เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
S h o r t F i c Realm of Valor [RoV]chan_wasan
S F [Murad x Airi] H E L P CH.2
  •  

         กลางสนามฝึกรบขนาดย่อมชายหนุ่มร่างกายกำยำสองคนกำลังประลองฝีมือกันอยู่ หงาดเหงื่อจากความร้อนในร่างกายไหลผ่านกล้ามแขน บ้างก็กระเด็นตกลงไปสู่พื้นหิน


         “แฮ่ก…แฮ่ก เก่งกว่าที่คิดไว้อีกนะครับเนี่ย...”


         “…แฮ่ก....เป็นจักพรรดิก็ต้องฝึกตั้งแต่เด็กหละนะ..”


         มือหยาบกร้านจากการจับอาวุธบ่อยๆยกขึ้นมาเสยผมสีแดงส้มอันเป็นเอกลักษณ์ที่ลู่ลงมาปกคลุมใบหน้าหล่อ 


         หลังจากออกจากห้องโถงประชุมซานิสก็ได้ขอท้าประลองกับเขา...ยอมรับตรงๆว่าซานิสมีฝีมือการต่อสู้ที่ดีจริงๆ สมกับที่เทพสงครามอย่าง ‘ลิโป้’ จะให้ความเคารพนับถือ


         “ไปเดินเล่นในสวนกันหน่อยไหมครับ ผมมีเรื่องอยากจะคุยด้วยหนะ..”





         “เฮ้อ ผมหวังว่าคุณจะเข้ากับคุณไอริได้ดีนะ”


         หลังจากอยู่ในความเงียบสักพัก ซานิสก็เป็นคนเริ่มทำลายความเงียบก่อน


         “…เขาเป็นคนยังไงหรอ”


         ถึงแม้รอบข้างจะมีเหล่าดอกไม้และต้นไม้สวยงาม แต่ในหัวของเขาก็มีแต่ภาพเหตุการณ์ตอนที่คุยกันตรงโถงทางเดิน รอยยิ้มภายใต้ผ้าปิดปากยังตราตรึงในหัวเขาตลอดเวลา..


         “เป็นคนที่เงียบสุขุมหนะ แต่ก็เป็นคนที่ดื้อมากเลยนะ เธอไม่เคยจะยอมใครง่ายๆเลย แต่ก็เป็นคนที่ดีมากๆคนนึง”


         เส้นผมสีเทา...สำเนียงที่ไปทางเอเชีย...ถึงแม้เขาจะเคยเจอผู้คนมามากมาย แต่ก็ไม่เคยเจอใครที่โดดเด่นในความคิดของเขาขนาดนี้...นิสัยที่อยากได้อะไรก็ต้องได้และความต้องการจะเอาชนะเริ่มประทุขึ้นมานิดๆ...


         “อ้อใช่...ถ้าหากคุณอยากฝึกซ้อมละก็ คุณไอริเองก็เก่งมากๆเลยนะครับ พวกคุณน่าจะลองสู้กันหน่อยนะ ไหนๆก็ต้องร่วมเดินทางด้วยกันแล้ว”


         พลันจู่ๆความคิดอะไรบางอย่างก็นึกขึ้นได้มุมปากภายใต้ผ้าปิดปากกระตุกเบาๆก่อนจะเอ่ยประโยคขอร้องกับชายหนุ่มข้างๆ


         “อื้ม….แล้ว ท่านรู้ที่พักของท่านไอริไหม...พาข้าไปหน่อยสิ”


      


         

         ไกลจากวิหารกลางเมือง สภาพรอบๆเหมือนอยู่กันคนละโลก ต้นไผ่ที่ขึ้นเรียงกันสวยงามทำให้รู้ว่าคนที่ทำอะไรอย่างนี้ต้องเป็นคนที่ประณีตมากๆ นอกจากนี้ยังมีพืชและดอกไม้บางชนิดที่ไม่เคยเห็นมาก่อนอีกด้วย


         “เฮ้ ซานิส ข้ากลับมาแล้ว!!”


         เสียงของชายหนุ่มอีกคนตะโกนไล่หลังพวกเขามา ชายหนุ่มผู้สวมหมวกและเสื้อคลุมยาวโบกมือให้ชายหนุ่มผู้ปกปิดใบหน้าด้วยหน้ากาก ซานิสส่งยิ้มให้คนๆนั้นก่อนจะหันมาพูดกับเขา


         “คุณมูราจ..คนๆนั้นคือ แวน หนะครับเขาเป็นหนึ่งในอัศวินคนแรกๆ ผมขอตัวก่อนนะครับ คุณเดินเข้าไปตามทางจนถึงเรือนต่อเลยนะครับ”


          เท้าที่มีกล้ามเนื้อภายใต้รองเท้าหนังที่ทำอย่างดีเดินไปตามทางหินเรื่อยๆจนถึงเรือนพักทรงญี่ปุ่นโบราณที่ตั้งอยู่ใจกลางที่ดินหลายไร่ยิ่งทำให้รู้สึกไม่เหมือนในตัวเมืองหลวงมากกว่าเดิม ยิ่งมีรั้วไม้ยาวสูงกั้นรอบๆยิ่งให้ความรู้สึกเหมือนปราสาทของเหล่าขุนนางญี่ปุ่นในสมัยก่อน มันแทบจะไม่มีเสียงอะไรรบกวนเลย 


         “ท่านคงเป็นท่านมูราจสินะคะ เชิญเข้ามาก่อนเถอะค่ะ”


         ประตูไม้บานสูงถูกดันออกมาเบาๆ ปรากฏร่างหญิงสาวในชุดกิโมโนยาวสีน้ำเงินเข้ม แต่กลับมีผ้าคลุมหน้าครึ่งล่างเหมือนหญิงสาวผมเทายาว บุคคุลที่ทำให้เขามาที่นี่


         “ดิฉันเป็นบริวารของท่านไอริ โปรดรอสักครู่นะคะ”


         ดวงตาสีน้ำตาลไหม้กวาดมองไปรอบๆภายในเรือนญี่ปุ่น เงาของหญิงสาวผมเปียสะท้อนออกมาจากประตูกระดาษบาง

      

         “เชิญค่ะ”


         หลังจากที่บริวารหญิงเปิดบานประตูเข้าไปสักพักก็กลับออกมาพร้อมเชิญชายหนุ่มผมสีแสดเข้าไปภายในห้อง


         “นั่งก่อนสิท่าน..”


         ถึงแม้ว่าเขาจะมาที่เรือนแห่งนี้ก็ไม่ได้คิดว่าจะได้เห็นร่างของคนตัวเล็กในชุดกิโมโนยาวสีชมพูอ่อนที่ประดับด้วยลวดลายมังกร คนที่เจอกันครั้งแรกก็แต่งตัวโทนน้ำเงินเข้มมา ก็ไม่คิดว่าพอใส่ชุดโทนสีอ่อนแล้วจะ...น่ารักกว่าที่คิด พอมองไปฝั่งตรงข้ามก็อดที่จะยิ้มไม่ได้


        “ฮึ มองข้าขนาดนั้นข้าก็อายแย่นะ”


         ร่างเล็กเงยหน้าขึ้นมาสบตากับชายหนุ่มก่อนจะหัวเราะในลำคอเบาๆ แล้วภายในห้องก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง มือเรียวขาวค่อยๆทำการชงชาร้อนให้แขกผู้มาเยือน


         “แล้ว…..ท่านมาที่นี้มีธุระอะไรหละ..”


         “…ข้าอยากประลองฝีมือกับท่าน..”


         แววตาสีทองที่นิ่งสงบกลับรุกวาวอย่างตื่นเต้น รอยยิ้มภายใต้ผ้าคลุมออกมาอย่างเห็นได้ชัด


         “ตอนนี้...เป็นเวลาพักหนะ คงไม่ได้แต่...คืนนี้ข้าว่าง เราจะประลองฝีมือกันที่สวนข้างหลังเรือน ถ้าท่านขี้เกียจจะเดินกลับไปในตัวเมืองท่านมาพักที่นี่ก็ได้นะ..”


         คำตอบของคนตัวเล็กทำให้มูราจยิ้มสนุกขึ้นมา นี่สินะที่ซานิสบอก...นิ่งสุขุม แต่ก็ไม่ยอมใคร...ความอยากที่จะชนะเริ่มเพิ่มขึ้นทีละนิดๆ




         ยามค่ำคืนที่เงียบสงบมีเพียงแต่เสียงของแมลงคลอเบาๆ แสงสว่างจากดวงจันทร์ทำให้ลานกว้างข้างหลังเรือนไม่มืดมนเหมือนในป่ารอบๆข้าง


         “ขอโทษที่ให้รอ ข้าเปลี่ยนชุดอยู่หนะ...”


         ผมสีเทายาวที่ปกติมักจะถักเป็นเปียสองข้างถูกปล่อยออกแล้วรวบหางม้าไว้ เสื้อผ้าเมื่อตอนเย็นถูกเปลี่ยนเป็นผ้ารัดอกสีขาวคู่กับกระโปรงยาวสีน้ำเงินเข้มที่ถูกแหวกข้างออกจนเกือบสุดเพื่อง่ายต่อการเคลื่อนที่


         ส่วนทางชายหนุ่มก็ใส่เสื้อกล้ามแขนกุดคอเต่าสีดำกับกางเกงวอร์มเพื่อง่ายต่อการเคลื่อนที่เช่นกัน มืดเพราะไม่มีแสงไฟ แต่ดวงตาสีเหลืองทองยังคงโดดเด่งและเป็นประกาย


         เป็นมูราจที่เริ่มโจมตีก่อน แค่เพียงแปปเดียวก็เข้าถึงตัวฝั่งตรงข้ามที่ยืนอยู่คนละฝากได้แล้ว แต่อีกฝ่ายก็ไหวตัวทันและตั้งรับการโจมตีได้อย่างดี


         ผิวกายส่วนหน้าท้องที่มีกล้ามเนื้อนิดๆ ผิวขาวเนียนที่ดูแลอย่างดี เอวคอดที่โชว์ให้เห็นแอบทำให้เขาไม่มีสมาธินิดนึง ซึ่งเหมือนว่าหญิงสาวก็จะรู้ตัวสะด้วยสิ...


         มือขาวเรียวข้างหนึ่งคว้ามือใหญ่หยาบกร้านไว้ ก่อนจะจับมือหนาเลื่อนไปที่รอยแหวกกระโปรงจนทำให้ชายหนุ่มอึ้งไปชั่วขณะ...ผิวเนียนนุ่มของส่วนที่มักจะอยู่ภายใต้ล่มผ้าทำให้ชายหนุ่มเผลอเสียสมาธิ...แต่นั้นมันคือกลอุบายต่างหาก ที่ต้นขาขาวกลับมีสายรัดหนังสีดำที่ไว้เก็บอาวุธขนาดเล็กหรือดาวกระจาย...


         รู้ตัวอีกทีก็ถูกร่างเล็กจับพลิกลงไปนอนกับพื้น...แขนทั้งสองข้างที่เขามั่นใจว่ามีกล้ามเนื้อตามประสาชายหนุ่มที่ดูแลสุขถาพกลับถูกแขนเรียวขาวจับล๊อคเอาไว้ ถึงแม้ว่าแค่สะบัดออกเบาๆก็ได้แล้วแต่มูราจกลับไม่ทำแบบนั้น


         ร่างของหญิงสาวกำลังคร่อมร่างของชายหนุ่มร่างกายกำยำที่กำลังนอนกับพื้น พวกเขาค้างอยู่ในท่าทางแบบนี้เกือบสองนาที ดวงตาสีเหลืองทองจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลไหม้อย่างไม่มีใครยอมใคร จนร่างเล็กเป็นคนถอยออกมา


         “อย่าหลงกลกับมารยาหญิงสาวสิท่าน”


         ไอริเดินไปเก็บดาบที่กระจายอยู่รอบๆก่อนจะมอบอาวุธคืนให้เขา


         “ฮึ…ท่านทำให้ข้าอึ้งไปเลยนะ”


          พอได้โอกาสแก้แค้นมูราจก็จับแขนเรียวทั้งสองข้างล๊อคไว้ด้านหลังกันอีกคนขัดขืน มืออีกข้างก็ยื่นมาโอบเอวบางของหญิงสาว ร่างกายของทั้งสองแทบจะเบียดชนกันจนไม่เหลือที่ว่าง ใบหน้าคมก้มลงมามองร่างเล็กจนจมูกแทบจะชนกัน


         “เฮ้! นี่ท่าน----...”


         นิ้วชี้ข้างนึงถูกยกขึ้นแตะเบาๆที่ริมฝีปากบางภายใต้ผ้าคลุม ก่อนที่ชายหนุ่มจะค่อยๆก้มลงไปจุมพิตที่นิ้วชี้อีกฝั่ง ลานกว้างที่พึ่งเกิดสงครามขนาดเล็กกลับมาเงียบอีกรอบ มีแค่เพียงเสียงเหล่าแมลงรอบๆเรือนใหญ่


         ใบหน้าหล่อคมถึงแม้จะย้อนแสงจากรัชนีกร(*)จนมืดมัว แต่ดวงตาสีน้ำตาลที่กำลังจดจ้องกับดวงตาสีเหลืองทองกลับส่องสว่างราวกับกำลังจดจ้องอัญมณีอำพันอยู่


         “เจ้ายั่วข้าก่อนเองนะ...แม่สาวน้อย”


         หญิงสาวที่กำลังอึ้งอยู่รีบขืนตัวออกมาจากอ้อมกอดแล้วเดินหนีเข้าไปในเรือนแทบจะทันที มุมปากภายใต้หน้าคลุมกระตุกยิ้มอีกครั้ง ใบหน้ายามตื่นตกใจช่างน่าเอ็นดูจริงๆ..เหมือนกระต่ายตัวน้อย ดูท่าการเดินทางครั้งนี้จะไม่น่าเบื่อสะแล้วสิ....


    T B C .

              

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
PNS (@PNS.SNP)
มูราจจจจ สติหายหมดแล้ว -. ,-