เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
บันทึก once บวชMongkhon Khothong
วันอุปสมบท
  • ตอนที่ 5 วันอุปสมบท

       ภาพที่เราคุ้นชินของงานอุปสมบทที่คนส่วนมากคงเป็นการแห่นาครอบอุโบสถ มีเครื่องเสียงดนตรีคอยสร้างความรื่นเริงภายในงาน มีเพื่อนร่วมงานคับคั่ง สีกาถือหมอน พ่ออุ้มบาตร แม่ถือผ้าไตร ตามขนบประเพณีไทยจากประสบการณ์ที่ผู้เขียนเคยได้พบเจอมา ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความสบายใจของคนจัด ทำอะไรแล้วสบายใจไม่เดือดร้อนก็ทำไปเถอะ

       ถ้ากล่าวถึงวันอุปสมบทของผู้เขียนนั้นก็ได้เป็นไปตามประสงค์ที่เคยกล่าวไว้ในช่วงแรกว่าจะไม่มีงานเลี้ยง งานดื่ม ไม่ได้สังสรรค์หรือเชิญใครนัก เพียงแต่บอกกล่าวให้คนรู้จักได้ทราบและร่วมอนุโมทนาบุญด้วยกันเป็นพอ ไม่ได้มีฤกษ์งามยามดีอะไร พระอาจารย์เลือกให้วันที่พร้อมที่สุดของทุกฝ่าย ทั้งตัวของผู้เขียนและญาติพี่น้อง รวมทั้งพระอุปัชฌาย์ที่ได้นัดให้บวชพร้อมกับคนอื่นอีกสองคน เพื่อท่านจะได้ง่ายไม่ต้องรับนิมนต์หลายครั้ง เอ้อง่ายดีแฮะไม่ยุ่งยากหลายคน

       และในช่วงเช้าของวันผมก็ดำเนินชีวิตตามปกติที่อยู่วัดมาก เช้าออกเดินตามบิณฑบาตเช่นเคย กินข้าว ปัดกวาดศาลาเสร็จ กินกาแฟซักหน่อย เหลือเวลาอีกชั่วโมงกว่าค่อยถึงเวลาที่กำหนดไว้ค่อยกลับมาอาบน้ำเปลี่ยนชุด ทบทวนบทท่องซักเล็กน้อยก่อนออกมาเจอญาติ ๆ ที่มาร่วมงาน

       ญาติพี่น้องผมนั้นไม่ถึงสิบคน ฮ่า ๆ ๆ มีพ่อ พี่ชายกับแฟน ลุงป้าน้าอารวมแล้วหกคน
    ดูเหงา ๆ นะ หลังจากมองไปญาติของอีกสองคนที่มาบวชพร้อมกันน่าจะครึ่งค่อนศาลาเลยทีเดียว แต่ไม่เป็นไรเราเอาที่สะดวก เนื่องจากบวชไกลจากญาติทางแม่เลยไม่มีใครสะดวกมา พี่ชายผมก็มาพร้อมกับแกงสองหม้อเพื่อเลี้ยงญาติโยมที่มาร่วมงาน ส่วนมากก็เป็นคนที่มาวัดประจำนั่นเอง

       ก่อนที่จะเข้าพิธีครูบาที่เป็นพระพี่เลี้ยงท่านก็พากล่าวขออโหสิกรรมพ่อ โดยการนั่งหน้าท่านถือพวงดอกไม้กล่าวขออโหสิกรรม นาทีนั้นผมเพิ่งจะกล่าวยังไม่จบท่อนแรก ผู้เป็นพ่อก็มีน้ำตาไหลออกมา น้ำตาแห่งความยินดี น้ำตาความสุขที่ท่านหวังจะได้เห็นสิ่งนี้ ขณะเดียวกันนั้นผมก็เกิดความปีติเป็นอย่างมาก น้ำตาก็จะไหลเกือบกล่าวไม่จบแหนะ
    ก็ได้ทราบซึ้งกันไปหนึ่งที

       ตัดภาพมาถึงตอนเข้าพิธีอุปสมบท มันตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก อีกสองคนที่กล่าวก่อนผมแทบจำไม่ได้แต่พระท่านก็บอกถ้าจำไม่ได้ ส่วนผมนั้นซ้อมมาอย่างหนักหน่วงกล่าวเสียงดังฟังชัดถูกอักขระและทำนอง ก็ได้รับคำชมจากพระอุปัชฌาย์มา ถือเป็น first impression ที่ดี ฮ่า ๆๆๆ ถ้าถามว่าทำไมต้องท่องให้ถูกอักขระและทำนอง พระอาจารย์ท่านบอกว่าที่จริงก็ขานแบบปกติก็ได้ แต่ถ้าขานแบบภาษามคธ(ภาษาในสมัยพุทธกาล)มันก็ดี ไม่ได้ดีกับใคร ดีกับตัวเราเองนี่แหละ มันแสดงถึงความตั้งใจจริง ๆ

       พิธีในของผมนั้นง่ายมาก ๆ ทำแป๊บ ๆ เสร็จ ไม่ได้มีพิธีตามประเพณีไทยนัก เอาแบบใกล้เคียงต้นฉบับเลย ฮ่า ๆๆ การเปลี่ยนแปลงสถานะของผมเกิดขึ้นอีกครั้งแล้วสิ

    จากมนุษย์ธรรมดากลายเป็นพระในไม่กี่ชั่วโมง เอ้าาา นึกในใจต้องทำตัวยังไงวะเนี่ยย

       พอส่งญาติพี่น้องกลับเสร็จก็ไปนั่งฉันปานะตามปกติของวันและได้รับคำแนะนำจากพระอาจารย์ ครูบา คอยแนะนำข้อห้ามต่าง ๆ สิ่งที่อันตรายที่สุดคือ! การคุยกับผู้หญิง ท่านก็แนะนำว่าคุยถามข่าวคราวได้แต่ห้ามบอกรักบอกคิดถึง เอาง่าย ๆ คือห้ามพูดจีบเขาน่ะ ฮ่า ๆๆ เพราะงั้นใครที่จะบวชเนี่ยอย่าเพิ่งจีบสาวเลย มันจะขาดตอน ฮ่า ๆๆๆ ที่ห้ามมาก ๆ เป็นเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ ที่ต้องระวังเพราะโทษหนัก ส่วนอย่างอื่นโทษเบาค่อย ๆ เรียนรู้ไป

    และว่าด้วยเรื่องการบวช

       ทว่าการบวชในค่านิยมของคนไทยนั้นถือการบวชพระเป็นการตอบแทนบุญคุณพ่อแม่
    บวชแล้วจะได้บุญ พ่อแม่จะได้เกาะชายผ้าเหลืองขึ้นสวรรค์ ถ้าเรายึดค่านิยมแบบนี้งั้นผู้หญิงก็คงไม่มีโอกาสได้ตอบแทนบุญคุณพ่อแม่เลยสิ ซึ่งผิดแปลกจากสมัยพุทธกาลมามาก

       ความจริงของการบวชคือบวชเพื่อหาทางพ้นทุกข์ มีจุดประสงค์เดียวนี้จุดประสงค์เดียวเท่านั้น ส่วนพ่อแม่เกาะชายผ้าเหลืองก็เป็นกุศโลบาย คือว่าถ้าลูกบวชแล้วพ่อแม่ก็จะได้เข้าวัดวาอารามบ้าง ได้ทำบุญทำทานในขณะที่ลูกบวชนั่นเอง ตามความเชื่อชาวพุทธ

       ผู้เขียนมองว่าถ้าบวชโดยการบังคับกัน บวชโดยใจจริงไม่ได้อยากบวช มันก็ไม่ได้เป็นการตอบแทนบุญคุณอะไรหรอก สู้ไปกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตา พาท่านไปเที่ยว พาท่านออกกำลังกาย ถ้าอยู่ไกลก็โทรหาท่านบ่อย ๆ ไม่ดีกว่าหรือ

       เพราะงั้นก็ไม่ควรบังคับกัน จากจะเป็นการสะสมบุญมันจะเป็นการสะสมบาปแทน
    บวชกายบวชง่าย บวชใจบวชยาก


    บุญ = สิ่งที่ดี ที่ทำแล้วนำความสุขใจมาให้
    บาป = สิ่งไม่ดี ที่ทำแล้วนำความทุกข์ใจมาให้

    #บันทึกonceบวช

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in