เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Celine H. & Bee J.apaew
Home
  • [One-Shot] HOME | BEECRIS

    "Come away with me and we'll kiss 
    On a mountain top 
    Come away with me 
    And I will never stop loving you.."
    0.

    “คุณไม่ว่างจริงๆหรอคะ” ฉันถามประโยคนี้กับบีอีกรอบก่อนที่จะได้ยินเสียงหวดไม้เบสบอลของบีเสียงดังลั่นไปที่ลูกสีขาวขีดแดงตรงหน้า เสียงเครืองอัตโนมัติส่งเสียง โฮมรัน ออกมาก่อนที่บีจะตะโกนคำว่าเยสสสส! และตอบฉันด้วยน้ำเสียงกึ่งขอโทษ


    “ไม่ว่างจริงๆค่ะฉันอยากฝากขอโทษแพทรีเซียมากๆที่ปีนี้ไม่สามารถไปหาท่านได้” และเค้ายังยืนยันคำเดิมว่าหยุดยาวนี้เราสองคนจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน “ครั้งเดียวเองนะคะ ปีนี้บีไม่ว่างจริงๆคริสก็รู้” 


    ฉันได้แต่ตอบเค้าคำเดิมเช่นกันว่า “ไม่เป็นไร” ไม่ต้องขอโทษในเมื่อมันสุดวิสัยจริงๆที่ทำให้เค้าไม่สารถเดินทางกลับประเทศไทยเพื่อไปใช้วันหยุดยาวร่วมกันได้


    “สะใจพอหรือยังคะ” ฉันถามบีออกไปเมื่อเห็นหน้าเปื้อนเหงือของบีที่ตอนนี้กำลังมุ่งมั่นกับการทำโฮมรันอย่างต่อเนื่อง เราคงเป็นคู่ที่ต่างกันแต่เข้ากันได้ สถานที่เดทแรกของฉันกับบีคือ แบตติ้งเซ็นเตอร์ สนามซ้อมเบสบอลเล็กๆแห่งนึงกลางแมนฮัตตัน มันเล็กมากจริงๆจนบีพูดว่าอยากจะซื้อมันเพื่อเป็นสถานที่ผ่อนคลายส่วนตัว และฉันรู้ว่าบีสามารถซื้อมันได้อยู่แล้ว แต่เราจะเอาเงินไปทำอย่างนั้นทำไมในเมื่อชั่วโมงในการจ่ายค่าเล่นแค่เพียงไม่กี่ดอลล่าห์เท่านั้นเอง เค้ามันบ้าชะมัด เวลาสนุกก็เหมือนเด็กที่อยากจะได้ทุกอย่างเป็นคนของตัวเอง


    “ขอโทษนะ” บีพูดคำนี้อีกครั้งเมื่อเรานั่งอยู่บนรถขณะกำลังกลับบ้าน


    “คุณพูดครั้งที่ 10 แล้วค่ะวันนี้” ฉันยิ้มให้บีอย่างจริงใจ ถึงแม้ฉันจะรู้สึกเสียใจนิดหน่อย แต่ด้วยหน้าที่การงานของบี ฉันต้องเข้าใจสิ่งที่เค้าตัดสินใจอยู่แล้ว ไม่มีทางเลือก


    “ก็บีรู้สึกขอโทษจริงๆนี่นา” บีพูดอีกครั้งนึงก่อนที่จะทำให้ฉันใจหายวาบเมื่อเค้าเอื้อมตัวเพื่อประทับเข้ากับริมฝีปากเย็นๆของฉันในทันทีที่พูดจบ ริมฝีปากของบีหอมหวานแต่เร่าร้อน ตอนนี้ฉันไม่รู้สึกอะไรเลยนอกจากความต้องการที่มันพลุ้งพล่านอยู่ในตัว 


    ไฟแดงที่ตอนนี้ไฟเขียวได้ซักพักทำให้ฉันรู้สึกตัวเมื่อมีรถคันท้ายต่อเราบีบแตรส่งเสียงเรียก


    “แทนคำขอโทษค่ะ” จะให้ฉันโกรธบีลงได้ยังไงในเมื่อสิ่งที่บีทำมันสามารถทำให้ฉันรู้สึกรักเค้ามากขึ้นไปทุกวันขนาดนี้


    “เปิดเพลงหน่อยซิ่คะ แค่จูบนิดจูบหน่อยคุณเงียบเลยอ่ะ” บีหัวเราะเมื่อเห็นท่าทางที่เขินอายของฉัน และรอยเลือดฝาดบนผิวหน้าที่มันเด่นชัดขึ้นมา ไม่ว่าจะผ่านไปซักกี่ปีความรู้สึกของเราสองคนไม่ได้ลดลงเลย บียังเป็นบีเหมือนวันแรกที่เรารู้จักกัน และฉันก็ยังเขินทุกการกระทำที่เค้าทำให้เหมือนเดิม


    เสียงเพลง “come away with me” ของ “Norah Jones” ที่บอกเล่าถึงความต้องการของคนๆนึงที่มีอีกคน เนื้อหาของเพลงทำให้ฉันคิดถึงเรื่องระหว่างเราสองคน เสียงดงตรีแผ่วเบลาค่อยๆขับกล่อมสองเราไปตลอดทางจนถึงจุดหมาย


    "พรุ่งนี้ต้องกลับแล้วเก็บของเสร็จแล้วใช้มั๊ยคะ" เสียงคนตัวสูงที่กำลังยืนทำรีซอสโต้อยู่ในครัวถามฉันที่นั่งอยู่เคาเต้อบาร์รอคอยอาหารรสชาติที่คุ้นเคย


    "ยังไม่เก็บเลยค่ะ รอคุณช่วยไงคะ" บียิ้มออกมาและสั่นหัวเล็กน้อย เค้ารู้ตัวดีว่าตัวเองเป็นเหมือนเนวิเกเตอร์และผู้ช่วยที่แสนดีเสมอ เสื้อผ้าที่ต้องใช้และ อุปกรณ์ของที่จำเป็นบีเป็นคนแพ็คมันทั้งหมดลงในกระเป๋าหลุยใบใหญ่ประจำตัวฉัน 


    "งั้นทานอาหารก่อนละกัน แล้วเดี๋ยวไปเก็บช่วยกัน" คำว่าไปเก็บช่วยกันของบีหมายถึงว่าฉันเป็นคนขนของทุกอย่างออกมาวางไว้ที่พื้นและบีเป็นคนพับมันลงกระเป๋ารวมถึงเช็คของทั้งหมดให้เรียบร้อย


    "อันนี้ของน้องพลอย อันนี้ของแพทรีเซีย และอันนี้ของคุณพ่อคุณ ห้ามเปิดก่อนพวกท่านเด็ดขาดนะคะ" เสียงบียังคงเจื้อยแจ้วดูมีความสุขเหมือนคนที่ต้องเดินทางกลับไทยเอง ยิ่งเห็นบีมีความสุขมากเท่าไหร่ยิ่งอดใจไม่ได้ว่าทำไมเค้าถึงไม่ไปมีความสุขด้วยกันที่นั่นเลยให้หมดเรื่อง ฉันจะได้ไม่ต้องแบกของทั้งหมดที่บีซื้อมาจากบาร์นี่ไปให้แม่กับยัยพลอยเพราะของพวกนี้ก็กินพื้นที่ในกระเป๋าฉันแล้วไปครึ่งนึง


    "ฉันบอกคุณแล้วว่าไม่ต้องซื้อเยอะหรอกค่ะ จะเอาไปยังไงไหวคะ" ฉันบ่นบีตามประสาผู้หญิงทั่วไปที่รู้จักการใช้เงิน รู้ดีแหล่ะว่ากระเป๋าบาลองไม่กี่ใบบีแค่ทำงานไม่กี่วันก็ได้มัน แต่ฉันแค่อยากให้บีรู้จักประหยัดมากกว่านี้บ้าง


    "เอาใจแม่ยายมั้งคะ" รอยยิ้มจางๆของบีที่ใบหน้าทำให้ฉันแอบเขินกับสิ่งที่บีพูดออกมา แม่ยายอะไรกัน ถ้าอยากเรียกแบบนั้นมาขอฉันซักทีซิ่  "เลิกพูดได้แล้วค่ะมันดึกแล้วและพรุ่งนี้ฉันก็ต้องเดินทางไกล รีบเก็บของกันเถ่อะ"


    ฉันแอบเห็นบีขำกับการกระทำของฉัน ใช่ซิ่อารมณ์ที่ฉันแสดงมันห้ามไม่ได้นี่นาเวลาที่ฉันรู้สึก เขิน โกรธ หรือแม้กระทั่งหงุดหงิดใบหน้าของฉันมันก็แสดงสิ่งนั้นออกมาโดยที่ไม่สามารถควบคุมได้ซักนิด


    ฉันส่งข้อความหาบีหลังจากที่เครื่องมาจอดพัก อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะถึงประเทศไทย บีไม่ได้ส่งข้อความหาฉันเลยตั้งแต่เราลากันที่ La Guardia บียื่นพาสปอร์ตให้ฉันและเราก็กอดลากันพร้อมกับบีที่ต้องกลับไปทำงาน บีคงยุ่งจริงๆถึงลืมแม้กระทั่งส่งข้อความหาฉันที่ตอนนี้นั่งเครื่องเกินครึ่งวันไปแล้ว


    ฉันปิดโทรศัพท์ลงและเดินขึ้นเครื่องตามประกาศของสายการบินที่จะนำเครื่องไปสู่ประเทศไทยภายในระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมง


    ฉันมาถึงบ้านในเช้าของอีกวันต่อมา เวลา 22 ชั่วโมงในการเดินทางทำให้ร่างกายฉันเหนื่อยล้าจนไม่อยากจะลุกจากที่นอน แต่แล้วเสียงแพทรีเซียกับยัยพลอยก็ปลุกให้ฉันลุก แต่จะเรียกว่าเสียงก็ไม่ได้เมื่อ
    ยัยพลอยเป็นคนมาลากฉันออกจากเตียงเองเลย


    24th of december


    “ของพี่บีหล่ะ” มาถึงก็ถามหาของขวัญเลยยัยตัวแสบ ยัยพลอยแบบมือขอของขวัญที่บีฝากมาให้พร้อมกับฉันที่ตีผั๊วะไปยังมือของน้องสาวตัวดี


    “พี่มาถึงแทนที่จะถามว่าพี่เป็นยังไงบ้าง ยูถามถึงแต่พี่บี” ฉันจะเอามือตียัยพลอยอีกครั้ง แต่แพทรีเซียก็มาห้ามทัพก่อน


    “ก็ปีนี้บีไม่มาบ้านเรา พวกเราก็ต้องถามถึงเป็นธรรมดาไงลูก” เอาเข้าไปแพทรีเซียก็ไม่ต่างกันเลย


    “เป็นปีแรกที่คบกันเลยหรือเปล่าแล้วคริสมาสตร์ไม่ได้อยู่ด้วยกันอ่ะ” ยัยพลอยยังคงถามถึงบีและนั่นยิ่งทำให้ฉันคิดถึงบีมาก ใช่ปีนี้เป็นปีแรกที่เราไม่ได้อยู่ด้วยกัน


    “ไม่เป็นไรนะ ทำอาหารดีกว่า เดี๋ยวพลอยกับป๊าออกไปหาซื้อของตกแต่งมาช่วยกันแต่งต้นคริสมาสตร์” ฉันมองหน้าน้องสาวและยิ้มออกมา อย่างน้อยการอยู่กับครอบครัวก็คงไม่เสียหาย แม้จะขาดคนข้างกายไปหนึ่งคนก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง


    “แม่จะเตรียมของไว้ตั้งแต่วันนี้เลยหรอคะ” ฉันถามแพทรีเซียออกไป เมือพบว่าอาหารสด และข้าวของต่างๆถูกนำมาวางไว้บนโต๊ะในครัว ของพวกนี้แม่กับยัยพลอยคงไปซื้อมาตั้งแต่ช่วงเย็นที่ฉันหลับไปไม่รู้เรื่อง


    “ก็ใช่อยู่แล้วจ่ะ ปีนี้แม่อยากให้พิเศษนิดนึง”


    “เนื่องในวันอะไรคะ” ฉันถามแพทรีเซียอีกครั้ง เพราะฉันก็กลับมาที่บ้านทุกปีเป็นปกติ


    “ก็ปีนี้ญาติเรามาเยอะไง” ฉันทำแค่พยักหน้าและหั่นมะกอกที่แพทรีเซียสั่งให้ทำไว้ และมองดูแม่เอาไก่ง่วงตัวโตออกมาเพื่อปรุงรสมันเข้าไปตามสูตรพิเศษที่ยายเคยสอนไว้


    25th of december


    ฉันลืมตาขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงเพลงที่ยัยพลอยเปิดดังลั่น เหมือนกับที่บ้านมีเทศกาลปาร์ตี้ คราบเหนียวที่ติดใบหน้า เตือนให้ฉันนึกถึงว่าเมื่อคืนเผลอร้องไห้เพราะคิดถึงบี แค่จากกันไม่กี่วันฉันก็เป็นเอามากขนาดนี้ แล้วถ้าเราต้องจากกันเลย ฉันต้องทำยังไง 

    ฉันสะบัดไล่ความคิดที่ตีกันยุ่งเหยิงออกจากหัว และเดินลงมาข้างล่างเพื่อพบกับกล่องของขวัญนับสิบ หรือบางทีน่าจะมากกว่านั้น ถูกเรียงรายอยู่ใต้ต้นคริสมาสตร์ต้นใหญ่ที่ตกแต่งอยางสวยงาม เมื่อคืนยังไม่เป็นแบบนี้เลยนี่นา


    “ปีนี้บ้านเราดูรวยนะแม่ของเต็มเลย ปีนี้ป๊าคงกรอบน่าดู” ฉันทักป๊าที่กำลังเล่นอยู่กับแบมๆและลิ้นจี่ที่โซฟาพร้อมกับทำท่านับของขวัญทั้งหมดที่หากต้องใช้เงินคงไม่น้อยทีเดียว


    “ป่าวเลยไม่ใช่ของป๊า” หลังจากป๊าตอบฉันจึงหันไปหาแพทรีเซียที่ตอนนี้กำลังยุ่งกับการจัดดอกไม้ในแจกัน แพทรีเซียส่ายหน้าปฎิเสธว่าไม่ใช่ของเธอ “ยัยพลอยหรอคะ สุดยอดเลยอ่ะ” ฉันถามอีกครั้งและทำหน้าเหมือนแปลกใจเมื่อคิดว่าปีนี้น้องจะเป็นเจ้ามือในการจัดหาของขวัญสำหรับทุกคน


    “ป่าวจ๊ะ—ของคนนั้นต่างหาก” แพทรีเซียชี้ไปยังทางครัวก่อนที่คนตัวสูงที่ฉันคุ้นเคยจะเดินออกมาพร้อมกับยกขนมที่พึ่งถูกอบมาใหม่ๆออกมาด้วย


    “ตื่นแล้วหรอคะ ตื่นสายจังเลยนะ” บียิ้มแบบไม่รู้หนาวรู้ร้อน และไม่รู้ตัวว่าคนที่ทำให้เธอร้องไห้จนตื่นสายนั้นเป็นใคร ฉันไม่พูดอะไรทำเพียงแค่เดินเข้าไปกอดบีให้คลายความคิดถึงจนบีต้องยกถาดขนมขึ้นเหนือหัวเธอขึ้นไป


    “อย่ามาทำให้อิจฉาได้ปะ” เสียงยัยพลอยเตือนให้ฉันรู้ว่าตอนนี้แม่กับป๊าก็นั่งอยู่ตรงหน้าเรา


    “ขอโทษค่ะ” ฉันหันไปบอกทั้งสองคน และหันไปตีที่แขนของบีอีกครั้งที่ไม่ยอมบอกกันมาก่อน “ถ้าบอกก็ไม่เซอร์ไพรส์ซิ่คะ” บีพูดออกมาอีกครั้งและหันไปยิ้มกับป๊าและแม่ รวมถึงยัยพลอยที่เหมือนว่าทั้งสามคนก็รู้เรื่องทั้งหมดยกเว้นฉันคนเดียว


    “ไหนเสร็จแล้วหรอ เอามาให้แม่ชิมทีซิ่ลูก”


    “เป็นแม่ลูกกันตอนไหนอ่ะ” เป็นฉันคนเดียวที่ยืนงงกับสรรพนามที่แปลกหูไป เพราะปกติบีจะเรียกแม่ฉันว่าคุณอามาตลอด หรือไม่ก็เรียกแค่แพทรีเซียแบบที่ฉันคุ้นเคย


    “เป็นเมื่อเช้าไงคะ” สีหน้าฉันคงงจะสับสนและงงไม่น้อยจนเมื่อแม่เฉลยอีกครั้ง “บีมาขอลูกกับแม่แล้ว และแม่ก็อนุญาต เหลือแค่ลูกที่โอเคหรือเปล่า” คำพูดยาวๆที่ออกจากปากแพทรีเซียทำให้ฉันที่ยืนสับสนอยู่ยิ่งสับสนมากไปกว่าเดิม ไม่รู้ว่าตอนนี้รู้สึกยังไงกันแน่ แต่ฉันคิดว่ามันคือความสุขนั่นแหล่ะ ความสุขที่ฉันไม่รู้จะแสดงออกมายังไง เพราะฉันรู้สึกดีใจมากที่บีพูดคำนั้นกับป๊าและแม่ตรงๆและท่านทั้งสองก็มีท่ายินดีกับเรามากๆ


    “ตกลงโอเคไม่โอเค—เจ๊!” เสียงยัยพลอยทำให้ฉันหลุดออกจากภวัง


    ฉันไม่ตอบอะไร แต่น้ำตาที่ไหลออกมาจากดวงตาใสน่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดให้กับบีและครอบครัวของเรา


    คืนนี้เราอยู่ด้วยกันอีกปีและมันน่าจะเป็นปีที่พิเศษกว่าปีไหนๆไม่ใช่เพราะเราอยู่พร้อมหน้ากันเท่านั้นแต่เป็นเพราะเราสามารถเรียกคำว่าครอบครัวได้อย่างเต็มปากซักที อาหารในจานเกือบห้าสิบเปอร์เซ้นคือฝีมือบีและอีกส่วนก็เป็นของแม่และยัยพลอยส่วนฉันทั้งหมดที่มีคือมะกอกที่ถูกหั่นเพื่อนำไปทำอาหารเม็กซิกันที่บีชอบเท่านั้น "แค่หั่นมะกอกได้ก็โอเคค่ะ บีเลี้ยงได้อยู่แล้วคริสก็รู้" บีหันมาพูดกับฉันเมื่อแม่เล่าให้บีฟังว่าฉันทำอาหารไม่เป็นซักอย่าง ซึ่งบีก็รู้ดีเพราะตั้งแต่ไปอยู่แมนฮัตตัน บีก็เป็นคนเดียวที่เข้าครัวอยู่เสมอ


    “ขอโทษนะคะที่ไม่ได้บอก” บีเอ่ยมันขึ้นมาตอนที่เรายืนอยู่ที่สวนหลังบ้าน ฉันบอกบีอีกครั้งเหมือนก่อนจากกันว่าไม่จำเป็นเลย บีพูดคำนี้จนชินปากไปซะแล้ว


    “ไม่เห็นต้องขอโทษเลยค่ะ วันนี้มันเป็นวันที่คริสมีความสุขมากๆอีกวันต่างหาก” ฉันตอบเค้าออกไปพร้อมกับบีบมือที่จับกันให้แน่นมากขึ้นไปเพื่อให้เค้าได้รับรู้ถึงความรู้สึกของฉัน


    บีจูบฉันที่หน้าผาก เปลือกตา จนถึงริมฝีปาก ก่อนที่จะสวมกอดฉันเข้ากับอกอุ่นๆของเค้า ฉันรู้ดีว่าบีไม่ใช่คนสมบูรณ์แบบ ไม่ได้ตัวใหญ่ และไม่ใช่คนที่มีแรงกำลังมากมายเหมือนผู้ชายซักคน แต่บีก็เป็นบี ไม่ว่าจะมีปัญหาใดๆเข้ามาผู้หญิงตัวผอมและสูงคนนี้แหล่ะที่จะดูแลฉันไปจนวันที่เราต้องจากกัน ฉันไม่รู้จะขอบคุณบีหมดได้ยังไง แต่ฉันคงจะทำทุกวันที่เรามีกันและกันอยู่ให้ดีที่สุดเท่านั้น ไม่ขอสัญญาอะไรเลยกับเค้า แต่ฉันจะทำมันเท่านั้นเอง



    “ฉันรักคุณนะคะ”



    “ฉันก็รักคุณค่ะ” 




    E N D

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in