เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
เรื่องของเรื่องมีอยู่ว่า....SnapDiary
#BKKY
  • ก่อนเข้าไปดู เราอ่านคำโปรยของหนังในเพจ เขาบอกว่าสร้างจากเรื่องราว ของการสัมภาษณ์วัยรุ่น 100 คน เป็นหนังสารคดี กึ่งเล่าเรื่อง

    เราอ่านแค่นั้น แล้วรอหนังเข้าฉาย....

    พอหนังลงโรง...มีคนเขียนคอมเม้นท์ไว้ในทวิตเตอร์และ เฟซบุ๊ก เราอ่านสั้นๆ ในทวิต อยากอ่านยาวๆในเฟซด้วย แต่อดทนเลือกที่จะไม่อ่าน แอบเห็นบทสัมภาษณ์ ผกก.ด้วย เราก็บันทึกลิงค์ไว้ เก็บไว้อ่านตอนดูหนังจบ ...

    ที่ทำแบบนี้ เพราะเราชอบเก็บความอยากรู้ว่า เขาจะจัดการกับการเล่าเรื่องยังไง ตอนดูหนังเลยดีกว่า

    เพราะสำหรับเราแล้ว...การฟังและบันทึกเรื่องราว ของคน 100 คนนั้น เราคิดว่ามันคงได้ชุดข้อมูลมาบีบอัดอยู่ในหัวขนาดใหญ่ คงหนักหัวเอาการอยู่นะ (จะตัดต่อให้เป็นเรื่องยังไงเนี่ย) ความคิด ทัศนคติของคนเหล่านั้น...มันคงมากมายจนไม่รู้ว่าจะใช้เวลาเท่าไหร่ ในการจัดการร้อยเรียงออกมาเป็นเรื่องเรื่องนึงให้เราดูชม

    แล้ว...ยิ่งเป็นเรื่องราวของวัยรุ่น ที่ซับซ้อน ซ่อนอารมณ์มากมายไว้ในคนคนหนึ่ง ผกก.เขาจะเล่าเรื่องแบบไหนนะ

    ไหนขอดูหน่อยซิ ว่า เรื่องราวมันเป็นอย่างไร....

    ระหว่างที่หนังฉาย...ความรู้สึกแรกที่เข้ามาเลย คือ โอ้...วัยรุ่นไปไกลมาก ระบบความคิดของเขา(สังคม การเมือง การศึกษา ครอบครัว) คนวัยเราต้องทำความเข้าใจอะไรใหม่ๆเยอะเลย โดยเฉพาะเรื่อง เพศสภาพ

    ช่วงแรกๆ เราพยายามจับเส้นเรื่องที่เป็น พาร์ทสารคดีว่า...ตกลงมันเป็นเรื่องของใคร หรือมันเป็นเรื่องของคนหลายๆคนในนี้เอามาต่อกัน(วะ) แต่พอเอาเข้าจริงๆ เราก็ปล่อย ไม่พยายามจับแล้วว่ามันเป็นเรื่องของใคร แล้วมันก็ได้ แมสเสจมาก้อนหนึ่งที่ไปสนับสนุน เส้นเรื่องแต่ง พอปล่อยอารมณ์ให้มันมาถึงจุดนี้ก็ดูเพลินเลย...

    เราเอาใจช่วยตัวละครฝ่ายหนึ่ง แล้วก็ด่าตัวละคนอีกฝ่ายว่า..อ้าว น้องทำงี้ได้ไง หลายใจจัง เฮ้ย...มีเหตุผลบ้างซิวะ คิดแต่ฝ่ายน้อง ฟังอีกฝ่ายบ้างดิ แต่แล้วไม่นาน เราก็กลับมาเห็นใจฝ่ายที่เคยด่า...แล้วก็ กลับไปว่า..ฝ่ายที่เคยเอาใจช่วย....เป็นอย่างงี้สลับไปมา จนกระทั่งหนังจบ

    เลยรู้สึกว่า...โอ้ย....หนังจบเร็วจัง มันน่าจะยาวกว่านี้ กำลังสนุกเลย

    รวมๆแล้ว ชอบอารมณ์ (มูด) ของหนัง มันมีความหมายมากมายที่ซ่อนไว้ให้คิด เหมือนกำลังดูหนังวัยรุ่นรสชาติใหม่ ( แอบบอกตัวเองว่า...กูจะไม่เป็นผู้ใหญ่แบบในหนังเรื่องนี้ (หรือจริงๆ เป็นไปแล้ววะ) )

    ชอบดนตรีประกอบ มุมกล้องช่วงโดรนช็อตกับ สเก็ตบอร์ด (เสียดาย ช่วงท้ายช็อตแอบเห็นเงาตากล้อง)

    กลับออกจากโรงหนัง มานั่งอ่านบทสำภาษณ์ ผกก. เลยเข้าใจกระบวนการคิดการทำของเขามากขึ้น

    รวมถึงเข้าใจวัยรุ่นยุคนี้ด้วย..

    แต่ก็แอบกลับไปถามตัวเองเหมือนกันนะว่า..

    ตอนเราเป็นวันรุ่น มันซับซ้อนแบบนี้มั้ยฮึ

    ปล.ดูเรื่องนี้แล้วแอบคิดเยอะนะเนี่ย


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in