เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Short Story - เรื่องสั้นPom Sogood
ถ้าฉันบินได้
  •         นก ค้างคาว ผีเสื้อ แมลงวี่ สัตว์เหล่านี้ต่างเป็นสัตว์ที่มีอวัยวะที่มีความสารถในการบินทั้งสิ้น มนุษย์เคลื่อนที่ด้วยการเดินสองเท้า และไม่มีอวัยวะที่มีความสามารถในการบิน แต่ก็ยังมีมนุษย์อีกมากมาย ที่ใฝ่ฝันอยากจะมีปีกบินได้เหมือนนก ได้ท่องไปยังอาณาจักรต่างๆด้วยการบิน แต่ถึงแม้เราจะไม่มีอวัยวะที่เป็นปีก ที่จะสามารถนำพาตัวเราขึ้นจากพื้นดินไปสู่ท้องนภาได้ มนุษย์อย่างเราก็ยังมีสมองที่ปราดเปรื่อง มีความคิดริเริ่ม สร้างสรรค์ และเมื่อรวมกับการปฏิบัติ ลงมือทำจริงแล้ว เราอาจสร้างอวัยวะที่นอกเหนือจากร่างกายของเรา จนอาจทำให้เราสามารถบินได้


            ต้อม เป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่มีความใฝ่ฝันเช่นเดียวกับคนทั่วไป ว่าสักวันหนึ่ง 

      “ ฉันอยากบินได้ ” 

            เพื่อที่จะสามารถเดินทางไปไหนมาไหน ทั้งใกล้ไกลหรือท่องไปทั่วโลก ได้อย่างสะดวกสบาย ง่ายดาย และมีความเป็นอิสระในตัวเอง ต้อมเกิดมาในครอบครัวที่มีฐานะไม่ค่อยดีนัก ทางบ้านประกอบอาชีพเป็นเกษตรกร ต้อมเป็นเด็กขยัน คอยช่วยเหลืองานที่บ้านมาโดยตลอด และยังเป็นคนที่เรียนเก่งอีกด้วย ต้อมรักงานช่าง ชอบซ่อมแซมเครื่องยนต์ต่างๆ ด้วยความสามารถนี้ของต้อม ทำให้ต้อมได้รับทุนการศึกษาเข้าเรียนในโรงเรียนการช่างแห่งหนึ่ง ต้อมเรียนรู้กลไกการทำงานของยานพาหนะที่ผู้คนส่วนใหญ่นิยมใช้อย่างเข้าใจลึกซึ้ง เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เปรียบดั่งวิญญาณของเครื่องยนต์ คือวิญญาณของต้อม ทั้งจักรยาน จักรยานยนต์ และรถยนต์ รวมถึงยานพาหนะขนาดใหญ่อย่างรถไฟ และรถบรรทุก

             ในขณะที่ต้อมศึกษาเล่าเรียนอยู่นั้น ต้อมก็เริ่มหวนกลับมานึกถึงความฝันในวัยเด็กของเขาอีกครั้ง ความฝันที่ว่า “ ฉันอยากบินได้ ” จึงทำให้เขาหันมาศึกษาพฤติกรรมการบิน ทั้งของนก ค้างคาว ผีเสื้อ แมลงวี่ รวมถึงสัตว์อื่นๆที่สามารถบินได้ เขาพยายามที่จะเลียนแบบสัตว์เหล่านั้น โดยการสร้างปีกขึ้นมาหลากหลายรูปแบบ เพื่อมาใช้ในการบิน และขณะเดียวกันนั้นทั้งเพื่อนๆ และอาจารย์ต่างพากันหัวเราะเยาะ เพราะพวกเขาเชื่อว่าต้อมไม่มีทางทำสำเร็จ มันไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่มนุษย์จะบินได้ และมันก็เกือบจะเป็นแบบนั้นจริงๆ ต้อมล้มเหลวหลายต่อหลายครั้งกับการพยายามบินด้วยปีกที่เขาสร้างขึ้น เขาได้ล้มเลิกความคิดที่จะบินให้ได้ และกลับไปตั้งใจเรียนในเรื่องของเครื่องยนต์ และในระหว่างนั้นเขาก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า “เราไม่ได้วิ่งเร็วเหมือนม้า แต่เครื่องยนต์ก็ทำให้เรามีรถยนต์ที่สามารถวิ่งได้เร็วกว่าม้า ดังนั้น ถ้าเราบินไม่ได้เหมือนนก เราก็น่าจะลองนำเอาเครื่องยนต์เข้ามามีส่วนร่วมในการบินของเราได้”

            ต้อมได้พัฒนาเครื่องยนต์จนสามารถบินได้และกลายมาเป็นยานพาหนะลำแรกที่สามารถนำพามนุษย์ขึ้นจากพื้นดินไปสู่ท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ได้ ต้อมประสบความสำเร็จครั้งใหญ่ในชีวิต เขาสานฝันของตัวเองที่ว่า “ ฉันอยากบินได้ ” จนสำเร็จ ทุกครั้งที่ลอยขึ้นฟ้า มุมมองที่เห็นจากด้านบนช่างแตกต่างกับมุมมองข้างล่างยิ่งหนัก


            วันนี้ฝันของต้อมเป็นจริงแล้ว เขาสามารถบินไปไหนมาไหน ท่องอาณาจักรต่างๆได้อย่างสะดวกสบาย ง่ายดาย และมีความเป็นอิสระในตัวเอง แต่ทำไมเขากลับรู้สึกถึงความว้าเหว่ อาจเป็นเพราะเขาสามารถบินได้เพียงลำพัง ไม่มีใครมาอยู่เคียงข้าง เขาจึงอยากให้คนที่มีความฝันเหมือนกับเขา ที่ว่า “ ฉันอยากบินได้ ” มาสัมผัสความรู้สึกนี้ด้วยกันกับเขา ต้อมจึงตัดสินใจเข้าร่วมกับบริษัทยานยนต์แห่งหนึ่ง เพื่อร่วมกันผลิตยานพาหนะที่สามารถบินได้นี้ เพื่อให้ทุกคนได้เติมเต็มความฝันของตัวเองและล้มเลิกความคิดที่ว่ามนุษย์ไม่สามารถบินได้ซะ เพื่อได้เห็นมุมมองที่แตกต่างไปจากเดิม เพื่อได้สัมผัสความรู้สึกแปลกใหม่ และที่สำคัญเพื่อให้ทุกคที่มีความฝันว่าสักวันหนึ่ง “ฉันอยากบินได้” ได้มาสานฝันของตัวเองให้สำเร็จไปพร้อมๆกับเขา


              สิ่งที่ต้อมทำคือการแชร์ความฝันของตัวเองที่สำเร็จแล้วให้กับผู้อื่น ซึ่งถือเป็นการแบ่งปันที่มีคุณค่าอย่างมาก “ สานใบเตย สานใบลาน ให้เสร็จ ก็ไม่เท่าสานฝันให้สำเร็จ ” หากต้อมไม่ยอมแบ่งปันสิ่งที่ตัวเองสำเร็จในวันนี้ ต้อมก็จะอยู่อย่างคนเหงาๆ ที่สามารถบินได้ เพราะไม่มีใครสามารถที่จะบินไปพร้อมกับเขาได้ แต่เมื่อต้อมแบ่งปันความฝันของเขาให้กับคนอื่น สานฝันให้กับคนที่อยากบินได้ นอกจากต้อมจะไม่เหงาแล้ว ยังเป็นที่ยกย่อง นับหน้าถือตา เพราะความสามารถอันน่าทึ่งในที่ทำให้มนุษย์สามารถบินได้ ต่อมาบริษัทยานยนต์ที่ต้อมได้ไปร่วมงาน ก็ได้เปิดตัวยานพาหนะที่บินได้นี้อย่างเป็นทางการและเรียกมันว่า 


    “เครื่องบิน” 



เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in