นี่เป็นการนั่งรถไฟที่ไม่ชินที่สุดในชีวิต
เพราะมันเงียบเกินไป และ สงบเกินไป
ไม่มีคนเดินมาขายไก่ย่าง ไม่มีคนเมาโวยวาย ไม่มีเจ้าหน้าที่เดินไปเดินมา
มีแต่เสียงรถไฟกระทบรางเบาๆ เป็นระยะๆ
เหมือนตัดตัวเองออกไปจากความวุ่นวายของโลกใบนี้
และเหมือนกับตอนจบของหนังสือเล่มเดียวที่ผมพกติดตัวไปในทริปนี้... Into the wild
ตอนท้ายของเรื่อง ชายหนุ่มผู้เป็นพระเอกก็ได้อยู่ในสิ่งที่ตัวเองฝันเอาไว้ คือ อยู่ตัวคนเดียว ไม่ต้องมีสังคม ไม่ต้องยุ่งกับใคร ใช้ชีวิตอย่างสันโดษไปจนถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิต
ใช่ เขาได้ทำตามสิ่งที่ตามหามาตลอด แต่ เมื่อโมงยามของความตายมาถึง เขากลับระลึกได้ว่า
"อยู่คนเดียวมันว่างเปล่าเกินไป"
ผมพยักหน้ากับตัวเองเบาๆ
จริงอยู่ การออกเดินทางแบ็คแพ็คตัวคนเดียว ใช้ชีวิตให้ประหยัดที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผจญภัยไปกับความอิสระเสรีในเมืองแปลกหน้า มันคือความฝันเล็กๆ ของผมที่สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยทริปนี้
แต่ก็มีหลายครั้งหลายหน ที่มัน "ว่างเปล่า" อยู่ข้างในจิตใจ
บางทีก็เหงา ไม่รู้จะคุยกับใคร เจอปัญหา ก็ไม่มีใครให้เราระบายใส่
อีกอย่างคือ ทริปนี้ผม "ตึง" เกินไปจริงๆ นะ
พอมีความงกเป็นตัวตั้ง ก็ทำให้พลาดอะไรไปหลายอย่าง ของกินที่น่าลองก็ไม่ได้ชิม หรือ ความยากลำบากบางอย่างที่พอใช้เงินช่วยแก้ไขได้ ก็ดันปล่อยผ่านไป
สนุกมั้ย มันก็สนุกดีนะ แต่คงสนุกกว่านี้ได้อีก ถ้ายอมจ่ายเพื่อนซื้อประสบการณ์บ้าง
ผมเข้าใจเสียยิ่งกว่าเข้าใจกับประโยคที่ Alexander Supertramp ชายหนุ่มในเรื่องเขียนเอาไว้ก่อนที่เขาจะลาจากโลกนี้ไป
"Happiness is real when shared - ความสุขจะมีอยู่จริง เมื่อเราแบ่งปันมัน"
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in