เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
คิวที่ 10 คิวชูWIDEWORLDtinyme
[1] แผนไม่ได้มีไว้ให้ตามหรือไร
  • ฉันยืนมองนาฬิกาอีกทีเพื่อให้แน่ใจว่านี่คือเวลา 13.05 จริงๆ พร้อมขยับร่มในมือและอ่านป้ายข้อความที่แขวนไว้หน้า Guest House Kaine ที่พวกเราสี่คนจะมาพักคืนนี้ ป้ายบอกเราว่าเขาหยุดพักช่วง 13.00-15.00 ซึ่งแน่นอนการมาช้าไป 5 นาทีย่อมไม่มีผลจะไปต่อรองอะไรกับความเที่ยงตรงของคนญี่ปุ่นได้ พวกเราสี่คนมองหน้ากัน แล้วก็คิดว่าจะทำอย่างไรดีนะกับกระเป๋าที่แบกมาจากสนามบิน Fukuoka แล้วยังสายฝนที่ตกปรอยๆที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

    ฉันรู้สึกเจ็บใจกับตัวเอง เพราะเป็นคนรับผิดชอบเกี่ยวกับการจองที่พัก ติดต่อกับพนักงานที่พักต่างๆเองของทริปนี้ แล้วจริงๆ คนของ Guest House ก็บอกรายละเอียดเงื่อนไขมาแล้ว แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ฉันก็ลืมเรื่องนี้ไปซะหมด ทั้งๆที่พวกเรามาถึงสนามบินตั้งแต่ 9 โมงนิดๆด้วย Jetstar แต่พวกเราก็ไม่ได้อยากรีบร้อนอะไร จึงใช้เวลาอยู่ที่สนามบินนานจนนึกว่าจะนอนค้างกันอีกรอบ ไม่ว่าจะทำการล้างหน้า แปรงฟัน เข้าห้องน้ำ จัดการธุระที่ต้องพึงกระทำ กินอาหารเช้า ดื่มกาแฟ แล้วก็เอา Pocket Wifi ด้วย


    ไอ้ที่บรรยายมาก็ยังไม่หมดนะ ยังมีกิจกรรมอย่างอื่นต่อ คือประมาณว่าเวลาน่ะไม่ได้เป็นไปตามแผนแล้ว แต่การซื้อบัตรที่จำเป็นต้องใช้ก็ยังต้องเป็นไปตามแผ่น บัตรที่ว่ามานี้คือ บัตรที่จะใช้ขึ้น Subway และรถไฟเพื่อไป Dazaifu เป้าหมายการเที่ยวของเราวันนี้ (ข้อมูล: One-Day Pass Fukuoka City and Dazaifu) เราเลือกที่จะซื้อที่สนามบิน เพราะจะได้ใช้เดินทางขึ้นรถไฟจากสนามบินไปยัง Guest House ได้เลย เวลาซื้อต้องเอา Passport ไปยื่นให้ครบทุกคนที่ซื้อด้วย


    แล้วนี่คือสาเหตุที่ทำให้พวกเราสี่คนต้องมายืนกางร่ม ลากกระเป๋า อยู่หน้าเกสท์เฮาส์ที่ประตูปิด โดยนึกไม่ออกว่าจะทำอย่างไรกันดี แต่ด้วยสัญชาติญาณเอาตัวรอด ก็มีคนเสนอว่าให้แก๊ป ผู้ที่พูดภาษาญี่ปุ่นได้ดีระดับหนึ่ง ลองถามคนญี่ปุ่นที่เดินไปมา เพื่อขอใช้โทรศัพท์โทรเข้าโฮสเทล เผื่อจะมีคนอยู่ ซึ่งแก๊ปซังก็ไม่ทำให้ผิดหวัง รวมถึงสาวญี่ปุ่นใจดีที่ก็ให้เรายืมใช้มือถือแต่โดยดี เธอคงไม่สามารถปฏิเสธสายตาเว้าวอนของหญิงต่างชาติสี่คนที่จ้องมองเธอได้

    สุดท้าย Finally คนของโฮสเทลก็ยอมลงมาเปิดให้เราเข้าไปฝากกระเป๋าได้ ถึงหน้าตาจะดูไม่ค่อยพอใจ แต่พวกเราก็ไม่กล้าจะพูดอะไรมาก เพราะเป็นฝ่ายผิดเต็มประตู คุณเธอถึงกับย้ำว่า จะปิดอีกทีตั้งแต่สี่ทุ่มนะ เหมือนจะให้พวกเรารู้ว่า ถ้ามาช้ากว่านี้ จะ Check in ไม่ได้นะ พวกเราก็รับปากรับคำแบบสงบเสงี่ยมที่สุด

    เมื่อตัวเบากันแล้ว พวกเราก็พยายามจะทำตามแผนซึ่งก็ไม่ได้ยากเย็นอะไร แต่ก็รู้อยู่แล้วล่ะว่าไม่น่าจะไปได้ครบอย่างที่ตั้งใจ เป้าหมายของเราคือไป Dazaifu ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆใน Fukuoka การเดินทางก็ไม่ยากเย็น แต่แอบมีทำให้หลงกับการเปลี่ยนชานชาลาระหว่างต่อรถไฟ แต่อย่างว่านะ การมาเที่ยวก็ต้องมีหลงกันบ้างสิคะ ไม่งั้นจะเรียกว่าเที่ยวเองเหรอ ถ้ามันราบรื่นไปหมดตลอด


    Dazaifu เป็นเมืองเล็กๆริมขอบของ Fukuoka ซึ่งฉันว่าเป็นเมืองที่น่ารักดี เอาจากที่พวกเราได้ไปเดินกันนะ ซึ่งก็จะมีร้านค้ารายทาง ดึงดูดให้ดู มีบ้านเล็กๆตามสไตล์บ้านญี่ปุ่น พวกเราตั้งใจจะไปกินราเมนอิชิรันที่เมืองนี้ เพราะเห็นมันขึ้นมาในแผนที่ แต่ตอนที่นั่งรถไฟจะไป ก็อ่านในเว็บซึ่งก็เพิ่งมีคนไทยมาเมืองนี้ และตั้งใจจะไปกินเหมือนเรา เขาบอกว่าอิชิรันที่นี่ขายแต่ของที่ระลึก ไม่มีราเมน แล้วเจ้าของรีวิวก็เลยถามคนในร้านอิชิรันว่าแนะนำให้ไปร้านไหนดี ซึ่งเขาก็บอกให้ไปกินร้านอุด้ง พวกเราเลยว่าจะตามรอยไปมั่ง เพราะผลจากการรีวิวบอกว่ารสดี น่าลอง

    แต่ก็ด้วยความที่อะไรก็ไม่เป็นไปตามแผนนอกจากสถานที่ที่จะไป แต่เวลาอย่าไปนึกถึงมัน เมือเราตามรอยไปถึงร้านอุด้ง ก็เจอชายหนุ่มกำลังทำเหมือนเก็บโต๊ะ พอถามเขา เขาบอกว่า หมดแล้วจ้าาาา พวกเรานี่เฟลกันมากนะ เพราะตั้งความหวังไว้ แล้วก็เริ่มหิวแล้วด้วย คราวนี้ต้องหาของกินกันล่ะ ก็มาจบที่ร้านข้าวคาเร่ ที่หน้าตาเมนูดูน่าทาน บอกเลยว่าเราไม่ได้คาดหวังอะไรกันมาก แต่ไปๆมาๆกลับเป็นร้านที่น่าจดจำร้านหนึ่งในทริปนี้ ด้วยแกงคาเร่ที่อร่อยกลมกล่อมกำลังดี น่องไก่ที่ได้มาก็กินง่ายมากกกกก อยากจะใส่ ก ไก่สักล้านตัว คือกินจนเกลี้ยง ไอติมชาเขียวที่เป็นของหวานก็รสชาติเข้มตัดกับน้ำหวานที่ราด ส่งท้ายมื้อได้งดงามมากๆ
    กินอิ่มกันถ้วนหน้า ก็กลับมาเดินตามทางหลักเพื่อไปสถานที่ท่องเที่ยวดังของ Dazaifu นั่นคือ Tenmangu Shrine แต่ระหว่างทางก็ไม่ทำให้เราผิดหวัง เพราะเราต้องลองโมจิย่างไส้ถั่วแดง ของกินของที่นี่ จะต้องถูกใจคนชอบโมจิ หรือขนมที่มันยืดๆ หนึบๆ เหมือนที่ฉันเป็น



    อีกหนึ่งมุมที่ดังของ Dazaifu คือร้าน Starbucks ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

    เราเดินผ่านร้านค้าที่มีทั้งร้านขนมและขายของที่ระลึก ซึ่งทีต้องกรี๊ดสำหรับพวกเราคือร้านขายของ official Ghibli Studio ที่เห็นแล้วทนไม่ได้จะต้องมีแวะ แต่เนื่องจากเวลาจำกัด พวกเราเลยต้องทำใจเดินผ่านไปเพื่อมุ่งไปยัง Tenmangu Shrine

    Tenmangu Shrine หรือศาลเจ้าเทงมังกุเป็นที่นิยมสำหรับนักเรียนนักศึกษากันมาก ซึ่งจะมาขอพรให้สอบผ่านและก็มาแวะเวียนซื้อพวกเครื่องรางที่เน้นไปในเรื่องการเรียนเช่นกัน บรรยากาศรอบศาลเจ้าก็น่าประทับใจด้วยสะพานที่นำเข้าสู่ตัวศาลเจ้า และความเขียวของต้นไม้รอบๆ









    จริงๆ จากเทนมังกุ เราตั้งใจจะไปวัดที่มีชื่อเสียงของที่นี่ต่อ แต่เพราะแผนไม่ได้มีไว้ให้เราทำตาม เนื่องจากเวลาหมด วัดปิด พวกเราก็เลยไม่ได้ไป แล้วพอจะย้อนออกมาเดินซื้อของ ร้านก็ปิดกันเกือบหมด พวกเราก็เลยนั่งรถไฟกลับมาที่โฮสเทลกันตามระเบียบ แต่ก่อนจะเข้าไปเช็คอิน ก็ขอหาอาหารรองท้องมื้อเย็นครอบคลุมถึงดึก ซึ่งแน่นอนไม่มีที่ไหนดีงามเท่าร้านสะดวกซื้อของญี่ปุ่น ตอบโจทย์ของราคาไม่แพงแต่อร่อยได้ตลอด

    มื้อเย็นปิดท้ายค่ำคืนนี้ของข้าพเจ้า ด้วยปลาหมึกย่างและน้ำพีชจากร้าน Lawson

    บอกเลยว่ามันคือความดีงาม นอนหลับฝันดีค่ะ



เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in