เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Scarlet (แดงดั่งวอดไวน์)sheisbreathing.
โพสต์นี้มีเนื้อหาที่อาจไม่เหมาะสมกับเยาวชน ภาคหนึ่ง: วอดวาย VII The Scarlet.
  • ※ เนื้อหาบทนี้อาจทำให้ท่านเซื่องซึม โศกศัลย์จากความยากจนที่ต้องดิ้นรน และมีการบรรยายถึงฉากน่าสยดสยอง

    “ฉันกำลังจะได้เงินก้อนแรกจากงานใหม่แล้วนะ”

    หล่อนตรงนั้น ผู้หันหนีออกมาจากแขกบุรุษตรงหน้า ที่หล่อนกำลังสนทนาพาทีออกรสกับเขา ด้วยท่าทีสนอกสนใจไม่น้อยเมื่อเป็นเรื่องเงินทอง ฉันจึงเบาใจ เมื่อเห็นสีหน้าของหล่อนเป็นไปตามที่ใจสนองนึก “มันเป็นงานแบบไหนกัน”

    ทว่าหล่อนอยู่ไกลเกินเอื้อม ฉันจึงกวักมือเพรียกหาหล่อน หล่อนคล้ายว่าจะเข้าใจท่าทีละล่ำละลักของฉันดี หล่อนตบอกเขาเบาๆ เดิมทีแขนที่โอบกอดเอวหล่อนค่อยๆ เคลื่อนคล้อยเลื่อนออกห่าง โรซาลินด์ หล่อนมีเรือนผมหยักศกสีดำ ดวงตาสีดำสนิทลึกล้ำราวกับบึงโคลน การเคลื่อนไหวอ่อนโอนจากตรงนั้นเพื่อมานั่งข้างๆ กับฉันตรงนี้ ฉันเห็น เส้นเลือดฝอยสานเรียงตัวกันคืบคลานเข้ามาในพื้นที่ดวงตาสีขาวขุ่นของหล่อนด้วยพิษของไวน์ หล่อนดูไม่มีสติและเมามายเกินกว่าจะเดินให้ตรง ถึงแม้เป็นเช่นนั้นก็ตาม สัญชาติของหล่อนยังคงงดงามอย่างปัจเจกแม้เมามาย ด้วยสังขารสภาพดูไม่ได้บนส้นสูงเช่นนั้นน่ะ มิอาจตามหาได้จากที่ใด เว้นแต่ที่นี่ บาร์แห่งหนึ่งในตรอกซอยลึกเข้ามาในย่านอีสต์เอนต์ ไวต์ชาเปล หล่อนคือโสเภณีที่งดงามที่สุดในย่านนี้ คนในสลัมหมายอยากให้หล่อนเป็นภรรยา ขุนนางคิดอยากคบหานอกใจเมียตน พวกนั้นมาหาหล่อนครั้งหนึ่งก็ไม่วายจะกลับมาหาหล่อนอีก

    “งานที่หมอนั่น—ชื่อว่าอะไรนะ อ่า...ช่างมันเถอะ”

    “โจนส์...โจนาธาน โจนส์” ฉันได้รับงานนี้มาจากชายนามนั้นกับการมาอย่างแปลกประหลาดดูเป็นปริศนาทว่าหน้าตาดูน่าเชื่อถือ “งานของเขา ดาษดื่นกว่าการเป็นโสเภณีมาก”

    “งั้นรึ ฉันว่านะ เขาหล่อเหลาในฉบับที่ไม่ต้องพินิจเทียบกับผู้ใด” ฉันเออออตามน้ำไปกับหล่อน หล่อนเลิกคิ้วซ้ายขึ้นสูง แววตานิ่งสนิท ก่อนกรอกไวน์ใส่ปากหมดแก้ว

    “อะไรรึ”

    “เพนนี สำหรับเธอ โสเภณีถือว่าเป็นเรื่องแปลกไปแล้วหรือยังไง”

    ฉันสบตาหล่อน จากนั้น มันก็กลายเป็นแววตาโศกศัลย์ของเราทั้งคู่ “ฉันเลิกเป็นโสเภณีแล้ว ฉันยอมรับว่าที่ผ่านมา มันถือเป็นฝันร้ายตามหลอกหลอนฉัน สิงสู่ฉันเมื่อไรก็ตามที่ฉันปิดตา แต่ว่านะ ฉันไม่เคยมองว่าพวกเราแปลกหรอกนะ โรซาลินด์”

    “งานสาวเสิร์ฟเหมาะกับเธอมาก” หล่อนยิ้ม “งานใหม่ของเธอน่ะ เล่าให้ฉันฟังหน่อยสิ”

    “ทุกวันๆ งานที่ฉันต้องทำ ไม่ต้องนอนรอคอยการคืบคลานเข้ามาที่หว่างขาของฉัน หรือต้องยกถาดเบียร์หนักๆ แบบนั้นไปให้กลุ่มพวกติดพนัน อีกอย่าง ไม่ต้องกลัวว่าจะโดนฉุดตอนหันหลังเมื่อไรด้วย” ฉันจรดขวดไวน์ที่พร่องลึกไปถึงก้นขวด รินใส่แก้วที่ว่างเปล่าของโรซาลินด์ “มันรายล้อมไปด้วยแสงแดด กลิ่นหอมในครัว สีสันในสวน ฉันได้ปลูกดอกไม้แบบที่ไม่เคยได้ทำด้วย! ฉันได้ชงชา ฉันได้ทำอาหารในครัวที่เต็มไปด้วยเครื่องเงินระยับ—ว่าง่ายๆ ฉันเหมือนแม่บ้านธรรมดาดาษดื่น แต่มันดีกว่าที่นี่จนน่าเหลือเชื่อ”

    “หา! แม่บ้านรึ กับเงินที่มากมายถึงขั้นนั้นน่ะรึ?!”

    “คุ้มซะยิ่งกว่าคุ้มเสียอีก เงินนั่นมากพอจะทำให้ฉันเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้เลย” แม้จะเอ่ยเช่นนั้น แต่ฉันมิอาจกลั้นหัวเราะด้วยความอัปยศอดสูเลือดสกปรกในร่างของตัวเอง ฉันพยายามโกยดิน กลบเกลื่อนความเป็นไปไม่ได้ให้คล้ายว่าฉันอาจยังมีหวังจะอวยพร อ้อนวอนให้มันเป็นจริง “โรซาลินด์ ฉันอยากไปที่เวนิส เป็นไปได้ ฉันอยากไปใช้ชีวิตที่เวนิส มีครอบครัว มีลูกและตายที่นั่น” วินาทีนั้น ฉันเห็นตัวเองในแบบที่เคยไม่กล้าจะนึก “แต่ฉันก็รู้ดี ว่าฉันไม่สามารถเป็นอะไรได้มากกว่านั้นอีกแล้ว เงินก้อนนั้น ก็เพียงพอจะให้ฉันใช้ชีวิตรอดจากความยากจน”

    “เธอรู้ก็ดี” เหมือนหล่อนคล้ายจะย้ำเตือนฉัน “เพนนี ฉันยินดีด้วยที่เธอมีงานดีๆ แบบนั้น แต่มันไม่แปลกเกินไปรึ งานแสนธรรมดาแต่ราคาแพงแบบนั้น”

    “ไม่หรอก เธอไม่ต้องเป็นห่วง” น้ำเสียงแผ่วโผยราวกับมีใครสักคนจรดมีดที่คอของฉัน ฉันสามารถบอกหล่อนได้แค่นั้น นอกจากความจริงที่ฉันมิอาจบอกโรซาลินด์ให้รับรู้ได้ แม้เพียงเศษเสี้ยว นั่นคือสิ่งที่ชายหนุ่มผู้จ้างวานคนนั้นประสงค์และให้คำสั่งไว้ รวมถึงย้ำเตือนฉันเสมอ หลังเราสองร่วมเตียงในคืนฤดูหนาว ว่าหากมีผู้ใดเคาะประตูมาเยือนและยื่นจดหมายฉบับหนึ่งมาให้ นำมันไปอังแดด แล้วถ้าเธอเห็นชื่อฉันในกระดาษ เธอจะปลอดภัย “ฉันอาจได้ตายได้ทุกเมื่อ แต่เงินก้อนโตขนาดนั้นน่ะ...” เพียงแค่ฉันจำเป็นต้องแลกมา “แต่ถ้าฉันรอด คิดดูสิโรซาลินด์ เงินที่หนักกระเป๋าแบบนั้น” เพื่อเงินก้อนนั้น

    “ฟังดูไม่ดีเลย”

    ฉันกลั้นยิ้มสุดเสียงก่อนจะหลุดหัวเราะตัวสั่น ด้วยเพราะคำตอบเช่นนั้นของหล่อนลั่นออกมาอย่างไร้เดียงสาสิ้นดี หน้าท้องแข็งเกร็ง พยายามเหลือเกินที่จะกอบโกยอากาศลงไปในปอด ขอบตาพลางร้อนรื่นชื้นไปด้วยน้ำตา หล่อนทำหน้าเหมือนเอือมระอาฉัน ฉันจึงพยายามกลั้นสุดชีวิตเพื่อไม่ให้หล่อนเสียหน้า “อย่าทำหน้าอย่านั้นสิ นี่ เธอเองก็หลุดหัวเราะเหมือนกันไม่ใช่เหรอ เห็นไหมนั่น”

    “เพราะเธอเผลอทำหน้าตลกออกมาต่างหาก”

    “ให้ตายสิ เธอเมาเกินไปแล้วแม่สาว เธอทำอย่างกับเราไม่เคยเจอมันมาก่อน เรื่องไม่ดีเอย อ้วกที่พื้น อึที่ส้วม เศษเงินที่ฟาดใส่เข้าที่หน้าบอกให้ถกกระโปรงขึ้นซะ พวกลูกค้าสวะไม่ซ้ำหน้าอีก เรื่องแค่นี้มันเล็กน้อยสำหรับฉันไปแล้ว”

    “เราควรเลิกพูดเรื่องนั้นเถอะ อ่า!! ฉันเมาเกินไปจริงๆ นั่นแหละ ฉันนึกได้แต่ความรู้สึกหนัก—ที่ไหล่เวลาหอบตะกร้าผ้าไปซัก แบบนั้นน่ะ แบบนั้น อิจฉาที่เธอมีโอกาสได้หนักบ่าเพราะเงิน” ร่างอ่อนระทวยและสะอึกตัวโยน ฉันฉกฉวยแก้วไวน์ในมือหล่อนก่อนที่มันจะพลั้งตกจากมือหล่อน “เอาเถอะนะ แชปแมน” โรซาลินด์ หล่อนชี้หน้าฉัน “วิถีน่ะ มันโคจรด้วยเงิน เงินคือทุกอย่าง”

    เพราะคำว่า ‘วิถีโคจรด้วยเงิน’

    คืนนั้น ฉันจึงต้องแลกกับการหลั่งใน

    เมื่อฤดูหนาวยังไม่สิ้นกาล ชายผู้พกพร้อมมาด้วยกลิ่นไอของเงินหนักเป็นตัน อีกทั้งยังยื่นข้อเสนอ ก้อนเงินและดุ้นหนาขนาดหกนิ้ว เพราะโหยหิวความร่ำรวยที่ถวิลหา ฉันจึงแลกความเสี่ยงชีวิตต่อจากนี้เพื่อให้ได้งานนี้มา งานที่ว่าคือการเป็นแม่บ้านให้นักสืบวัยสามสิบเจ็ดคดีแจ็ค เดอะ ริปเปอร์ ที่มาจากวอชิงตัน กระนั้น ชีวิตของฉันมันแขวนอยู่บนเส้นด้ายทันใด หากไม่วอดวาย ความตายน่าพรั่นพรึงไม่วายก็เป็นฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนทุกคืน ภาพฝันที่ฉันถูกแขวน ข้อมือถูกตรึงด้วยลิ่มที่ตอกตรึง ฝีเท้าไม่อาจสัมผัสได้ถึงพื้นดิน กายหยาบหลั่งรินรอยริ้วและการหยดย้อยของเลือดที่รอยแผล ฉันเห็น ร่างที่ถูกหมัดประณามที่กลางหุบเหวเช่นนั้น ความไกว่แกว่งและมวลแห่งความว่างเปล่าจะกลืนกินฉัน หากฉันตาย ฉันจึงจะตื่นจากฝันร้ายนั้น

    “เขาเป็นคนประหลาดมากเลยล่ะ”

    “เขารึ”

    “โจนส์เขาจ้างให้ฉันไปรับใช้ นักสื—ชายคนหนึ่งที่เขาย้ายมาจากอเมริกา โรซาลินด์ เธอต้องไม่เชื่อว่าแน่ เขาเป็นเกย์” ฉันหยุดสักพัก จรดจ้องที่แววตาลึกล้ำยากเกินจะหยั่งอนันต์ของความดำขลับคู่นั้นของหล่อน ที่ครานี้ กำลังระยับเพริศพราย เมื่อเห็นหล่อนยังมีสติพอจะฟังฉัน ฉันจึงพูดต่อ “เพราะเขาเป็นเกย์หรือเปล่านะ ฉันถึงได้รู้สึกปลอดภัยขึ้นมา เขาไม่เคยคิดจะสัมผัสฉัน ไม่เคยทำอะไรแบบที่คนพวกนั้นทำกับเรา แต่นั่นไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรหรอก เขาแปลกด้วยนิสัย คือการที่เขามีบุหรี่มากมายในกระเป๋าเดินทาง แต่เขากลับไม่สูบกองห่าพวกนั้น เขาซื้อใหม่ในราคาที่เท่ากัน ยี่ห้อเดียวกัน ฉันเคยถามเขานะว่าทำแบบนั้นไปทำไม แต่คำตอบของเขาเป็นคำตอบที่โสเภณีอย่างเราๆ ไม่เข้าใจ แต่เขาก็เลือกไม่ทิ้งบุหรี่พวกนั้นเหมือนกัน”

    ก่อนที่ฉันจะมาย่านอีสต์เอนต์ ชาร์ลี รีดด์ เขาพกพร้อมไปกับความหมายมั่นบางสิ่งในโมงยามอาทิตย์ใกล้อัสดง ด้วยเจตจำนงอันเสรีไม่แน่นอนของเขา ฉันพรั่นกลัวว่าเขาจะไม่กลับมาที่บ้านหลังนั้นอีก หากเขาไม่กลับมา นั่นหมายความว่าฉันอาจไม่ได้เงินจากชายที่มีนามว่าโจนาธาน ฉันคิดแบบนั้น นัยน์ตาสีแอมเบอร์ของเขาดูโหยหารัญจวน เขาเดินทวนกระแสลมวสันต์ออกไปจากหมู่บ้านอย่างเซื่องซึม เส้นผมยาวสีดำขลับเลยช่วงสะบักลงมานั้นพลิ้วไหวราวกับร่ายรำ เขามีบ่อบึ้งที่มิอาจเติมเต็ม

    “เขามีรสนิยมประหลาด เศษซากแมลงปีกสีสวยถูกตรึงด้วยหมุดแล้วแขวนไว้บนผนังเด่นหรา เขาสะสมมันอย่างกับเหรียญหายาก ชั้นวางหนังสือ หัวเตียง ที่ว่างเหลือๆ เหนือเตาผิง ทุกๆ ที่เขาจะวางโครงกระดูกหน้าตาประหลาดไว้ ฉันไม่รู้ว่ามันคือตัวอะไร ดูคล้ายเป็นปลาหรือ...สัตว์เลื้อยคลานอะไรเทือกนั้นๆ แต่เมื่อเช้าวันนี้ มีพัสดุกล่องหนึ่งมาส่งที่บ้าน มันเบาหวิวแต่ก็หนักด้วยอะไรบางอย่าง ทายสิมันคืออะไร” เมื่อนั้น ฉันหวั่นกลัว “มันคือกะโหลกคน”

    โรซาลินด์ โปรดเชื่อฉัน ฉันอาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกับนักสืบผู้มีรสนิยมประหลาด ฉันหลับใหลใต้ชายคาที่ไม่รู้ว่าราตรีใดฉันถูกฆ่าด้วยคมมีด

    เมื่อฉันจะสบตาหล่อนอีกครั้ง เปลือกตาหล่อนพริ้มผนึก ใบหน้างดงามเป็นดั่งปัจเจกฟุบลงที่โต๊ะ หล่อนหลับไปเสียแล้ว ราตรีแคล้วคลาดพอสมควรที่เหมาะสมว่าฉันต้องกลับบ้านหลังนั้นเสียที ฉันจึงฝากถึงหญิงคนอื่นๆ ในร้านดูแลหล่อน ส่งหัวของหล่อนให้จมลงไปในหมอน เรียวขาซ่อนอยู่ใต้ผ้าห่มผืนโปรด และขัดกลอนประตูห้ามให้ผู้ใดเข้า ไม่ว่าใครก็ตาม แม้กระทั่งหนึ่งในหมู่พวกเราที่กระหายเงินเพื่อมื้อเช้าราคาถูกในรุ่งสางถัดไป

    ในคืนเดียวกัน ฉันก้าวออกมาจากอีสต์เอนต์ ไวต์ชาเปล

     

     

    โมงยามที่ไม่มีนัยน์ตาอันวอดวายคู่นั้นจดจ้องมา รุ่งอรุณมิอาจปลุกคุณจากการหลับใหลภายใต้การปิดของเปลือกตา ริชาร์ด คุณนอนก่ายกอดห่อหุ้มตน ลาดไหล่หดเหี่ยว ขดตัวอยู่กองผ้าสักหลาดสีมรกต ร่างกายระทดระทวยอย่างเปลือยเปล่าและล่อนจ้อน เรือนผมสีบลอนด์และแพขนตาประกายระยับขับกระแสความทรงจำให้คุณเหมือนวันแรกที่เราพบกันด้วยความบังเอิญเมื่อฤดูหนาว ริ้วรอยของความชราดูอ่อนเยาว์เพราะคุณนิทราที่พรากคุณอยู่ที่ใดที่แม้แต่คุณยังค้นหาถามไถ่ตน อาจเป็นที่ที่มืดมิดสงบสุขกว่าราตรีที่ผ่านมา อาจเป็นที่ที่วิลาสในงานเต้นรำแต่ก็มิอาจเทียบเท่าความพิสดารของราตรีที่เราเสพสังวาส ด้วยครรลองของเจตจำนงอันเสรีนี้ ผมจดจำคุณในท่วงท่างดงามและสลักฝังเงาอัปลักษณ์บนกำแพงที่คุณคือผู้ถ่ายทอด สรรพเสียงครวญครางทรหดทรมานแต่เปี่ยมล้นด้วยไปด้วยความสุขสมที่ความแน่นคับไปทั่วท้อง

    ผีเสื้อปีกสีสันกระพือท่องผ่านลำแสงอรุณที่ปลายหางตาผม ก่อนจรดเรียวขาเล็กแหลมที่ใบหูคุณเมื่อยามที่หันไปมอง โมงยามล่วงเลยเกินพอ ผมสืบเสาะเสื้อผ้าทุกชิ้นที่กระจัดกระจายไปทั่วทุกสารทิศและควานหาเน็กไทที่คุณดึงทิ้งมันไว้ด้านนอก สวมมันเสียก่อนจะมีผู้ใดมาพบเห็น ด้วยสังขารเช่นนี้กับฝีเท้าเย็นเฉียบ

    ผมย่างก้าวเข้าในย่านอีสต์เอนต์ ไวต์ชาแปล

    “มิสเตอร์รีดด์ คุณมาพอดี” เฟรเดอริค แอ็บเบอร์ไลน์[1]เอ่ยทักทายขึ้นมาท่ามกลางหมู่ผู้คน เราต่างรู้จักกันในนามที่ปรากฏบนฉบับหนังสือพิมพ์ ทราบมาว่าเขาเป็นหนึ่งในตำรวจที่มีทักษะโดดเด่นและมีชื่อเสียงของกรมตำรวจนครบาลลอนดอน ผมผ่อนฝีเท้าช้าลง เมื่อเห็นเขาฝ่าฝูงปุถุชนพุ่งตรงมาทางผมเสียก่อน เราก้มหัวให้กันเล็กน้อย ทักทายตามมารยาทที่เราต่างจะพึงมีให้กัน “ผมไปหานายที่บ้าน แต่นายดันไม่อยู่”

    “ขออภัยสารวัตร พอดีผมมีธุระแต่เช้า”

    “...” แอ็บเบอร์ไลน์สบตาผมนิ่ง แล้วจากนั้นจึงพ่นลมหายใจออกมาดัง “ถึงเวลางานแล้วล่ะ”

    “พาผมไปดูศพหน่อย”

    “เชิญทางนี้” เขาอธิบาย “เป็นผู้หญิง ตายมาแล้วประมาณเจ็ดชั่วโมง” แอ็มเบอร์ไลน์ดันไหล่ผู้คนที่หนาเป็นหมอกให้หลีกทาง “ไม่มีพยานพบเห็นเหยื่อ แต่เรารู้ว่าเธอออกจากร้านบาร์ในตรอกลึก”

    “ชื่อเหยื่อล่ะ”

    “ตอนนี้กำลังไล่สอบถามคนละแวกนี้อยู่ แต่ดูท่าจะยาก” เขาส่งสายตาไปทางอื่น ผมทอดสายตาตามเขาไป ในตรอกที่ลึกเข้าไป หย่อมน้ำตามหลุมของบาทวิถี กลิ่นสาบของขยะโสมมที่ผ่านมาตามกระแสลม ไวต์ชาเปลปกคลุมไปด้วยอำนาจหมอกที่โปร่งใสมองไม่เห็น บ้านทุกบ้าน ไม่ว่าหลังใดนั้นล้วนเงียบสงัด ขัดกลอนประตูแม้เป็นเวลาค้าขายแล้วก็ตาม “ต้องพึ่งคุณแล้วล่ะ” เขาหันกลับมามองผมอีกครั้ง วินาทีที่พร้อมกับเหล่าตำรวจที่พร้อมใจกันหลีกทางโดยสมบูรณ์ ภาพที่ปรากฏเป็นเลือดหลั่งรินไหลตามซอกหินของบาทวิถี ร่างกายนวดนาดของสตรีแข็งทื่อและซีดเย็น ช่องท้องถูกชำแหละเผยลำไส้ เครื่องใน ไตและตับกระจัดกระจายอยู่ไม่เป็นตำแหน่งที่ควรจะเป็น หล่นออกมา ตกอยู่บนพื้น เกลื่อนอยู่ขา สภาพเฉกเช่นนั้นไม่ต่างจากการถูกคว้านท้องชำแหละปลาขาย

    เมื่อก้มลงไปสืบเสาะ

    อีกสิ่งหนึ่งที่ควรมี กลับหายไป

    มดลูกล่ะ”

    “ไม่มีเหรอ” แอ็บเบอร์ไลน์ตอบเสียงอุดอู้ใคร่ความสงสัยไว้ในน้ำเสียง หมอนั่นที่กำลังเอาผ้าเช็ดหน้าอุดจมูกตนอยู่ “นายดูดีๆ แล้วใช่ไหม ว่าไม่มี”

    ผมไม่ได้ตอบอะไรใดใดกับเขา เพียงหันกลับมาสนใจกับศพอีกครั้ง สำรวจช่องท้องด้วยตาเปล่ามานานเกินสมควรแก่พินิจ แม้มิอาจปฏิเสธว่าบางครั้งผมรู้สึกชอบกลิ่นสนิมประโลมเฉกเช่นนี้แต่ก็อดคลื่นไส้ไม่ได้เช่นกัน ที่จุดเริ่มต้นของรอยแผลจากขวาไปซ้าย ก่อนจะไล่สายตาขึ้นไป เรือนผมสีแดงถูกทึ้งกระฉากอย่างรุนแรง ส่วนที่ขาดแยกกระจุกทิ้งอยู่เป็นกองไม่ห่างไปไกล กะโหลกกลวงเปล่าและสมองกลิ้งออกมาไม่เหลือชิ้นดี เมื่อยามยื่นใบหน้าเข้าไปเพ่งพินิจพิจารณาให้ดี เป็นดั่งที่คาดการณ์ไว้แต่แรก กระดูกลิ่มผีเสื้อหายไป

    “เราคาดการณ์เอาไว้ว่าเป็นแจ็ค แต่คราวนี้ดันเอามดลูกเหยื่อไปด้วยทำไมกัน”

    “เป็นแจ็คไม่ผิดแน่” ผมตอบ

    “นายมั่นใจใช่ไหม”

    “เหยื่อทุกรายล้วนถูกฆ่าให้ตายด้วยมีดเดียวที่คอ แรงมีดทางด้านขวามักลึกกว่าทางด้านซ้าย นั่นหมายความว่าฆาตกรถนัดซ้าย รอยมีดที่คอดูรุนแรงไม่ต่างจากศพอื่นๆ เหยื่อรายนี้ก็โดนแบบเดียวกัน ก่อนจะโดนผ่าท้องด้วยมีดผ่าตัดเพราะรอยผ่าดูประณีตกว่า”

    เฟรเดอริคย่อตัวก้มลงมาดู “ถูกของนาย รอยที่ท้องดูสม่ำเสมอมาก”

    “ก่อนผ่าเหยื่อได้ตายสนิทแล้ว แล้วควักมดลูกออกมาสดๆ ...” ก่อนที่ผมจะยื่นมือเข้าไปเกลี่ยเส้นผมที่ปิดบังใบหน้าครึ่งซีกที่หลบซ่อนหายเข้าไป ผมชะงักค้างทันทีทันใด เหยื่อรายนี้ไม่ใช่ใครอื่น “แอ็บเบอร์ไลน์”

    “นายรู้อะไรเหรอ”

    “เตรียมปากกา แล้วจดตามฉัน ห้ามละแม้แต่คำเดียว”

    เขาล้วงหยิบปากกาพร้อมสมุดโน้ตขนาดเล็กออกมาได้ทันท่วงที “ผมพร้อมแล้ว”

    “เหยื่อเป็นสตรี อายุยี่สิบเจ็ดปี ถูกมีดปาดที่คอก่อนเสียเลือดมากแล้วเสียชีวิต ก่อนจะถูกผ่าท้องควานเอามดลูกไปด้วยมีดผ่าตัด และกระดูกลิ่มผีเสื้อ หนึ่งในชิ้นส่วนกระดูกกะโหลกหายไปด้วย เหยื่อออกมาจากบาร์แห่งหนึ่งในตรอกซอยลึกย่านอีสต์เอนต์ ไวต์ชาเปล อดีตเป็นโสเภณีและทำงานเป็นสาวเสิร์ฟที่นั่นในปัจจุบัน และถูกสังหารขณะกลับบ้าน เพนนี แชปแมน เป็นเหยื่อรายล่าสุดของแจ็ค เดอะ ริปเปอร์”

     

     

    Author @sheisbreathing

     

     

    เชิงอรรถ

    1. ^ เฟรเดอริค แอ็บเบอร์ไลน์ ในปี 1888 เขาเป็นตำรวจซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่ามีชื่อเสียงในการสืบสวนคดีของฆาตกรต่อเนื่อง แจ็ค เดอะ ริปเปอร์

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in