    ภัทรคิดว่านรกมันก็มาในรูปแบบการทดสอบความอดทนนะ


    มันหนักที่สุดก็ตรงที่ภัทรเริ่มแสดงตัวตนว่าชอบพี่คนนั้น จนพี่ที่เป็นเลสเบี้ยนมาปั่นประสาทไปเรียกป้าจิ๋ม ทุกคนต่างมารุมล้อมและอุ้มภัทรไปที่กุโบว์ สถานที่สุสานที่มีคนตายเป็นนับร้อยในธรณี


    มันคือความจริง นี่ไม่ใช่การปรุงแต่งหรือนิยายดราม่าห่าเหวไรทั้งนั้น แต่มันเป็นชีวิตที่กูได้รับมาตั้งแต่เด็ก และมันเป็นบาดแผลจนถึงทุกวันนี้ กูในตอนนั้นต้องถูกมัดขึงกับต้นไม้ขนาดใหญ่ตรงกลางสุสาน ส่วนอีพวกญาติๆ ทั้งเด็กวัยรุ่นและผู้ใหญ่ รวมไปถึงคนที่เคยคิดว่าชอบก็มุงดูเราอยู่นอกประตูรั้ว พลางหัวเริงร่าเหมือนเราเป็นตัวตลก


    พวกมึงเป็นเหี้ยอะไรกัน


    หากกูไม่ใช่คน คนที่เป็นอมนุษย์ก็คงเป็นพวกมึงมากกว่า กูในตอนนั้นต้องดีดดิ้นทั้งแหกปากร้องขอความช่วยเหลือ ตะโกนร้องหาพ่อกับแม่


    มึงไม่สงสารกูหน่อยเหรอ ?


    กูเป็นเด็กแค่ตัวนิดหนึ่งเองนะ


    เป็นเด็กที่ไม่ประสีประสากับโลกอะไรเลย


    กูยังไม่เข้าใจอะไรเลยในตอนนั้นว่าตัวเองผิดแปลกจากใครเขา


    และกูผิดอะไรที่ชื่นชอบการเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง


    มึงไม่แคร์ความรู้สึกกูกันหน่อยเหรอ ลองเปรียบกูเป็นมึงดูสิ มึงจะโกรธเกลียดผู้คนมากแค่ไหนที่ปฏิบัติกับมึงเช่นนี้


    เริ่มดำดิ่งกับมันอีกแล้ว…


    หมอบอกว่าเวลาภัทรเขียนนิยายอย่าไปอินกับมัน ให้คิดว่ามันคือเรื่องจินตนาการ


    แต่จินตนาการที่ว่าดันเป็นอดีตที่เราสะสมมาเนิ่นนาน


    ภัทรแหกปากร้องโวยวาย ทั้งกรี๊ดแหลมหูสนั่นคาสุสาน ทุกคนที่มุงดูก็สะกิดกันและไปแอบ ทำท่าเหมือนทิ้งภัทรไว้คนเดียว


    ภัทรเริ่มจิตหลุด สติสัมปชัญญะขาดหาย กลายเป็นหยุดนิ่ง


    เสียงกรีดร้องโหวกเหวกเงียบสงัด มีแต่ตัวเองที่เริ่มหมุนคอไปมา ภัทรจำอิริยาบถของตัวเองได้หมด จำได้แม้กระทั่งตัวเองมองป้ายหลุมศพยังไง สายตาแบบไหน ทั้งหลุดหัวเราะขำพรืืดออกมา รู้สึกว่าศพคนที่ตายๆ ในที่แห่งนี้ก็เป็นเพื่อนเราที่อยู่ยามเราไม่เหลือใคร


    กลายเป็นวิญญาณและความเงียบสงัดที่น่าสบายใจกว่าอะไรทั้งปวง


    กลายเป็นตัวเองที่รักการร้องเพลง ปลุกแต่งเพลงเนื้อร้องสาปแช่งทั้งเอื่อยเฉื่อยและดังก้องหวังขับกล่อมคนที่หลับใหลต้องสดับรับฟัง ได้ยินเสียงเพลงสาปส่งและหัวเราะเหมือนคนสติแตก


    “ฮ่าๆๆๆๆ” จำเสียงร้องของตัวเองได้ดี มันบ้าคลั่งแค่ไหน มันหมดความอดทนเพียงใด เหมือนครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะไม่ยอมทนตรอมอีกต่อไป


    สุดท้ายทุกคนก็เริ่มหวั่นวิตก ต่างจากภัทรที่จิตตกไปเรียบร้อย เห็นคนเริ่มหุนหันกันเข้ามา


    รู้ไหมว่าภัทรถูกมัดในสถานที่สุสานเวลาใด ?


    มันเป็นเวลาสามสี่ทุ่มได้…


    และทุกคนก็เริ่มขวัญหนีดีฟ่อกับเสียงหัวเราะของภัทรแหละมั้ง ถึงได้รีบปลดแก้พันธนาการออกจากตัว พาภัทรออกจากที่สุสาน โดยที่ตัวเองก็มีสายตาเหม่อลอย เดินเอื่อยเหมือนคนเบื่อโลก แต่ในใจนั้นถึงขั้นสาปส่งรอดูวันตายของทุกคน และคอยจดจำสีหน้าของแต่ละคนที่เหยียดยิ้มให้กับเรา


    ในยามที่คนสิ้นลมหายใจ ถูกฝังอยู่กับดินในสถานที่สุสาน


    วันนั้นจะเป็นวันที่ภัทรแสดงสีหน้าเหมือนที่คุณทำกับเรา…



    รู้ไหม ? ความจริงเหล่านี้ภัทรถึงขั้นเอาไปใส่ในนิยาย ‘Buffs impure พิกัดอันตราย ร้ายสัมผัสรัก’ ใส่ปมอดีตของนายเอก ทั้งที่เป็นเรื่องราวของตัวเอง เพราะคิดว่านักอ่านคงไม่ล่วงรู้ อีกทั้งก็มีหลายอย่างที่ใส่ลงไปในจินตนาการ แต่มันก็เป็นเรื่องจริงและความรู้สึกที่จดจำได้อย่างแม่นยำ


    ภัทรว่าภัทรเป็นคนจำอดีตได้แม่นนะ แม้ทุกวันนี้จะดูขี้หลงขี้ลืม แต่ภัทรก็พอจะจำเรื่องแย่ๆ ที่เคยโดนกระทำมา


    ทุกวันนี้ภัทรรักษาตัว ปัจจัยหนึ่งของเรื่องโรคก็เพราะมีเรื่องนี้เกี่ยวข้องด้วย


    ทั้งในด้านความรุนแรงภายในบ้าน…


    ทั้งในด้านของศาสนาที่กีดกันเพศสภาพตั้งแต่ช่วงประถมศึกษาปีที่หนึ่ง


    เด็กไม่กี่ขวบเจออีกหลายเรื่องที่คุณไม่คาดคิด


    และผู้ใหญ่บางคนก็โหดร้ายทารุณกับเด็กมากจนเกินไป


    ทำให้เด็กคนหนึ่งรู้สึกว่าตัวเองผิดปกติ


    ทั้งไร้ค่า…


    ทั้งรังเกียจตัวเอง…


    ทั้งเกลียดขี้หน้าเครือญาติ…


    ไม่ชอบตัวเอง และก็ไม่รักใครๆ


    รู้สึกว่าคนที่อยู่เคียงข้างเราก็มีเพียงเราตามลำพัง


    ใครก็ตามแต่ที่ได้อ่านไดอารี่ของภัทร หรือคิดจะเอาเรื่องเหล่านี้ไปเขียน ขอบอกก่อนเลยว่าห้ามเด็ดขาด ภัทรฟ้องแน่ อีกทั้งมันเป็นเรื่องที่เกิดกับเราโดยตรง ฉะนั้นอย่าได้ตัดสินใจโง่ๆ เพื่อให้นี่ต้องมานั่งรอนับเงินในชั้นศาลเลย



    หลังจากที่ภัทรโดนขังในที่สุสานก็เกิดไรขึ้นน่ะเหรอ ? ภัทรก็กลับมานอนที่บ้านปกติ รอจนกว่าพ่อแม่จะกลับมาถึงบ้าน เช้าวันต่อมาผู้ใหญ่ก็ปรึกษาหารือกัน สุดท้ายก็ยอมรับเพศสภาพของภัทร


    แต่จริงเหรอ ?


    มันควรเป็นสิทธิของเราตั้งแต่แรกไหมที่เลือกจะชอบอะไร ? อยากทำอะไร ?


    มันไม่ใช่เรื่องของพวกคุณเลยด้วยซ้ำ แต่พวกคุณกลับทำร้ายและสร้างเด็กคนหนึ่งให้จิตตกมาตั้งแต่เล็กจนโต เริ่มร้องไห้และผสมปนเปไปกับเสียงหัวเราะเหมือนคนบ้าไม่เต็มบาท


    แต่แท้จริงมันก็แค่ห้วงอารมณ์หนึ่งเท่านั้น หมอบอกกับภัทรมาว่ามันปกติดี…


    ฉะนั้นการร้องไห้ไปและหัวเราะไป คงเป็นห้วงอารมณ์หนึ่งก็เท่านั้น


    ศาสนา อาจเป็นสถานที่ปักใจและที่พึ่งพิงของใครบางคน แต่ศาสนาสำหรับบางคน ก็นำพาความโหดร้ายให้แก่เด็กคนหนึ่งจนจดจำไม่รู้ลืม


    ทั้งคำสาปแช่ง


    คำสาปส่ง


    รอดูวันตายของแต่ละคน…


    ทุกวันนี้คิดเช่นนั้น…


    คนที่เรายอมอภัยคือป้าจิ๋ม…


    ภัทรอยากบอกว่าไม่โกรธป้าเลยนะ ป้าคงหวังดีกับภัทรแหละ ถึงได้พยายามให้ภัทรเป็นเด็กผู้ชายเหมือนกับคนอื่นๆ เพียงแต่วิธีที่ป้าทำ มันทำให้ภัทรเจ็บปวดมาตั้งแต่เล็ก


    ภัทรไม่เคยลืมเลยว่าตอนเด็กตัวเองโดนทำอะไร และทุกคนหัวเราะเยาะกับเพศสภาพของภัทรแบบไหน เพียงเพราะภัทรไม่เหมือนกับพวกเขา


    แต่ภัทรรักในสิ่งที่ภัทรเป็น และภัทรให้อภัยป้าจากใจจริง


    ภัทรไม่อยากให้เด็กหลายคนโดนเหมือนภัทร ภัทรถึงได้เอาประสบการณ์ที่ตัวเองเคยเจอมาเล่าให้พวกคุณที่อ่านอยุ่ได้รับรู้


    ภัทรไม่ได้ต้องการเมนต์จากเรื่องนี้


    ภัทรแค่อยากข้ามผ่านความกลัวมันไปให้ได้


    เวลาภัทรคิดถึง ภัทรจะแพนิคทุกครั้ง


    ภัทรจะฝ่าฟันกับสิ่งนับต่อจากนี้


    อีกเรื่องที่มันร้ายแรงและน่าขยะแขยงจนรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องขัดแย้งในห้วงอารมณ์ แถมยังเป็นตราบาปสำหรับตัวเองตั้งแต่เด็กห้าหกขวบนั่นก็คือ…


    ภัทรหวังว่าพวกคุณจะเข้าใจและไม่รังเกียจ


    ภัทรเคยโดนพรากผู้เยาว์มาตั้งแต่เด็กจนโต


    พ่อ แม่… นับต่อจากนี้ก็คงเป็นเรื่องที่ภัทรปกปิดมาเนิ่นนาน เพราะไม่อยากให้พ่อกับแม่ต้องเป็นห่วง


    แต่สิ่งที่มันทำร้ายภัทรมาโดยตลอด นอกเหนือจากเรื่องความรุนแรงและการกีดกันเพศสภาพ


    สิ่งที่ภัทรทุกข์ทรมาน คือภัทรไม่สามารถหลุดพ้นจากความโง่เขลาที่ตัวเองได้รับรู้เป็นที่ประจักษ์


    ภัทรเริ่มเข้าใจความหมายของการมีเพศสัมพันธ์


    และมันก็เป็นสิ่งที่น่าเจ็บปวดสำหรับภัทรเป็นอย่างมาก


    หากคุณเป็นนักอ่าน…


    ภัทรอยากบอกว่านี่คือเรื่องจริง มันไม่ใช่การอำอะไรกันทั้งนั้น


    มันอาจดูใช่...ที่เด็กคนหนึ่งจะเจออะไรหลายสิ่งมากเกินจะทนไหว


    แต่มันก็คือความจริงที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง และภัทรจะก้าวผ่านเรื่องนี้ไปให้ได้


    ภัทรเป็นนักเขียนคนหนึ่ง ที่เคยมีประสบการณ์เลวร้ายจากการโดนล่วงละเมิดทางเพศ จากคนที่อายุมากกว่าตัวเองหกเจ็ดปี…


    มันเป็นความไม่รู้ และก็เป็นการสมยอมและไม่สมยอมในคราเดียวกัน


    นี่ก็ดึกมากแล้ว คงเป็นหน้ากระดาษที่คุณควรหยุดพักหายใจ


    ไว้ตอนต่อไปเรามาคุยเรื่องนี้กันดีกว่า…



    บางครั้งความน่ากลัว...อาจเป็นสถานที่ปลอดภัยสำหรับเรา



เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in