ขณะที่นั่งหันซ้ายขวาไปมามองหารถ (ส่วนใหญ่มองไปซ้ายเพราะสาว ๆ เต้นดีเหลือเกิน) และคอยเรียกไม่ให้ลิงน้อยทั้งสองวิ่งออกกลางถนนั้น ไอโฟนยืนบนกะละมังดำ ของตัวเอง อยู่นานนิ่ง ก่อนมีสายน้ำไหลลงขาแล้วสุดท้ายก็สะบัดสั่นทั้งตัว "อ้าวไอ้นี่มันเยี่ยวใ่สกะละมังแน่ ๆ" ผมคิดในใจ ก่อนจะเห็นเจ้าหนูย้ายไปเล่นกะละมังเขียวกับน้อง
-เออก็ขำดี- สงกรานต์อย่างนี้เป็นผมก็ไม่เดินเข้าห้องน้ำหรอก
ปล่อยเนียนไปตามกระแสเช่นกัน
เสียงเฮฮาของเวทีข้างบ้านที่เปิดเพลง EDM ให้สาว ๆ ขึ้นเต้นแบบออกรสออกชาดตั้งแต่ช่วง 4 โมงเย็น ฟังดูแล้วคล้ายความสนุกสนานยังประทับอยู่ แต่ในความจริงแล้วกลับมีเพียงเวทีเดียวให้ละแวกนี้ และก็ไม่ได้มีคนมากมายนัก ถัดมาเป็นหน้าร้านสุกี้ที่ผมกับลูกและแฟนตั้งฐานกัน
ผมนั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ด้านหน้ามีโต๊ะวางอาหาร 2-3 อย่าง ไอโฟนกับไอติมได้กะละมังประจันบานคนละอัน มีก้อยที่วิ่งไปวิ่งมาระหว่างลูกกับกุ้งลวกน้ำจิ้มซีฟู้ด ไม่มีคนเดินอัดแน่น รถราวิ่งได้คล่อง และ ผมก็ไม่เปียกเพราะไม่มีใครสนใจตาแก่หัวล้านนั่งกินขนมจีนหรอก
หลายเสียงบ่นเรื่องความไม่คึกคักของการละเล่นแห่งชาติ ถนนที่โล่งผิดปกติ ความคึกคักมีเป็นหย่อม ๆ ตามเมืองใหญ่ ๆ จะแน่นไปดวยผู้คนตามจุดต่าง ๆ ที่ถูกพื้นที่ราชการจัดไว้ให้ ตามถนนที่ตั้งชื่อเริ่มด้วย "ข้าว..." ต่าง ๆ ก็พอมีคนให้เห็นบ้าง ไม่งั้นก็หน้าห้างสรรพสินค้าที่ต้องการเรียกคนไปแออัดเพื่อจุดประสงค์ทางการตลาดและการค้าขาย ซึ่งตามเมืองเล็ก ๆ แล้วนั่น ช่างเป็นที่น่าโหยหาเพราะไร้ซึ่งสิ่งเจริญตาและไม่สร้างความสนุกสนานได้เท่าที่ควร
แม้วันนี้จะเป็นวันสุดท้ายแล้ว ก็ยังมองไม่เห็นบรรยากาศเก่า ๆ ที่เคยสัมผัส ผมมีเวลานั่งนึกว่าทำไมจึงเป็นเช่นนี้ คร่าว ๆ ที่คิดได้อาจเพราะ สงกรานต์ไม่ใช่ Big Event อีกต่อไป โหมดโซเชี่ยลแย่งความสนุกไปก็คิดว่ามากโข ข่าวคราวความโหดร้าย
การแว้นและออกตีกันของปีเก่า ๆ ก็กีดดันความสนุกไปได้มากเหมือนกัน อีกทั้งทางเลือกในการใช้เวลานั้นมีเพิ่มเติมมากมาย ทั้งเดินห้าง การมีรถของกลุ่มชนชั้นกลางที่เมื่อมีวันหยุดก็ไปตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ได้ง่ายกว่า หรือบางคนเลือกนั่งอ่านหนังสือที่บ้าน หรืออยู่กับญาติที่ชอบเดินทางมากกว่าเดิม
ส่วนตามอำเภอหรือหมู่บ้านต่าง ๆ ก็มีกิจกรรมทุกบ้านมีเครื่องเสียง มีอาหาร มีการถ่ายทอดสดผ่านเฟชบุ๊กเป็นของตนเองแล้วทั้งนั้น ไม่ต้องดิ้นรนผ่านการจราจรอันวุ่นวายเข้ามาในเมืองเหมือนเช่นเดิม รวมถึงบางกลุ่มคนและหน่วยงาน ก็ยังแสดงความอาลัยต่อในหลวงรัชกาลที่ 9 งดงานสังสรรรื่นเริงต่าง ๆ ก็ยังพอมีอยู่บ้างเหมือนกัน
เหล่านี้อาจเป็นเพียงเหตุผลที่ผมพอจะคิดได้ อาจยังมีอีกหลากหลายหรืออาจมีที่ ๆ คนแน่นก็ได้แต่เป็นเราเองที่ไม่ได้ออกตามหาจึงคิดเอง นึกเองว่าเงียบ ว่าไม่สนุกเหมือนเดิม
กลับมาที่สาว ๆ ที่กำลังเต้นคึกคักบนเวที ปีนี้ก็มาน้อย มาเพียง 3 คน แต่ก็ทำหน้าที่ได้ดีอย่างที่สุด ไม่โป๊เปลือย ท่าทางที่ใช้เต้นก็พอเหมาะ เรียกรถที่ผ่านไปมาให้คึกคักได้ดี เท่าที่ดูน่าจะเป็นสาว ๆ ที่ถูกว่าจ้างมาสร้างความครื้นเครง เพราะเวทีมีโปสเตอร์ขนาดใหญ่โฆษณารับงานแสดง
ซึ่งผมก็โอเคกับกลุ่มคนเหล่านี้นะ สร้างสีสัน เปิดเพลงมัน (แม้จะดังไปบ้างในช่วงที่ผมนั่งอ่านหนังสือ) เคยคุยกับสาว ๆ เหล่านี้ ว่าทำไมมาเต้นให้ผู้ชายดู ไม่กลัวเหรอ เหล่านางบนเวทีก็เล่าให้ฟังว่า ก็มีกลัวบ้าง แต่การ์ดหรือคนดูแลก็คอยคุมอยู่ เรามีหน้าที่สร้างความสนุกก็ทำไป จบงานได้เงิน จะมีสักกี่งานที่เราทำได้ในช่วงเทศกาลแบบนี้ ทำด้วย สนุกด้วย เราก็เต้นเป็นหางเครื่องอยู่เป็นประจำอยู่แล้วตามงานต่าง ๆ ซึ่งเอาเข้าจริง ที่นี่อาจปลอดภัยกว่าด้วยซ้ำ
อีกอย่าง เราไม่ได้ทำผิดกฏหมาย แม้หลาย ๆ คนอาจบอกว่านี่คือจุดเรื่องต้นของการทำผิดกฏหมาย ยั่วยุให้เกิดการกระทำไม่ดีต่าง ๆ ทั้งซ่องสุม หรือทำให้ผู้ชายไปกระทำการไม่ดีกับผู้หญิงคนอื่น ถามกลับไปว่า สงกรานต์แบบนี้มีสาว ๆ กลุ่มอื่นไหมที่แต่งตัวยั่วกว่าพวกเรา ต้องยอมรับก่อนว่ามี มีกลุ่มที่ไม่ได้ทำเพื่อเลี้ยงชีพ ทำเพื่อสนุก ทำเพื่อบางอย่าง แล้วนั่นมีการห้ามปรามจับกุมกันหรือไม่ เมื่อผมฟังเหตุผลนี้แล้วก็ไม่ได้เห็นด้วยมากนัก แต่ก็ไม่จำเป็นต้องนำมาถกมากมาย ปล่อยให้มันเป็นไป ดูแลในส่วนที่เรารู้เรื่องหรือเข้าถึงดีกว่า
ผมเริ่มเดินลงไปเล่นน้ำกับเด็ก ๆ และรู้สึกสนุกกว่าถนนที่แน่นเสียอีก โจมตีต่อสู้กับรถน้ำที่มาเป็นระยะ ๆ จากนั้นก็สั่งน้ำแข็งมาถุงนึง แช่น้ำให้เย็นแล้วสาด พร้อมกับคอยฟังเสียงกรีดร้องของเหล่าผู้คนที่อยู่บนรถ (สะใจ ซาดิส นิสัยไม่ดี อย่าทำตามนะครับ) มือก็เย็นและสั่น เลยคิดว่า ไอ้พวกที่อยู่บนรถแล้วเอาน้ำเย็นไปเล่นนี่ ไม่โง่ก็บ้า นั่งเย็นไปกับน้ำที่ตัวเองเอามา หนีไปไหนก็ไม่ได้ น่าสงสารในกระบวนการตรรกะคิดเหลือเกิน
แต่ก็อย่างว่า จะเล่นก็เล่นไป ไม่เสือกซิ
มีเสียงเอะอะจากทางเวที มีกลุ่มผู้ชายมาเต้นมั่วกันพยายามจับเเขนขา ปะแป้งสาว ๆ ก่อนทั้งหมดจะโดนรุมทิ้งด้วยกลุ่มเจ้าถิ่น ไม่ได้ใช้ความรุนแรงหรอกนะครับ ก็โดนเอาน้ำเย็นสาด และพวกเด็ก ๆ ก็เอาแป้งเย็นกำหว่านใส่หน้า และบอกว่าอย่ากวนสาว ๆ เขาทำงาน กว่าหนุ่ม ๆ ขามั่วจะเดินออกมาจากเวทีได้ก็ขาวโพรน แสบตากันถ้วนหน้า
วัยรุ่นคนหนึ่งมาทางกลุ่มผม เข้ามาหาเด็ก ๆ ก่อนพูดว่าขอน้ำล้างหน้าหน่อยครับด้วยเสียงย้วยเมา ผมรีบเดินไปหากลัวเด็กตกใจก่อนพูดว่า "ทางนี้ น้องทางนี้ ในถังน้ำเย็นเดี๋ยวหนาวกว่าเดิม กะละมังดำน้ำอุ่น น่าจะช่วยได้" ก่อนชี้ไปทางกะละมังที่ไอโฟนพึ่งเดินหนีออกมา หนุ่มเมารีบก้มลงล้างหน้าล้างตา เมื่อพอลืมตาได้ถนัดก็เงยหน้ามาขอบคุณผมใหญ่เลย
"น้ำพี่อุ่นจริง ๆ ยังไงผมขอล้างทั้งตัวเลยได้ไหม" ผมรีบยิ้มรับด้วยความปลื้มใจที่ได้ช่วยเหลือคน
"ตามสบายเลยน้อง เอาให้หมดเลย อย่าได้เกรงใจ"
อุ้ย...
ติดตามพูดคุย เพิ่มเติมที่
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in