ถ้าเทียบกันหมัดต่อหมัด ระหว่างภูเขากับทะเล
ผมเลือกให้อันแรกชนะแบบขาดลอย
ความเงียบสงบ บรรยากาศเย็นๆ ชื้นนิดๆ เดินไปท่ามกลางหมู่ต้นไม้ ทำให้ผมฟินได้มากกว่า หาดทรายสีขาว หรือ ลมทะเลหลายต่อหลายสต็อป
และ Tunnel Road ใน ปีนังฮิลล์ ก็เป็นอีกหนึ่งหลักฐานชั้นยอดว่า ทำไมผมถึงหลงรักภูเขา
ผมไม่รู้เลยว่า Tunnel Road มันมีไว้ทำอะไร (จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้) แต่ในตอนนั้น ผมคิดเอาเองว่ามันคือประตูวาร์ปที่พาเราหนีออกจากความวุ่นวายทั้งหลาย
เพราะถนนทั้งเส้น ตอนนั้น มีผมเดินอยู่คนเดียวครับ
ถนนเส้นนี้ตัดเข้าไปในป่า เป็นทางคอนกรีตเดินได้สบายๆ ปกคลุมด้วยต้นไม้เขียวสองข้างทาง ยิ่งเดินก็ยิ่งได้ซึมซับอากาศบริสุทธ์จากธรรมชาติสองข้างทาง มีเสียงลิงร้องเป็นระยะๆ พอให้หายเหงา เจือด้วยความกลัวบางๆ จากฟ้าครึ้มชวนฝนตก และ คนที่อาจจะโผล่มาทำมิดีมิร้าย หากผมซวยถึงขั้นนั้น
ก่อนที่จะขึ้นรถไฟมามาเลเซีย มีสารพัดสิ่งอัน ธุระ ความคิดหลายอย่างที่วนเวียนวิ่งไปวิ่งมาอยู่ในหัวเยอะมาก และมันยังคงเกาะกินมาตลอดการเดินทาง
แต่เหมือนว่า ผมได้ทิ้งพวกมันเอาไว้เสียเฉยๆ ที่หน้าทางเข้าถนนเส้นนี้
ความสงบเข้ามาแทนที่ทุกสิ่ง เดินไปเรื่อยๆ ตัดขาดจากทุกอย่าง มันคือความรู้สึกที่ผมไม่ได้เจอมานานมากๆ
"กูเข้าใจมึงละ" สิ่งนี้แว่บเข้ามาในหัวขณะเดิน ผมคิดถึง Alexander Supertramp ชายหนุ่มผู้มีเป้าหมายที่จะตัดขาดจากสังคมโลกแล้วไปใช้ชีวิตอยู่คนเดียวในป่าลึกของอลาสก้า จากหนังสือ Into the Wild ที่ผมหยิบมาอ่านตลอดทริปนี้
ใช่ บางวินาทีสิ่งที่คนเราต้องการมากที่สุด คือ การที่เราไม่ต้องการอะไร
ผมเข้าใจความรู้สึกเข้าแล้ว
"ผมเข้าใจละครับพี่นัด" นี่คืออีกสิ่งที่แว่บเข้ามา
และจนถึงตอนนี้ ผมเองก็ยังไม่ได้ไปถามพี่เขาว่า ทำไมถึงอยากให้ผมมาปีนังฮิลล์
ผมคิดว่า ผมได้คำตอบแล้ว
คำตอบที่ซ่อนอยู่ในป่าลึกบนถนน Tunnel Road
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in