ตั้งแต่วินาทีที่ผมเห็นน้องสาวทำสิ่งนั้น ผมก็สัญญากับตัวเองว่า จะไม่ทอดทิ้งน้องไปไหนอีก จะคอยดูแลเค้าให้ดีที่สุดตลอดไป แต่ผมจะยังมีโอกาสนั้นอยู่อีกไหม จะยังมีเวลาได้ดูแลน้องสาวที่รักอยู่อีกไหม แล้วเพลงพี่ชายที่แสนดีของ อุ้ย รวิวรรณ จินดา ก็ค่อยๆบรรเลงขึ้นในหัว แต่บาดลึกลงกลางใจ
...ครั้นโดนเขารังแก ร้องงอแงร้องไห้
พี่คนนี้ยังคอยคุ้มครองคุ้มภัย น้องเอยอย่ากลัวใครเขา...
หยดเลือดสดๆแดงฉานส่งกลิ่นคาวเตะจมูก หยดแหมะลงพื้นทีละหยด ทีละหยด จากข้อมือซ้ายที่มีรอยคัตเตอร์แหลมคมกรีดชำแรกเนื้อขาวๆ ออกเป็นริ้วๆ บางๆแต่ลงลึก นับจำนวนบาดแผลไม่ถนัด เพราะตาพร่าลายไปหมด
...สองพี่น้องเดินไป น้องตามพี่ชาย
จับมือจูงน้องไป มองฟ้าอันกว้างใหญ่
ฟ้าคงไกลไป ขี่คอพี่สูงเอง
เลือดเข้มข้นค่อยๆหยดจากถุงเลือด ไหลไปตามสาย เข้าสู่ร่างกายเธอ ราวกับจะเข้าไปฟื้นฟูสิ่งที่สูญเสียไปก่อนหน้า แต่ก็ทำได้เพียงคืนสภาพให้กับร่างกายที่อ่อนแรง แต่ใจที่อ่อนล้าในรัก กับชีวิตที่ยังอ่อนต่อโลกนัก ดิ้นรน ขัดขืน ปฏิเสธ ไม่อยากจะอยู่ต่อไป เมื่อเพื่อนชายอันเป็นที่รักบอกเลิก แค่นั้นเอง น้องสาวผมก็ขอเลือกที่จะจบชีวิตตัวเองลงเสียยังดีกว่า ที่จะเห็นเขาไปกับคนอื่น ในสายตาเราคงมองว่าโง่เขลา แต่ลองนึกดูสิ่ว่าเด็กในวัยวันนั้น เรื่องนี้ช่างยิ่งใหญ่นัก และเป็นทั้งชีวิตของเธอเลย เมื่อใจไม่ตอบรับ ก็ยากที่กายจะดีขึ้น น้องสาวผมจากไปอย่างสงบ และเศร้าซึมที่สุด มือผมที่กุมมือเธออยู่ไม่อาจยื้อยุดชีวิตเอาไว้ ได้แต่ปล่อยให้เธอลอยไปขึ้นฟ้าไกล
น้ำตามันไหลมาจากไหนมากมายไม่รู้ ไหลลงสู่ผ้าที่คลุมหน้าน้องผมเอาไว้ ในชีวิตไม่เคยเสียใจขนาดนี้มาก่อน เฝ้าแต่คิดว่า ถ้าเราใสใจน้องมากกว่านี้ ดูแล ใกล้ชิด และให้ความอบอุ่นน้องเราให้มากกว่านี้ เรื่องทั้งหมดคงไม่ต้องลงเอยแบบนี้ ความรักของพี่อาจเป็นเกราะป้องกันอันตราย หรือเป็นภูมิต้านทานสิ่งที่ไม่ดี ไม่พึงใจ จากภายนอกให้แก่น้องได้ และน้องจะได้รู้ว่า ถึงที่สุดแล้ว ต่อให้ใครไม่เห็นค่าน้อง พี่ชายคนนี้มองเห็นเสมอ แต่พูดไปตอนนี้ก็เปล่าประโยชน์ ผมได้แต่โทษตัวเองซ้ำๆอยู่อย่างนั้น
ความรู้สึกผิดมันถั่งท้นภายในไม่ไปไหน ไม่มีทีท่าว่าจะหมด คิดว่าเวลาจะช่วยคลี่คลาย และล้างคราบไคลแห่งความเศร้าให้จางไป แต่เปล่าเลย มันกลับยิ่งเพิ่มมากขึ้นๆ ราวกับสนิมที่รุมเร้ากัดกินก้อนเหล็กเก่าๆที่เรียกว่าหัวใจให้ผุกร่อน
ภายหลังงานศพ ประตูห้องปิดตาย ไม่ออกไปพบใคร ขังตัวเองอยู่แต่ในนั้น มีเพียงผมกับรูปปั้นหญิงอ้วน ที่น้องสาวปั้นให้เป็นของขวัญวันเกิด ไว้เป็นตัวแทนน้องสาว เมื่อเดือนที่ผ่านมานี่เอง สิ่งเดียวที่ยังยืนหยัด และผ่านช่วงเวลาแห่งความเจ็บปวด และเลวร้ายไปด้วยกัน
ใช่แล้ว ทำไมผมโง่อย่างนี้ ผมเขม็งมองรูปปั้นนั้น ที่มีขนาดใหญ่ครึ่งนึงของตัวน้องผม พลันนึกอะไรบางอย่างออก ในใจมันสว่างโพลงขึ้นมาทันที
DNA จากลายนิ้วมือของน้องสาวผม ที่ติดอยู่บนรูปปั้นเต็มไปหมด น่าจะใช้การได้ในแผนนี้ ผมคิดจะเอาเซลล์ตั้งต้นนั้นมาเพาะ สร้าง ก่อรูปร่างแห่งชีวิตของน้องสาวผมขึ้นมาใหม่ ใครจะรู้ล่ะ มันอาจสำเร็จก็ได้ แต่ถ้าไม่ ก็ไม่มีอะไรเสียหายนี่นา
ภายในตู้เพาะเซลล์ที่ควบคุมอุณหภูมิ ความชื้น ความเย็นเป็นอย่างดี และแสงสลัวรางก็เผยให้เห็น
เซลล์แบ่งตัวอย่างรวดเร็วด้วยเครื่องเร่งอนุภาค แต่ยังช้ากว่าใจผมอยู่มาก ใครจะว่าผิดศีลธรรมยังไงผมไม่ทราบ ผมรู้แค่ว่าผมต้องการลบล้างความรู้สึกผิดบาปในใจผมมากกว่า
ผ่านไปสามวัน ผมนอนไปสามชั่วโมง โดยที่เครื่องเร่งอนุภาคไม่ได้พักเลย ผลลัพธ์ที่ได้น่าอัศจรรย์ใจ แขนหนึ่งข้างปรากฎอยู่ตรงหน้า แขนขาวๆที่เมื่อก่อนเคยมีบาดแผลแห่งความเจ็บปวดเป็นริ้วๆ แต่กับแขนใหม่นี้ช่างเนียนสนิทไร้ร่องรอยใดๆ ผมหัวร่อหึหึในใจ เห็นไหมเราเปลี่ยนอดีตได้ เราแก้ไขตำหนิทั้งหมดมวลที่เคยมีมาได้
แต่ก่อนที่ความสำเร็จ จะก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างอย่างสมบูรณ์ กลับกลายเป็นว่าแขนข้างเดียวนั้นใหญ่ขึ้นๆ จนทะลุกระจกตู้ออกมา และพุ่งตรงเข้ามาบีีบคอผมแบบหันหลบแทบไม่ทัน จวนเจียนจะขาดอากาศหายใจอยู่รอมร่อ
ฉับพลันร่างผมกระตุก ฉุดผมออกจากภวังค์ อากาศรอบข้างหยุด เย็น ยะเยียบ ผมค่อยๆใช้หางตา เหลือบมองแขนข้างเดิมที่อยู่ในตู้ด้วยความหวาดกลัว แต่ก็โล่งใจได้ เมื่อเห็นยังวางอย่างนิ่งสงบเช่นเดิม
ชั่งใจอยู่นานว่าจะไปต่อกับโครงการนี้ดีหรือไม่ นิ้วชี้ผมสั่นระริกออกอาการลังเลอยู่เหนือปุ่ม Shut down
ระหว่างวินาทีตาย วินาทีเป็นนั้น ภาพในหัวก็ฉายซ้ำราวกับมิวสิควีดีโอ ภาพน้องสาวขี่คอพี่ชาย ค่อยๆเหยียดแขนขวาขึ้นเพื่อคว้าดวงจันทร์ที่สุกสกาวงดงาม ฉับพลันกลับมีเลือดสีแดงข้นไหลเยิ้มไม่ขาดสาย
ออกมาจากข้อมือขวา
แต่เดี๋ยวก่อน มีบางอย่างไม่ถูกต้อง น้องสาวผมกรีดข้อมือซ้ายของตัวเองเพื่อฆ่าตัวตาย แต่ทำไมภาพในหัวผมจึงเห็นเป็นข้อมือขวา ที่มีเลือดไหลนองออกมา ผมจำผิด ผมสับสน หรือเพราะอะไร มีบางสิ่งไม่ตรงกัน ภาพที่ผมเห็นจริงๆในวินาทีที่น้องจากไป กับภาพในหัว ผมจะเลือกเชื่อภาพไหน ผมรีบลุกจากเก้าอี้
เพื่อชะโงกไปดูแขนเจ้าปัญหาในตู้กระจก แต่พบว่า มันหายไปแล้ว
ไม่เป็นไร ใจเย็นๆ ผมคงเครียดและเบลอจากการอดนอนมากไป สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และตั้งสติให้มั่น แล้วมองดูมันอีกที คราวนี้นอกจากจะไม่ไปไหนแล้ว ยังมีช่วงตัวด้านบนงอกออกมาอีกด้วย ผมกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ ใกล้ความจริงเข้ามาอีกขั้นแล้ว อีกไม่เกินสามวัน ผมจะได้น้องสาวตัวเป็นๆสมบูรณ์แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ กลับมาแน่นอน คราวนี้ผมก็งีบหลับได้ แล้วปล่อยให้เครื่องทำงานต่อไป
น่าแปลก ในฝันผมเห็นหน้าแฟนเก่าลอยมาเป็นห้วงๆ พร้อมแสยะยิ้มอย่างขำขื่นกับอะไรบางอย่าง ผมไม่เคยฝันเห็นเธอมานานแล้วตั้งแต่เราห่างกัน หรือจะพูดให้เคลียร์ๆก็ตั้งแต่เราเลิกกัน เพราะผมไปเรียนต่อเมืองนอกน่าจะเป็นสิบปีได้ พร้อมทั้งข่าวคราวของเธอก็เงียบหายไปราวกับสายลม ก็แค่รักในวัยเรียนนั่นแหละครับ จะไปจริงจังอะไรมากมาย ผมเลยไม่ได้เอามาใส่ใจ ในหัวผมตอนนั้นมีแต่เรื่องเรียน เรียน และก็เรียน เพื่อเป็นนักวิทยาศาสตร์ไทยที่ประสบความสำเร็จในระดับโลกให้จงได้
ตัวเลขดิจิตอลบนเครื่องเร่งอนุภาคนับถอยหลัง เพื่อเปิดเผยความสำเร็จครั้งแรก การสร้างมนุษย์จาก DNA จากลายนิ้วมือที่ติดบนวัตถุ แต่ผมขอเก็บความยินดีนี้ให้เต้นโครมคราม อยู่ภายในใจเพียงผู้เดียว เพราะถ้าข่าวแพร่กระจายออกไป อาจจะเป็นจุดบอดให้สื่อมวลชน และนักวิชาการหัวเก่า โจมตีผมในแง่ผิดศีลธรรมก็เป็นได้ ผมแค่อยากได้น้องสาวกลับคืนมา ไม่ได้อยากดัง
พอคำว่า Completed เรืองแสงขึ้น ตู้ก็เปิดออกโดยอัตโนมัติ แล้วมือขาวๆ ค่อยๆยื่นออกมา ตามด้วยเท้าข้างขวาที่ก้าวออกมาก่อน เพราะแสงสลัวภายในห้อง และผมยาวสยายที่บังหน้าตาจนมิด ทำให้ผมเห็นสีหน้าไม่ชัด แต่ทันทีที่น้องสาวผม เอามือข้างหนึ่งค่อยๆคลี่เส้นผมดำอมแดงออก ราวกับเปิดม่านโรงละคร
ใจผมก็หล่นไปที่ตาตุ่มในบัดดล เพราะใบหน้านั้นมาพร้อมยิ้มแสยะ แบบเดียวกับรอยยิ้มของแฟนเก่าผมเป๊ะ นี่มันตลกร้ายอะไรกัน ขนลุกพึ่บทั่วตัว ลมหายใจแทบหยุด
ไม่ได้เจอเธอนานก็จริง แต่ผมจำได้ไม่ลืม มีผู้ชายคนไหน จะจำหน้าแฟนเก่าตัวเองไม่ได้ล่ะ เพียงแต่มันไม่ควรจะมาเจอกันในที่แบบนี้ ในสถานการณ์อย่างนี้ และที่สำคัญคือในเวลานี้ ผมงงไปหมดแล้ว พยายามล้วงลึกเข้าไปในสมองส่วนความทรงจำ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเธอ หลังจากที่เราเลิกกัน ไม่ใช่สิ่ ไม่ใช่เรา ที่ถูกคือ หลังจากที่ผมเลิกกับเธอ หลังจากที่ผมทิ้งเธอ
สิบปีก่อนหน้า น้องสาวผมประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ โชคดีที่รอดมาได้ แต่ก็อาการสาหัสมาก แขนขวากระดูกแหลกละเอียดต้องตัดทิ้ง แล้วก็เหมือนโชคช่วย เธอได้รับการผ่าตัดเอาแขนขวาชิ้นใหม่ใส่เข้าไป โดยเป็นแขนของผู้วายชนม์ที่บริจาคอวัยวะให้กับโรงพยาบาล หลังการผ่าตัดไม่มีผลข้างเคียงอะไร
แขนใหม่ก็ต่อเข้ากับร่างกายน้องผมได้เป็นอย่างดี ไม่มีอาการต่อต้าน หรืออักเสบใดๆเกิดขึ้น แต่ต้องพักรักษาตัวอยู่หลายเดือน และฝึกการใช้แขนที่ถูกต้อง จนสามารถกลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติได้อีกครั้ง
ผมไม่เคยสังหรณ์ใจเลยว่า แขนขวาที่น้องสาวได้มาจากการบริจาคนั้น เจ้าของแขนข้างนั้น จะเป็นเธอ แฟนเก่าของผม ซึ่งไม่อยากเชื่อเลยว่า แฟนเก่าของผมก็เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย ด้วยการกรีดข้อมือซ้าย เหมือนที่น้องผมทำนั่นแหละ คุณลองเดาสิว่าไอ้ผู้ชายชั่วๆคนไหน ที่มันหักอก ที่มันทิ้งเธอ ที่มันทำให้เธอเสียใจจนไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไป และก็ไม่แปลกใจเลยที่ DNA ที่ผมเอามาเพาะและสร้างชีวิตขึ้นมาใหม่ ซึ่งได้จากรูปปั้นที่น้องสาวผมปั้นนั้น จะเป็น DNA ของแฟนเก่าผม
หึหึ มาถึงวินาทีนี้คงต้องหัวเราะให้กับโชคชะตา แล้วก้มหน้ารับผลของการกระทำไป เพราะไม่ว่าเทคโนโลยีจะก้าวล้ำแค่ไหน แต่กรรมก็ไล่ทันเสมอ แฟนเก่าผมแสยะยิ้มรออยู่ตรงหน้า และแขนเจ้าปัญหา ก็เตรียมบีบลงที่คอผม เพื่อหยุดลมหายใจ และปลดปล่อยชีวิตผมให้หลุดลอยตามเธอไป ในดินแดนที่วิทยาการของมนุษย์ยังก้าวล่วงไปไม่ถึง
Photo credit: Emotionally charged scrap metal sculptured by Karen Cusolito
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in