เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ชีวิตวัยเด็กของเราlookputty
การโดนพรากผู้เยาว์


  • การเป็นเด็กที่โดนพรากผู้เยาว์และถูกล่วงละเมิดด้วยความไม่ประสีประสา หรือหลงผิดจนโง่งม เหตุผลที่ทำให้มีบาดแผลเช่นนี้ก็เพราะภัทรในวัยเด็กถูกล่อลวงด้วยถ้อยคำที่ว่า “อยากทำคนที่ชอบหันมาชอบไหม ?”


    ตอนนั้นภัทรถูกพี่ชายต่างบ้าน หรือก็ลูกชายบุญธรรมของ ‘ป้าจิ๋ม’ ล่อลวงเข้าให้ บอกตามตรงมันเป็นบาดแผลให้ภัทรทุกวันนี้ตื่นตระหนกทุกครั้ง ทั้งหูแว่วและอยากจะร้องไห้ทุกครั้งเวลานึกสัมผัสเหล่านั้น


    แรกเริ่มมันเกิดจากความอยากรู้วิธีที่ทำให้คนรัก จากนั้นก็ถูกมีเพศสัมพันธ์ด้วยความสัมพันธ์ที่ไม่ยินยอม มันทั้งเจ็บและมันก็ปวดร้าวจนช่องทางคล้ายจะฉีกขาด เราทำมันกันโดยไร้การป้องกัน แต่ก็หาได้มีการหลั่งในแต่อย่างใด


    ภัทรทั้งกรีดร้องและร้องไห้หวังให้หยุด แต่มันก็พร่ำบอกว่าทนหน่อยอีกสักพักก็หาย อีกไม่นานก็จะรู้สึกดี ถ้อยคำเหล่านั้นเหมือนคำปลอบประโลมจิตใจ แต่ภัทรก็ดีดดิ้นและรีบกระถดตัวหนี มันเป็นทั้งความสมยอมและไม่สมยอมในคราเดียวกัน จนท้ายที่สุดภัทรก็ถูกเรื่องราวเหล่านี้มาโดยตลอด และมันจะเป็นทุกครั้งที่ภัทรมองตาอีกฝ่ายและเห็นสัญญามือ


    ภัทรจำไม่ได้ว่าภัทรถูกข่มขู่ด้วยไหม แต่ที่แน่ๆ คือเรื่องราวเหล่านี้ไม่คิดจะบอกใครอย่างแน่นอน และมันก็เป็นข้อตกลงของเขา ส่วนตัวภัทรนั้นที่มีปัญหาหลายสิ่งรุมล้อม ก็กลายเป็นเด็กที่โหยหาการโอบกอดและความรักเอาใจใส่ กลายเป็นเด็กที่ดูคล้ายไม่ประสีประสา แต่แท้จริงก็รู้เท่าทันคน เข้าใจความหมายของคำว่าหกเก้าคืออะไร ? ชักว่าวนั้นคืออะไร ? การมีเพศสัมพันธ์ของชายหญิงนั้นเป็นแบบไหน ? ภัทรมักจะอยู่กับกลุ่มพวกพี่ชาย และเห็นพวกเขาในวัยเด็กเล่นเกมโป๊ ซึ่งภัทรมักจะถามตลอดในช่วงตอนประถมว่าสิ่งนี้คืออะไร ? แต่แท้จริงนั้นภัทรรู้คำตอบของมันได้ดี


    ภัทรกลายเป็นเด็กเสพติดเซ็กส์ เสพติดความเจ็บปวดเพื่อหวังให้สิ่งที่เคยทำร้ายตัวเองมันจะจางหาย 


    ภัทรเริ่มถูกฝากเลี้ยงที่บ้านของป้าจิ๋ม อีกทั้งเหตุผลเหล่านี้นั่นก็คือภัทรสนิทกับพี่ชายคนหนึ่งที่ชื่อว่า ‘ไอซ์’ พี่ไอซ์นั้นเป็นคนดี และพี่ไอซ์ก็ไม่เคยรู้เลยว่าญาติหรือพี่บุญธรรมของตนได้ล่วงละเมิดทางเพศภัทร ไม่ว่าจะยามหลับหรือยามตื่น


    ตอนเด็กภัทรพูดตามตรงว่าตัวเองไม่ได้ณุ้สึกขยะแขยงกับมัน แต่กลับคิดว่ามันคือการละเล่นอย่างหนึ่ง เพราะความเชื่อจากปากของอีกฝ่ายที่พร่ำบอก และพร่ำสอน ไม่ว่าจะการให้ภัทรหัดใช้ปาก หรือฝึกร้องครวญครางให้ดังออกมา


    เรื่องราวของเรามันเลยเถิดมาจนภัทรขึ้นมัธยมศึกษา และภัทรก็รู้ว่ามันคนนี้ไม่ได้ล่วงละเมิดภัทรแค่คนเดียว มันกลับไปล่วงละเมิดน้องชายภัทรอีกคนที่ยังเด็กเข้าสู่วัยประถม จนแม่ของเขาจับได้เลยเอาเรื่องใหญ่โต


    ยามนั้นเป็นตอนที่ภัทรตีตัวออกห่างจากมันแล้ว หลังจากที่ตัวเองได้เรียนรู้เกี่ยวกับโรคเอดส์ ซึ่งโรงเรียนได้พาไปเพื่อให้ได้รับการเรียนรู้ของการป้องกัน และการติดโรคด้วยวิธีต่างๆ ภัทรทั้งจำและตั้งใจฟังอย่างมาก จนใจหนึ่งส่วนลึกๆ ก็นึกว่าตัวเองจะติดโรคด้วยหรือเปล่า พอกลับบ้านมาภัทรก็กลายเป็นเด็กจิตตก เริ่มร้องไห้กับตัวเองเงียบๆ พะว้าพะวงไปหมดจนกลัวว่าพ่อแม่จะรังเกียจ และภัทรก็ไม่อยากให้ใครติดเชื้อจากภัทร


    จนภัทรได้ติดต่อไปหาเพื่อนสนิทตั้งแต่วัยประถม พวกเราซี้กันมาก ‘ติ๊ป’ นั้นเป็นกะเทยเหมือนกับภัทร และพอรู้ว่าภัทรถูกพรากผู้เยาว์มาก่อน ทีแรกเพื่อนคนนี้ก็กะจะให้แจ้งความ แต่ภัทรก็ห้ามเพราะไม่อยากให้เรื่องบานปลาย และได้ขอร้องให้เพื่อนไปตรวจเลือดเป็นเพื่อน เนื่องจากภัทรหวั่นวิตกอย่างมาก กลัวจนสั่นไปหมด


    ท้ายที่สุดเราก็นัดกันไปวันหยุด ถ้าหากจำไม่ปิดตอนนั้นภัทรน่าจะอยู่ช่วงปิดเทอม ก่อนจะเดินทางไปคลินิกนิรนามกับเพื่อน มันเป็นการเดินทางครั้งแรกของภัทร และเป็นความน่ากลัวของภัทรในคราเดียวกัน ภัทรพูดกับเพื่อนตลอดเวลาว่ากูจะติดโรคไหม หากติดขึ้นมาจะทำยังไง


    เพื่อนของภัทรก็ปลอบใจในสมัยเด็กด้วยถ้อยคำที่ว่า “เอดส์มันไม่ได้เป็นกันง่ายๆ ถึงเป็นมึงก็ใช้ชีวิตได้ปกติ”


    “แล้วถ้าติดขึ้นมามึงจะรังเกียจกูไหม” ภัทรถามเพื่อนของตตัวเองอย่างหวาดหวั่น


    “ไม่” นั่นคือคำตอบของเพื่อน จนเราเดินทางมาถึงคลินิกดังที่กล่าวเบื้องต้น ภัทรจำได้ว่าเราต้องนั่งรถต่อรถเมล์ เดินเท้าเปล่าจนไปถึงจุดมุ่งหมาย ภัทรเห็นคนมองมาที่ตัวเองเต็มไปหมด เหตุผลเพราะภัทรยังเด็กมากในที่แห่งนั้น ส่วนคนอื่นๆ ก็มีวัยยี่สิบกว่าๆ ขึ้นไป แตกต่างจากภัทรที่อายุเพิ่งสิบสามสิบสี่ ภัทรค่อนข้างกลัวมาก ไปยื่นกรอกรายละเอียดเกี่ยวกับโรค มันจะเป็นข้อมูลลับที่ไม่มีการเผยแพร่ ภัทรเลยเบาใจขึ้นมาได้ 


    ภัทรต้องกรอกประวัติ ว่ามีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่เดือนไหน และได้ป้องกันหรือไม่ หลั่งในหรือเปล่า พอเสร็จภัทรก็ต้องไปเอาใบคิว นั่งรอหลายนาทีอย่างลุ้นระทึก โดยมีเพื่อนคอยบีบมือคอยให้กำลังใจ


    ภัทรเห็นคนออกมาร้องไห้หน้าคลินิกด้วย ตอนนั้นภัทรไม่เข้าใจว่าเขากลัวหรือเพราะได้ผลตรวจเลือดแล้วกันแน่ แต่ภัทรก็ได้แต่หวังว่าเขาจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและเริ่มรู้จักการป้องกัน ภัทรทั้งอวยพรให้เขาและวิงวอนต่อพระผู้เจ้าของตนเอง ร้องขอให้พระองค์ช่วยคุ้มครองลูกด้วย ได้โปรดอย่าให้ลูกติดโรคที่ตนเองนั้นหวั่นวิตกและหวาดกลัว ทั้งยังสัญญาต่างๆ นานาที่ตัวเองก็ทำได้บ้างและไม่ได้บ้าง จนภัทรปัจจุบันรู้สึกผิดต่อพระองค์เป็นอย่างมาก


    พอถึงเลขของตัวเอง ภัทรก็ต้องเดินลงไปชั้นล่างเพื่อพบหมอให้คำแนะนำและคอยซักถามรายละเอียด ภัทรบอกไปหมดและได้เน้นย้ำว่าไม่เคยมีการหลั่งในใดๆ ทั้งนั้น เพราะภัทรกลัวและขยะแขยงเป็นอย่างมาก


    ภัทรอาจจะจำคร่าวๆ บ้างไม่ได้ แต่ก็พอจะจำได้เลือนรางว่าตัวเองถูกเจาะเลือดเพื่อรอดูการตรวจผล ใช้เวลาชั่วโมงกว่าจนภัทรเดินทางกับเพื่อนไปหาขอกินระหว่างรอ


    ภัทรโชคดีที่มีติ๊ป และภัทรก็อยากบอกติ๊ปมากว่ากูรักมึงจริงๆ ขอบคุณนะที่คอยอยู่ข้างกูเสมอ แม้ทุกวันนี้จะมีเพื่อนมากมายล้อมรอบตัวมึง จนบางครั้งกูก็คิดว่าตัวเองถูกทอดทิ้ง แต่ไม่เลย เวลามีปัญหาอะไร จะมีมึงทุกครั้งที่คอยอยู่เคียงข้างและให้กำลังใจ ไม่ว่าจะมุกตลกร้ายที่คอยปลอบใจ และไม่ว่าจะพาไปตรวจเลือดกี่ครั้งกี่หนเพราะกูกลัวว่าตัวเองจะติดเชื้อ เพราะอ่านรายละเอียดว่ามันมีระยะฟักตัว สามเดือน และหกเดือน ถึงแม้ทางคลินิกจะมีผลวิจัยที่สามารถรู้ผลได้ในทันที แต่กูที่จิตตกก็กลัวไปหมด มึงก็คอยไปเป็นเพื่อนเสมอ ขอบคุณมากๆ นะ ที่แม้แต่ตอนทำงาน ก็ยังสละเวลาเพื่อมาอยู่ข้างกู พากูมาส่งที่โรงพยาบาล


    ภัทรได้ผลตรวจเลือดว่าเป็นปกติ ภัทรดีใจและโล่งเหมือนหายใจคล่องคอ และภัทรก็ได้กลับบ้านไปใช้ชีวิตปกติ ถึงกระนั้นข้อมูลที่ภัทรได้เคยศึกษาก็เริ่มทำภัทรหวาดผวา ภัทรไปตรวจเลือดทั้งสามเดือน และห้าเดือน ไล่เลี่ยติดกัน จนกว่าภัทรจะรู้สึกว่าตนเองนั้นปลอดภัยจริงๆ 


    ภัทรกลายเป็นเด็กย้ำคิดย้ำทำแต่สิ่งเดิมๆ คิดมากและหวั่นวิตกตลอดเวลา พอผ่านพ้นไปปี ภัทรก็กลับหลงผิดและเข้าสู่ช่วงดำดิ่งอีกครั้งเพราะคนรอบตัว


    ครั้งนี้กลายเป็นภัทรที่สมยอมและยินยอมพร้อมใจ มันเป็นความคิดที่ฉุกขึ้นมาและทำอะไรอยากปุบปับ ทั้งสีหน้าแววตาความกระเสือกกระสนของตัวเองก็ผิดแปลก จนภัทรรู้ว่ามันไม่ใช่ตัวเอง เพราะทุกครั้งที่ทุกอย่างมันจบ ภัทรจะกลับบ้านมาอาบน้ำชำระล้างกายให้สะอาดหมดจด ภัทรทั้งข่วนจิกผิวเนื้อตัวเอง ทั้งตบตีและคลื่นไส้จนอ้วกกับสัมผัสที่ได้รับ แต่ไม่รู้เพราะอะไรที่ทำให้ภัทรกลับดำดิ่งกับสิ่งเหล่านี้ ถึงได้จมปรักและเสพติดการมีเพศสัมพันธ์เพราะมันเหมือนได้หลั่งความสุขความเครียดของตัวเองไป และตลอดทุกครั้งก็จะกลับมาร้องไห้ฟูมฟายเฉกเช่นเคย ทำร้ายตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า นั่นคือสิ่งที่ภัทรเป็นมาโดยตลอด


    ภัทรตรวจเลือด และก็กลับมาโคจรกับการมีเพศสัมพันธ์ เหตุผลส่วนหนึ่งเพราะความเครียดที่สะสม จนไม่รู้จะเอาไประบายที่ไหน จนอย่างที่บอกกับทุกๆ คนว่าภัทรนั้นเสพติดความเจ็บปวด มันเปรียบเสมือนแผลเป็นที่ไม่มีวันหาย และภัทรก็ถูกตีตราทำร้ายมาตั้งแต่เด็ก ภัทรรู้สึกว่าตัวเองเป็นผ้าขาวที่ดำคล้ำสกปรก จะขยี้เท่าใดก็ไม่มีวันสะอาดหมดจด จนกระทั่งได้มีแฟนคนแรกที่ชื่อ ‘พี่บิ๊ก’ เราทั้งสองต่างรู้จักกันผ่านรุ่นพี่ของภัทร และเริ่มเกมพูดคุยกัน


    แรกเริ่มเกิดจากความชอบ และความชอบก็แปรผันเป็นความรัก ภัทรทั้งขายนิยายแรร์ตัวเองทิ้ง เร่ขายของที่ตัวเองมีเพื่อถ่อสังขารไปหาแฟนที่เรียนอยู่มหาลัยกรุงเทพ เป็นการเจอหน้ากันครั้งแรกของเรา และภัทรก็ใช้ชีวิตกับเขาห้าวัน ทั้งกินข้าว และได้จูบแรกตั้งแต่เข้าห้องมา มันเป็นจูบที่มีความหมายสำหรับภัทร และภัทรก็ได้เล่าให้แฟนคนนี้ฟังหมดว่าตัวเองเคยผ่านอะไรมา


    เขารับได้…


    เขาเสียใจที่เรื่องนี้เกิดกับภัทรด้วยซ้ำ 


    สัปดาห์แรกก็ยังไม่มีอะไรเกินเลย จนภัทรกลับมาบ้านและเก็บเงินค่าขนมและขายของทิ้งจนแทบหมดบ้าน เพื่อทุกเทกับความรักจนเกินพอดี กลายเป็นภัทรที่อยากใช้ชีวิตและอยู่กับเขา อีกทั้งก็เป็นเพราะภัทรอยากให้เขาเป็นคนลบล้างร่องรอยสัมผัสที่เคยเกิด


    ภัทรเริ่มขยะแขยงตัวเอง และภัทรก็ยินยอมที่จะให้แฟนมีอะไรกับภัทร ภัทรบอกแฟนเสมอให้พกถุงยางด้วย แต่ทุกครั้งที่เรามีอะไรกัน เขาก็กลับไม่มีเลยสักครั้ง แต่ภัทรก็ปักใจเชื่อและได้พูดคุยกับเขา เราทั้งสองต่างเชื่อว่าตัวเองไม่เป็นโรค และสัญญาว่าจะไม่มีการหลั่งในใดๆ ทั้งสิ้น จนกว่าภัทรจะยอมรับ


    และภัทรก็ให้เขาหลั่งนอกทุกครั้ง


    จุดจบของความรักคือความงี่เง่าของภัทร ภัทรเหมือนเด็กประถมที่อยากขอนั่นนี่ ชี้เขาให้เป็นอย่างที่ภัทรต้องการ แม้แต่เรื่องเซ็กส์ที่เขาทะนุถนอมร่างกายภัทร ภัทรก็กลับเสพติดความรุนแรง ภัทรกลัวขาดเขาจนเหมือนเป็นแม่เขาที่คอยอบรมสั่งสอน ชี้อะไรก็ต้องให้ทำตาม ห้ามนอกใจ ห้ามไปคุยกับผู้หญิง ห้ามต่างๆ นานาเหมือนเด็กไม่รู้จักโต


    มันเป็นรักครั้งแรกของภัทร จนภัทรทำตัวเหมือนเด็กเพิ่งมีความรัก และไม่รู้จักการวางตัวและเชื่อใจคนรักที่ดี


    หลังๆ มันก็เป็นความผืดของเขาด้วยที่ไม่มีความสม่ำเสมอในสิ่งที่เคยทำกัน ไม่ว่าจะตอนคบกัน สัญญาว่าจะบอกฝันดีตลอดเวลา จนภัทรรู้สึกว่าบางสิ่งบางอย่างเหมือนเราทุ่มเทอยู่คนเดียว แต่พอมาฉุกคิดในปัจจุบัน ภัทรกลับมองว่าสมควรแล้วที่ตัวเองจะโดนแบบนั้น แฟนของภัทรทั้งย้ำบอกว่าให้ภัทรจำในสิ่งที่ตัวเองทำเอาไว้ดีๆ อีกทั้งยังด่าทอและบอกเลิก


    ช่วงเวลานั้นเป็นช่วงที่ภัทรดำดิ่งมากที่สุด และมันก็นำมาสู่ความเลวร้ายไม่จบไม่สิ้น ภัทรที่ถอยออกห่างมาหลายก้าวจากใครคนหนึ่ง ก็กลับหุนหันบ้าบิ่นก้าวขาเลยเถิดไปถึงไหนต่อไหน เพราะภัทรรู้แล้วว่าจุดจบของเราคงไปไม่รอด ภัทรได้กลับไปมีอะไรกับมันอีกแล้ว นั่นก็เพราะภัทรเศร้าที่ถูกหักอก และภัทรก็จะกลับมาวนเวียนกับการตบตีตัวเองและโทรหาเพื่อนให้ไปคลินิกเป็นเพื่อน


    มันคือเรื่องจริงที่ภัทรถูกพรากผู้เยาว์มาก่อน และเป็นการไม่สมยอมและสมยอมใรคราเดียวกัน ความรู้สึกมันข้องข้างจะย้อนแย้ง จนภัทรเริ่มรู้สึกว่าตัวเองผิดปกติ และฉุกคิดว่าตัวเองเป็นโรคหลายบุคลิก เพราะภัทรจะชอบมีสีหน้าที่ปรับเปลี่ยนในฉับพลัน แม้แต่เสียงร้องไห้และกลายเป็นหัวเราะ และก็หัวเราะกลายเป็นร้องไห้ บางทีก็บ้าจนมันผสมปนเป


    ภัทรกลายเป็นคนที่เริ่มอยากสวมบทบาท อยากถูกกระทำความรุนแรงเหมือนที่เคยโดนพ่อแม่ตบตี ภัทรชอบที่จะได้รู้สึกดีกับสิ่งเหล่านั้น แต่พอกลับมาภัทรก็จะมาอ้วกและกรีดร้องกับตัวเองเหมือนคนบ้า


    หลังจากที่ภัทรได้หยุดการกระทำทุกอย่างลงและภัทรได้รับการรักษาตัวโรคซึมเศร้า ภัทรก็พยายามทำตามอย่างที่หมอล่าสุดที่ได้พบ ตั้งคำถามและย้ำกับตนเองทุกเวลา ว่าต่อจากนี้ตัวเองจะเข้มแข็งและจะไม่กลับไปซ้ำรอยเดิม


    ปัจจุบันภัทรหวาดกลัวเวลาเจอหน้ามัน ภัทรจะแพนิคทุกครั้งจนไม่กล้าออกจากบ้าน ภัทรรู้สึกตัวเองไม่ปลอดภัยที่อยู่ในสถานที่บ้านเกิดตัวเองในปัจจุบัน ภัทรไม่อยากมาโคจรเจอมันด้วยซ้ำ จนภัทรคิดว่าถ้ามันตายได้ก็ยิ่งดี


    แต่หมอก็บอกกับภัทร ‘อดีตเลวร้ายที่เคยเกิดขึ้น ให้คิดว่ามันคือเทปม้วนเก่าที่จบไปแล้ว เราจะไม่กลับไปอินกับมันอีก คอยกล่อมสมองอยู่เสมอ เพราะสมองของเรามักจะจดจำสิ่งที่ไม่ดีมากกว่าสิ่งที่ดี ฉะนั้นต้องพยายามมูฟออนจากมัน และพร่ำบอกภายในหัวว่าฉันคือคนใหม่ละ และไอ้สิ่งเหล่านั้นที่เคยเกิดขึ้นมันก็แค่เทปม้วนเก่าที่จะไม่มีวันมามีผลกระทบต่อเราอีก’


    “หมอต้องการจะบอกให้หนูเป็นคนใหม่อย่างงั้นเหรอ ?” นั่นคือสิ่งที่ภัทรเอ่ยถาม


    และใช่ หมอต้องการให้ภัทรเป็นภัทรในรูปแบบใหม่ ภัทรที่ฉุกคิดและหันหลังให้กับอดีตที่เคยผ่านพ้น หากภัทรยังอินกับมันอยู่ภัทรก็จะจมปรักกับมันอีกเนิ่นนาน และหมอก็เข้าใจดีว่ามันยากที่จะลืมอดีต มันไม่มีทางเป็นไปได้เพราะมันเคยเกิดขึ้น แต่ทำยังไงล่ะให้อดีตเหล่านี้ไม่มีผลกระทบกับเราอีก นั่นคือสิ่งที่เราต้องกำจัด และอดีตเหล่านั้นจะไม่มีผลกับเราอีก ต่อให้จะเจอหน้ามัน เราก็จะไม่ตื่นตระหนกหรือหวาดกลัวใดๆ เพราะเราฉุกคิดได้แล้วว่ามันคืออดีตที่เคยผ่านพ้น และเราจะเป็นคนใหม่ที่ดีกว่าแต่ก่อน


    ทุกวันนี้ภัทรทำตามที่หมอพร่ำบอก และก็ได้เล่าเรื่องอดีตให้แม่ฟังเป็นที่เรียบร้อยในวันที่ 28 มกราคม 2563 หลังเที่ยงคืนจนข้ามวันที่29พอดี เนื่องจากแม่ภัทรได้ลงมาหลังจากที่ภัทรพิมพ์ไดอารี่จบ ภัทรเลยตัดสินใจเล่าให้แม่ฟัง


    และแม่ก็อยากให้ภัทรก้าวข้ามผ่านมันไป และคิดบวกอยู่เสมอ


    ภัทรเคยคิดมาตลอดว่าพ่อแม่จะไม่มีวันเข้าใจ หรืออาจจะเข้าใจแต่ทำให้เกิดเรื่องใหญ่โต แต่สุดท้ายแม่ก็กลับรับฟังนิ่งๆ และคอยเป็นกำลังใจภัทร แม่ถามภัทรหมดทั้งผลตรวจเลือดเป็นยังไง และก็ไม่อยากให้ภัทรคิดถึงมันอีก มันก็เหมือนแม่กับพ่อที่ต้องหย่าร้างกัน แม่ก็มีอดีตที่แสนเจ็บปวด ฉะนั้นแม่จะอยู่เคียงข้างกับภัทรไปจนตาย


    ภัทรเชื่อในคำพูดแม่ และภัทรจะเป็นคนเข้มแข็งอย่างที่หมอและแม่ได้บอก ภัทรจะข้ามผ่านมันไปให้ได้ ภัทรจะไม่กลัวมันอีกต่อไป 


    แต่หนึ่งสิ่งที่ภัทรอยากเล่าให้ทุกคนฟังเลยก็คือ อย่าได้ไว้ใจหรือฝากผีฝากไข้กับเครือญาติ หรือคนที่คุณไว้วางใจ หากเป็นลูกของคุณจริง ภัทรอยากให้พวกคุณสังเกตเขาและดูแลเขาให้ดีๆ


    ครั้งหนึ่งภัทรเคยถูกครอบครัวกหนึ่งซึ่งเป็นญาติ จับเด็กให้มาเอากันให้ดู ตอนนั้นภัทรจำได้ดีว่าตัวเองก็เกือบมีอะไรกับเด็กผู้หญิง ตอนนั้นภัทรยังประถมหนึ่งอยู่เลย แต่ครอบครัววิปริตพวกนี้กลับชอบใจที่เห็นเด็กได้กันเหมือนเป็นเรื่องขบขัน


    มันมีอยู่จริงความดำมืดและสกปรกโสโครกของคนเรา


    คุณอาจเป็นพ่อแม่ที่ไว้ใจญาติๆ จนได้ฝากลูกๆ ให้กับคนอื่น


    แต่เชื่อเถอะว่าคุณไม่มีทางเข้าใจส่วนลึกดำมืดของพวกเขาได้ดี


    ที่ภัทรออกมาพูดแบบนี้ไม่ได้อยากจะตีตรามองใครว่ามีความผิดวิปริตกันหมด แต่ภัทรไม่อยากให้เด็กคนหนึ่งต้องเจอเหมือนกับภัทร


    ภัทรไม่ได้เป็นนักเขียนที่ดี


    แต่ภัทรก็หวังว่าตัวอักษรที่ภัทรได้พรรณนาทั้งหลายแหล่จะทำให้พวกคุณเข้าใจลึกซึ้งในสิ่งที่ภัทรต้องการจะสื่อ



    การพรากผู้เยาว์ กฎหมายตุรกีหากข่มขืนและแต่งงาน จะถือว่าไม่ผิดและไม่ได้รับการลงโทษเพราะได้รับการรับผิดชอบ ภัทรมองว่ากฎหมายบ้านี่สกปรกมากๆ และคนร่างกฎหมายก็คงมีตรรกะวิปริตถึงได้สร้างมันขึ้นมา


    หากการพรากผู้เยาว์คือการรับผิดชอบของผู้กระทำ งั้นผู้เคราะห์ร้ายที่โดนกระทำก็คงเจ็บปวดกับอดีตไม่ต่างจากภัทร กลายเป็นคนที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงปัญหาเหล่านี้ได้ ซ้ำยังตกนรกตายทั้งเป็นกับคนที่ช่วงชิงความบริสุทธิ์ของเราไป



    โลกเรามันน่ากลัวมากขึ้นทุกที ขนาดใต้มหาสมุทรยังดำมืด จิตใจคนเราก็คงไม่ต่าง...ต่างมีปริศนาที่เราไม่สามารถคาดเดาได้ ว่าเบื้องลึกมันมีอะไรแอบแฝงอยู่ภายใน


    จงเปิดใจให้กับตนเอง และฟ้าหลังฝนมันอาจจะมี แต่หากฝนยังคงพร่ำตก เราก็แค่เงยหน้ามองและสดับรับฟังยิ้มรับให้กับมัน เพราะบางทีฝนที่มีเสียงฟ้าร้องคำรามจนน่าหวาดหวั่น ก็อาจเป็นสถานที่ที่จะทำให้เราก้าวผ่านข้ามไปได้ด้วยตัวเราเอง แม้ตัวเราจะเปียกปอนจนเส้นผมเปียกลู่ แต่เราก็จะกลับบ้านไปเช็ดตัวให้แห้งกรังสนิทจนกลายเป็นคนใหม่


    โลกอาจจะมอบความโหดร้ายให้กับเรา แต่ก็ใช่ว่าจะมีเราคนเดียวที่เคยเจอะเจอกับเหตุการ์ณเหล่านี้


    ภัทรรู้ว่าบางอย่างมันยากที่จะยอมรับ แต่ตอนนี้ทุกคำตอบและการแก้ไขปัญหามันอยู่ที่คุณจะทำเช่นไร


    หินที่เคยแบก หากมันหนักอึ้งมากก็ฝากแบ่งให้คนอื่นบ้างก็ได้ หากเขายินดีที่จะรับฟังมัน


    การระบายคือการปลอบประโลมจิตใจ การเก็บความทุกข์ในใจอยู่เพียงลำพังคือความทรมาน


    ภัทรคือเด็กน้อยคนหนึ่งที่เคยโดนพรากผู้เยาว์ ใครจะว่ายังไงก็ตามแต่ แต่นับต่อจากนี้ ภัทรจะเป็นเด็กที่เติบโตและเข้มแข็งเพื่อฝ่าฟันกับปัญหาเหล่านี้ไปให้ได้ นับตั้งแต่วินาทีนี้ อดีตจะไม่มีผลกับชีวิตภัทรอีกเช่นเคย


    กล้าที่จะเผชิญกับมัน และเราจะกลายเป็นคนที่เข้มแข็งยิ่งกว่าที่คาดคะเน



เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in