เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Psychopastry Club คลับของคนชอบเสพเรื่องจิตหลอนสยองขวัญpsychopastryclb
Midnight Horror ตอน ปิดเทอมกับยาย
  • ใครจะคาดคิด ว่าช่วงเวลาที่เด็กๆ ตั้งตารอที่สุดช่วงหนึ่ง อย่างปิดเทอมใหญ่ จะกลับกลายเป็นประสบการณ์สุดโหดสำหรับเด็กบางคน บางทีปิดเทอมในครั้งหน้า คุณอาจจะอยากคิดให้ดี ก่อนส่งเด็กๆ ไปอยู่กับยาย   
    ---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

        ปิดเทอมกับยาย


         ในที่สุด ก็ถึงวันปิดเทอมสักที หมูดีใจ ที่เขาจะไม่โดนแม่ปลุกไปโรงเรียนแต่เช้า ไม่ต้องคอยลอกการบ้าน เพื่อส่งคุณครูอีกแล้ว อย่างน้อยก็อีกเป็นเดือน การส่งลูกไปอยู่กับญาติในช่วงปิดเทอมนั้น ดูจะปลอดภัย และสบายใจกว่าการจ้างพี่เลี้ยง หรือปล่อยลูกไว้ตามลำพังระหว่างออกไปทำงาน แม่ของหมู จึงส่งเขาไปอยู่กับยายระหว่างปิดเทอม 

    บ้านยายนั้น ตั้งอยู่ในอำเภออันห่างไกล ในจังหวัดหนึ่งทางภาคอีสาน หมูไม่ชอบบ้านยาย เพราะระยะทางที่ทั้งไกล ทั้งร้อน ไม่มีเพื่อน ไม่มีของเล่น  หมูนั้น เป็นเพียงเด็กวัยประถม 5  ที่อยากเล่นสนุก ดูการ์ตูน เล่นเกมส์นอนดึก เขาไม่เคยชอบบ้านยายเลย  ที่บ้านยายนั้นเมื่อพลบค่ำลง ก็ต้องรีบปิดไฟนอน และยายก็มักจะขู่เขา ว่าถ้าหากไม่รีบนอน จะถูกจับตัวไปอยู่ในป่าท้ายหมู่บ้าน ถึงแม้เขาจะรู้ว่ายายแค่ขู่ แต่เวลาฟ้ามืดลงมาทีไร ทั้งหมู่บ้านก็จะเงียบเชียบ วังเวงจนหมูเองก็อดขนลุกไม่ได้

     

    หมูมาอยู่กับยายได้ไม่นาน ก็เกิดเหตุการณ์แปลกๆ ขึ้น ทีแรก มันเริ่มจากครอบครัวหนึ่ง ที่ท้ายหมู่บ้าน จู่ๆ ไก่ที่พวกเขาเลี้ยงไว้สี่ห้าตัวนั้นตายลง จากนั้นไก่ในซุ่ม ปลาในบ่อ วัว ควาย ของบ้านอื่นๆ ก็ทยอยตายลงอย่างหาสาเหตุไม่ได้ รวมถึง มีคนตายอย่างผิดปกติอย่างน้อยๆ ก็สามศพ ในเวลาเพียงไม่กี่อาทิตย์ โดยที่ทั้งสามศพนั้น มีสภาพแห้งกรัง ผิวหนังแห้งติดกระดูก อย่างรวดเร็วผิดธรรมชาติของศพ ที่ระยะแรกจะต้องบวมอืด ข้อมือข้อเท้าก็มีรอยขีดเป็นทางยาว ชาวบ้านในหมู่บ้านส่วนใหญ่นั้น เชื่อว่า เรื่องที่เกิดขึ้น เป็นเพราะวิญญาณร้ายนั้น ตามหมูออกมาจากป่าท้ายหมู่บ้านด้วย เพราะหมูนั้นลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธ์ เข้าไปเล่นซนในที่ๆ ไม่ควรเล่น จนทำให้ท่านไม่พอใจ ตามมาเอาชีวิต  

    เหตุการณ์ที่มีทั้งคนทั้งสัตว์ตายอย่างไม่มีสาเหตุนั้น พวกเขามองเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เลย นอกจากว่า จะเป็นอาเพศ เพราะไปหลู่สิ่งศักดิ์สิทธ์   และถ้ามันเป็นเช่นนั้น ก็มีเพียงพ่อปู่ ที่จะช่วยพวกเขาได้ หากไม่รีบจัดการให้เรียบร้อย คนอื่นๆ ในหมู่บ้าน อาจจะต้องสังเวยชีวิตกันหมดแน่ๆ  

    หมูเองที่ได้ฟังก็ตกใจกลัว เพราะก่อนหน้าที่จะมีสัตว์และมีคนตายนั้น หมูกับเด็กๆ อีกสี่คน ได้ลักลอบเข้าไปเล่นในป่าต้องห้าม ตัวหมูนั้นไม่เคยเชื่อที่ยายขู่ว่า ในป่าแห่งนี้มีอาถรรพ์ หากใครเข้าไปแล้วก็มักจะไม่ได้กลับออกมา หรือบางทีพวกผู้ใหญ่ก็ชอบขู่ ว่าหากดื้อมากๆ จะถูกจับตัวเข้าไปในป่า  หมูนั้นอยากรู้มาตลอดว่า มันน่ากลัวยังไง และจะน่ากลัวขนาดไหนกันเชียว เมื่อป่าก็อยู่แค่ท้ายหมู่บ้าน ไม่ได้อยู่ในหุบเหวลึกลับ เขาคิดว่า บางทีพวกผู้ใหญ่ ก็แค่กลัวว่าเด็กๆ จะหลงในป่า จนต้องออกตามหาให้วุ่นวายมากกว่าที่จะเชื่อว่า มันจะมีวิญญาณหรือปีศาจอะไรก็ตาม ที่จะมาจับตัวพวกเด็กๆ ไป ถึงหมูจะไม่อยากโดนยายดุ แต่เขาก็คึกคนองเกินกว่าจะกลัวอะไร 


    วันนั้น หมูกับเด็กในหมู่บ้านอีกสี่คน เข้าไปเล่นซ่อนแอบกันในป่าท้ายหมูบ้าน โดยพวกเขาอาศัยจังหวะที่พวกผู้ใหญ่ กำลังเตรียมงานเพื่อทำพิธีประจำปี มันคือพิธีกรรมบูชาสิ่งศักดิ์สิทธ์ประจำหมู่บ้าน แอบเลาะแนวรั้วไม้ไผ่ ที่กั้นเขตสุดหมู่บ้านกับชายป่าเข้าไป 

    เพียงแค่เดินเข้าเขตป่าไป หมูก็สัมผัสได้ถึงความเย็นเยือก ไอดินกลิ่นชื้น  ต้นไม้ลำใหญ่สูงเขียวชุ่ม เถาวัลย์เลื้อยยาว ดินแน่น ผิดกับบรรยากาศในหมู่บ้านเพียงแค่แนวรั้วกั้น  หมูนั้น ถึงจะกลัวยายดุ แต่มันก็ถูกความตื่นเต้นเข้าแทนที่  

    พวกเขาเล่นปีนปายโลดโผน ตามประสาเด็กผู้ชาย  พวกเขาผลัดกันเป็นคนซ่อน เป็นคนหาอยู่หลายตา  จนตาหนึ่ง หมูได้เล่นเป็นคนซ่อน เขานึกสนุกอยากแอบให้ลึกเข้าไปจากรอบก่อนๆ  เมื่อได้ที่เหมาะๆ หมูก็แอบอยู่เงียบๆ เขาแทบไม่ได้ยินเสียงเพื่อนที่นับหนึ่งถึงร้อยแล้ว หมูแอบเงียบๆ อยู่อย่างนั้นพักใหญ่ หมูเงี่ยหูคอยฟังอยู่นาน แต่เขาก็ไม่แน่ใจว่ามันนานแค่ไหน กระทั่ง เขาเองเริ่มหงุดหงิด ที่ไม่มีใครมาหาเขาสักที 

    หมูชเง้อชโชกอยู่พักใหญ่ เขาก็ได้ยินเสียงเหมือนกิ่งไม้แห้งถูกเหยียบซ้ำๆ ย่ำไปย่ำมาอยู่ด้านหลัง ที่แรกหมูโล่งอกที่เพื่อนมาเจอสักที แต่เมื่อเขาหันไปมันกลับว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่ตรงนั้น ตอนนั้น หมูนึกถึงเรื่องที่ยายเคยขู่ เรื่องที่เพื่อนพูดก่อนหน้าขึ้นมาทันที  

    เพื่อนเขาเล่าให้ฟัง ว่าพ่อแม่ของพวกเขาห้ามเข้ามาเล่นในนี้เด็ดขาด เพราะเมื่อตอนยังเด็กพ่อของเขากับน้องชายได้เข้ามาเล่นในนี้ แต่มีเพียงพ่อของเขาที่ได้กลับบ้าน ส่วนน้องชายนั้น ไม่มีใครหาเจออีกเลย หมูที่ตอนนี้ซ่อนตัวอยู่เพียงลำพัง ก็ถึงกับกลืนน้ำลายเอื้อก ใจเขาเต้นระส่ำ นึกหวั่นใจขึ้นมา หากไม่มีใครหาเขาพบ หรือว่า เขาจะต้องถูกป่านี่กลืนกินเข้าไปจริงๆ !! 

    หมูพยายามเพ่งมอง ไปทิศทางที่เขาได้ยินเสียงย่ำเท้า ขณะเดียวกันก็ก้าวเท้าถอยหลังทีละก้าว ที่ละก้าว หมูหายใจหอบถี่ด้วยความกลัว แล้วหมูก็รู้สึก ว่าเขาได้เหยียบเข้ากับอะไรบางอย่าง ซึ่งพอก้มดู เขาเห็นสิ่งนั้นมีลักษณะคล้ายกับถ้วย แต่มันเป็นทรงสี่เหลี่ยม ที่น่าจะทำจากหยวกกล้วย และเขา ก็เห็นเศษก้านธูปหักอยู่ที่พื้น หมูไม่แน่ใจว่า มันกระจัดกระจายอยู่ก่อนหน้าแล้ว หรือเป็นเพราะว่าเขา เผลอเหยียบเข้าให้ 

    แต่ขณะที่หมูกำลังจะใช้เท้าเขี่ยดู เสียงฝีเท้าที่ย่ำซ้ำไปซ้ำมาก็ดังขึ้นอีก และคราวนี้ ฟังดูเหมือนมันจะเร่งจังหวะมาทางเขาอีกด้วย นาทีนั้นเอง หมูก็รีบวิ่งออกมาแบบไม่คิดชีวิต เขาวิ่งไป ล้มไป ร้องไห้ไป ร้องตะโดนไปด้วยความกลัวสุดขีด  

    หมูวิ่งหน้าตั้งออกมาจนเจอแนวรั้วไม้ไผ่ แล้วเขาก็ต้องประหลาดใจทันทีที่เขาพ้นแนวของป่าออกมาได้ เพราะเมื่อพ้นแนวป่าออกมา จากตอนกลางวัน ก็กลับกลายเป็นค่ำคืนทันที เขาเห็นชาวบ้านจำนวนมากกำลังถือคบไฟวนเวียนอยู่บริเวณรั้ว ท้องฟ้ามืดสนิท แต่ทันทีที่ชาวบ้านเห็นหมูออกมา ก็พากันนิ่งเงียบ มีเพียงยายของเขาที่เขามาโอบกอดเขาเอาไว้ สายตาของทุกคนมองเขาอย่างไม่ไว้ใจ 

    แต่หมูในตอนนั้นก็อ่อนแรงเกินกว่าจะทันได้พูดอะไร เขาล้มลงหมดสติ และเป็นไข้หลับไปถึงสองวัน ซึ่งเมื่อฟื้นคืนสติ หมูถึงได้รู้ว่า ผู้ใหญ่บ้านถึงกับต้องไปตามพ่อปู่จากอำเภออื่นมาช่วยตามหา และพวกเขาใช้เวลาหาหมูมาแล้วถึงสามวัน หมูพบว่ามือและเท้าของเขา เป็นสีดำคล้ำ คล้ายกับว่ามันถูกเผาไหม้เกรียม อีกทั้งยังมีแผล มีรอยขีดข่วนตามเนื้อตัวอีกหลายจุด   


    หมูที่ในตอนนี้ นั่งอยู่ในวงของผู้ใหญ่ด้วยกัน ฟังแล้วก็กลัว เขาเป็นเพียงเด็กวัยประถม 5 ที่เล่นสนุกซุกซนกับเพื่อนไปตามวัย ไม่ได้มีเจตนาจะลบหลู่ใคร หรืออะไรทั้งนั้น  มือของเขากำแน่นบนแขนยาย พยายามหลบทุกสายตาที่พากันจับจ้องมายังเขาอยู่หลังยาย หมูกอดยายที่เป็นเหมือนเกาะกำบังไว้แน่น ทว่า ยายของเขานั้น กลับดึงตัวหมูออกมา พดูกับหมูด้วยสายตาที่มุ่งมั่น ยายบอกให้เขาไม่ต้องกลัวอะไร แล้ว จากนี้ไป ให้เชื่อฟังพ่อปู่ เพราะพ่อปู่ เป็นคนที่ทำพิธีจนสามารถนำหมูกลับออกมาจากป่าได้ และในตอนนี้ พ่อปู่ก็กำลังจะช่วยเขา ให้ปลอดภัยจากสิ่งที่มองไม่เห็น  

    เมื่อสิ้นคำของยาย ชาวบ้านก็กรูกันเข้ามาล็อคตัวหมู นำเขามาไว้บนแคร่ กดให้เขาอยู่นิ่งๆ   แล้วพ่อปู่ก็ก้าวมาข้างหน้า ล้วงมือเข้าไปในย่าม คว้าเอาเชือกสีแดงออกมามัดมือหมูทั้งสองข้างเข้าไว้ที่มุมของแคร่ แล้วนำเชือกอีกเส้นมามัดเท้าเขาอีกเช่นกัน  พ่อปู่แก้เชือกที่รัดหัวตัวเองออกมาพนมมือ สวดอะไรสักอย่าง แล้วนำมามัดปิดปากหมูไว้ หมูที่ถูกมัดกางแขน กางขา พยายามดิ้นรนออกจากพันธนาการ เขาพยายามส่งเสียงในลำคอ พยายามส่งสายตาอ้อนวอนไปหายาย แต่มันไม่เป็นผล ตอนนี้ยายกับพวกชาวบ้าน พากันร่ายรำวนอยู่รอบแคร่ พ่นอะไรออกมาฟังไม่เป็นภาษา พวกเขาสาดข้าวเปลือก สาดใบไม้ใส่หมู    หมูนั้นกลัวสุดขีด เขากลัว จนฉี่ราดออกมา 

     

    จากนั้นชาวบ้านที่เหลือ ก็ช่วยกันอุ้มวัวขึ้นมา หมูเดาว่า น่าจะเป็นลูกวัว เพราะตัวมันยังเล็ก แล้วพ่อปู่ ก็ร่ายคาถาบางอย่าง ระหว่างที่ใช้มีดกรีดจากบริเวณลำคอของมัน ยาวลงไปตลอดลำตัว  แล้วทั้งเลือด ทั้งใส้ เครื่องใน อวัยยะต่างๆ ของวัวตัวนั้น ก็ใหลหล่น ลงมาใส่เขาทันที ร่างกายของหมู ถูกอาบด้วยเลือด คาวคุ้ง แดงฉานไปแทบทุกอณู หมูนั้นกลัว กลัวจนเขาไม่กล้าแม้แต่จะหลับตา 

    เขาจ้องดูทุกการกระทำที่เกิดขึ้นกับเขาตรงหน้า จนตาแทบถล่นออกมา เขาขบเม้มผ้าปิดปากแน่น จนเลือดซึมออกมาจากริมฝีปาก น้ำตาหมูไหลไม่หยุด   ชาวบ้านคนอื่นๆ ช่วยกันแบกแคร่ที่หมูถูกจับมัด วนรอบบ้านทุกหลัง จนครบทั้งหมู่บ้าน โดยที่พวกเขาร่ายรำกันไปตลอดทาง 

    ส่วนพ่อปู่นั้น เดินนำหน้าพร้อมกับท่องคาถาไปตลอดทาง ชาวบ้านนำหมูผ่านแนวรั้วกันเข้าไปในป่า พวกเขาแบกหมู เข้าไปใกล้กับจุดที่หมูไปแอบ ตอนเล่นซ่อนหากับเพื่อน เมื่อมาถึง พวกเขาก็นำกระทงปักธูป และคบไฟมาตั้งไว้ที่มุมทั้งสี่ด้านของแคร่ พ่อปู่ นำมีดจากย่ามออกมาขีดเป็นวงกลม ที่พื้นล้อมรอบแคร่ แล้วนำกะลามะพร้าว ไปรองไว้ใต้แคร่  หมูถูกมัดทั้งมือทั้งเท้า ถูกผ้าพันปิดปาก สภาพเขาในตอนนี้ ไม่สามารถที่จะช่วยเหลือตัวเองได้เลย เครื่องในอวัยวะของวัว ยังกองอยู่บนเนื้อตัวเขา และหมู ก็ถูกทิ้งไว้อย่างนั้น 

    ยายและพวกชาวบ้าน ตั้งแถวยืนมองเขา ด้วยสายตา ที่หมูจะไม่มีวันลืมอย่างเด็ดขาด เขานอนร้องไห้ด้วยความกลัวอยู่อย่างนั้น หมูนั้นร้องไห้จนหลับไป เขาไม่รู้ว่ามันผ่านไปนานแค่ไหน หรือผ่านไปแล้วกี่วัน  แต่เมื่อหมูรู้สึกตัวขึ้นมาอีกที เขาก็พบว่า ตัวเองนั้นตื่น ขึ้นมาบนเตียงที่นุ่มฟู ใต้ผ้านวมแสนอุ่นของเขา ในบ้านที่กรุงเทพแล้ว 

    หมูยังงงๆ เขาไม่แน่ใจว่าตัวเองนั้นฝัน ละเมอ หรือเป็นเรื่องจริงรึเปล่า  แต่สักพัก หมูก็ได้ยินเสียงของแม่ ตะโกนปลุกเขาให้ตื่นไปโรงเรียน ดังขึ้นมาจากข้างล่าง หมูที่ได้ยินเสียงแม่เรียกก็ดีใจ เขาดีใจชนิดที่ ไม่เคยดีใจเท่านี้มาก่อน 

    หมูเด้งตัวจากเตียงรีบวิ่งลงไปกอดแม่ เขาบอกรักแม่ กอดแม่แน่นเนิ่นนาน จนแม่ต้องแกะเขาออก และใช้ให้รีบไปอาบน้ำ หมูดีใจที่ตัวเองนั้นตื่นขึ้นมาในบ้าน หมูคิดถึงการได้ไปโรงเรียนที่สุด เขารีบอาบน้ำแต่งตัว หมูรู้สึกดีใจมาก จนไม่ทันได้สังเกตุว่า ที่ข้อมือและข้อเท้าของเขานั้น ปรากฏเป็นรอยขีดจางๆ ยาวประมาณเกือบสองเซน   // (จบ.)



    FunFact./ ที่มาของเรื่องนี้มาจากแนวคิดหลังได้ชมภาพยนต์เรื่อง Midsommar พาร์ทเนอร์เราสนใจเรื่องคัลท์แปลกๆ มาก ขณะที่เราคิดว่ามันช่างบ้าบอ และสยดสยองชวนเอาติดหัวไปหลายคืน แต่ด้วยความสงสัยว่าในบ้านเรามันพอจะมีคัลท์หรืออะไรทำนองนี้บ้างไหม เมื่อค้นข้อมูลก็พบว่ามีความเชื่อทำนองนี้อยู่มากในหลายๆ พื้นที่ทั่วประเทศไทย แต่เราสนใจแถบภาคอีสาน เพราะต่อเนื่องมาจากการหาข้อมูลของตอนที่แล้ว ขอบคุณทุกการอ่านและทุกแรงสนับสนุนฮะ / 

     **รับฟัง Midnight Horror ตอน ปิดเทอมกับยาย   เวอร์ชันบรรยายได้ใน ยูทูป ** 


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in