เช้าวันใหม่ที่ตื่นขึ้นด้วยเสียงนกร้องจิ๊บๆ กับอารมณ์ไม่ต้องรีบร้อน อืมมม ถ้ามันเป็นอย่างนั้นคงจะฟิน แต่ในความเป็นจริงคือ เช้านี้ฉันตื่นขึ้นมาก่อนนาฬิกาปลุกในห้องนอนของ Guest House Kaine ที่เขาจัดให้เรานอนอยู่ชั้นล่าง ร่วมกับสามหนุ่มคนไทยที่เข้ามาหลังจากพวกเรา เขาถึงไม่รู้ว่าพวกเราคือคนไทย (นอนแยกห้องกันนะจ๊ะ เพียงแต่อยู่ชั้นเดียวกัน เพราะเราจองห้อง Private with Shared Bathroom มา) เมื่อคืนด้วยผนังห้องบางๆของบ้านแบบญีปุ่นโบราณ พวกเราเลยได้ยินการเมาท์มอยของหนุ่มไทยก่อนที่ฉันจะเข้าสู่อาการนิทรา พอตอนเช้าพวกเราสี่สาวก็เหมือนมีอาการต้องแย่งชิงห้องน้ำกับสามหนุ่มไทย ยังดีนะ เขาน่าจะออกก่อนเพราะตื่นมาก่อน แค่มีช่วงเวลาคาบเกี่ยวกันนิดเดียว แล้วก็เหมือนเขาจะรู้แล้วว่าพวกเราเป็นคนไทย เพราะพวกเขาแอบมีอาการเขินอายเมื่อนึกถึงเรื่องที่เขาเมาท์กันตอนกลางคืน ที่ว่าจะขอออกไปถ่ายรูปกับพนักงานชายหน้าตาดีของ Guest House Kaine แต่พวกเขาก็แอบเขิลลล เลยไม่กล้าไป (คิดดูว่าผนังห้องบ้างขนาดไหน ทำให้เราได้ยินบทสนทนาของพวกเขาได้)
วันนี้เราจะเช็คเอาท์ออกจากทั้งโฮสเทลและ Fukuoka เพื่อเริ่มทริปเราในต่างเมืองออกไป และโชคยังดีที่ฝนนั้นไม่ได้ตกตอนที่เราลากกระเป๋าจากโฮสเทลเพื่อเอาไปฝากไว้ในล็อคเกอร์ที่สถานีฮากาตะ ก่อนจับรถไฟไป Yufuin แต่ฝนนั้นมาตกระหว่างทางหลังจากเราปลอดภัยอยู่ในรถไฟแล้ว ความโชคดีเล็กๆนี้ก็ทำให้รู้สึกดีขึ้นมาได้นิดๆ
นอกจากตัวแห้งๆ ท้องก็ยังอิ่มสบายด้วยมินิครัวซองต์ที่ซื้อมาจากสถานีฮากาตะ ฉันเห็นคนเข้าคิวอย่างยาวซื้อตั้งแต่วันแรกที่เดินผ่าน แล้วพอตอนเช้าก่อนเราจะขึ้นรถไฟ เจอว่าคนต่อคิวซื้อน้อย ฉันเลยลองหมดทั้งแบบธรรมดา ไส้ช็อคโกแลต และมันหวาน อันนี้เป็นขนมที่ไม่อยากให้พลาดเลยถ้ามาเยือนฟุกุโอกะ ความกิ๊บเก๋คือการคิดเงินตามจำนวนน้ำหนัก ซึ่งทำให้ฉันอึ้งไปตอนจ่ายเงิน
ตัวแห้งๆ ท้องอิ่มๆ กาแฟร้อนๆ นั่งมองหน้าต่างดูสายฝน บรรยากาศแบบนี้น่าจะทำให้ใจนิ่งๆ อารมณ์สบายๆได้ แต่เอาเข้าจริงๆ ฉันกับเพื่อนต่างครุ่นคิดว่า นี่เราขึ้นรถไฟมาถูกขบวนหรือเปล่า เพราะเมื่อคืนที่เราไปจองที่นั่ง เราก็แจ้งเขาไปแล้วว่าเราจะขึ้นรอบนี้ ด้วยความตั้งใจจะขึ้นรถไฟชื่อดัง Yufuin no Mori ซึ่งพวกเราก็ต่างเบิกบานที่จองที่นั่งได้ทั้งๆที่เวลากระชั้นชิด คือจองตอนกลางคืนแล้วก็ตั้งใจะไปวันต่อมาเลย ทำไมเราต้องคิดไปคิดมาน่ะเหรอ ก็เพราะ Yufuin no Mori นั้นควรจะมีสีรถไฟเป็นสีเขียว แต่ขบวนที่เข้ามาตามเวลาที่เราจอง แถมมุ่งหน้า Yufuin เป็น ขบวนสีแดง ทำไมล่ะเนี่ย คำถามในใจเกิดขึ้นกับสาวไทยสี่คน
สุดท้าย เราก็เข้าใจได้ อย่างที่เห็นนะชื่อก็บอกแล้วว่าไม่ใช่ Yufuin no Mori แต่ที่เขาเอามาวิ่งก็เพราะมาเอาตัว Yufuin no mori ไปทำการดูแลในช่วงเวลาเดือนนี้ถึงเดือนนี้ แล้วเขาก็จะเอาขบวนอื่นมาวิ่งแทน
Yufuin no mori นั้นจริงๆมีหลายเบอร์ พอดีเราไปจองเบอร์ที่ถูกเอาไปบำรุงรักษาในช่วงเวลาที่เราไปพอดี ดังนั้นถ้าใครจะไปแล้วอยากขึ้น อย่าลืมเช็ครายละเอียดตรงจุดนี้ให้ดีๆ เพราะที่เรารู้ก็ด้วยการอ่านหมายเหตุ * เล็กๆ ข้างใต้ตารางเวลาที่เราได้เอกสารมาตอนที่เราไปจองที่นั่งนั่นแหละ
ฝนยังตกต่อเนื่องเมื่อเรามาถึง Yufuin แล้วหน้าที่ของนักท่องเที่ยวอย่างพวกเราคืออะไรเมื่อฝนตก ก็คือเที่ยวต่อสิคะ แต่ก่อนอื่นเราต้องเอาสัมภาระเราไปฝากที่เรียวกังก่อน วิธีการคือการเดินกางร่มขนของไปตามเส้นทางที่ Google Map บอก ซึ่งก็ไม่เกิน 10 นาที เราก็ถึงเรียวกังที่เราจะพักวันนี้แล้ว เมื่อฝากกระเป๋าแล้ว เราก็ต้องหาอะไรรองท้อง ฝนที่เริ่มลงเม็ดหนา ทำให้เราตัดสินใจแวะเข้าร้านอุด้งที่อยู่ไม่ห่างจากเรียวกัง และเป็นอีกครั้งที่ญี่ปุ่นไม่ทำให้เราผิดหวัง ไม่ว่าจะเป็นร้านที่เข้าโดยบังเอิญหรือเป็นร้านมีชื่อเสียง รสชาติอาหารก็อร่อยถูกลิิ้นเสมอ และร้านนี้ก็เช่นเดียวกัน
เมื่ออุด้งของแต่ละคนมาเสิร์ฟ มันดูน่ากินอย่างมาก ดูอุ่นแบบอิ่มท้องแน่นอน
ฉันที่เป็นสาวกเนื้อวัวก็เลยต้องสั่งเมนูอุด้งเนื้อวัวดำ ก็ไม่รู้นะว่าเนื้อวัวดำจะแตกต่างจากวัวสีอื่นไหม แต่ขอบอกว่ารสชาติของชามนี้นั้นดีงาม
และธรรมดาอุด้งกับฉันจะไม่ค่อยกินเส้นกัน ฉันว่าเส้นอุด้งโดยส่วนใหญ่ที่เคยกินมันจะแข็งไป แต่อันนี้มันไม่ใช่ มันนิ่มและดึ๋งกำลังดี น้ำซุปก็อร่อย ซดหมดชามค่ะ กินแบบไม่ต้องเหลือให้คนเดาว่าเคยสั่งอะไร บอกเลยค่ะ
ออกจากร้านต้องขอมาถ่ายรูปคู่เพื่อชี้ชัดว่าเมนูนี้ค่ะ เด็ดถูกใจ
เก็บภาพแล้ว อิ่มก็แล้ว ฝนก็ดูซาๆแล้ว ก็ไม่มีอะไรจะหยุดเราได้ กางร่มเดิน Yufuin ค่ะ มาเที่ยวแล้วก็ต้องเที่ยวต่อไป โอว เย
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in