เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Vantage PointTeepagorn W.
On Unknown Variables
  • วันนี้มีเรื่องให้ไม่สบายใจสองสามเรื่อง ต่างเป็นเรื่องใหญ่ที่มีที่มาแตกต่างกัน มันมาในเวลาไล่เลี่ยกันจนรู้สึกเหมือนถูกหวดให้ล้มลงไปแล้ว พยายามลุกขึ้นยืนใหม่ ถูกหวดอีก ลุกยืนอีกครั้ง แล้วถูกหวดอีกเป็นครั้งสุดท้าย จนป้อแป้ แทบไม่เหลือแรงลุกยืน

    สามเรื่องที่ว่านี้ สมองพยายามบอกให้แยก 'การกระทำ' ออกจาก 'แรงจูงใจ' ของคน หมายถึงว่า เราจะดูว่าสุดท้ายเขาทำอะไรกับเราอย่างเดียวไม่ได้ แต่เราต้องดูแรงจูงใจของเขาด้วย

    เรื่องแรก มีสิ่งที่เราไม่ชอบเกิดขึ้น แต่แรงจูงใจนั้นดี เป็นประโยชน์ ทำไปด้วยความหวังดี (แม้จะได้ผลเป็นสิ่งที่เราไม่ชอบ) แบบนี้ก็พอทำใจได้ ว่าอย่างน้อย ก็เกิดขึ้นด้วยแรงจูงใจที่หวังดี ไม่ได้หวังร้าย ไม่ได้อยากหวดเราให้ลงไปกองอะไรหรอก แต่เป็นการเตือนเบาๆ ให้เราตรวจสอบทางที่กำลังเดินไปว่าดีจริงหรือ

    เรื่องที่สอง ผลลัพธ์คล้ายกัน คือมีสิ่งที่เราไม่ชอบเกิดขึ้น และรู้แน่ชัดว่าเป็นแรงจูงใจที่ไม่ดี (เพราะเขาบอกออกมาเลย) แบบนี้ก็ทำใจง่ายเหมือนกัน เพราะรู้เลยว่าเขาคิดอย่างไรกับเรา ไม่ต้องพยายามทำความเข้าใจให้มากความ วิธีก็แค่สะบัดๆ แล้วเดินต่อไปแบบที่เรามั่นใจนั่นแหละ

    แต่เรื่องที่สามนี้สิที่โหด เพราะผลลัพธ์เหมือนกัน มีสิ่งที่เราไม่ชอบเกิดขึ้น แต่เราไม่รู้ว่าเกิดขึ้นเพราะอะไร เราไม่รู้ว่าแรงจูงใจของผู้ที่ทำให้เกิดผลอย่างนั้นขึ้น บริสุทธิ์จริงๆ (คือไม่ได้คิดอะไร) หรือคิด และพยายามทำร้ายหรือกลั่นแกล้งเรา แบบนี้ตัดใจยากมาก เพราะสมองโง่ๆ ของเราพยายามที่จะหาเหตุผล เติมคำในช่องว่างต่างๆ นานา พยายามหาอะไรมารองรับการกระทำ พยายามนึกย้อนกลับไปว่าเราทำอะไรให้เขาไม่พอใจขนาดนั้นเลยหรือ หรือว่าเขาไม่ได้คิดอะไร ปัญหาคือ อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถถามออกไปได้ด้วย ว่าทำอย่างนี้ทำไม

    เรื่องที่สามนั้นตัดใจไม่ให้คิดยากที่สุด เพราะตัวแปรที่ไม่รู้ยังคงอยู่

    อย่างไรก็ตาม วันนี้เป็นบทพิสูจน์ว่าเพื่อนที่เราไว้ใจได้นั้นดีเสมอ หลังจากที่คุยสามเรื่องนี้กับเพื่อนสองคนเสร็จ ก็เหมือนได้รับการพยุงปีกขวาปีกซ้าย ให้พอเดินต่อไปได้อีกสองสามปี

    น่าทดไว้ด้วยว่า หลังอารมณ์คุกกรุ่นเริ่มสงบ แต่ยังมีควันจาง เราไปกินข้าวเย็นที่ร้านหนึ่งแล้วมีอาหารจานหนึ่งมาช้าผิดวิสัย เลยเริ่มจะหงุดหงิด แต่พอพนักงานมาขอโทษที่ช้าด้วยความจริงใจ ซ้ำแล้วซ้ำอีก ตอนลุกขึ้นจะกลับ แบบ หายโกรธแล้ว ยังมาขอโทษซ้ำอีกครั้ง มันทำให้เราหายจากอารมณ์ไม่สบายใจทั้งปวงเลย

    การได้เห็นคนทำงานตั้งใจทำงานของเขาอย่างจริงจังนี่มันช่วยยกภูเขาออกจากอกในลักษณะนี้ได้ด้วย เป็นเรื่องใหม่ที่เรียนรู้ในวันนี้
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in