เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
SF | ambrosialzd__gim
Cigarettes
  • Cigarettes - รสฝาด

    Theme song; Lay Me Down - Sam Smith



    เมื่อตอนอิตาโดริ ยูจิ อายุสิบหกปี เขามักจะแอบมองพี่ชายข้างบ้านผ่านทางหน้าต่างห้องนอนของตนเองอยู่เป็นประจำ บ้านของเขามีสองชั้นเหมือนกันกับบ้านหลายหลังในแถบหมู่บ้านจัดสรร มีสวนหน้าบ้านเขียวขจี บ้านสีครีมดูสบายตา และในทุกๆ เช้าเขาจะต้องตื่นขึ้นมาเพื่อเปิดหน้าต่างแล้วแสร้งทำเป็นชมนกชมไม้ ใช้หางตาเหลือบมองพี่ชายคนนั้นผ่านม่านที่ไม่ได้เปิดกว้างมากนัก



    ยูจิบอกได้เลยว่า พี่ชายคนนั้นเป็นรักครั้งแรกของเขาในตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขายอมรับว่าตัวเองเป็นเกย์มาตั้งแต่ห้าขวบ ปัญหาของเขาคือเขาไม่กล้าที่จะแสดงออกถึงสิ่งที่เขาชอบมากนัก เขาเลือกที่จะเก็บไว้เงียบๆ ในใจอยู่ตลอดมา ยูจิมักจะลอบมองพี่ชายที่ใส่เสื้อยืดสีขาวมองเห็นกล้ามเนื้อสวยด้วยรูปร่างสูงใหญ่ของเขา เขาอาจจะดูโรคจิตไปบ้างแต่ทุกครั้งที่คิดถึงกล้ามเนื้อที่ไร้เสื้อผ้าปกปิด มันทำให้เขารู้สึกแข็งได้เสมอและมักจะจบลงที่ห้องน้ำหรือการฝันเปียกยามที่เขาเริ่มแตกเนื้อหนุ่ม ซึ่งมันทำให้ยูจิไม่กล้าเล่นกับพี่ชายข้างบ้านอีกเลยตั้งแต่เขาเริ่มอายุสิบสองปี



    วันนี้พี่ชายข้างบ้านสวมยีนสีดำเข้ากับดวงตาสีฟ้าของเขา มันเป็นสีฟ้าสวยกระจ่างแบบที่ยูจิชอบ แต่ไม่เคยได้จับจ้องหรือสัมผัสมันเลยสักครั้งหลังจากที่เขาอายุสิบสอง เขาจ้องมองพี่ชายคนนั้นได้ไม่เคยเบื่อเหมือนทุกๆ ครั้งที่ยืนมองภาพวงดนตรีวงโปรดในโปสเตอร์ข้างฝาผนังภายในห้องนอนและยูจิไม่เคยบอกใคร



    เขาเห็นรถคันหรูสีขาวเปิดประทุนจอดรออยู่หน้าบ้าน พี่ชายรีบวิ่งไปเปิดประตูรถแล้วขึ้นไปพร้อมกับเพื่อนสนิทที่ชื่อ สุคุรุ เกะโท ซึ่งเขาไม่ได้สนิทสนมด้วยและ มาซามิชิ ยากะ ที่เขารู้จักดีจากเพื่อนสนิทของเขา โทโด อาโออิ ในชมรมอเมริกันฟุตบอล ซึ่งเป็นชมรมที่ยูจิไม่อยากจะเสวนาด้วยเท่าไหร่ เขาเป็นพวกเนิร์ดและเป็นเนิร์ดจำพวกคนชอบเข้ามาแกล้งหรือหลอกใช้อยู่ประจำนั่นแหละ



    เขามองรถแล่นออกไปพร้อมกับเสียงหัวเราะแสนร่าเริงของกลุ่มวัยรุ่น



    “เจอกันที่โรงเรียนครับ พี่โกโจ” เขาพึมพำกับตัวเองผ่านกระจกหน้าต่างห้องนอน ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงแล้วไปจัดการทำธุระส่วนตัวของตัวเองเพื่อที่จะไปโรงเรียนในตอนสาย



    ยูจิมีครอบครัวเพียงคนเดียวคือคุณปู่ที่ตอนนี้ล้มป่วยอยู่ที่โรงพยาบาลด้วยโรคชรา หลังเลิกเรียนยูจิมักจะไปเยี่ยมคุณปู่ที่โรงพยาบาลก่อนทุกครั้งที่จะกลับบ้าน ในช่วงกลางวันเขาจึงอาศัยอยู่ที่บ้านคนเดียวอย่างเงียบเหงา



    เด็กหนุ่มมองตัวเองในกระจกบานใหญ่ที่ขนาดเกือบเท่าๆ ตัวเขา เขาไม่ใช่คนตัวเล็กเมื่อเทียบกับเพื่อนในวัยเดียวกัน แต่ก็ยังห่างไกลมากโขเมื่อเทียบกับพี่ชายข้างบ้านคนนั้น เขาไม่ได้สนใจการใช้ชีวิตแบบเด็กรุ่นเดียวกันที่ออกสเกตบอร์ดมาแข่งกันทั้งที่เล่นไม่เป็น เขาเดินก้มหน้าเงียบๆ หลังงอดูน่าสมเพช ไม่ได้พยายามทำตัวให้ดูโดดเด่น เดินต่อเท้าไปเรื่อยๆ จนถึงโรงเรียน



    เขาแวะมองผ่านรั้วเหล็กของโรงเรียน มองพี่ชายกำลังขว้างลูกฟุตบอลท่ามกลางแสงแดดยามเช้า พระเจ้าเขาช่างเหมือนเทวดาที่ลงมาโปรดสัตว์จริงๆ ดวงตาสีฟ้าของเขาชัดขึ้นเมื่ออยู่ท่ามกลางแสงสว่าง กล้ามเนื้อของเขาหดและยืดสวยเมื่อขยับใช้แรงภายในเสื้อยืดสีขาวที่ชุ่มเหงื่อเล็กน้อย รอยยิ้มของเขาทำให้ยูจิรู้สึกโง่งมชั่วขณะ ยูจิได้แต่ยืนอึ้ง สมองมึนงงอยู่ตรงนั้น เขาก้มหน้าแอบลอบยิ้มตรงมุมปาก



    เขาหอบเอาความสุขมายืนอยู่หน้าตู้ล็อกเกอร์ พระเจ้าเขายังหยุดยิ้มไม่ได้เลย



    Yes, I do, I believe

    That one day I will be where I was

    Right there, right next to you

    And it's hard, the days just seem so dark



    หลังจากเรียนคาบฟิสิกส์สุดหฤโหดและแล็บของเขาที่ล้มเหลวไม่เป็นท่า เขาและโทโดเดินอย่างร่างไร้วิญญาณมานั่งที่โต๊ะประจำที่อยู่ในมุมเล็กๆ ตรงนั้นมีสาวฮอตผมน้ำตาลตัดสั้น สาวสวยที่เป็นเชียร์ลีดเดอร์ของโรงเรียน คุกิซากิ โนบาระ นั่งรออยู่ เธอเพิ่งเสร็จจากคาบคณิตศาสตร์ของเธอ



    “ว่าไง หนุ่มๆ” เธอทักทาย มือกำลังถือส้อมที่กำลังเขี่ยสลัดในจานหน้าตาย่ำแย่เหมือนผ่านสงครามกลางเมืองมาก็ไม่ปาน บนถาดอาหารของเธอยังมีซุปสีเขียวอะไรบางอย่างที่ดูไม่น่าอภิรมย์สำหรับยูจิเลยสักนิด และแน่นอนว่าเธอกำลังไดเอท



    “เป็นไงบ้างโนบาระ เลิกเรียนไวนะเนี่ย” โทโดถามพลางหาแซนด์วิชที่แม่ทำให้ในกระเป๋าพร้อมกับนมกล่อง เห็นตัวใหญ่โตแบบนี้แต่เขาไม่ใช่คนทานเยอะอะไรเลย ทุกอย่างล้วนมาจากการออกกำลังกายใช้กำลังทั้งนั้น



    “ไม่ดีเท่าไหร่ มิสซิสคาเรนดูอารมณ์ไม่ดีและฉันก็เรียนไม่เข้าใจด้วยนะ พวกนายดีไหม” โนบาระถาม



    ยูจิไม่ได้สนใจฟังเลยสักนิดเดียว สายตาของเขาตรึงอยู่ที่โต๊ะใหญ่ที่มีคนนั่งเต็มจนแออัดและเสียงดังที่สุดในโรงอาหาร เสียงหัวเราะสดใสนั้น เขาจำมันได้ทันทีว่ามันเป็นของพี่โกโจ ซาโตรุ ยูจิหลับตาลงพร้อมจมดิ่งอยู่ในความฝัน ปล่อยให้อะดรีนาลีนหลั่งไปทั่วร่าง



    ช่างสดใส..



    หัวใจของอิตาโดริ ยูจิกำลังเต้นแรง



    “อิตาโดริ นายได้ยินฉันไหมเนี่ย” โนบาระขึ้นเสียงอย่างเริ่มมีอารมณ์ เธอพูดไปอย่างยาวเหยียดแต่ไม่มีแม้กระทั่งสายตาที่หันมามองเลยสักนิด



    “หมอนี่เป็นแบบนี้ตลอดทั้งวันเลยวันนี้ ถ้าฉันถามแล้วไม่ตอบก็ไม่รู้หรอกนะว่าฉันจะทำอะไรบ้าง ยูจิอาจจะโดนฉันตบหัวเรียกสติทั้งวันเลยก็ได้” โทโดพูดยาวเหยียดเช่นกัน แต่ยูจิไม่ได้ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย เขาหยิบลูกอมจากกระเป๋ากางเกงแล้วแกะห่อโยนมันเข้าปาก กลิ่นสตอเบอร์รี่กระจายฟุ้งเต็มกระพุ้งแก้ม



    ยูจิหยิบเบอร์เกอร์ขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ ก่อนเขาเหลือบสายตาไปมองยังโต๊ะที่โกโจนั่งอีกครั้ง...



    เขาเห็นโกโจกับอิโอริ ยูตะฮิเมะ แฟนสาวของพี่ชายข้างบ้านจูบกันอย่างดูดดื่มท่ามกลางเสียงคนเชียร์มากมาย หนุ่มผมดำสุดฮอตอย่างสุคุรุ เกะโทเองก็นั่งยิ้มกริ่มอย่างอารมณ์ดีพลางหัวเราะร่วมด้วย...



    พวกเขาบดจูบกันอย่างเร่าร้อนเหมือนไม่เห็นว่ามีคนอยู่เต็มโรงอาหาร หัวใจของยูจิเหมือนมีเพลิงอยู่ด้านใน เขามองสองคนนั้นหยอกล้อกัน กัดริมฝีปากที่บวมแดงของหญิงสาวแล้วไล้เลียไปตามริมฝีปาก จุมพิตเล็กๆ บนมุมปากของเธออีกครั้งนึงอย่างเร่าร้อน ยูจิไม่เห็นว่ามันน่าอภิรมย์สักนิด เขาไม่มีอารมณ์กินเบอร์เกอร์อีกต่อไป เด็กหนุ่มขอตัวไปเข้าห้องน้ำทันทีแล้วบอกให้โทโดเพื่อนซี้ของเขาเก็บเบอร์เกอร์ไว้ให้



    เขาลากเอาเท้าอันหนักอึ้งเหมือนหินหลายตันถ่วงไว้มาถึงห้องน้ำ วักน้ำขึ้นล้างหน้าและพยายามทำให้หัวเย็นลง จ้องมองตัวเองในกระจก เห็นดวงตาของตัวเองมีริ้วแดงขึ้นเล็กน้อยแม้ในตอนนี้เขาจะถอดแว่นตาก็ตาม เขาพิจารณาใบหน้าของตัวเองด้วยแววตาเศร้าหมอง ทรงผมตลกนี่มันอะไรกัน จมูกรั้นๆ นี่ดูน่าเกลียดชะมัด ดวงตาก็ไม่เห็นจะมีเสน่ห์ตรงไหนเลย.. เขาไม่มีอะไรที่สามารถสู้ยูตะฮิเมะได้สักอย่าง



    ทำไมนายช่างเป็นคนขี้อิจฉาจังเลยนะ ยูจิถอนหายใจ



    เขาพยายามค้นหาลูกอมในกระเป๋ากางเกงและพยายามแกะห่ออีกครั้ง ห้องน้ำเต็มไปด้วยกลิ่นบุหรี่และที่แย่กว่านั้นคือกลิ่นฉี่สกปรก แต่ยูจิก็ยอมทนอยู่ในห้องน้ำราวสิบห้านาทีเพื่อที่จะได้ไม่ต้องทนเห็นเขาสองคนหยอกล้อหรือจูบดูดดื่มกันอีก ยูจิกำขอบอ่างน้ำแน่น จากไฟอิจฉากลายเป็นน้ำเย็นๆทำให้รู้สึกหน่วงแผ่ไปทั่วร่างกาย



    “เฮ้.. นายมีไฟแช็กไหม..”



    ยูจิโดนสะกิดจากด้านหลัง เด็กหนุ่มหันขวับอย่างโกรธเกรี้ยวเล็กน้อย



    “โทษทีนะ แต่มีไฟแช็กหรือเปล่า..” เสียงทุ้มพร้อมรอยยิ้มเป็นประกายเรียกเขาอีกครั้ง ยูจิสมองว่างเปล่า ตอนนี้เขาคงทำหน้าเหมือนคนโง่อยู่แน่ๆ ใบหน้าของโกโจ ซาโตรุอยู่ไม่ไกลจากเขานัก และมันก็ใกล้เสียจนเห็นดวงตาคู่นั้นชัดเจนอย่างกับความฝัน..



    “มีไฟแช็กไหม” คนตรงหน้าถามย้ำอีกครั้งเมื่อเห็นว่าร่างเล็กยืนนิ่งไป เขาดูไม่หงุดหงิดเลยที่ต้องคุยกับคนที่ไม่ตอบสนองอย่างยูจิ



    “ผมไม่สูบบุหรี่” ยูจิพูดเบาๆ ในลำคอ เขาพยายามอย่างมากไม่ให้แววตาของตัวเองสั่นไหวขณะที่กำลังมองหน้าของโกโจ



    “เหรอ...งั้นไม่เป็นไร ถ้าไม่สูบบุหรี่ควรไปเข้าห้องน้ำตรงหัวมุมทางเดินนะ ตรงนี้มันเป็นที่สำหรับพวกที่ชอบมาสูบบุหรี่กัน คงไม่ดีเท่าไหร่ถ้าเด็กเรียนมาเข้า จะถูกรุมแกล้งได้นะ” โกโจยิ้มอย่างสว่างไสวจนยูจิรู้สึกตาพร่า



    “ครับ..”



    ยูจิรู้สึกใจเต้นแรงจนเลือดขึ้นไปเลี้ยงที่หน้าและหูแทนที่จะเป็นสมอง เขารีบหันหน้าหนีแล้วก้าวเท้าออกมาจากตรงหน้ากระจกเพื่อที่จะได้ออกจากสถานการณ์ในตอนนี้ให้เร็วที่สุด เขาไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าชายหนุ่มต่อ เขารู้ว่าตัวเองต้องทำหน้าอุบาทว์แบบพวกเนิร์ดน่าสมเพชที่ชื่นชอบคนโด่งดังอะไรทำนองนั้น เขารีบห่อไหล่ตัวเองเดินก้มหน้าก้มตาไปยังประตูห้องน้ำ



    “ยูจิ…” ชายหนุ่มเรือนผมสีขาวที่ถือบุหรี่ม้วนหันมาตามเขา ยูจิไม่ได้หันหลังกลับไป



    หัวใจเขาเต้นแรงจนหูอื้อไปหมด



    “ไม่ได้คุยกันนานเลยนะ”



    The moon, and the stars are nothing without you

    Your touch, your skin, where do I begin?



    ไม่ได้คุยกันนานเลยนะ

    ไม่ได้คุยกันนานเลยนะ

    ไม่ได้คุยกันนานเลยนะ

    ไม่ได้คุยกันนานเลยนะ

    ไม่ได้คุยกันนานเลยนะ



    เสียงนุ่มทุ้มของโกโจยังคงดังอยู่ในหัวของเด็กหนุ่มวนไปวนมา ขณะที่ทุกคนกำลังเดินออกจากห้องเรียนหลังจากหมดเวลา ยูจิเดินกัดเบอร์เกอร์ตั้งแต่มื้อเที่ยงที่ให้โทโดเก็บไว้ให้โดยไม่สนว่ามันจะเย็นชืดแค่ไหน เพราะเรื่องภายในหัวของเขาตอนนี้ไม่ได้มีอย่างอื่นเลยนอกจากใบหน้าของพี่ชายข้างบ้านคนนั้น



    “กินเข้าไปได้ยังไงยูจิ เป็นฉันเอาทิ้งแล้วนะ”



    โทโดที่เห็นยูจิกินเบอร์เกอร์นั้นด้วยสีหน้าสดชื่นต่างจากเมื่อตอนเที่ยงอย่างลิบลับ แก้มของเขาขึ้นสีชมพูจางๆ กำลังขยับตามจังหวะการเคี้ยว ยูจิไหวไหล่ใส่เพื่อนซี้ ตอนนี้เขาคิดว่าทุกอย่างบนโลกมันอร่อยถูกปากเสียหมด พวกเขาเดินมาหยุดยืนที่ตู้ล็อกเกอร์เพื่อจะเก็บหนังสือ หลังจากนั้นโทโดตกลงกับเขาไว้ว่าจะพาไปร้านไอศกรีมเปิดใหม่ที่หน้าโรงเรียนด้วยกัน แน่นอนว่ายูจิไม่ปฏิเสธ



    แต่หูกลับได้ยินเสียงฝีเท้าหนักและเสียงพูดคุยจอแจดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ยูจิที่กำลังวุ่นกับการจัดหนังสือในล็อกเกอร์ไม่ได้รู้เลยว่ามีใครเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ด้านหลัง



    “ว่าไง โทโด”



    เสียงทุ้มนั้นคุ้นหูเสียจนมือที่กำลังวุ่นหยุดชะงัก ก่อนยูจิจะหันหลังกลับไปพบกับเจ้าของเสียงที่ยังไม่หายไปจากหัว โกโจยืนเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงพร้อมกับกลุ่มเพื่อนที่ยูจิเห็นเมื่อตอนกลางวันที่โรงอาหาร มีทั้งรุ่นพี่เกะโท และรุ่นพี่ยากะซึ่งอยู่ในชมรมอเมริกันฟุตบอลเช่นเดียวกับโทโด



    “จะกลับบ้านเลยเหรอเนี่ย” เสียงเข้มใหญ่ของยากะเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นรุ่นน้องในชมรมเดียวกัน



    “คงจะกลับเลยน่ะ พอดีผมจะพาเพื่อนไปกินไอศกรีมเย็นนี้ เรื่องซ้อมค่อยข้ามเป็นวันพรุ่งนี้แล้วกันนะ” โทโดที่ยืนอยู่ล็อกเกอร์ข้างๆ กันว่าพร้อมใช้ศอกสะกิดสีข้างของยูจิเบาๆ จนเขาแทบเอียงเพราะความสนใจทุกอย่างตกไปอยู่ที่ใบหน้าหล่อเหลาของโกโจ เขาสังเกตเห็นพี่ชายหันมามองยูจิเล็กน้อย ราวกับมีอะไรบางอย่างจะบอกแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร



    “วันนี้เหรอ” โกโจถาม “พี่ว่าจะมาชวนยูจิกลับบ้านด้วยกัน.. นายมีรถไปส่งยูจิใช่ไหม?”



    “มีครับ” โทโดตอบอย่างมั่นใจ ในขณะที่ยูจินั้นสติได้หลุดออกจากร่างไปนานแล้ว เขาคิดซ้ำไปซ้ำมาว่าตัวเองหูฝาดหรือไม่ พี่โกโจมาชวนเขากลับบ้านด้วยกัน แต่ดูท่าจากการที่อีกฝ่ายเดินเข้ามาหาเลยแบบนี้มันทำให้ยูจิรู้สึกดีอย่างแปลกประหลาด ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าโกโจจะมาชวนเขาเพื่ออะไรก็ตาม แต่เขาคิดว่าไม่ควรปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดมือไป



    “เปล่าสักหน่อย นายนัดวันพรุ่งนี้”



    ยูจิพูดขึ้นมา โทโดถึงกับหันมามองเขาขวับ



    “อะไรของนาย ยูจิ ก็ที่เรานั่งคุยกันในห้อง….”



    “วันนี้ฉันมีเขียนรายงานแล็บด้วย” โทโดที่กำลังจะขัดแต่เขาเห็นสีหน้าเอาจริงเอาจังของยูจิก็ต้องหยุดพูด คิดในใจว่าหรือเมื่อครู่ที่คุยกันเขาจะคิดไปเอง หรือเขานอนหลับในห้องเรียนแล้วฝันว่านัดกับยูจิ ซ้ำยังคิดไม่ออกว่ามีรายงานแล็บที่ต้องทำด้วย โกโจที่ยืนยักคิ้วข้างหนึ่งฟังการสนทนาที่ไม่ลงตัว รวมถึงกลุ่มเพื่อนด้านหลังที่พากันมองหน้ากันและกันไปมา ไม่รู้ว่าพวกเขาต้องยืนมุงที่ล็อกเกอร์ตรงนี้อีกนานแค่ไหน ในเมื่อโกโจยังรอคอยคำตอบจากปากของยูจิอยู่แบบนี้



    “ถ้ารีบกลับ..” สุดท้ายโกโจก็พูดขึ้น รอยยิ้มของเขามีอิทธิพลอย่างมากต่อยูจิ “งั้นวันนี้กลับบ้านกับพี่นะ”



    No words can explain the way I'm missing you

    Deny this emptiness, this hole that I'm inside

    These tears, they tell their own story



    หลังจากเปลี่ยนแผนใหม่ที่สร้างความงง งวยให้แก่โทโดพอสมควร ยูจิได้เปิดกำหนดการนัดร้านไอศกรีมใหม่ในตอนเย็นของวันรุ่งขึ้น และเขาก็แยกย้ายกับโทโดที่หน้าตู้ล็อกเกอร์เพื่อไปหาพี่โกโจ โดยไม่ลืมที่จะโทรไปบอกคุณปู่ด้วยว่าวันนี้เขาจะไม่แวะเข้าไปหา เขารู้ว่าชายหนุ่มมักจะซ้อมกีฬาในช่วงเย็นของทุกวันที่ไม่ใช่วันสุดสัปดาห์ ระหว่างนั้นก็โทรหาเพื่อนในกลุ่มของเขาอีกคน ฟุชิงุโระ เมงุมิ ให้มาทำกิจกรรมด้วยกัน



    กิจกรรมที่ว่านั่นก็คือ ไปนั่งมองหนุ่มๆ ล่ำบึกในชุดกีฬากำลังซ้อมกันอยู่กลางสนามหญ้าปูใหม่สีเขียวสด เมงุมิถูกหนีบมาด้วยอย่างไม่มีเหตุผล พวกเขานั่งกันบนอัศจรรย์ชั้นบนสุดอ่านหนังสือรอและพูดคุยเรื่องเกี่ยวกับการพัฒนาของสิ่งมีชีวิต ซึ่งเมงุมิเก่งชีวะที่เกี่ยวข้องกับสัตว์และสิ่งมีชีวิตมาก เขานั่งอยู่นานจนมองเห็นแสงพระอาทิตย์ยามเย็นและท้องฟ้าสีส้มผ่านเลนส์แว่น ใกล้เวลาที่ทุกคนเริ่มทยอยกันกลับ เขามองอิโอริ ยูตะฮิเมะที่ส่งจูบลาให้กับชายหนุ่มผมสีขาวสว่างอยู่ที่ริมสนามด้านหน้าอัศจรรย์ที่ยูจินั่งอยู่ เธอยิ้มแย้มและสดใสไม่ต่างจากโกโจ เธอโบกมือลาเพื่อนๆ เชียร์ลีดเดอร์สาวสวยที่เหลืออย่างใจกว้าง ยูจิรู้สึกเหมือนหัวใจของเขาห่อเหี่ยวลงทันตา



    พวกเขาช่างเหมาะสมกันดี



    “เรากลับกันดีไหม ยูจิ ฉันอยากกลับบ้านแล้ว”



    เมงุมิที่มองเห็นหลายๆ คนเริ่มทยอยกันเดินออกจากริมสนามก็เขย่าขาเขาเรียกสติที่กำลังเหม่อลอย แต่ยูจิกลับปฏิเสธไป เพื่อนเขาจึงขอตัวกลับบ้านก่อน ในตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนจากสีส้มกลายเป็นสีม่วงและมืดครึ้ม พร้อมกับทุกคนที่หายไปจากสนามทีละคนจนเหลือเพียงแค่เขาคนเดียวที่นั่งอยู่บนอัศจรรย์ สนามเหลือแค่แสงไฟจากสปอตไลต์ ยูจิที่รอนานก็เริ่มเอนหลังพิงและงีบหลับไปโดยไม่รู้ตัว



    Told me not to cry when you were gone

    But the feeling's overwhelming, it's much too strong



    ยูจิพลิกตัวไปมาก่อนจะเด้งตัวลุกขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อได้สติ ตัวของเขามีเสื้อทีมของชมรมฟุตบอลคลุมไว้และมันไหลตกไปกองบนพื้นของอีกขั้นหนึ่งใต้เท้าของเขา คนด้านข้างกำลังนั่งสูบบุหรี่ เปิดเพลงจากโทรศัพท์ของ Sam Smith ใต้ท้องฟ้าในยามรัตติกาลที่มืดสนิทไม่มีแม้แต่พระจันทร์หรือดาวสักดวง อากาศเริ่มเย็นลงจนยูจิเอามือลูบแขนขึ้นลง



    ชายหนุ่มด้านข้างถอดเสื้อเผยกล้ามเนื้อสวย ปากพ่นควันบุหรี่ขึ้นไปลอยในอากาศ ยูจิได้แต่ลูบหน้าลูบตาลวกๆ เขารู้สึกหนักหัวแปลกๆ



    “ตื่นแล้วเหรอ.. ใช้ผ้าเช็ดหน้าสิ หิวน้ำหรือเปล่า”



    โกโจ ซาโตรุยิ้ม มือข้างหนึ่งจับแขนเล็กของเขาไว้ไม่ให้ใช้แขนเสื้อเช็ดขยี้หน้าไปแรงมากกว่านี้ เนื่องจากหน้าของยูจิเริ่มเป็นรอยแดงจากการถูเมื่อครู่และส่งขวดน้ำเย็นฉ่ำให้เขา ก่อนจะหาที่ว่างดับบุหรี่และทิ้งก้นบุหรี่ลงในกระถางทราย ยูจิงัวเงียพิลึก เขาเอาน้ำในขวดเทล้างหน้าก่อนจะปัดผมที่เปียกลู่ขึ้น เขาจำไม่ได้ว่าถอดแว่นตาออกตอนไหนด้วยซ้ำ ก่อนจะกระดกน้ำตามให้ชุ่มฉ่ำคอที่กำลังแห้งผากในตอนนี้



    “โทษที พี่เผลอสูบบุหรี่ต่อหน้าอีกแล้ว ลืมไปเลยว่าไม่ชอบ”



    ยูจิชะงักเล็กน้อยที่อีกฝ่ายยังจำได้ ภาพเหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อนในวันที่ยูจิยังเป็นเด็กชายอายุสิบสองปี เขาพูดเสมอว่าไม่ชอบคนสูบบุหรี่และไม่อยากให้คนตรงหน้าเขาสูบ ยูจิในตอนนั้นทั้งโกรธและน้อยใจพี่ชายข้างบ้านไปหลายวันเพราะเห็นโกโจสูบแค่ครั้งเดียว



    เขาเงียบไปสักพัก พยายามไม่คิดอะไรนอกเหนือจากตอนนี้และพยายามจัดระเบียบสมองที่กำลังมึนงง กะพริบตาหลายทีราวกับเรียกสติ หันซ้ายขวาค้นหาแว่นของตัวเอง แต่ก็หาไม่เจอ



    “แว่นผม พี่เห็นหรือเปล่า?” เขาถามด้วยเสียงงัวเงียเล็กๆ



    “อ่อ..อยู่กับพี่ หันหน้ามาทางนี้สิ”



    ยูจิหันหน้ากลับไปมองตามเสียงเรียก เขาจ้องไปที่ปลายคางยาวได้รูปและปากอิ่มสีระเรื่อที่กำลังยิ้มมุมปาก ดวงตาสีฟ้าคู่นั้นจ้องมาที่หน้าของเขา สมองของยูจิกำลังว่างเปล่าเป็นสีขาว เขาชะงักและตรึงอยู่ตรงนั้นเหมือนนึกอะไรไม่ออก มือใหญ่คู่นั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ขาแว่นตาเกี่ยวเข้าที่ใบหู ภาพทุกอย่างก็ชัดขึ้นเหมือนแตะโลกของความจริง



    ภาพที่ชัดเจนตรงหน้าเขา



    “เห็นหรือยัง?”



    ยูจิไม่ได้ตอบกลับไป เขาพยักหน้ารับและก้มลงไปหยิบเสื้อของชายหนุ่มที่อยู่ใกล้เท้าตัวเองขึ้นมาแล้วยื่นคืนด้วยท่าทางเก้ๆ กังๆ พยายามพูดงึมงำเบาๆ ว่า เสื้อของพี่ผมทำหล่นไปแล้ว



    โกโจลูบผมด้านหน้าของยูจิที่ปรกดวงตาของเขาออก จ้องสักพักและยักไหล่ก่อนจะสวมเสื้อยืดสีขาวบางแล้วสวมเสื้อทีมทับลงไปอีกที ราวกับทำเป็นไม่สนใจ..



    เด็กน้อย



    ช่างน่ารักเสียจริง



    “อะไรเหรอครับ..” ยูจิถามเพราะเห็นอีกฝ่ายยักไหล่แบบนั้น มองร่างสูงสวมเสื้อด้วยท่าทางทะมัดทะแมงก่อนจะหลบตาเล็กน้อยพร้อมแก้มที่ปรากฎริ้วแดงๆ



    “เปล่าหรอก” ตอบแบบนั้นเมื่อจัดเสื้อเสร็จก่อนจะหันกลับมา “โตขึ้นเยอะเลยนะยูจิ เมื่อก่อนยังตัวเล็กๆวิ่งตามพี่อยู่เลย ฮ่ะๆๆ” 



    ตัวยูจิกระตุกเล็กน้อยเมื่อคิดภาพตามที่ร่างสูงพูด หน้าของเขาแดงก่ำอย่างน่าอายที่ในตอนเด็กเขามีความกล้ามากกว่านี้ การจับมือหรือการขี่หลังอีกฝ่ายกลับบ้านด้วยกัน หรือกระทั่งการอาบน้ำในอ่างเดียวกัน ขณะที่เขานั่งบนตักของพี่ชายข้างบ้าน ในตอนนั้นอะไรมันก็ดีไปหมด เขาขบเม้มริมฝีปากเล็กน้อย 



    “กลับกันเลยไหม ค่ำมากแล้ว” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูงขณะที่ยูจิมองตามแผ่นหลังกว้างนั้น ในใจไม่คิดเลยว่าวันนี้มันจะเกิดขึ้นได้ ในขณะที่เขาพยายามเดินหนีตลอดมา พยายามปิดกั้นตนเองจากสิ่งที่สร้างความสุขให้เขาตลอดมา เพราะยูจิรู้ว่าตนเองนั้นไม่คู่ควรเลย เขาไม่คู่ควรกับโกโจแม้แต่น้อย เขารู้อยู่เต็มอกว่าพี่ชายคนนี้เป็นชายแท้ เขามีแฟนสาวที่น่ารัก และเขาก็เป็นคนที่ดี อัธยาศัยดีกับทุกคน ในขณะที่ยูจินั้นไม่ เขาไม่ได้โดดเด่นหรือน่ารักในสายตาของใครๆ ทั้งยังมีความคิดน่าสมเพช อิจฉาแม้กระทั่งแฟนสาวของชายหนุ่มโดยที่เธอยังไม่ได้ทำอะไรผิด



    มือใหญ่ถูกยื่นมาตรงหน้าเด็กหนุ่ม โกโจยืนรอให้เขาจับกับมือนั้นอย่างไม่รีบร้อน ทั้งยังมีรอยยิ้มอันแสนอบอุ่นอยู่ตลอดเวลา ยูจิแทบไม่ลังเลเลยที่จะส่งมือตัวเองไปจับกับมืออุ่นนั้นก่อนจะเด้งตัวลุกขึ้นยืนข้างเขา อีกฝ่ายเก็บของและสะพายกระเป๋าเตรียมที่จะก้าวลงจากอัศจรรย์สูง ในขณะที่ยูจิยังคงยืนอยู่ที่เดิม มองแผ่นหลังของเขาห่างออกไปเรื่อยๆ



    มือของเขาเริ่มสั่น ไม่รู้เพราะอากาศที่เริ่มเย็นลง หรือเพราะความรู้สึกนับล้านที่กำลังเอ่อล้นอยู่ภายในใจตอนนี้ รับรู้ได้ว่าความพยายามหลายปีที่ผ่านมาของยูจิไม่เคยสำเร็จเลย เขาไม่เคยที่จะเลิกรักผู้ชายคนนี้ เขายังคงหลงรักในทุกอย่างที่โกโจ ซาโตรุมี และคงจะตกหลุมนั้นซ้ำๆ จนไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เขาจะปีนป่ายขึ้นมาจากหลุมนั้นได้



    แต่ถ้าเลือกได้ เขาเลือกที่จะอยู่ในหลุมนี้ต่อไป



    “พี่โกโจ”



    ชายหนุ่มหยุดเดินแทบจะทันทีก่อนจะหันกลับมามองด้วยแววตาตกใจเล็กน้อย เขาไม่ได้ยินที่ยูจิจะเรียกเขาแบบนี้มานานมาแล้ว ยูจิยืนอยู่กับที่เมื่อลงมาถึงชั้นล่างสุดของอัศจรรย์ มองไปที่ร่างสูงของพี่ชายข้างบ้านผู้ซึ่งเป็นรักแรกของเขา



    และจะเป็นตลอดไป



    "ว่าไง" โกโจยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่ทำให้ยูจิมีความสุขมากที่สุด ก่อนจะตัดสินใจพูดในสิ่งที่ควรจะทำมานานแล้ว.. ต่อให้มันจะส่งผลอะไรตามมาก็ตาม เขาอาจจะโดนอีกฝ่ายเกลียดหรือถูกต่อว่าและกล่าวหาว่าเป็นพวกรักร่วมเพศ ยูจิก็ยอม



    “ผม…"



    รักพี่นะครับ..





    END

    ________________________

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
yuuriii (@yuuriii)
โอ๊ยน้องงงง