เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เรื่องน้อยนิดฉบับแมวๆCat's box
ถ้าในโลกนี้ไม่มีนิทาน
  • “กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว...”


    เธอคุ้นว่าเคยได้ยินคำนี้มานานมาก แต่จำไม่ได้ว่าได้ยินจากที่ไหน หรือจากใคร มันเป็นประโยคเล็กๆที่ถูกทิ้งไว้บนหน้ากระดาษ


    ไม่มีสิ่งใดหลงเหลืออยู่เลย นอกจากประโยคเพียงประโยคเดียว เหมือนดวงดาวที่จางหายไปในตอนเช้า หรือฤดูฝนที่พระอาทิตย์ลับไปหลังก้อนเมฆ บางสิ่งเลือนหายไปกับกาลเวลาเสียแล้ว


    เธออยากรู้เหลือเกินว่า”สิ่งนั้น”ที่หายไปคืออะไร 


    เมื่อทนเก็บความครุ่นคิดสงสัยเอาไว้ไม่ไหว เธอจึงตัดสินใจค้นหาความจริง เธอพกประโยคปริศนานี้ใส่กระเป๋าใบโต แล้วออกเดินทางไปยังที่ที่มีคนผู้รอบรู้คนหนึ่งอาศัยอยู่  เขาเป็นคนที่มักจะยุ่งอยู่เสมอ แต่ก็ใจดีและเอื้ออารีพอที่จะตอบคำถามของทุกๆคน เขารอบรู้ในทุกสิ่ง และรู้เกี่ยวกับประโยคที่หายไปนี้เป็นอย่างดี



    เขาคือ นักเล่าเรื่อง



    “ กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว... แล้วยังไงต่อ” เธอถามเขาเมื่อได้พบกัน 

    “ มีอะไรบางอย่างหายไป คุณรู้ไหมว่ามันคืออะไร ”


    เขาบอกว่าเธอรู้จักสิ่งที่หายไปนี้ดี เเต่เธอแค่จำไม่ได้


    “ มันเริ่มมาจากคำว่า ...กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ” เขาเอ่ยถ้อยคำนี้ขึ้น


    “ กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ก่อนที่เธอจะเกิด ก่อนที่แสงจันทร์จะอยู่ในหลอดไฟ ก่อนที่จะมีกระดาษไว้บันทึกถ้อยคำ ตอนนั้นพวกสัตว์ทั้งหลายยังพูดภาษามนุษย์ได้ และมีเรื่องราวเกิดขึ้นมากมาย ”


    แล้วนักเล่าเรื่องก็เริ่มต้นเล่าเรื่อง ในทันใดนั้นเอง สิ่งอัศจรรย์ทั้งหลายต่างก็พร่างพรูออกมาจากเรื่องราวที่เขาเล่าราวกับว่ามีมนต์วิเศษ ทำให้เธอรู้สึกเหมือนได้เดินทางไปกับสายลมบางเบา พัดพาลึกเข้าไปในหุบเขาหิมะของราชินีน้ำแข็ง ย่ำเท้าไปในกระท่อมกลางป่าของเหล่าคนแคระ ปีนป่ายเหนือหอคอยปราสาทสูงชะลูดที่ขังเจ้าหญิงกับมังกรพ่นไฟ โบยบินในก้อนเมฆเหนือต้นถั่วยักษ์ ลู่ลมไปกับเรือของเหล่าโจรสลัดแห่งท้องทะเล


    เขาแนะนำให้เธอรู้จักกับผู้คนมากมายที่เธอไม่เคยพบ ทั้งหนูน้อยสวมหมวกสีแดงผู้ร่าเริง นักพเนจรกลางทะเลทราย เจ้ากระต่ายที่มั่นใจในฝีเท้า  และแมวพูดได้สวมรองเท้าบู๊ต บางครั้งก็มีคนใจร้ายที่ต้องระวัง เธอต้องหลบเลี่ยงภูตผีพราย ของแม่มดเจ้าเล่ห์ วิ่งหนีเจ้ายักษ์ตัวเท่าภูเขา บางครั้งก็ซ่อนตัวจากโจรสี่สิบคน แต่ในทุกครั้งจะมีคนใจดีคอยช่วยเสมอ ทั้งนางฟ้าผู้อารี เจ้าหญิงที่อ่อนหวาน เด็กชายฉลาดหลักแหลม หรือชาวบ้านผู้กล้าหาญ พวกเขาเหล่านั้นล้วนมีน้ำใจต่อเธอ


    เป็นสิ่งที่เธอไม่เคยสัมผัสมาก่อน เป็นโลกที่เต็มไปด้วยการผจญภัยอันน่าตื่นตา


    “ แล้วตอนจบเป็นยังไงหรือ” เธอถามขึ้น เมื่อทั้งเธอและเขาเดินทางมาจนถึงปลายทางของเรื่องราว ในใจลึกๆแล้วเธอรู้สึกเสียดายจนไม่อยากจากดินแดนแห่งนี้ไปเลย


    “ มีตอนจบมากมายหลายแบบ ” 


    เขาพาเธอไปแง้มดูตอนจบในบทสุดท้าย ที่ซึ่งชาวเมืองได้มีความสุขตราบนิจนิรันดร์ ตอนจบอันสุขสันต์ทำให้เธอยิ้มกว้าง แต่ก็มีคนที่โศกเศร้าด้วยเช่นกัน หยาดน้ำตาพร่างพรูบนแก้มเธอ เมื่อได้รู้ว่าเจ้าหญิงเงือกกลายเป็นฟองผุดพร่าพรายในทะเล


    “ มันคือเรื่องโกหกใช่รึเปล่า ” เธอสงสัย เขาปาดน้ำตาให้เธออย่างนุ่มนวล


    “ โอ มันไม่ใช่เรื่องจริงหรอก ” เขากล่าว “ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องโกหกด้วยเหมือนกันนะ ”


    กริ๊ง เสียงเตือนบอกให้รู้ว่าเธอใกล้จะหมดเวลาแล้ว


    “ ฉันต้องไปแล้วล่ะ ขอบคุณมากๆสำหรับเรื่องราวของคุณ ” เธอร่ำลา ถึงแม้จะยังไม่รู้คำตอบว่าสิ่งที่หายไปคืออะไรก็ตาม


    “ แล้วพบกันใหม่จ้ะ ” นักเล่านิทานเอ่ยเสียงอ่อนโยน เขาช่างดูคล้ายคุณพ่อ คุณแม่ หรือใครบางคนที่เธอรักเหลือเกิน


    ในที่สุดแล้ว เธอก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร


    ทว่าตอนที่เธอกลับมา ก็มีคนแปลกหน้ารออยู่มากมาย พวกเขามีสีซีดจาง บ้างก็ตัวเล็ก บ้างก็ตัวโต พวกเขาเคยมีสีสันสดใส แต่ตอนนี้หม่นหมองลงมากเสียแล้ว พวกเขาได้ยินว่าเธอกำลังตามหาสิ่งที่หายไปอยู่ และก็อยากรู้เช่นกันว่าสิ่งที่หายไปคืออะไร


    “ สิ่งที่หายไป คือ ความจริง หรือ ” ใครคนหนึ่งตะโกนขึ้น


    “ รึว่ามันคือ เรื่องโกหก ” ใครอีกคนตะโกนด้วย


    “ เปล่าหรอก มันไม่ใช่ความจริง แล้วก็ไม่ใช่เรื่องโกหกด้วยน่ะ” เธอตอบ รู้สึกคิดถึงนักเล่านิทานจากก้นบึ้งของหัวใจ “ มันไม่สำคัญหรอกว่าเป็นเรื่องจริงหรือโกหก  ”


    “ ถ้างั้นมันคืออะไรล่ะ ” พวกเขาฉงนสงสัย


    “ เรื่องราวเริ่มจากตรงนี้ ” 


    เธอเริ่มต้นเล่า บางสิ่งเบ่งบานขึ้นมาจากสิ่งที่ว่างเปล่า และเบ่งบานขึ้นในใจของเธอด้วย เธอกำลังร่ายเวทมนต์วิเศษ เป็นถ้อยคำหลากสีสันที่พร่าพรายด้วยความฝัน เรื่องราวของผู้คนนับร้อยพันที่เธอไม่เคยพบ ทว่ารู้จักดั่งเพื่อนสนิท เรื่องราวของดินแดนเหนือจรดใต้ที่เธอไม่เคยไป ทว่าคุ้นเคยดั่งบ้านเกิด เรื่องราวความฝันนับร้อยพันราตรีที่ปะปนกันอย่างมหัศจรรย์ค่อยๆแต่งแต้มสีให้ผู้คนที่ซีดจางทีละน้อย พวกเขาประหลาดใจมาก  แต่ก็ตั้งใจฟังเธอเล่าเรื่องราวต่างๆ เรื่องราวที่เติมเต็มผู้คนทั้งหลายให้รู้สึกอบอุ่น ซึ่งเริ่มต้นด้วยคำนี้



    “ กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ...”


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in