คำว่า Resilience นั้นเริ่มใช้ตั้งแต่ปี 1620 มีรากศัพท์มาจากภาษาละติน Re คือกลับคืนมา (back) Salire คือการกระโดด ดังนั้น Resilience ก็คือการกระโดดกลับคืนมา (Rebound) ซึ่งไม่ได้มีความหมายตรงตัวอักษร แต่มีความหมายโดยเปรียบเทียบว่า "พลังเข้มแข็งและสร้างสรรค์" จะว่าไปก็มีความหมายคล้ายๆ อีกคำหนึ่งคือคำว่า Grit ซึ่งคือความอดทนไม่ย่อท้อ ทั้งสองคำทำให้เรานึกถึงภาพของดาบ ที่ถูกหวดตีไปเท่าไหร่ก็ไม่ได้อ่อนแรงลง กลับแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นในทุกครั้งที่ถูกค้อนฟาดลงไป
Resilience ยังทำให้เรานึกถึงภาพของภูเขากล้าแกร่ง ทนแดดทนฝน ทนกระแสน้ำ ถึงจะผุกร่อนไปบ้างตามแรงกระทำ แต่ความเป็นภูเขาก็ยังคงยืนสง่าอย่างท้าทาย
มันเป็นคุณสมบัติที่สำคัญในยุคนี้ ยุคที่ทุกอย่างเชื่อมโยงกัน เชื่อมต่อกันอย่างไร้ขอบเขต เราเผชิญกับปัญหาใหม่ๆ เผชิญกับคนที่ยืนอยู่กึ่งกลางระหว่างความเป็นศัตรูกับมิตร เผชิญปัญหาทั้งจากภายนอก ภายใน และจากตัวเราเอง เผชิญกับความคาดหวังหลากหลายรูปแบบ และเมื่อคุณพลาด ทุกอย่างก็จะถาโถมเข้ามาทำร้ายคุณไม่ขาดสาย สิ่งที่คุณต้องมีคือ Resilience เพื่อกลับมายืนหยัดได้อีกครั้งและอีกครั้ง
เมื่อคุณถูกตีจนล้ม มันไม่ได้หมายความว่าคุณต้องล้มอย่างนั้นอยู่ตลอด ถ้าคุณมี Resilience คุณจะรู้จักใช้เวลาค่อยๆ พยุงร่างกายขึ้นมายืนได้เหมือนเดิม, หรือมากกว่านั้น, ยืนได้แข็งแกร่ง สง่างามกว่าเดิมด้วยซ้ำ การล้มแต่ละครั้ง บาดแผลแต่ละจุดให้พลังอำนาจใหม่ๆ กับคุณเสมอ
ความพยายามหนึ่งครั้งต้องอาศัยความกล้า ส่วนความพยายามหนึ่งพันครั้งต้องอาศัยความเชื่อ
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in