Pearl milk tea – รสชานมไข่มุก
Theme song; Blueberry Eyes (feat. SUGA of BTS)
คำเตือน; ในตอนนี้จะแตกต่างจากฟิคบรรยายของไรท์ที่แต่งมาโดยสิ้นเชิง! แต่เป็นแนวที่ไรท์ถนัดมากๆ เลยค่ะ เอ็นจอยนะคะ >
AU School Thailand
Well, damn, you look so good
Laying there wearing nothing but my t-shirt
คุณคิดว่าสังคมในโรงเรียนชายล้วนมันเป็นยังไงเหรอครับ
“ไอ้เชี่ยซาโตรุ! มึงเห็นไหมวะ!! น้องรหัสมึงเตะบอลเข้า!!!!”
ถ้าคุณคิดว่ามันจะสงบสุขแล้วละก็..
“ไอ้สาสสสสสส ซาโตรุแม่งมัวแต่นั่งเหม่อ คิดถึงหญิงอยู่รึไงวะเพื่อน!!!!”
คุณโคตรคิดผิดเลยล่ะครับ
“เฮ้ย พวกเหี้ยนี่..กูก็นั่งอยู่ข้างๆ มึงเนี่ย ตะโกนเหมือนกูอยู่หน้าป้อมยามอยู่ได้”
ร่างสูงหันกลับไปขมวดคิ้วใส่เพื่อนในกลุ่มด้านหลังที่กำลังกระโดดโลดเต้น ร้องโหวกเหวกโวยวายอยู่บนอัศจรรย์ชั้นสองริมสนาม เขาโดนไอ้พวกลิงทโมนเขย่าไหล่จนคอแทบหลุดจากบ่าด้วยความดีใจสุดขีด เสียงแหกปากดังข้ามหัวไปยังสนามฟุตบอลกว้างเบื้องหน้าที่ถูกปูด้วยหญ้าสีเขียวชอุ่ม ตรงกลางสนามมีเหล่านักกีฬาสวมเสื้อทีมต่างกันเป็นสองฝ่าย และหนึ่งในนั้นสวมเสื้อสีส้มเบอร์เก้าที่เขารู้จักดีกำลังวิ่งชูแขนโต้ลมด้วยรอยยิ้มกว้างดูสดใส เพราะเมื่อครู่เพิ่งจะเตะบอลเข้าโกลไปด้วยคะแนนนำหลายลูก
ไอ้เจ้ายูจิ น้องรหัสที่ไม่ค่อยชอบขี้หน้าเขาเท่าไหร่นักตั้งแต่มีการเฉลยสายรหัสมา เด็กนั้นมักจะพูดเสมอว่าเขาดังจนน่าหมั่นไส้ มีเพจ Cute Boy หรือเพจนิยมนักเรียนชายกางเกงน้ำเงินทักมาขออนุญาตเอารูปของเขาไปลงอยู่ตลอดจนกลายเป็นกระแสและเขาก็กลายเป็นคนดังภายในโรงเรียนในที่สุด ในด้านหน้าตายังไม่พอเพียงเท่านั้น เขาเรียนได้เกรดเฉลี่ยเป็นอันดับต้นๆ ของทั้งรุ่นจนกลายเป็นขี้ปากเหล่าคุณครูหลายท่านว่าไม่มีใครสามารถโค่นตำนานอย่างเขาได้ อีกทั้งยังเป็นกัปตันทีมบาสของโรงเรียน และเป็นตัวแทนไปแข่งขันทักษะทางวิชาการต่างๆ อยู่ตลอดทุกเทศกาล
ชีวิตของโกะโจ ซาโตรุ ช่างดูสมบูรณ์แบบมากในสายตาของใครหลายๆ คน แต่กลับกันนั้น เขากลับเป็นคนที่ทำตัวติดดินเสียยิ่งกว่าอะไร
เสียงนกหวีดดังยาวเป็นสัญญาณจบการแข่งขัน ทุกคนต่างปรบมือพร้อมเสียงเฮของนักเรียนชายริมสนามอย่างภาคภูมิใจในทีมที่ตัวเองเชียร์ และผลการแข่งเป็นเอกฉันท์แล้วว่าทีมเสื้อสีส้มเป็นฝ่ายชนะด้วยคะแนนที่นำสูงลิ่ว เขามองลงไปเห็นกลุ่มนักเรียนชายม.4 ที่กำลังร้องกระโดดด้วยความดีใจอยู่ข้างสนาม ซึ่งต่างจากอีกกลุ่มที่นั่งหน้าเสียอยู่หน้าอัศจรรย์อย่างปิดไม่มิด เขารู้ได้โดยทันทีว่ามันคือการพนันกันระหว่างกลุ่มว่าทีมไหนจะชนะ แต่ใครที่พนันเอาไว้ก็ต้องรับผลกรรมไปตามนั้นนั่นแหละนะ
เหล่านักเรียนในชุดนักเรียนกางเกงสีน้ำเงินที่ต่างพากันมานั่งห้อมล้อมเต็มข้างสนามก็เริ่มพากันทยอยกลับบ้านหลังจากที่เหล่านักฟุตบอลกลางสนามเริ่มเดินกลับเข้าข้างสนามฝั่งตัวเองแล้ว การแข่งขันนี้จัดขึ้นในช่วงเย็น กลุ่มของซาโตรุเองก็เริ่มพากันลุกขึ้นและตกลงกันว่าจะมุ่งหาร้านของกินเป็นเป้าหมายต่อไป บางคนก็นัดกับแฟนที่เรียนอยู่โรงเรียนหญิงล้วนใกล้ๆ กัน บางคนก็ไปเดินสยามกับเพื่อนหลังจากเลิกเรียนแล้ว บางคนก็ไปติวหนังสือต่อที่คาเฟ่สักร้านแถวอโศก
“ตลาดนัดรถไฟป่ะ กูอยากไปเดินอะ” หนุ่มเยาวราชบอยเจ้าของใบหน้าตี๋กับผมยาวมัดรวบด้านหลังเอ่ย พลางเดินมากอดคอเขาที่กำลังจะเดินลงจากอัศจรรย์ ซาโตรุโบกมือปฏิเสธไปมาในอากาศ ช่วงนี้เขาเที่ยวกลางคืนมากพอสมควรแล้ว ถึงเวลาที่ควรจะเพลาลงบ้างสำหรับแอลกอฮอล์ในตอนนี้
“กูจะกลับไปให้อาหารแมว” เขาตอบติดตลกกลับไป เพราะไอ้เกะโท เพื่อนสนิทของเขารู้ดีว่าบนคอนโดหรูของซาโตรุไม่มีสิ่งมีชีวิตขนฟูอะไรเถือกนั้นสักตัวอยู่แล้ว
“แมวเหี้ยอะไร ยุงสักตัวยังไม่มีเลยเหอะ”
ซาโตรุหัวเราะในลำคอ เมื่อได้ยินเสียงใส่อารมณ์ที่ออกไปทางอยากเอาส้นเท้าฟาดหน้าเขาสักทีของเกะโทพูดอยู่ข้างๆ เพื่อนอีกหลายคนที่เดินตามหลังมาได้ยินแบบนั้นก็เริ่มใส่สีตีไข่กันไป
“แมวเมี๊ยวๆ หรือแมวงัวเงียในร้านเหล้าค้าบบบบบบบ”
“ขอแมวทิพย์ก่อนตอนนี้ แมวงัวเงียไว้วันอื่น” เขาตอบพลางหันข้างไปกระตุกยิ้มมุมปากใส่เพื่อนด้านหลังที่โฮแซวตามประสานักเรียนชาย พวกเขาเดินกอดคอกันลงมายังชั้นล่างสุดของอัศจรรย์ ในตอนนี้คนเริ่มเยอะเนื่องจากเข้าไปร่วมยินดีกับเหล่านักกีฬาที่กำลังเก็บสัมภาระของตัวเองอยู่ข้างสนาม บางคนก็ยกน้ำขึ้นดื่มดับกระหาย บางคนก็ถอดเสื้อเผยร่างกายที่เปียกโชกไปด้วยเหงื่อขนาดที่บิดเสื้อทีมก็มีน้ำหยดเต็มพื้นซีเมนต์เหมือนเพิ่งผ่านการซักแต่ยังไม่ได้ปั่นแห้งมายังไงอย่างงั้น
ซาโตรุอดใจไม่ได้เลยที่หยุดชะงักเล็กน้อย เขาชะโงกคอมองหาไอ้น้องรหัสตัวเล็กที่ไม่รู้ตอนนี้ยืนอยู่ตรงไหน เขาเพียงแค่อยากแสดงความยินดีด้วยกับชัยชนะในครั้งนี้ก่อนที่จะกลับคอนโด พาให้เกะโทที่เดินกอดคอมาต้องหยุดยืนรอไปด้วย
อา..อยู่นั่นไง
เขาเริ่มยิ้มมุมปากเล็กๆ เมื่อมองเห็นศีรษะทุยๆ ของน้องรหัสเป็นอันดับแรกกำลังเดินหันซ้ายหันขวาอยู่ริมสนามไม่ไกล แต่ค่อนข้างที่มองหายากเพราะจำนวนของนักเรียนชายที่ยืนออกันและเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะพูดคุยจอแจ เขาเห็นว่าเพื่อนในทีมของน้องรหัสคนหนึ่งสะกิดให้ร่างเล็กหันมาทางเขาที่ยืนมองอยู่
และเมื่ออิทาโดริ ยูจิ หันมามองเห็นเขา ซาโตรุก็ไม่รีรอที่จะชูนิ้วโป้งสองมือส่งให้เป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงความชื่นชม แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือ นิ้วกลางเรียวยาวของน้องรหัสตัวแสบที่ส่งตรงฝ่าคนมากมายพุ่งเข้ามากระแทกที่กลางแสกหน้าอย่างแรง ก่อนจะตามด้วยใบหน้าขี้เล่นดูกวนโอ๊ยนั้นแลบลิ้นกลับมา ซาโตรุหุบยิ้มลงทันใด
ไม่น่าชมมันเลย
Your body's a neighborhood
Wanna drive my lips all around it
วันนี้มึงเก่งมาก >
อยากกินไรเดี๋ยวเลี้ยง >
ซาโตรุส่งไลน์ไปหาน้องรหัสตัวแสบหลังจากที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ ผ้าขนหนูผืนเล็กยังคงคลุมอยู่บนหัวสีขาวสว่างที่เปียกหมาดขณะที่เขายืนมองที่หน้าจอเครื่องมือสื่อสารในมือ หลังจากที่ตัดสินใจส่งข้อความไปชวนคุยกับอีกฝ่ายราวกับยังไม่เข็ดกับการถูกเด็กชูนิ้วกลางใส่ก่อนกลับบ้าน
สารภาพตามตรงว่าในครั้งแรกที่ไอ้เจ้าเด็กนั้นเดินเข้ามาถามเขาว่า พี่ใช่พี่รหัสของผมมั้ย? ซาโตรุรู้สึกว่าพวกเขาทั้งคู่มีบางอย่างที่เข้ากันได้ดีอย่างน่าประหลาด ถึงแม้ว่าในตอนนั้นเขาจะกำลังนั่งเล่นกีตาร์อยู่ที่ม้าหินอ่อนใต้ต้นไม้ขณะพักกลางวัน ถึงแม้ว่ากลุ่มของเขาจะเป็นกลุ่มขาใหญ่ ถึงแม้ว่าจะถูกเพื่อนของเขาแซวว่าเหมือนเป็นเด็กสาวที่เดินเข้ามาขอเบอร์ชายหนุ่ม แต่สายตาที่แน่วแน่ของยูจิยังคงตราตรึงอยู่ในใจซาโตรุเสมอ ไม่รู้ว่าซาโตรุคิดไปเองหรือเปล่า แต่แววตาแบบนั้นชัดเจนมากว่า ต้องการและอยากให้เขารับเข้าสายรหัสอย่างจริงใจ
ฉะนั้น เป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องดูแลเด็กคนนี้ แม้ว่าจะไม่ใช่พี่ชายโดยสายเลือด แต่ก็ในฐานะของพี่รหัสที่พร้อมจะคอยช่วยเหลือเมื่อน้องลำบากในเรื่องการเรียน หรือการให้กำลังใจ ส่งเสริมในสิ่งที่น้องถนัด นั้นคือสิ่งหนึ่งที่ซาโตรุพึงระลึกอยู่เสมอเมื่อตัวเองกลายเป็นพี่รหัส
< เลี้ยงข้าวพอ
< เดี๋ยวนี้ไม่อยากกินเหล้าแล้วอะ ติดเล่นบอล
เป็นนักกีฬา >
ห่างไกลยาเสพติดก็ดีแล้ว >
< บอกตัวเองเหอะ
แอลกอฮอล์นิดๆ หน่อยๆ >
อย่าให้เห็นว่าแอบสูบบุหรี่เชียว >
< ทำไม
< พี่จะมาตามหยิกตูดอ่อ :P
จะขอม้วนนึง >
< ไอ้พี่เวร
ซาโตรุหลุดหัวเราะกับวาจาบาดใจนั้น จู่ๆ เสียงด่าปนงอแงของอีกฝ่ายก็ลอยเข้ามาในโสตประสาทอย่างช่วยไม่ได้ เขากดอ่านแต่ไม่ได้ตอบกลับไป ก่อนจะกดออกจากแอปพลิเคชันแล้วโยนโทรศัพท์ไว้บนเตียง มือใหญ่ยกขึ้นมาเช็ดผมที่กำลังเปียกหมาดๆ พลางคิดว่าวันพรุ่งนี้จะเลี้ยงอะไรไอ้เด็กนั้นดี เขาคาดไว้ว่าน่าจะต้องได้เลี้ยงข้าวในช่วงพักเที่ยงเป็นแน่ เพราะอย่างที่เขารู้ อิทาโดริ ยูจิ มีแฟนสาวซึ่งเรียนอยู่โรงเรียนหญิงล้วนใกล้ๆ กัน วันพรุ่งนี้เป็นวันศุกร์ มีโอกาสอย่างมากที่น้องรหัสของเขาจะไปทานข้าวกับแฟน
เขาเดินมานั่งบนเตียง คิดแล้วก็อดขำไม่ได้ที่แม้แต่น้องรหัสของเขายังมีแฟน แต่ตัวของเขาเองก็พอจะมีคนเข้ามาคุยอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ใช่สถานะที่ชัดเจนขนาดนั้น อีกอย่างเขาเป็นพวกคุยกับใครก็อยากคุยให้แน่ใจก่อน ถ้าจะคบกับใครสักคนก็ขอคนที่เขามั่นใจจริงๆ ว่าพร้อมที่จะยืนข้างกันไปนานๆ
Rrr..
เขาหันกลับไปมองยังหน้าจอโทรศัพท์ที่เมื่อครู่ยังเป็นสีดำสนิท ตอนนี้กำลังขึ้นแจ้งเตือนข้อความของน้องรหัสหัวรั้นซึ่งพอทบทวนดูแล้วก็ไม่น่าจะทักเขาซ้ำได้ เพราะไม่ใช่นิสัยของเจ้าตัวอยู่แล้ว
< พี่
< พรุ่งนี้ว่างไหม ตอนไหนก็ได้
Cause I'm holding my breath
Wondering when
You're gonna wake up in my arms
หลังจากจบการเรียนในช่วงเช้า ช่วงเวลาสิบเอ็ดโมงภายในโรงอาหารตอนนี้เต็มไปด้วยเหล่านักเรียนชายกำลังยืนต่อแถวเข้าคิวซื้ออาหาร หรือไม่ก็นั่งกินข้าวเที่ยงกันเป็นกลุ่มๆ ซาโตรุก้มมองนาฬิกาเงินบนข้อมือพลางเดินเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงเลี้ยวเข้ามาภายในโรงอาหารอย่างไม่รีบร้อน เขานัดกับน้องรหัสเอาไว้ว่าจะเลี้ยงข้าววันนี้เป็นรางวัลคนเก่งที่ยิงลูกเข้าในนัดสุดท้าย แน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นที่พูดกันภายในหมู่นักเรียนไม่ขาดปาก เดินผ่านกลุ่มไหนที่กำลังยืนคุยกันก็พูดถึงการแข่งขันฟุตบอลเมื่อเย็นวานอย่างคึกคัก
เขาเดินไปพลางมองหาร่างเล็กไป จนกระทั่งไปเห็นว่ากำลังนั่งดูดน้ำอยู่ที่โต๊ะหนึ่งริมๆ โรงอาหาร เด็กหนุ่มในตอนนี้ดูมีสีหน้าหมองซึมแต่ก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เขาเดินตรงเข้าไปหาทันทีขณะที่มีกลุ่มเพื่อนเข้ามาทักทายตบบ่ายูจิแล้วเอ่ยชมถึงการแข่งขันเมื่อวานอย่างสนุกสนาน เขาเห็นว่าน้องรหัสตัวเล็กหัวเราะกลับไปแต่ก็ดูไม่เต็มใจนัก แต่เมื่อพวกรุ่นน้องกลุ่มนั้นเห็นว่าซาโตรุเดินไปก็พากันยกมือไหว้ยกใหญ่ก่อนจะพากันเดินผ่านไป
“มาโคตรช้าอะ”
“โทษสุภาพรสิ อย่ามาโทษพี่” ซาโตรุตอบพลางทิ้งตัวนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามของร่างเล็ก ยูจินั่งเอาแขนเท้าวางบนโต๊ะขณะที่ปากก็คาบหลอดดูดน้ำลำไยจากแก้วที่ตั้งอยู่ตรงหน้า “อยากกินอะไรล่ะวันนี้?”
“สั่งพิเศษได้ป่าว”
ซาโตรุเลิกคิ้ว “อดยากมาจากไหน”
“ก็นานๆ ทีพี่เลี้ยงป่ะ ไม่ได้มีให้เห็นบ่อยๆ อะ” ปากอิ่มว่าอุบอิบทั้งที่หลอดยังคาอยู่ในปากพลางกลอกตาไปมาอย่างเด็กเบื่อโลก ฝ่ายพี่รหัวตัวสูงก็ได้แต่กอดอกถอนหายใจ สุดท้ายเขาก็ต้องตามใจอยู่ดีสินะ
“เออๆ เอ้า อยากแดกไรก็ไปซื้อ เงินอยู่ในบัตรแล้ว” เขาว่าพลางหยิบเอาบัตรซื้อข้าวภายในโรงเรียนเลื่อนส่งให้น้องรหัสบนพื้นโต๊ะโดยไม่กลัวว่าบาร์โค้ดจะลาย ก่อนจะกลับมากอดอกเช่นเดิม “ซื้อมากินแล้วคุยเรื่องของมึงต่อ”
12.21 PM
“เพื่อนบอกว่างั้นเหรอ?”
“อื้อ..” ยูจิว่าพลางตักหมูกรอบเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย แทบลืมความรู้สึกตึงเครียดที่กำลังคุยอยู่ไปชั่วขณะ “มันบอกอีกนะว่าแทบจำแฟนผมไม่ได้เลย ตอนอยู่ร้านเหล้าแม่งแต่งตัวซะเปลี่ยนเป็นคนละคน”
“แฟนมึงเป็นคนยังไง” ซาโตรุนั่งซักความเป็นมาขณะที่ข้าวราดแกงตรงหน้าเริ่มเย็นชืดเพราะเขาแตะไปเพียงคำเดียวเท่านั้น เรื่องของน้องรหัสเขาที่มีเพื่อนในกลุ่มไลน์มาบอกเมื่อคืนว่าเจอแฟนของยูจิอยู่ที่ร้านเหล้าประจำพร้อมทั้งแอบถ่ายรูปส่งมาให้ดูเป็นการยืนยันอีกต่างหาก เขาไม่รู้จะนิยามสถานการณ์นี้ว่าอย่างไรดีนอกจากคำว่า โคตรแย่ เป็นสถานการณ์ความรักที่แย่มาก เขามองร่างเล็กตรงหน้าที่เหมือนจะเริ่มกินข้าวเที่ยงไม่อร่อยเสียแล้ว
“..เขาเป็นน่ารักอะพี่ เขาเป็นเด็กเรียน อยู่บ้านกับพ่อแม่ที่โหดๆ ต้องให้เข้านอนแต่หัววัน ไม่เคยกินเหล้ากินเบียร์ บอกรัก บอกคิดถึงผมทุกวัน จะนอนก็ไลน์มาบอกฝันดีก่อน..เมื่อคืนเขาก็บอกฝันดีผมนะ แต่ก่อนที่เพื่อนจะส่งรูปนั้นมาให้ดู” จากที่นั่งทานด้วยสีหน้าอิ่มเอมเมื่อครู่เริ่มเปลี่ยนเป็นนั่งเขี่ยอาหารหน้าตาย่ำแย่ในจานแทน เขาเห็นยูจิพยายามที่จะกลืนน้ำลายหลายครั้งราวกับพะอืดพะอมเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ไหนจะสีหน้าไม่สู้ดีที่มองกลับมานั้นอีก
ไม่เคยเห็นมันหงอยแบบนี้เลยว่ะ
“มั่นใจแน่นะว่าในรูปนั้นแฟนตัวเองจริงๆ”
“ผมไม่แน่ใจ มันมืดอะ” น้องรหัสตอบพลางตักข้าวเข้าปาก เคี้ยวอย่างเชื่องช้าราวกับไม่ได้ต้องการลิ้มรสอาหารในจานอีกต่อไปแล้ว เหมือนกินไปเพื่อไม่ให้หิวในตอนพักเล็กก็แค่นั้น “แต่ผมไม่เป็นไรหรอก ผมยังไม่เชื่อจนกว่าจะเห็นด้วยตาตัวเอง”
ซาโตรุพยักหน้าเข้าใจ ถ้าจะมองให้ถูก เขารับรู้ได้ว่ายูจิคงจะรักแฟนคนนี้มากถึงแม้ว่าจะมีคนบอกถึงข้อเท็จจริง น้องรหัสของเขาก็ยังเชื่อมั่นในตัวของแฟนสาวและจะรอให้ได้เจอภาพนั้นกับตาตัวเองเท่านั้น นับว่าเป็นครั้งแรกเลยด้วยที่เขาได้เห็นอิทาโดริ ยูจิ ในสภาพที่มีสีหน้าหมองซึมขนาดนี้ เพราะโดยปกติแล้วเจ้าเด็กนี่มักจะเป็นพลังบวกให้แก่คนรอบข้างอยู่เสมอ แม้แต่เขาที่เป็นพี่รหัส ไม่ใช่เพื่อนสนิทในกลุ่มยังสัมผัสได้จากรอยยิ้มกว้างยามเมื่อร่างเล็กตรงหน้าเผลอ เขาก็มักจะแอบมองอยู่ไกลๆ ไม่ให้รู้ตัวว่ากำลังถูกมอง จะว่าไปไอ้น้องรหัสเขาก็ใช้รอยยิ้มได้สิ้นเปลืองจนน่าหมั่นไส้เสียจริง
“เศร้าหน่อยคงไม่ตายหรอกมึง รสชาติชีวิต” ร่างสูงยักไหล่พลางเริ่มก้มลงสนใจอาหารบนจาน “อย่างมึงแฟนไม่ทิ้งหรอก อย่าคิดมากสิวะ คงไม่หมาหรอกหน่า”
เขาพูดให้กำลังใจไป แต่มันก็เป็นเรื่องจริงแทบจะทั้งหมดนั่นแหละ อย่างยูจิไม่ใช่คนที่จะโอนอ่อนให้กับอะไรง่ายๆ อยู่แล้ว ซาโตรุมั่นใจ กับเรื่องความรักแบบนี้เขาเชื่อว่าน้องรหัสของเขาจะสามารถจัดการมันได้
เขาเชื่อ
Head on my chest
My heart's beating
I can't wait to
[พี่..]
“มึงโทรมาทำไมตอนนี้ กูจะนอนแล้วเนี่ย”
เสียงทุ้มเข้มติดจะงัวเงียเล็กน้อยดังขึ้นภายในห้องนอนที่มืดสนิท ตอนนี้เป็นเวลาตีสามของวันหยุดสุดสัปดาห์ ผ่านมาหลายอาทิตย์แล้วหลังจากที่เขาได้เลี้ยงข้าวของน้องรหัสตัวแสบไปเป็นรางวัลขวัญใจ ทุกอย่างผ่านไปอย่างเรียบง่ายและยูจิก็ไม่ได้ทักไลน์มาขอคำปรึกษาจากเขาอีกเลย จนกระทั่งตอนนี้ ณ เวลานี้ที่มีสายเรียกเข้าด่วนขณะที่ซาโตรุเพิ่งจะล้มตัวลงหัวถึงหมอนได้ไม่กี่นาที ขณะตอนที่พูดกับโทรศัพท์อยู่นี่ตาของเขายังไม่ลืมด้วยซ้ำ เสียงจากฝั่งนั้นกลับมีแต่เพียงความเงียบ ได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์ขี่ผ่านดังมาจากปลายสายแผ่วๆ ทำให้รู้ว่าน้องรหัสเขาน่าจะอยู่นอกหอพักในตอนนี้
[..พี่มาหาผมหน่อย…]
“หา!” ร่างสูงที่นอนอยู่ในผ้าห่มขมวดคิ้วกับโทรศัพท์ภายในความมืด “กูจะให้มึงพูดอีกที”
[พี่ซาโตรุ ผมขอร้องล่ะ..ฮึก..]
ร่างสูงนอนแน่นิ่ง ราวกับเขาถูกแช่แข็งโดยที่อากาศภายในห้องไม่ได้ติดลบ ก่อนสมองจะสั่งการให้เขาลืมตาขึ้นพร้อมกับความรู้สึกที่อยู่ไม่สุขอีกต่อไป
“บอกมา ตอนนี้มึงอยู่ไหน”
03.45 PM
ร่างสูงเปิดประตูรถลงมาทันทีที่ถึงที่หมาย มันคือข้างร้านเหล้าในย่านหนึ่งที่ได้ยินว่าเพิ่งจะเปิดใหม่ได้ไม่นาน เขาเห็นน้องรหัสอยู่ในเสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนสีเข้มกำลังนั่งรอเขาอยู่บนรถบิ๊กไบต์คันคุ้นตาที่ข้างกำแพงในซอยนั้น
ซาโตรุถอนหายใจยาว เขาลูบหน้าลูบตาไม่ให้ตัวเองรู้สึกง่วงขณะเดินข้ามถนนมาหาไอ้ตัวแสบที่พอเห็นเขาก็เอาแต่นั่งนิ่ง
“มึงเป็นพระแสงอะไรวะ ต้องโทรเรียกให้กูมา…”
หมับ!
จากที่กำลังง่วงอยู่ก็ต้องรู้สึกตื่นขึ้นมาอย่างฉับพลัน เมื่อร่างเล็กที่กำลังนั่งอยู่บนรถบิ๊กไบค์คันใหญ่ไม่สมกับขนาดตัวเมื่อครู่ กระโดดลงจากเบาะนั่งแล้ววิ่งมากอดเข้าที่เอวหนาแน่น ซุกใบหน้าลงกับอกอุ่นของพี่รหัสราวกับไม่ต้องการให้ซาโตรุได้เห็นถึงสีหน้าที่แสดงความเจ็บปวดใจในตอนนี้ ซาโตรุไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา เขาทำเพียงรวบไหล่และหัวของร่างเล็กกอดแนบอก เกยคางบนกลุ่มผมนิ่มอย่างแผ่วเบา มือใหญ่ก็คอยลูบหลังราวกับต้องการปลอบใจ ไหล่เล็กเริ่มสั่นสะท้านยามเมื่อได้สัมผัสกับความอบอุ่นที่กำลังโหยหาพร้อมกับเสียงสะอื้นที่เริ่มดังขึ้นจากคนในอ้อมกอด ร่างสูงโยกตัวไปมาเบาๆ พร้อมมือที่เปลี่ยนมายีกลุ่มผมนิ่มแทนเพื่อหวังให้คนในอ้อมกอดรู้สึกดีขึ้นแต่มันกลับทำให้ยูจิร้องหนักกว่าเดิม ผ่านไปสักพักจนร่างเล็กในอ้อมกอดเริ่มเหนื่อยและเสียงเริ่มเงียบลง เหลือเพียงเสียงสะอึกเล็กๆ และเสียงสืบน้ำมูก เขาจึงเริ่มที่จะถามด้วยน้ำเสียงที่ต่างออกไป
“ใครทำอะไร...บอกพี่ได้ไหม?”
สรรพนามที่เปลี่ยนไปทำให้ยูจิรู้สึกดีอย่างประหลาด เขาส่ายหน้าไปมาขณะที่ยังซุกใบหน้าอยู่ในวงแขนใหญ่ ซาโตรุเองก็รู้สึกได้ถึงความเปียกชุ่มบนอกที่ไม่รู้ว่าน้ำมูกหรือน้ำตากันแน่ แต่มันไม่สำคัญแล้วในตอนนี้
“ไหน..ดูซิ”
เขาว่าพลางดันร่างเล็กออกห่างจากตัวเล็กน้อยและยูจิก็ยอมทำตามโดยง่าย ปรากฏใบหน้าที่เขาชินตาว่าเป็นใบหน้าที่ขี้เล่น ทะเล้น และเปรี้ยวตีน บัดนี้กลับเต็มไปด้วยคราบน้ำตาเปียกเต็มใบหน้าและขนตาสวย แก้มแดงก่ำราวกับมะเขือเทศสุกลามไปจนถึงใบหู ริมฝีปากอิ่มแดงเม้มแน่นขณะที่พยายามกลั้นเสียงสะอึก พลางใช้หลังมือเช็ดปาดน้ำมูกที่กำลังย้อยอยู่อย่างกับเด็กอนุบาลที่ร้องไห้ตอนพ่อกับแม่มาส่งไว้โรงเรียน ยูจิไม่ยอมสบตากับพี่รหัสโดยตรงทั้งยังสะอื้นอยู่เป็นพักๆ
ยูจิกับแฟนคบกันมาเกือบปี ทะเลาะกันนี่แทบนับครั้งได้ เอาอกเอาใจสารพัด พาไปดูหนังตลอด กินข้าว ช็อปปิ๊ง เทคแคร์ต่างๆ นานา ไอ้ตัวเขาก็ไม่เคยทำหน้าที่ขาดตกบกพร่อง
แต่ในวันนี้เขาก็ได้เห็นกับตาตัวเองแล้วว่าสิ่งที่เพื่อนบอกเขานั้นเป็นความจริง เด็กสาวแสนเรียบร้อยและน่ารักในสายตาของยูจิ ในคืนนี้ที่เขาเห็นแทบจะเปลี่ยนเป็นคนละคน เธอทั้งสวยและสวมเสื้อผ้าน้อยชิ้น ทั้งยังนั่งกอดแขนอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งที่ยูจิไม่คุ้นหน้ามาก่อนอยู่ในร้าน เขาที่ตั้งใจจะมาสังสรรค์กับเพื่อนก็ทนเห็นภาพบาดตาบาดใจนั้นไม่ไหวอีกต่อไป เดินออกมาจากร้านขณะที่น้ำตาไหลเป็นทางราวกับเขื่อนแตก นึกถึงใครไม่ออกเลยในตอนนั้น ทุกอย่างมันตีบตันและตีกันไปหมด จนกระทั่งเห็นข้อความปักหมุดในไลน์ตัวเองเป็นของซาโตรุถึงได้โทรไปหา
และหวังว่าพี่รหัสจะใจดีกับเขาบ้าง..โลกนี้ช่างใจร้ายกับเขาเหลือเกิน
“ผม.. ผม.. เสียใจว่ะ.. ทำไมวะ ทำไมเขาต้อง...ต้องทำ กับผม แบบนี้วะ..ผมผิด..ไรอะ” ยูจิยังคงสะอื้นหนักขณะที่พูดอย่างตั้งอกตั้งใจต่อหน้าชายหนุ่ม แต่มันกลับทำได้ยากลำบากเสียเหลือเกิน “ผม..รักเขา อ่ะ ผมรัก..เขา จริง..จริง....นะ ผมทำผิด...ตรงไหน ทำไมเขาไม่...ไม่บอกผม วะ แม่ง... แค่กๆ อะ..แค่กๆ” ก่อนจะสำลักน้ำลายตัวเองอย่างช่วยไม่ได้ เสียงอู้อี้เพราะน้ำมูกไหลมาอัดจมูกแดงๆ เหมือนลูกกวาง
“เออๆ พี่เข้าใจ ไม่ต้องพูดมากแล้ว เดี๋ยวสำลักน้ำมูกน้ำลายตัวเองตาย” เขาได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอจากพี่รหัสดังเหนือศีรษะ ยูจิเริ่มมุ่ยหน้าคล้ายจะร้องไห้อีกครั้งพลางถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
“ขำอะไร”
“ขำเด็กขี้แย” ซาโตรุว่าพลางใช้นิ้วหัวแม่มือเกลี่ยแก้มนิ่มเบาๆ เช็ดน้ำตาให้อย่างทะนุถนอมขณะที่สายตาของเขายังคงจับจ้องที่ดวงหน้าเล็กไม่วางตา ยูจิหลับตาปี๋พลางกำมือแน่น อยากจะเถียงว่าเขาไม่ใช่คนขี้แยแต่ก็ไม่อยากลืมตาขึ้นมาเพื่อต้องเจอกับสายตา ‘อบอุ่น’ ของพี่รหัสในตอนนี้
“พอเลย” เอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็งกระแทกก่อนมือเล็กจะปัดมือใหญ่ออกไม่ให้แตะต้องตัว ซาโตรุเองก็ยอมถอยออกห่างจากยูจิเล็กน้อยทั้งที่รอยยิ้มมุมปากยังประดับอยู่บนใบหน้า
“มึงก็ร้องไห้เป็นนี่หว่า..ก็นึกว่าจะกวนตีนเป็นอย่างเดียว”
ยูจิเบือนหน้าหนี ใช้หลังมือเช็ดคราบน้ำตาที่ใกล้จะแห้งจนหน้าแดงเป็นรอย แต่เขาไม่ได้ใส่ใจหรอก ประเด็นหลักมันอยู่ที่สิ่งที่พี่รหัสเขาพูดอยู่ตอนนี้ต่างหากล่ะ
“ผมก็มีหัวใจนะ ร้องไห้เป็นด้วย” ยูจิพูดด้วยน้ำเสียงอู้อี้ “ผมจะไปบอกเลิกเขาแล้ว...แล้วผมก็คิดว่าเขาคงไม่ได้เสียใจด้วย”
ซาโตรุสังเกตได้ว่ามือเล็กที่ถูกปล่อยไว้ข้างลำตัวกระตุกเล็กน้อย ราวกับไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองเพิ่งจะพูดออกไป ซาโตรุไม่รู้หรอกว่าก่อนหน้านี้คนตัวเล็กไปพบเจออะไรมาก่อนที่จะโทรมาหาเขา แต่ซาโตรุก็ไม่อยากถามถึงปัญหาเหล่านั้นอีกเป็นครั้งที่สอง เขาไม่อยากทำให้น้องรหัสตรงหน้าต้องปวดใจมากกว่าเดิม ทั้งที่ความจริงแล้วสิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้นนั้นมันเริ่มทำให้เขาต้องเปลี่ยนความคิดไปตลอดกาล..
หลังจากปรับทุกข์กันครู่ใหญ่ ยูจิจึงขอแยกจากพี่รหัสตรงนั้นเพราะในช่วงเวลาที่ใกล้จะตีห้าเข้าทุกทีทำให้เด็กหนุ่มห่วงว่าผู้ปกครองที่บ้านจะว่าเอา ซาโตรุเองก็ไม่ได้ขัดหรือให้อคติทางคำพูดใดๆ ที่ยูจิโทรมาหาเขาดึกๆ เพื่อให้มาปลอบเช่นนี้
มือใหญ่หมุนพวงมาลัยเลี้ยวตรงสี่แยกใหญ่ที่ยังมีรถพลุ่งพล่านทั่วทั้งถนนแม้จะเป็นเวลาใกล้เช้าแล้วก็ตาม เพลงสากลภายในรถดังคลอไปพร้อมกับแสงไฟจากข้างทางที่สาดกระทบเข้ามายังกระจกหน้ารถ เขาจอดรถหยุดอยู่ไฟแดงอีกครั้งขณะที่เสียงเพลงกำลังเข้าท่อนฮุต ปลายนิ้วเรียวกระดิกบนพวงมาลัยเบาๆ ตามจังหวะเพลง ไม่รู้ว่ามันดีหรือไม่ดีกันแน่ที่เขาหายง่วงโดยไม่มีเหตุผลแบบนี้ รู้สึกได้ว่าเขาสามารถกลับบ้านไปอาบน้ำแล้วสามารถไปหาคุณแม่ที่บริษัทในตอนเช้าตรู่ได้เลยโดยไม่ต้องทิ้งหัวลงหมอนนุ่มๆ
แต่จู่ๆ ภาพของน้องรหัสที่กำลังร้องไห้จนหน้าแดงไปหมดก็แล่นเข้ามาในหัว ยอมรับว่าในใจเขาประหลาดใจมากในตอนที่น้องรหัสตัวแสบวิ่งมากอดเข้าที่เอว จนกระทั่งเห็นร่างกายเล็กๆ แต่เต็มไปด้วยมวลกล้ามเนื้อนั้นกำลังสั่นสะท้านราวกับความอดกลั้นทุกอย่างได้พังทลายลงอย่างไม่เป็นท่า จนกระทั่งได้เห็นหยาดน้ำตาจากคนที่เขาไม่คิดว่าจะได้เห็นและเริ่มคิดว่าคนที่กำลังกอดเขาอยู่นี่ช่างเปราะบางเหลือเกิน ในตอนที่คลายกอด เขามองน้องรหัสเป็นลูกนกตัวเล็กที่กำลังเปียกน้ำและตัวสั่น อยากจะกอดเอาไว้ไม่ให้กลัวหรือโศกเศร้า
ใช่
เขาเริ่มรู้สึกอยากดูแลยูจิขึ้นมาเสียดื้อๆ
Rrr..
มือใหญ่ล้วงหยิบเครื่องมือสื่อสารในกระเป๋ากางเกงออกมาเปิดฆ่าเวลาขณะรอไฟแดงที่อีกราวๆ หนึ่งนาทีได้ เห็นข้อความจากคนที่เพิ่งจะแยกทางกันเมื่อครู่เด้งขึ้นมาในไลน์แล้วก็ต้องเลิกคิ้วสูง
< พี่
< ถึงบ้านแล้วบอกด้วย
< ห่วง
ซาโตรุหลุดยิ้ม
ยังไม่ถึงเถอะ ยังไม่ได้ฝ่าสักไฟแดงเลย >
< เดี๋ยวตบเลยนะ
มาดิ >
;) >
< อะไร
< จะนอนแล้ว อย่าลืมนอนด้วย เคป่ะ
ถึงบ้านแล้วเหรอ ไวชิบ >
จะเช้าแล้วนะ >
< กลางคืนใครเขานอนกัน
คิดถึงเหรอถึงทักมา >
< ก็บอกแล้วว่าห่วง
บางวันพี่กลับบ้าน 6 โมงเช้าด้วยซ้ำ >
ไม่เห็นจะสนใจ >
< ก็
< จริงๆ จะทักมาขอบคุณอะ
ไม่ทันล่ะ 5555 >
เก็บไว้ไปขอบคุณที่โรงเรียนดีกว่า >
Kiss you each morning with strawberry skies
Cause I get so lost in your blueberry eyes
และหลังเวลาหลังจากนั้น ซาโตรุก็เลือกที่จะใส่ใจน้องรหัสเพียงคนเดียวของเขาให้มากขึ้น ในช่วงเช้าของวันจันทร์ เขาที่เป็นพี่วินัยจะต้องไปยืนตรวจระเบียบที่ด้านหน้าแถว และเป็นทุกครั้งที่เขามักจะใช้สายตามองหาไอ้เด็กแสบขี้แยที่ยืนอยู่ในแถวอย่างเป็นระเบียบนั้น เขามักจะลอบยิ้มมุมปากเสมอเมื่อมองหาจนเจอ และพบว่ายูจิเองก็กำลังมองมายังเขาที่ยืนอยู่ด้านหน้าเช่นกัน
ราวกับทุกอย่างมันค่อยๆ เปลี่ยนไป ในช่วงพักเที่ยงทุกคนจะทราบกันดีว่าถ้าต้องการตามหา โกะโจ ซาโตรุ ต้องไปหาที่สนามบาสเท่านั้น ซึ่งในตอนนี้คงไม่ใช่เพียงแค่ซาโตรุอีกต่อไป เพราะยูจิก็ได้เปลี่ยนตำแหน่งในช่วงพักเที่ยงของตัวเองจากระเบียงหน้าห้องเรียนมาเป็นโต๊ะปูข้างสนามบาสเป็นที่เรียบร้อย และไม่ใช่แค่ยูจิที่ยอมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันเพียงเท่านั้น
“วันนี้มันไม่มีแข่งไม่ใช่เหรอไอ้ซาโตรุ”
เกะโทถามเขาพลางแกว่งกระเป๋าจาคอปแบนๆ ไปมา ในตอนนี้เป็นช่วงเวลาเลิกเรียนและเขาบอกกับเพื่อนสนิทว่าจะขอไปดูบอลสักหน่อย ถึงแม้ว่าจะไม่มีการแข่งขันแล้วก็ตาม แต่จริงๆ แล้วเป้าหมายของเขาไม่ใช่กีฬาสักหน่อย
“ยูจิมันซ้อมบอลอะ อยากไปนั่งดู”
“มึงก็เคยเห็นบ่อยไป”
“เออหน่า”
“พวกมึงแปลกๆ ว่ะ ทำไมชอบไปหากันจังวะ” เพื่อนในกลุ่มคนหนึ่งพูดขึ้น
“เมื่อวานก็เห็นกลับบ้านด้วยกัน น้องรหัสหรือลูกวะเนี่ย” ก่อนจะตามด้วยอีกคนที่หันไปพยักหน้ากับคนที่พูดก่อนหน้า ซาโตรุที่เก็บของเข้ากระเป๋าเสร็จสรรพไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เขาทำเพียงเดินผ่านและตบไหล่เพื่อนๆ เป็นเชิงปลายเปิดให้ได้ไปจินตนาการเอาเอง แต่เขาได้บอกกับเกะโทแล้วว่าให้กลับไปก่อนได้เลย วันนี้เขาอยากรอกลับบ้านพร้อมกันกับอิทาโดริ ยูจิ
และดั่งใจหวัง ตัวของร่างสูงกำลังนั่งอยู่ในสถานที่โล่งแจ้ง เบื้องหน้าเป็นสนามหญ้าสีเขียวกว้าง มีนักบอลเพียงไม่กี่คนที่กำลังซ้อมอยู่ ร่างเล็กที่ซาโตรุนั่งมองมาเกือบชั่วโมงกว่าเริ่มโบกมือลาเพื่อนในสนามและกลับหลังหันเดินมุ่งหน้าตรงมาหาเขาที่นั่งรออยู่บนอัศจรรย์ชั้นล่างสุด ยูจิมีเหงื่อโชกตัวอีกเช่นเคย แต่วันนี้อีกฝ่ายไม่ได้เอาเสื้อทีมมาเปลี่ยนจึงใส่เสื้อนักเรียนซ้อมจนผ้าแนบเนื้อเล็กน้อยตรงบริเวณอก ชายเสื้อออกนอกกางเกงน้ำเงินดูไม่เรียบร้อยในสายตาพี่วินัยเป็นที่สุด แต่มันก็เป็นปกติสำหรับนักกีฬาอยู่แล้วล่ะ
“ทำไมเลิกเร็วอะ”
เสียงทุ้มเอ่ยถามน้องรหัสที่ได้มาถึงตัวก็หยิบขวดน้ำเย็นที่วางอยู่ข้างๆ ขึ้นมาเปิดฝาดื่มทันที ซาโตรุมองลำคอนั้นกำลังเงยกลืนน้ำอย่างหิวกระหาย
“เฮ้ออ..!” ดื่มเสร็จก็ถอนหายใจยาว แล้วเริ่มตอบคำถามนั้น “ไม่อยากให้พี่รอนานอะ เดี๋ยวนี้ไม่มีแข่งแล้วเลยกลับเร็วได้”
“ไม่อยากให้พี่รอหรืออยากมาหาพี่ไวๆ”
“อย่าเข้าข้างตัวเองได้ป่ะ”
“ปากตรงกับใจหน่อยมันจะตายรึไง”
“กับพี่ไม่เห็นต้องจริงใจขนาดนั้นเลย”
“แต่พี่จริงใจกับเรานะ ยูจิ”
ไม้ตายแสนซื่อของซาโตรุได้ผล ยูจิทำหน้าเหมือนกำลังอมอะไรไว้เนื่องจากไม่สามารถเถียงต่อได้อีกทั้งผิวแก้มยังขึ้นสีเล็กน้อยจากวาจาที่ซื่อตรงของร่างสูง และก็จบลงที่พวกเขาเดินลงจากอัศจรรย์มาพร้อมกันขณะที่ซาโตรุถือกระเป๋าจาคอปสองใบ ของตัวเองและของน้องรหัสข้างกายที่กำลังเปิดขวดน้ำดื่มอีกรอบ ก้าวเดินไปพร้อมๆ กันอย่างไม่รีบร้อน และเขาไม่ได้สนใจว่าคนรอบข้างจะมองว่าระหว่างเขาและยูจิในตอนนี้เปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหน หรือคำพูดที่เรียกว่าสถานะของพวกเขาคืออะไร
เพราะเรื่องนี้ มีแค่พวกเขาทั้งสองคนที่รู้ :)
END
_______________________________
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in