เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
[SR] ทริปโกงความตาย ไปมาเลย์ราคา 0 บาทgeekjuggler
006: เป้าหมายเดียวในปีนัง
  • "พีระ ถ้ามึงไปปีนังนะ ต้องไป Penang Hill ให้ได้"
    พี่นัด รุ่นพี่ที่ผมเคารพบอกกับผมกลางวงสนทนาที่กรุงเทพ เมื่อผมเล่าให้เขาฟังว่ากำลังจะออกเดินทางทริปหฤโหดสัสรัฐมาเลเซียที่กำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้
    เดินตามผู้ใหญ่หมาไม่กัด ฉันใด เที่ยวตามผู้ใหญ่คงไม่พลาดฉันนั้น
    โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คำแนะนำจากรุ่นพี่ที่เจนจัดด้านการเดินทางมาหลายต่อหลายประเทศแล้ว

    ดังนั้น ปีนัง ฮิลล์ จึงเป็นเป้าหมายเดียวในเมืองปีนังของผมที่ตั้งเป้ามาจากบ้าน

    หลังจากซัดข้าวเช้าฟรีจากเกสต์เฮ้าส์ เดินเล่นชมตลาดยามเช้าเรียบร้อย
    ผมก็กลับไปสตาร์ทออกเดินทางที่จุดเดิมอีกครั้ง
    Komtar นั่นเองงงงงงงงง

    นั่งรถบัสไปพักใหญ่ๆ นาฬิกาตีบอกเวลาใกล้เที่ยง
    ประตูเปิดออก บ่งบอกว่าถึงจุดหมายแล้ว ฟึ่บบบบ ไอแดดพุ่งมาทักทายตั้งแต่ยังไม่ทันออกจากรถ วินาทีที่ก้าวออกมา ภาพตรงหน้าทำให้ต้องอุทานในใจ

    "สัส"

    นี่มันไซต์ก่อสร้างหรืออะไรเนี่ย ปิดซ่อมหรอฟระ มาเสียเที่ยวเรอะ บลาๆ
    ก่อนที่จะก่นด่าไปมากกว่านี้ พอดูดีๆ อ่อ เขาแค่ปิดปรับปรุงตรงทางเข้าเฉยๆ ไปครับไป ไปขึ้นกระเช้ากัน วันนี้วันธรรมดา คนไม่เยอะมากหรอก ไหนดูดิว่......

    ....
    โอเคครับ วันธรรมดา แต่ลืมนึกไปว่าตอนนี้เขาปิดเทอมกันโหวยยยยย
    มวลมหาประชาชนมาเลย์ต่อคิวกันยาวเหยียด หนุ่มไทยอย่างเราก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ทำใจไปยืนต่อคิวตามเขาไป ยืนอยู่ราวๆ 20 นาทีท่ามกลางอากาศร้อนเดือด คนเบียดๆ อบๆ กันในเต๊นท์ผ้าใบ พีระก็ได้ฤกษ์หอบสังขารเปื่อยๆ แฉะๆ ไปซื้อตั๋วขึ้นกระเช้าได้สักที

    300 บาท สำหรับชาวต่างชาติ 80 บาท สำหรับคนท้องถิ่น
    ราคาที่ต่างกันเกือบ 4 เท่านี้ ทำให้ผมต้องงัดเอาแผนลับที่เคยทำสำเร็จที่เนปาลมาใช้อีกรอบ
    ในตอนนั้น ที่มิวเซียมเมืองปาทาน ผมและชาวคณะจากเมืองไทยตัดสินใจเนียนเป็นคนจีน เพื่อจะได้ซื้อตั๋วในราคาที่ถูกลง และ พวกเราทำกันสำเร็จครับ (ขอโทษสังคมมา ณ ที่นี้)
    ผมเลยคิดว่า เอ๊ ในปีนัง คนจีนก็เยอะนี่หว่า ถึงเวลาใช้หน้าตี๋ของเราให้เป็นประโยชน์แล้ว
    ชั่วขณะที่กำลังจะเนียนสปีคไชนีสนั้น ผมก็เหลือบไปเห็นช่องข้างๆ
    อ่าว เขาต้องโชว์บัตรประชาชน
    ครับ จบ ควักไป 30 ริงกิต ตามระเบียบ
    เกือบทำให้ประเทศไทยเสียชื่อเสียงจากพฤติกรรมนักท่องเที่ยวแย่ๆ แล้ว แย่จุง

  • หลังจากต่อคิวซื้อตั๋วเสร็จ ก็ต้องมาต่อคิวขึ้นกระเช้าอีกครับ
    นอกจากความร้อนแล้ว ความหิวยังเข้ามาแทรกแซงอีกด้วย ทำอะไรได้ ทนต่อไปสิครับ!

    ผ่านไปอีกราวๆ สิบนาที ก็ได้ฤกษ์ก้าวขึ้นสู่กระเช้าพุ่งตรงไปยังปีนังฮิลล์​
    การที่เป็นกระจกใสรอบตัวกระเช้า ทำให้ได้ส่องเมืองปีนังจากมุมสูง ขนาบข้างด้วยหน้าผาอันปกคลุมไปด้วยต้นไม้ ก็พอช่วยให้ลืม 300 บาทที่จ่ายไปได้ชั่วขณะหนึ่ง



    บ่ายโมงกว่าๆ ละ ยังไม่มีข้าวเที่ยงตกถึงท้องเลย ดังนั้น เช็คพอยท์แรกคือศูนย์อาหารครับ
    และชัวร์แบบไม่มั่วนิ่ม ราคาอาหารในสถานที่ท่องเที่ยว ย่อมไม่ปราณีนักท่องเที่ยวตาดำๆ หรอกครับ โขกกันเต็มที่ยิ่งกว่าซีดานในศึกบอลโลกอีก (เช็คอายุทำไม) เดินวนไปวนมาวนมาวนไป ความงกปะทะกับความหิว เจรจาต่อรองว่า เอาไงดี สุดท้าย ก็มาจบที่ชามนี้ครับ Laksa

    40 บาท กับอาหารท้องถิ่นของชาวมาเลย์ ที่ผมอยากจะนิยามส่วนตัวให้กับมันว่า คือ ขนมจีนไหหลำใส่ในน้ำยาป่า (ที่กินกับขนมจีนบ้านเรา) รสชาติออกเผ็ดๆ เค็มๆ กินไป เหงื่อซ่กไป



    ฟึ่บ 5 นาที หมดชาม และ ไม่ อิ่ม โหวยยยยยยยยย
    อยากจะหาอะไรกินเพิ่ม แต่ความงกเข้าครอบงำ (ซึ่งก็ไม่เข้าใจว่าจะงกอะไรขนาดนั้น) เลยเลือกใช้วิธีบ้านๆ อย่างซื้อน้ำมากรอกเข้าไปแทน อึ่กๆๆ พออยู่ท้องหน่อย

    พอท้องตึง ก็ได้เวลาออกสำรวจ เดินขึ้นไปจากศูนย์อาหารเล็กน้อยก็เจอกับวัดฮินดูซัมติง (คือไม่รู้) ภาพตรงหน้าสะเทือนอารมณ์มาก ไม่ใช่ว่ามันปิดซ่อมเข้าไม่ได้นะครับ แต่ข้างๆ มันมีซุ้มขายเบอร์เกอร์ ราคาเท่ากับชามเมื่อกี้ที่กินเลย โอยยยยย เจ็บใจ น่าจะอิ่มกว่าตั้งเยอะ ฮือออออ
  • เดินไปก็สงสัยไปตลอดทางว่า ทำไม ปีนังฮิลล์ มันถึงฮิตจังวะ (และพี่นัทให้กูขึ้นมาทำไมวะ)
    เพราะอารมณ์มันเหมือนกับสถานีเกษตรดอยอ่างขางบ้านเรามาก มีที่ให้กินข้าว มีเส้นทางให้ขึ้นเขาดูวิว ในแผนที่ที่เขาแจกมาก็จะมีบอกว่า ถนนเส้นที่ขึ้นเขาเนี่ย มีเช็คลิสต์อะไรบ้างที่ควรไปชม เป็นแลนด์มาร์คของที่นี่
    ป่ะ ไปก็ไปวะ เดิน! (คนอื่นนอกจากผมนั่งรถกอล์ฟที่มีให้เช่า) (แน่นอนว่างก) (จะบ้าหรอ มาแบบนี้ก็ต้องเดินเองดิ)

    เดินมาสองโล เจอสิ่งนี้ครับ หนึ่งในแลนด์มาร์คที่เขาบอก



    ... ตู้ไปรษณีย์ซัมติง ตั้งกันทื่อๆ แบบนี้แหล่ะ ในใจก็คิดว่า กูขึ้นมาทำเขืออะไรเนี่ยยยยยยย โปสการ์ดก็ไม่มีให้ส่ง มาคนเดียวไม่มีคนมาร่วมสวีทมุ้งมิ้งอีก
    แล้วไงต่อล่ะ ในหัวเริ่มคิดสเต็ปถัดไป จะเดินขึ้นต่อไปเรื่อยๆ (ที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีอะไร) หรือ เดินลงกลับไปทางเดิม ชมนกชมไม้ ถ่ายรูปเมืองจากมุมสูงเล่นดี
    เดี๋ยวๆๆๆ มันมีทางแยกจากถนนหลักว่ะ ชื่อของมันคือ Tunnel Road
    เจ้าถนนสายนี้เป็นทางเดินทะลุป่า อ้อมไปอีกด้าน แล้วจะไปโผล่แถวๆ ศูนย์อาหารที่นั่งกินข้าวเมื่อกี้พอดี
    ระยะทางราวๆ 4-5 กิโลเมตร

    ในฐานะที่เป็นมนุษย์สายเดิน ก็ไม่เสียหายที่จะลอง
    ไปครับ เข้าป่ากัน
  • ถ้าเทียบกันหมัดต่อหมัด ระหว่างภูเขากับทะเล
    ผมเลือกให้อันแรกชนะแบบขาดลอย
    ความเงียบสงบ บรรยากาศเย็นๆ ชื้นนิดๆ เดินไปท่ามกลางหมู่ต้นไม้ ทำให้ผมฟินได้มากกว่า หาดทรายสีขาว หรือ ลมทะเลหลายต่อหลายสต็อป
    และ Tunnel Road ใน ปีนังฮิลล์ ก็เป็นอีกหนึ่งหลักฐานชั้นยอดว่า ทำไมผมถึงหลงรักภูเขา

    ผมไม่รู้เลยว่า Tunnel Road มันมีไว้ทำอะไร (จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้) แต่ในตอนนั้น ผมคิดเอาเองว่ามันคือประตูวาร์ปที่พาเราหนีออกจากความวุ่นวายทั้งหลาย
    เพราะถนนทั้งเส้น ตอนนั้น มีผมเดินอยู่คนเดียวครับ





    ถนนเส้นนี้ตัดเข้าไปในป่า เป็นทางคอนกรีตเดินได้สบายๆ ปกคลุมด้วยต้นไม้เขียวสองข้างทาง ยิ่งเดินก็ยิ่งได้ซึมซับอากาศบริสุทธ์จากธรรมชาติสองข้างทาง มีเสียงลิงร้องเป็นระยะๆ พอให้หายเหงา เจือด้วยความกลัวบางๆ จากฟ้าครึ้มชวนฝนตก และ คนที่อาจจะโผล่มาทำมิดีมิร้าย หากผมซวยถึงขั้นนั้น

    ก่อนที่จะขึ้นรถไฟมามาเลเซีย มีสารพัดสิ่งอัน ธุระ ความคิดหลายอย่างที่วนเวียนวิ่งไปวิ่งมาอยู่ในหัวเยอะมาก และมันยังคงเกาะกินมาตลอดการเดินทาง
    แต่เหมือนว่า ผมได้ทิ้งพวกมันเอาไว้เสียเฉยๆ ที่หน้าทางเข้าถนนเส้นนี้
    ความสงบเข้ามาแทนที่ทุกสิ่ง เดินไปเรื่อยๆ ตัดขาดจากทุกอย่าง มันคือความรู้สึกที่ผมไม่ได้เจอมานานมากๆ

    "กูเข้าใจมึงละ" สิ่งนี้แว่บเข้ามาในหัวขณะเดิน ผมคิดถึง Alexander Supertramp ชายหนุ่มผู้มีเป้าหมายที่จะตัดขาดจากสังคมโลกแล้วไปใช้ชีวิตอยู่คนเดียวในป่าลึกของอลาสก้า จากหนังสือ Into the Wild ที่ผมหยิบมาอ่านตลอดทริปนี้
    ใช่ บางวินาทีสิ่งที่คนเราต้องการมากที่สุด คือ การที่เราไม่ต้องการอะไร
    ผมเข้าใจความรู้สึกเข้าแล้ว





    "ผมเข้าใจละครับพี่นัด" นี่คืออีกสิ่งที่แว่บเข้ามา
    และจนถึงตอนนี้ ผมเองก็ยังไม่ได้ไปถามพี่เขาว่า ทำไมถึงอยากให้ผมมาปีนังฮิลล์

    ผมคิดว่า ผมได้คำตอบแล้ว
    คำตอบที่ซ่อนอยู่ในป่าลึกบนถนน Tunnel Road

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in