“ยังไงก็ตาม เชิญท่านไปพักที่ห้องที่ทางเราได้จัดเตรียมไว้ก่อนดีกว่า อีกประมาณ4ชั่วโมง ข้าจะให้คนของเราไปตามท่าน”
“…..ก็ได้”
ชายหนุ่มร่างกายกำยำลุกขึ้นเต็มความสูงของตนเอง เศษทรายที่เกาะตามตัวหล่นไปกองอยู่ที่เท้าของเขา แต่เพียงแค่แบมือออก เหล่าเศษทรายบนพื้นก็ลอยกลับมาสู่หยาบก่อนที่เขาจะกำมือ ชายผู้ได้ขึ้นชื่อว่าเคยเป็น จักพรรดิของดินแดนทะเลทราย หันหลังและเดินตามบริกรออกจากห้องโถงขนาดใหญ่ เพื่อไปสู่ที่พักชั่วคราวของตน
ก๊อก ก๊อก
“…ท่าน ‘มูราจ’ ถึงเวลาประชุมต่อแล้วครับ”
บริกรชายคนเดิมกล่าวกับแขกคนสำคัญก่อนจะเดินนำทางเพื่อไปสู่วิหารใจกลาง Bright Light ระหว่างที่เดิน ดวงตาคมสีน้ำตาลเข้มก็มองไปรอบๆเสมอ เพราะความไม่ชินของสภาพโดยรอบ
เขาที่เกิดและเติบโตมาในเมืองกลางทะเลทรายพอต้องย้ายมาอยู่เมืองหลวงก็รู้สึกไม่ชินกับท้องฟ้าที่สดใส สภาพแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์กว่าในทะเลทราย
“ท่านมูราจ...เชิญครับ”
รู้ตัวอีกทีก็เดินมาถึงประตูห้องโถง บริกรชายเปิดประตูให้เขา เหล่านักรบและอัศวินหลายคนกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะยาวที่ตั้งอยู่ใจกลางห้องโถง
“…ท่านมูราจ เชิญนั่งก่อนสิ..”
หญิงสาวร่างโปร่งสวยที่นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะยิ้มให้นิดๆก่อนจะผายมือไปทางเก้าอี้2ตัวที่ไม่มีใครนั่งอยู่ มูราจผงกหัวขอบคุณหนึ่งในเทพผู้สูงสุดอย่างเฮร่า หรือ อิลูเมีย
เสียงพูดคุยจอแจคลอไปเบาๆ แต่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะเริ่มการประชุม
“คุณ…กระผมนามว่า ซานิส ยินดีที่ได้รู้จักนะ”
ชายหนุ่มผมดำยาวเรียกเขาเบาๆก่อนจะทำการแนะนำตัวซึ่งกันและกัน เป็นเวลาสักพัก
“เอ่อ…ท่านซานิส...ที่นั่งข้างๆของข้าว่าง มันเป็นที่ของใครกัน?”
หลังจากพูดคุยกันมาสักพัก ก็ยังไม่เห็นว่าจะมีผู้มาใหม่เลยสักนิด
“….มันเป็นที่ของคุณไอรินะ คุณจำเค้าได้รึเปล่า? เธอน่าจะกำลังไปตามตัวเทพอลิซนะ”
“จำได้? หมายความว่าข้าเคยเจอเขามาก่อนงั้นรึ?...”
ซานิสผงกหัวเบาๆ ยิ่งทำให้มูราจสงสัยมากกว่าเดิม
“ก็…ไม่แปลกหรอกนะที่คุณจะจำไม่ได้ คุณจำตอนที่คุณโดนโจมตีจนสลบแล้วถูกช่วยมาที่นี่ได้ใช่ไหม?”
คิ้วเข้มขมวดมากกว่าเดิม ดวงตาสีน้ำตาลเข้มที่มีรอยแผลพาดอยู่หรี่ลงอย่างใช้ความคิด เขาจำได้ว่าถูกแอสแซนก้าโจมตีตอนเผลอ จนตกจากซากหอคอยสูงจากนั้นทุกอย่างก็มืดไป...พอตื่นขึ้นมาก็มาอยู่ที่นี่แล้ว
“คุณไอริเป็นคนช่วยคุณนะตอนนั้น...เราได้รับเรื่องว่าเมืองหลวงของคุณถูกโจมตี คุณไอริเค้าเลยอาสาสมัครว่าจะไปดูแลเอง....”
เสียงหวานในหูที่แทบจะอยู่ในส่วนลึกของความทรงจำเหมือนจะดังขึ้นมา ภาพก่อนที่จะหมดสติ ของมีคนลักษณะเล็กถูกปาออกไปสวนทางกับเขา ก่อนที่ทุกอย่างจะมืดไปหมด
“ดาวกระจาย.....ใช่รึเปล่า”
“พอจะจำได้แล้วสินะครับ แต่เดี่ยวก็ได้เจอกันแล้วหละนะ”
บุรุษภายใต้หน้ากากยิ้มนิดๆก่อนจะหันไปทางประตูใหญ่ต้นตอของเสียงแหลมเล็ก
‘Hey! No candy for me?’
คำพูดอันเป็นเอกลักษณ์ที่พอหลายๆคนได้ยินถึงกับถอนหายใจดังขึ้นจากอีกฝั่งของประตู ก่อนประตูจะถูกพลักออกอย่างรวดเร็วด้วยฝีมือเทพตัวน้อย อลิซ
“อลิซมาแล้วววววว”
เด็กหญิงตัวเล็กที่ในชุดสีชมพูพร้อมกับเขาแกะขนาดใหญ่เอ่ยเสียงดังอย่างร่าเริง ก่อนจะวิ่งไปนั่งที่ว่างข้างๆเฮร่า
มูราจจ้องมองร่างเล็กตั้งแต่หน้าประตูจนถึงเก้าอี้ด้วยแววตาสงสัยเต็มที่
“ฮึฮึ…คุณมูราจ นั้นะคืออลิซเป็น1ในเทพ12ราศี ไม่ใช่คุณไอริหรอกนะ..”
บุรุษผู้นั่งอยู่ข้างๆเผลอหัวเราะออกมาเบาๆ
“ขอประทานโทษที่มาช้าค่ะ...”
เสียงหวานของผู้หญิงอันแผ่วเบาดังมาอีกรอบจากหน้าประตู หญิงสาวผมยาวสีเทาสว่างค่อยๆเดินเข้ามาภายในห้องโถงใหญ่ก่อนจะโค้งคำนับๆแล้วเดินตรงมาที่เก้าอี้ว่างข้างๆอดีตจักพรรดิแห่งทะเลทราย
ดวงตาสีเหลืองทองอร่ามเผลอสบเข้ากับดวงตาสีน้ำตาลไหม้ ก่อนจะหันหน้าไปทางอื่นแทน
“เอาหละ ในเมื่อมาครบกันทุกคนแล้ว ข้าจะขอเริ่มการประชุมเลยนะ”
มือเรียวสวยวางแก้วชาราคาแพงลงก่อนจะเริ่มการประชุมสำคัญ
“นี่คือท่าน มูราจ เป็นจักพรรดิของเมืองทะเลทราย แต่ตอนนี้...ปิศาจชั่วร้ายแอสแซนก้าได้ทำการยึดเมืองไว้ ตอนนี้พวกเรามีภารกิจใหม่ที่ต้องทำกันแล้วนะ...”
เหล่านักรบและอัศวินต่างมองไปทางเฮร่าด้วยสายตาจริงจัง โลกนี้ยังมีความวุ่นวายอีกมากมายนัก
“ข้าจึงได้ทำการเลือกบุคคลที่จะไปทำภารกิจไว้แล้ว...แต่ยังไงก็ต้องขอความเห็นพวกท่านทั้งหลาย ข้าเสนอให้ไอริไป...เพราะเขาเคยไปทะเลทายมาก่อนหน้านี้แล้ว นอกจากนั้น ท่าจะให้ไปกันหลายๆคน ข้าก็เกรงว่าหากกองทัพFallenบุกมา เราจะต้านทานกันไม่ไหว”
เสียงพูดคุยเริ่มดังขึ้นเบาๆเพื่อปรึกษาซึ่งกันและกัน
“ข้าเห็นด้วย..”
บุคคลผู้อยู่ในห้องโถงต่างเห็นด้วยอย่างไม่มีข้อคัดค้าน ดวงตาประกายภายใต้หน้ากากหันไปมองหญิงสาวที่ถูกกล่าวก็ไม่มีท่าทีไม่พอใจแต่กลับพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“หาาา แต่แบบนี้ใครจะเล่นกับอลิซละ...”
เด็กหญิงในชุดสีชมพูทำน้ำเสียงอย่างเสียดาย ซึ่งแน่นอนว่าถ้าปล่อยไว้อีกไม่กี่วิคงได้งอแงแน่นอน
“เล่นกับผมสิ...อลิซ”
ซานิสส่งยิ้มให้อลิซทำให้เด็กน้อยยิ้มร่า
“เอาละงั้นขอจบการประชุมแค่นี้...เดินทางกันอย่างปลอดภัยละ”
“ท่าน…มูราจ”
“…ครับ”
หลังจากเดินออกมาจากห้องโถงได้สักพักก็พึ่งนึกได้ว่าควรคุยกับสหายร่วมเดินทาง พอจะหันกลับไปก็พบว่าหญิงสาวกำลังเดินมาทางตน
“ข้าชื่อไอริ..ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ หากมีปัญหาอะไรมาหาข้าได้ตลอดนะ”
ดวงตาสีทองอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัดทำให้บรรยากาศไม่ตรึงเครียด
“ข้าชื่อมูราจ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือนะ”
มือเรียวสวยที่ด้านนิดๆจากการจับดาบยื่นมาข้างหน้า มือหนาของชายหนุ่มยื่นไปจับมือตอบกลับตามมารยาท แต่ พอเห็นขนาดมือที่ต่างกันก็อดไม่ได้ที่จะแปลกใจว่า เหตุใดหญิงสาวที่ตัวเล็กกว่าเขาขนาดนี้ถึงได้แข็งแกร่งนักนะ...
“งั้นข้าขอตัวก่อนนะคะ...”
ถึงแม้จะมีผ้าคลุมปิดปากบดบังอยู่แต่ก็ดูออกว่าอีกฝั่งยิ้มให้เขา อดที่จะยิ้มตอบไม่ได้ คิ้วหนาที่ขมวดเข้าหากันบ่อยๆกคลายออกนิดนึง ก่อนที่ร่างบางของหญิงสาวจะเดินจากไป ชายหนุ่มก็คิดอะไรบางอย่างได้จึงพูดออกไป
“ขอบคุณที่ช่วยข้าไว้นะ...แล้วสักวันข้าจะชดใช้”
ร่างที่กำลังเดินสวนไปหยุดชะงักก่อนจะหันมามองด้วยสายตาที่เขาคิดว่ามันน่าหมั่นเขี้ยว...แต่ก็...น่ารัก ปากเรียวภายใต้ผ้าปิดปากกระตุกยิ้มนิดๆ
“…ไว้ ข้าจะรอนะ”
T B C .
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in