เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ว่าด้วยpokchanymph
ว่าด้วยเรื่องอายุ 25 กับการเขียนเพื่อเขียน
  • aka An Open Letter to My Younger Self


    สวัสดีมินิมอร์ (และเราในอดีต) เรากลับมาแล้ว!
    ไม่ได้เขียนมานานเท่าไหร่ 2 ปี 3 ปี? กลับมาเพราะไม่รู้จะไปโยนพวกนี้ไว้ที่ไหนดี และรู้สึกเอนจอยกับการเขียนอีกครั้ง (เย่)


    25 (แล้ว)



    ไม่นานมานี้คุยกับพี่คนหนึ่งว่าเราจะรีวิวหนังสือให้ เลยมาด้อมๆ มองๆ ว่าจะไปโพสต์ที่ไหนดี เลยตัดสินใจกลับมานี่ ระหว่างที่กลับมาดูแอคเคาท์นี้คร่าวๆ ว่าลงอะไรไว้ในนี้บ้าง ก็เจอเจ้าบทความที่ตัวเองเคยเขียนไว้ ว่าด้วยเรื่อง 20+ ตอนนั้นเขียนถึงตัวเองตอนอายุ 19 ด้วยมุมมองของคนวัย 21 ซึ่ง...ลืมไปแล้วว่าเคยเขียน 555

    ผ่านมาแล้ว 3 ปีกับอีก 5 เดือนกว่าๆ พอมาอ่านในมุมมองของตัวเองในวัย 25 แล้วรู้สึกว่าก็มีอะไรเกิดขึ้นเยอะจัง ทั้งดีและไม่ดีเลย

    เราในวัย 21 รู้ดี! บอกว่าอาจจะเบรกดาวน์มากขึ้นกว่าเดิม (เราในวัย 23 และ 24 จะเข้าใจว่าเราพูดถึงอะไร เราเบรกดาวน์แทบบ้า ซึ่งตอนนี้หายแล้ว ค่อยยังชั่ว เย่ๆ)

    ตอนช่วง 20 ใหม่ๆ สงสัยว่าตัวเองจะยังเล่นเกม อ่านการ์ตูน อยู่ในแฟนด้อมรึเปล่า ตอนนี้ไม่ต้องสงสัยแล้ว แกยังอยู่ แถมตอนนี้มีกำลังซื้อด้วย!! 5555555 

    วัย 21 หาเงินได้แค่พาร์ทไทม์กับตอนปิดเทอม ถือว่าชิมๆ การทำงาน และต่อให้พ้นเลข 20 มาแล้ว
    ส่วนในวัย 19 น่ะเหรอ ไม่ต้องพูดถึง งานอะไรก็แทบจะทำไม่ได้ จะไปไหนก็ติดๆ ขัดๆ การเงินก็ลำบาก ทำบัญชีไม่เป็น

    ถ้าให้พูดก็ชอบตัวเองตอนนี้มากกว่าตัวเองในอดีตแหละ เอ้า ว่าแล้วก็ไปลบสเตตัสใน memories ของเฟซบุ๊กยุคเบียวๆ แป๊บ

    แต่ว่าขอบคุณตัวเองตอน 21 มากๆ ที่เรียนรู้ที่จะรักตัวเองได้ ถึงจะไม่ได้รักได้เต็มที่แต่มันก็เป็นเบสที่ทำให้ทุกวันนี้เราแฮปปี้
    เราเคยเกลียดชื่อพิมพ์ชนกมากๆ เพราะมันโหล และเพราะต่างชาติออกเสียงยาก
    แต่ตอนนี้เราชอบมันมาก ยิ่งเอามาเล่นกับยูสเซอร์เนมของตัวเอง (pokchanymph-พกชนิม) เลยรู้สึก own ชื่อนี้แล้ว

    กลับไปอ่านบางบทความของตัวเอง (และบางบทความก็ไม่คิดแม้แต่จะกดเข้าไปอ่าน—มัน cringey as fuck) มันผ่านมาเป็นปีแล้ว บางเรื่องเราก็ยังมีความเห็นเดียวกับตัวเอง บางเรื่องก็เป็นกลาง และบางเรื่องก็เกือบจะไม่เห็นด้วยแล้วมั้ง

    แต่ถ้าชอบทั้งหมดที่เป็นตัวเองในอดีตก็คงพิลึก เพราะมันหมายความว่าเราไม่ได้เปลี่ยนไปเลย ไม่ว่าดีขึ้นหรือแย่ลง

    เราตอน 21 บอกตัวเองตอน 19 ไว้ว่าเราไม่รู้สึกตัวเองโตมาก ก็จริง ตอนนั้นล่องลอยมาก ตอนนี้ก็ยังล่องลอยอยู่นะ แต่ลอยแบบรู้ตัว 555 พอ 25 ก็ไม่ถามแล้วว่าตัวเองโตรึเปล่าแล้วเอนจอยกับการใช้ชีวิตมากขึ้น (และแน่นอนที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ซัฟเฟอร์กับชีวิตมากขึ้น)

    but that's life, I guess?

    หลายๆ คนอยากกลับไปเป็นเด็ก เราก็ยังยืนยันคำเดิมว่าคงไม่อยากอายุน้อยกว่า 20 หรอก เพราะมันไม่มีอิสระหลายอย่าง ไปคอนเสิร์ต ไปร้านเหล้า ทำงาน อะไรก็มีเลขอายุมาขวาง

    แต่ก็ไม่อยากแก่แฮะ (เอ๊า เรื่องมาก!)

    ถ้าเทียบจังหวะชีวิตก็คงเป็นบีทที่กระโดดไปกระโดดมาในเพลงเดียว เดี๋ยวก็ช้า เดี๋ยวก็เร็ว
    แต่เราว่าบีทที่ไม่ได้เท่ากันตลอดเพลงนี่แหละสนุก ดูแบบวงควีนส์สิ!


    เขียนเพื่อเขียน

    มีอะไรหลายอย่างเกิดขึ้นกับเรามาก ทั้งดีและไม่ดี ทั้งที่ดูเป็นหมุดหมายสำคัญ อย่างการเรียนจบ การทำงาน การลาออก

    เราเดบิวท์ตัวเองหลังเรียนจบด้วยการเขียนบทหนังสั้นกับเพื่อน สนุก ขำๆ ดี ต่อมาพอผ่านมรสุมชีวิตชุดหนึ่งในช่วงสองสามเดือนปี 17 ก็มาเป็นนักเขียน-นักแปลฟรีแลนซ์ เพื่อหาเงินไปพลางๆ จากการเขียนเพื่อคะแนน เขียนเป็นงานอดิเรก ก็กลายเป็นเขียนเพื่อเงิน

    อย่าเข้าใจเราผิด การได้ทำอะไรที่ชอบเพื่อเงินทำให้รู้สึกดี และเราก็แฮปปี้ที่หาเงินได้จากสิ่งที่ตัวเองชอบทำ แต่มันก็เป็นความรู้สึกดีที่หลายๆ ครั้งเบียดเบียนความรู้สึกไปบ้าง ทำไมงานนี้ไม่ดี ทำไมงานนี้เงินไม่ดี

    พอเริ่มทำงานประจำก็ต้องเจอกับการผลิตงานที่เน้นปริมาณ (ต่อให้ใครจะพูดสวยงามแค่ไหนว่างานอยู่ที่คุณภาพ ไม่ใช่ปริมาณ แต่เชื่อเถอะ มันจะต้องมีวันที่คุณก้มมองทูดูลิสต์แล้วก็ร้องว่า คุณภาพ? ด้วยเวลาเท่านี้น่ะเหรอ)
    และสุดท้ายมันจะมีงานที่เราไม่ค่อยภูมิใจกับมันเท่าไหร่หลุดออกไป
    ชิ้นแรกๆ ไม่เป็นไร ชิ้นต่อไปเราจะตั้งใจทำมัน
    ชิ้นต่อมา ไม่ทันแล้ว ชิ้นต่อไปนะ
    ไปเรื่อยๆ ไปเรื่อยๆ จนสุดท้ายเงยหน้ากลับมามองสิ่งที่ปล่อยออกไป
    กล้าพูดเหรอว่านี่งานเราเอง
    โมเม้นต์นั้นเหมือนปล่อยโคมลอย หันออกไปแล้วอิโคมห่าพวกนี้ไปไหม้หลังคาบ้านคนอื่น กลับมาเดี๋ยวนี้! กลับทันที!

    ถึงจะไม่ใช่งานที่ยิ่งใหญ่กอบกู้โลก ถึงจะเป็นแค่ ad โฆษณาโง่ๆ บนหน้าจอ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันก็เป็นแค่คำที่ถูกเขี่ยลงบนหน้าจอให้คนปัดผ่าน

    งานเขียนในโลกทุนนิยมถูกตีค่าด้วยยอด engagement มาอนาไลซ์ยอดจาก analytics ต่างๆ ต้องคอยวิเคราะห์ว่าชุดข้อความนี้เป็นแบบนี้ ยอดเท่านี้ และต้องใช้คีย์เวิร์ดอะไร ต้องจัดเว็บแบบไหนถึงจะขึ้นหน้าเสิร์ชเอนจิน—มันก็สนุกแหละ การได้เห็นสิ่งที่เราสร้างสรรค์ถูกเปลี่ยนให้เป็นกราฟที่พุ่งขึ้น แต่ในโลกที่เต็มไปด้วยข้อมูล คำของเราก็ถูกเลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็ว

    เดี๋ยวก่อน นี่ไม่ใช่จดหมายบอกลาการเขียน พูดไปแล้วดูเหมือนเรา too depressed to go on this career path 555

    ตัวเลือกที่ดีที่สุดตอนนั้นคือการออกจากที่ที่ทำให้เรารู้สึกแย่กับงานตัวเอง ถอยออกมา พักหายใจแป๊บ
    เชี่ย กูอยู่โดยไม่เขียนไม่ได้
    สุดท้ายก็จบลงที่กลับมาทำงานเขียนเหมือนเดิม แต่ในแวดล้อมที่ดีกว่ามาก

    แต่ก็อย่างว่า ต่อให้แฮปปี้มากแต่มันก็คืองานอะ อยากทำอะไรแบบไม่มีคนมาบรีฟ
    ต้องขอบคุณ prompt ฟิค drarry ในทวิตตอนเดือนกันยา 19 มาก ที่ทำให้เรากลับมาเขียนฟิค 5555555 รู้สึกดีมากอะ การเขียนเพื่อเขียน เขียนเพื่อปล่อยเรื่องในหัวออกไปโดยไม่ต้องแคร์ว่าได้เงินรึเปล่า ใครจะชอบไหม เขียนเพราะอยากเขียน

    หลังจากนั้นก็เหมือนก๊อกน้ำเปิด เรากลับมาเขียนเป็นงานอดิเรกอีกครั้ง เขียนแบบไม่ต้องแคร์คะแนน ไม่ต้องแคร์คอมเม้นอาจารย์ ไม่ต้องแคร์เงิน ไม่ต้องแคร์ analytics

    การเขียนนี่มันสนุกมากๆ เราอยากจำความรู้สึกนี้ให้ได้ ต่อให้ัวันไหนเลิกเขียนแล้วก็ไม่อยากให้ลืมมัน (เข้าใจไหมตัวเราในอดีต และตัวเราในอนาคต!)

    มีเพลงหนึ่งของ hozier ที่เรารีเลทด้วยมากๆ ชื่อ To Noise Making (Sing) พูดถึงการร้องเพลง ว่าถ้าร้องเพลงแล้วรู้สึกดีก็ร้องไปเถอะ sing, just for the fuck of it แล้วมันก็แค่นั้นจริงๆ เราก็ write, just for the fuck of it ฮา

    You don't have to sing it right
    Who could call you wrong?
    You put your emptiness to melody
    Your awful heart to song
    You don't have to sing it nice, but honey sing it strong
    At best, you find a little remedy, at worst the world will sing along






    ถ้าถามเราว่าแฮปปี้ไหมกับการเขียนเพื่อเงิน แฮปปี้! ใครวะไม่ชอบเงิน 55555 เราชอบเสียงคีย์บอร์ด ชอบการนั่งดูพารากราฟ ดูสิ่งที่ตัวเองเขียนไป
    ถึงจะไม่ได้ยิ่งใหญ่ ถึงจะไม่ได้ช่วยกอบกู้โลก แต่เราแฮปปี้ และไม่ได้ทำร้ายใคร ก็โอเคนะ

    แต่ถ้าได้เขียนเพื่อเขียนบ้างเป็นครั้งคราว เขียนแบบไม่ต้องแคร์ว่ามี typo แล้วจะโดนด่า เขียนแบบไม่ต้องดูยอด เขียนแบบไม่ต้องมาคิดว่ามันจะขึ้นอยู่ในท็อปของเสิร์ชเอนจิ้นรึเปล่า ก็เป็นสิ่งที่ดีต่อใจเหมือนกัน


    เราในวัย 25 แฮปปี้ดี การงานมั่นคง (เท่าที่มันจะมั่นคงได้ในโลกอันแสนไม่มั่นคง) รู้วิธีจัดการความเครียดตัวเองได้ ยังรู้สึกประหม่ากับอายุ 25 เพราะเพิ่งผ่านมาได้แค่เดือนเดียว แต่ก็จะพยายามต่อไป


    ถ้าตัวเองในอนาคตมาอ่าน:
    ขอให้เป็นวันที่ดีของแก ยังเขียนอยู่รึเปล่า?


    จากเราเอง ตอนอายุ 25 ปีกับอีก 1 เดือน

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in