เริ่มกันตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539 ช่วงนั้นถือว่าเป็นปีที่มีการจัดนิทรรศการภาพ 3 มิติผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดแต่ยังไม่ถึงขั้นเป็นภาพวาด 3 มิติ 4 มิติที่เราไปถ่ายรูปกันนะ ส่วนใหญ่จะเป็นภาพถ่ายและใช้การมองด้วยสายตามากกว่า (จ้องกันเข้าไปสิ)


ตามมาด้วยช่วงปี พ.ศ. 2543 ทุกวันเสาร์เวลา 19:15 เราจะนั่งจ่อรอเวลาอยู่หน้าจอทีวีเพื่อรอดูรายการเกมโชว์ประเภทตอบคำถามลุ้นเงินรางวัล ที่มีประโยคฮอตฮิตว่า “เป็นคำตอบสุดท้าย!” แน่ะ รู้จักใช่มั้ยล่ะ รายการเกมเศรษฐี กับคุณไตรภพ ลิมปพัทธ์ ยังไงล่ะ


ช่วงปี พ.ศ. 2541-2549 ถือเป็นยุคของการร้อง เล่น เต้น อ่าน อย่างเกมเต้น ‘แดนซ์ แดนซ์ เรโวลูชัน
ซูเปอร์โนวา’ ก็กำลังมาแรงสุดๆ เรียกได้ว่าตื่นเช้ามา กางแผ่นยางลูกศรเปิดเกมเพลย์สเตชั่น แล้วโดดๆ เต้นๆ เหยียบๆ กันทั้งวัน (แต่ก็ไม่ยักจะผอม)

นอกจากเกมเต้นแล้ว อีกสิ่งที่พลาดไม่ได้ก็คือการร้องเพลงคาราโอเกะ ทั้งเป็นห้องใหญ่ๆ ตามร้านอาหาร หรือจะเป็นตู้คาราโอเกะตามห้างฯ ก็แหกปากกันได้สนุกสนาน (ลืมเรื่องคีย์ไปได้เลย)

ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ผู้คนใส่ใจเรื่องของการอ่านกันมากๆ เรียกได้ว่างานสัปดาห์หนังสือคนแน่นเอี๊ยดจนแทบไม่มีที่จะเดิน ทั้งหอบหนังสือกลับบ้าน ทั้งขอลายเซ็นนักเขียน คึกคักสุดๆ

ตามมาด้วยเทรนด์ฮิตในปี พ.ศ. 2552 ที่คนไทยได้มีโอกาสทักทายเพื่อนต่างชาติ อย่างเจ้าหลินปิง
จนถึงขั้นมีช่องเคเบิลถ่ายทอดสดชีวิตหลินปิงกันเลยทีเดียว (ก็ยังมีคนดูอีกนะ!)

ปี พ.ศ. 2554 ท่าถ่ายรูปสุดฮิตติดลมบนอย่างแพลงกิ้งเข้ามาระบาดหนักในบ้านเรา ท่านอนคว่ำ
ขาเหยียดตรงราบไปกับพื้นถูกแชร์เต็มโซเชียลมีเดีย นอนตั้งแต่บนเตียง โต๊ะกินข้าว ยันถนนจริงๆ

สองเทรนด์ฮิตในปี พ.ศ. 2555 เริ่มจาก เพลงฮิตติดทุกชาร์ตเพลงที่ใครไม่รู้จักถือว่าเชยมาก นั่นคือ
‘กังนัมสไตล์’ กับท่าเต้นม้าย่องของมิสเตอร์ไซ ที่ฟังได้กันตั้งแต่เด็กยันผู้ใหญ่

ไปห้างฯ ทีไรเห็นตู้หนีบตุ๊กตาเป็นไม่ได้ ต้องแวะเวียนเข้าไปดูว่ามีตุ๊กตาอะไรน่ารักๆ บ้าง
แต่ต่อให้แลกเหรียญมาเป็นกำมือ จับยังไงก็ไม่เคยได้สักดี

มาถึงเทรนด์ฮิตสุดท้ายในปี พ.ศ. 2557 เกมมันๆ ที่ทำให้เราต้องนั่งจิ้มมือถือกันทั้งวันกับ ‘คุกกี้รัน’
ฮิตจนยอดดาวน์โหลดปาเข้าไป 50 ล้านเชียวล่ะ