แสงจันทร์ดูไม่สำคัญนักในเมืองใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยแสงสี
เวลาตีหนึ่งครึ่งแล้ว ราตรีอันมืดมิดได้หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งรุ่งอรุณที่กำลังจะมาถึงในไม่ช้า
คืนนี้เขานอนดึก ด้วยความตั้งใจที่จะโอบกอดบรรยากาศอันหนาวเหน็บที่ปีนี้ดูเหมือนจะใจดีกับชาวเมืองเป็นพิเศษ
เพื่อนกับบทสนทนาที่ไม่ค่อยจะมีสาระช่วยให้เขาอบอุ่นขึ้น
เสียงหัวเราะได้คลายความเศร้าหมองให้จางหายไปจากจิตใจ
..
เป็นคืนแรกในช่วงหลายปีที่เมืองหลวงอย่างกรุงเทพมหานครดูต่างไป
เขาแหงนมองขึ้นบนฟ้าที่แปลกตาไป เนื่องจากดวงดาราประดับเยอะกว่าที่เคยเห็น
จันทราครึ่งดวงกำลังลับสายตา และสีแดงขึ้นกว่าเก่า
เขานั่งสังเกตมันมาทั้งคืน ตั้งแต่จันทร์เจ้าลอยอยู่เหนือศีรษะ
คำถามผุดขึ้นมาในหัวว่าทำไมดวงจันทร์ถึงดูไม่ค่อยสำคัญเท่าไรนักในสายตาผู้คน
เป็นเพียงส่วนประกอบของราตรีที่ถ้าหากหายไปคงไม่มีใครสังเกตเห็น
ต่างกับดวงอาทิตย์ที่เปรียบดั่งวัตถุดิบหลักที่ขาดไม่ได้ในทิวากาล
..
ครุ่นคิดในใจถึงบทเพลงท่อนหนึ่งของคณะภูมิจิต
“ที่ที่เดิมผ่านเวลาราวกับเป็นที่ใหม่”
เป็นสถานที่หรือตัวเขาเองกันแน่ที่เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม
วันเวลาได้พัดพาให้เขาพบเจอกับสถานการณ์และผู้คนที่ไม่คาดคิด เขาจึงเปลี่ยนไป หยาบกร้านขึ้นกว่าเดิม ในสังคมที่ดูเหมือนจะคล้อยตามกันไปเสียทุกอย่าง การว่ายทวนกระแสน้ำคงจะเป็นเรื่องที่ดูแตกต่างไม่เข้าพวก การปล่อยตัวเองให้ล่องลอยไปตามกระแสน้ำที่บ้าคลั่ง ปล่อยให้ความเป็นตัวเองเจือจางปะปนไปกับความเชี่ยวกรากของสายน้ำคงง่ายดายเสียกว่า
..
หัวใจตบบ่าของเขาและกล่าวอย่างเป็นกันเอง
“เป็นตัวของตัวเองนี่แหละมึง อาจจะถูกดูถูกเหยียดหยามบ้าง แต่ก็สบายใจดีนะเว้ย อย่าไปวิ่งตามใครเลย หันมาใส่ใจคนที่คอยอยู่เคียงข้างเราดีกว่า”
เขายิ้มตอบรับคำแนะนำ ตอบกลับพร้อมถอนหายใจ
“เฮ้อ ยากเนอะชีวิต คงต้องใช้เวลาเข้าแลกเพื่อเรียนรู้ แล้วก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะต้องนานเท่าไร รู้แค่ว่าเมื่อไรที่ฉันเริ่มต้นที่จะเข้าใจมันแล้ว ความเป็นตัวเองจะยังคงอยู่ในใจฉัน ไม่เลือนหายไปเสียก่อน”
..
เขาสูดควันเข้าเต็มปอด ดับบุหรี่ในมือลง กอดตัวเอง และหลับตาฝันถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นบนถนนชีวิตอันแสนยาวไกล อดีตเป็นเพียงภาพเบลอที่ไม่ต้องการความชัดเจนอีกต่อไป อนาคตเป็นดั่งแสงไฟที่ลอยลับเกินจะไขว่คว้า สิ่งเดียวที่เขาพอจะทำได้คือการปล่อยวาง จากสังคม จากผู้คน จากการคาดหวังจากความเลวร้ายที่จักรวาลได้หยิบยื่นให้
และคงเหลือไว้เพียงสิ่งดีดีให้จดจำ
..
เขาหลุดเข้าไปในโลกแห่งศิลปะ ที่ซึ่งศิลปินแห่งชีวิตสรรสร้างผลงานของตนเองอย่างอิสระ จรดลายเส้นความทรงจำอันล้ำค่าให้หวนคำนึง ลงสีรายล้อมด้วยความฝันที่ไร้ซึ่งการตัดสินถูกผิด และประดับด้วยความรักที่คอยหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณอันเปราะบางแห่งมนุษย์ เกิดเป็นศิลปะแห่งการใช้ชีวิตที่ไร้ซึ่งขีดสิ้นสุด.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in