เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ประสบการณ์แลกเปลี่ยนที่ญี่ปุ่น @Gifu Universityaiamaor
EP.3 เริ่มต้นเรียนออนไลน์ ความมั่นใจในภาษาญี่ปุ่นหดหาย
  • จากตอนที่แล้วที่บอกกว่าจะได้ไปญี่ปุ่นก็เดือนธันวาแต่จริงๆแล้วเราได้เริ่มเรียนออนไลน์ก่อนตั้งแต่ช่วงต้นเดือนตุลาคม และเรียนไปจนถึงตอนกักตัวเสร็จก็คือกลางธันวา

    ตอนนั้นเพราะว่ายังไม่ได้ไปญี่ปุ่นสักทีการเรียนออนไลน์ก็เลยเป็นอะไรที่เรารอคอยมาก แต่พอได้เริ่มเรียนเท่านั้นแหละ ก็คิดว่าไม่น่าเลย555

    เดี๋ยวขออธิบายเรื่องระบบการเรียนก่อนคือเนื่องจากเราเป็นเด็กแลกเปลี่ยน ในเทอม 1 ก็จะมีแต่วิชาภาษากับวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่จะได้เรียนแค่กับเด็กต่างชาติด้วยกัน ตอนเทอม 1 เราได้เรียน 9 วิชา ฟังเหมือนจะเยอะนะ แต่มหาลัยที่ญี่ปุ่นเค้าจะเรียนแค่วิชาละ1.5 ชม./คาบ/อาทิตย์ เท่านั้น อ่อ แต่มีวิชานึงที่เรียนอาทิตย์ละ 4 คาบ เกือบตาย แล้วก็คาบเรียนจะเริ่มคาบหนึ่งที่ 8:45- 10:15 คาบสอง 10:30- 12:00 คาบสาม 13:00-14:30 คาบสี่ 14.45-16:15 ซึ่งถ้าสังเกตดีๆจะเห็นว่าแต่ละคาบจะเว้นช่วงไว้15 นาที เป็นช่วงสำหรับให้นักศึกษาเปลี่ยนคาบเรียน ซึ่งเราคิดว่ามันดีมากๆเลยไม่รู้มอที่ไทยมีแบบนี้มั้ย แต่มอเราไม่มี555

    เรื่องแบ่งคลาสเรียนคือเด็กที่ได้ทุนประเภทที่เราได้เนี่ยจะถูกเรียกว่านิกเคงเซ ย่อมาจาก 日本語・日本文化研修留学生 ซึ่งมอเราปีนี้มีแค่ 3 คน น้อยมากๆถ้าเทียบกับปีรุ่นพี่ และสำหรับเด็กต่างชาติแล้วเนี่ย โดยปกติจะมีการสอบวัดระดับภาษาญี่ปุ่นเพื่อจัดให้เรียนในคลาสที่เหมาะสมกับตัวเอง แบ่งเป็นระดับ A-D แต่สำหรับนิกเคงเซจะไม่มีสอบแต่จะถูกจัดให้อยู่ระดับD ระดับสูงสุดโดยอัตโนมัติเลย ก็คือรู้สึกกลัวมาก กลัวว่าจะเรียนไม่ไหว แล้วพูดถึงเพื่อนร่วมคลาสก็คือมีน้อยมากส่วนมากนิกเคงเซจะได้เรียนด้วยกันเอง ก็คือเรียนแค่ 3 คนนี่แหละ ส่วนบางคลาสก็จะมีเด็กต่างชาติคนอื่นบ้างแต่ก็น้อยอยู่ดี คลาสที่มีคนเยอะที่สุดก็มีแค่ 7 คนเอง เพื่อนร่วมคลาสมีมาจากเวียดนาม จีน เกาหลี มาเล ประมาณนี้ ปีนี้มีแต่เอเชียน่าจะเพราะโควิดด้วย

                มาถึงเรื่องเรียน เอาเรื่องเวลาเรียนก่อน เราได้เรียนคาบ1 ทุกวัน! มันคือ 8โมง45 ของญี่ปุ่น แต่มัน 6โมง 45 ของไทย เกิดมาไม่เคยต้องตื่นมาเรียนเช้าขนาดนี้เลย ละปกติคือเป็นคนนอนดึกมากก ก็เลยนอนเกือบเช้า ตื่นมาเรียน เรียนเสร็จนอนต่อ ตื่นอีกทีเย็นปั่นการบ้าน นอนเช้างี้วนไป ตารางชีวิตพังแบบสมบูรณ์แบบเลย ละเซนเซก็ให้เปิดกล้องทุกคาบ สภาพก็คือย่ำแย่ วิชาที่มีแค่นิกเคงเซสามคนก็ไม่เท่าไหร่ แต่นึกถึงวิชาที่มีคนเรียนในห้องแล้วเซนเซก็จะฉายภาพเราขึ้นโปรเจกเตอร์ แค่คิดก็อายไม่ไหวแล้ว 

    เรื่องเวลาว่าปรับตัวยากแล้วแต่ที่ยากกว่าก็คือเนื้อหา มันยากมากกก แบบมากก เรียนญี่ปุ่นในมหาลัยมาสามปีก็ไม่เคยเรียนเรื่องที่ยากขนาดนี้เลย การบ้านที่ได้ก็คือเปิดเน็ตหาก็ยังตอบไม่ได้อะ แล้วด้วยความที่นักเรียนมันน้อย ก็จะโดนเซนเซถามบ่อยมาก คาบหนึ่งโดนถามไม่รู้กี่รอบ แล้วเวลาที่โดนถามคือไม่ว่ายังไงก็ต้องตอบ ถ้าเป็นที่ไทยถ้าเราทำท่าคิดนานๆหรือทำเหมือนตอบไม่ได้ อาจารย์อาจจะเฉลยหรือเรียกคนอื่นแทน แต่ที่นี่ไม่เลย ตอบไม่ได้ก็จะรอจนกว่าจะตอบได้ นานแค่ไหนก็รอ รู้สึกกดดันมาก ตอนแรกไม่ชินเลย ยิ่งตอบไม่ได้ก็จะยิ่งอายอีก แต่หลังๆเวลาไม่รู้ก็ไม่ทำท่าคิดละนะ ตอบไม่ได้ก็บอกไม่รู้ค่ะไปเลย ให้มันจบๆ5555 แต่คือเพื่อนในคลาสคนอื่นเก่งมากกโดยเฉพาะคนจีน และที่สำคัญคือเค้าไม่ใช่เด็กเอกญี่ปุ่นด้วย เด็กญี่ปุ่นแบบเราก็คืออาย

    แล้วก็เรื่องนี้แหละทำให้ความมั่นใจในภาษาญี่ปุ่นของตัวเองหายวับไปเลย แบบแทบจะเป็นศูนย์ รู้สึกว่าที่เราเรียนมา 7 ปี(ตั้งแต่ม.ปลาย) นี่มันได้แค่นี้เองหรอ ทำไมอ่อนแบบนี้นะ ช่วงนั้นเฟลกับตัวเองมาก แต่พอลองคิดว่าเรามาแลกเปลี่ยนก็เพื่อให้เราเก่งขึ้นไม่ใช่หรอ อะไรที่เราไม่เคยเรียนเราจะตอบไม่ได้มันก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรอ แล้วคือเวลาที่เราไม่รู้อะไรหรือฟังเซนเซไม่ทัน เราก็จะไปถามเพื่อนนิกเคงเซด้วยกัน สรุปเพื่อนก็ไม่รู้เหมือนกัน เราก็เลย โอเค ไม่ใช่แค่เราสินะ สบายใจละ555 พอเริ่มคิดแบบนี้ได้ก็ดีขึ้นมานิดนึง ถ้าถามว่าทำไมแค่นิดนึง เพราะเรื่องเวลาเรียนและการบ้านมันก็ยังเป็นปัญหาอยู่นั่นเอง แค่นึกถึงก็ยังรู้สึกทรมาน5555

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in