เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
SF | ambrosialzd__gim
Red wine
  • Red wine - รสไวน์แดง

    Theme song; The Weeknd - Call Out My Name



    คำเตือน สุราเป็นเหตุทำให้ขาดสติและความยับยั้งชั่งใจได้ เนื้อหาในเรื่องเป็นสิ่งที่ไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง และการพนันเป็นสิ่งผิดกฎหมาย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะคะ เชิ้ปๆ 



    We found each other

    I helped you out of a broken place

    You gave me comfort

    But falling for you was my mistake



    งานราตรีงั้นเหรอ..



    ...ก็ไม่ใช่



    “จะไม่เอาฉันไปส่งที่บ้านจริงๆ ใช่ไหม?”



    “นั่งเล่นในงานรอฉันทำธุระให้เสร็จ” ชายหนุ่มเจ้าของเสียงทุ้มเข้มเอ่ยห้วนพลางตวัดหางตามองน้องชายฝาแฝดที่รูปลักษณ์ภายนอกไม่ได้แตกต่างอะไรจากเขาเลย นอกเสียจากมวลกล้ามเนื้อของน้องที่มีน้อยกว่าจึงทำให้อีกฝ่ายดูตัวเล็กลงถนัดตายามนั่งข้างกับเขา



    เรียวเมน สุคุนะ ในชุดสูทดำตั้งแต่หัวจรดปลายเท้านั่งกอดอกมองออกไปด้านนอกหน้าต่างรถลีมูซีนคันหรู ข้างกายเขาเป็นชายหนุ่มร่างบางกว่าซึ่งมีหน้าตาเหมือนกับเขาราวกับแม่พิมพ์เดียวกันนั่งกอดอกและหันออกไปมองด้านนอกอีกฝั่ง



    แล้วมาโกรธอะไรตอนนี้เนี่ย



    “นี่..”



    “จะเอาฉันไปนั่งตรงไหนในงานล่ะ” น้องชายฝาแฝดเอ่ยขัดทันทีโดยไม่หันหน้ามามองเขาแม้แต่หางตา ราวกับรู้ว่าเขาคงกำลังจะหาเหตุผลที่ต้องเอาอีกฝ่ายไปนั่งเหงารอเขาเข้าร่วมงานประมูลระดับชาติเสร็จ ถึงจะพากลับบ้านด้วยกัน



    ก็เขาหวงน้องชายยิ่งกว่าอะไรดี



    “ในงานก็มีบาร์ให้นั่งเล่น หรือจะไปนั่งฟังประมูลกับฉันข้างในล่ะ”



    “มาตั้งหลายรอบแล้ว น่าเบื่อจะตาย” คราวนี้ชายหนุ่มผู้เป็นน้องชายหันหน้ากลับมาจ้องเขาตาเขียว อีกฝ่ายมีใบหน้าที่อ่อนกว่าเขาเพราะบนร่างกายที่นวลเนียนและขาวสะอาดไม่ได้มีรอยสักสีดำเด่นชัดเหมือนแฝดคนพี่ ซึ่งบ่งบอกถึงความโชกโชนของประสบการณ์เป็นอย่างมาก “มาประมูลทุกปีไม่เบื่อบ้างหรือไง ของที่ประมูลมาก็ไม่เห็นจะดีสักอย่าง”



    อิตาโดริ ยูจิ ว่าพลางพองแก้มหน่อยๆ อย่างเอาแต่ใจ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาได้มีโอกาสนั่งเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวระดับ Frist Class หรือการต้องแต่งตัวดูดีมาเข้างานสังคมกับพี่ชาย น่าเสียดายนักที่ทุกคนในตระกูลของพวกเขาทั้งฝ่ายพ่อและแม่ต่างเป็นองค์กรที่มีอิทธิพลมากในวงการอสังหาริมทรัพย์ การมีหน้ามีตาในสังคมที่ไม่ได้มีความโปร่งใสสักเท่าไหร่ทำให้ยูจิไม่พอใจเป็นที่สุด แต่คงแตกต่างจากสุคุนะมากโข เพราะคนนั้นเขาชื่นชอบการประมูลและสิ่งผิดกฎหมายอย่างกับอะไร



    เสียงอิดออดของน้องชายฝาแฝดไม่ได้เข้าหูของสุคุนะเลยแม้แต่น้อย ซึ่งแน่นอนว่ายูจิเองก็ไม่ต้องการพูดเซ้าซี้ให้ต้องเคืองใจกันอีก ในเมื่อเขาอยู่กับอีกฝ่ายมาตั้งแต่ลืมตาดูโลก แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาบ่นอย่างแน่นอน



    หลังจากนั้นบอดี้การ์ดซึ่งเป็นคนขับรถก็หันกลับมาชี้แจงว่าเป้าหมายต่อไปของพวกเขาคือโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่ง เมื่อมาถึงด้วยรถลีมูซีนคันหรูก็พบว่าอาณาบริเวณโดยรอบงานและบันไดทางเข้าถูกตกแต่งอย่างหรูหรา ที่นั่นเต็มไปด้วยแขกผู้มีเกียรติจำนวนมากจนหลงนึกว่าอาจเป็นงานการกุศล แต่เมื่อพอพิจารณาดูให้ดีๆ แล้วกลับมีความไม่ชอบมาพากลแฝงเร้นอยู่ในกลุ่มผู้ติดตาม โดยส่วนมากเป็นชายร่างใหญ่กำยำราวกับมาเพื่อรักษาความปลอดภัย และแน่นอนว่าสุคุนะเองก็มีเช่นกัน



    I put you on top, I put you on top

    I claimed you so proud and openly

    And when times were rough, when times were rough

    I made sure I held you close to me



    รสชาติหวานฉ่ำของแอลกอฮอล์สีแดงเลือดถูกกลืนลงภายในลำคอขาวอย่างเชื่องช้า ก่อนมือเรียวจะวางแก้วไวน์แดงลงบนโต๊ะด้วยอาการมึนศีรษะเพียงเล็กน้อย



    ถูกเอามาปล่อยไว้บาร์อีกแล้ว



    “มาถึงก็ดื่มไม่หยุดเลยนะครับ”



    ชายหนุ่มร่างใหญ่ผู้ซึ่งทำหน้าที่เป็นบาร์เทนเดอร์ประจำในงานประมูลในครั้งนี้เอ่ยขึ้นขณะยืนอยู่ด้านในเคาน์เตอร์ที่ถูกตกแต่งด้วยลายหินอ่อนสีน้ำตาลเข้มอย่างหรูหรา ด้วยรูปร่างหน้าตาที่ทรงเสน่ห์นั้นทำให้กลายเป็นที่สนใจของสาวๆ ภายในงานอย่างช่วยไม่ได้ ผมยาวสีดำประบ่าถูกมัดรวบไปด้านหลังและดวงตาเรียวคมที่กำลังคลี่ยิ้มบางให้เขาด้วยความเป็นมิตร ทำให้ยูจิต้องถอนหายใจออกมาด้วยความเบื่อหน่าย



    ก็มางานนี้กี่ปี ก็เจอกันตลอดทุกครั้งไป



    “พูดมากหน่า เกะโท” ยูจิตอบพลางโบกมือไปมากลางอากาศราวกับไม่อยากใส่ใจกับคำพูดของอีกฝ่ายมากนัก เพราะชายคนนี้มากไปด้วยคารมจากคำพูดคำจาที่คล้อยตามได้ง่าย ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ที่เจ้าตัวจะดูเจ้าชู้ขนาดนี้



    “อย่าทำเหมือนคำพูดฉันเป็นแค่ลมปากสิ อิตาโดริ” เกะโทพูดพลางหยิบขวดไวน์แดงรินใส่แก้วที่ว่างเปล่าตรงหน้าชายหนุ่มให้เป็นการบริการในระดับพิเศษขึ้นมาอีก “บางทีครั้งนี้สุคุนะอาจจะได้ของที่ถูกใจเร็ว เขาก็อาจจะพานายกลับเร็วก็ได้...นายมางอแงกับฉันมันก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมาหรอก”



    ก็จริงอย่างที่เกะโทพูด ยูจิคิดในใจ มือขาวกำลังหมุนแก้วให้น้ำไวน์แดงสีสวยภายในเคลื่อนไปมาด้วยอาการเหม่อลอยเล็กน้อย เพราะตอนนี้เขาก็ดื่มเข้าไปเป็นแก้วที่สี่แล้ว แสงไฟสีทองสลัวภายในงานยิ่งทำให้ทุกอย่างดูจะพร่ามัวได้ง่ายมากขึ้น ซึ่งส่วนของบาร์ภายในงานนั้นจะอยู่ด้านหลังสุดของหอประชุมกว้าง ที่มีผู้คนคับคั่งนั่งประจำที่ในแถวเก้าอี้เรียงราย ซึ่งหากมีเศษตังค์ขึ้นมาหน่อยก็จะมีโซฟานั่งสำหรับบุคคลพิเศษที่ได้รับคำเชิญให้มาร่วมงาน อาทิเช่นโต๊ะที่ฝาแฝดของเขานั่งอยู่ในตอนนี้ ยูจิหันกลับไปมองบนเวทีที่มีผู้ดำเนินรายการอยู่ด้านหลังโพเดียม ปรากฏตัวเลขการประมูลราคาเก้าหลักเด่นหราและมีแนวโน้มที่จะมากขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย เขาไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่นัก เพราะงานประมูลเช่นนี้เขาก็เคยมากับคุณพ่อตั้งแต่เด็กกับสุคุนะ ได้เห็นอะไรที่ไม่เคยเห็นมากมายจากงานประมูลที่ผิดกฎหมาย แต่ถูกบังตาด้วยคำว่างานการกุศล



    ต่างเพียงแค่ภายในงานนี้ เหล่าผู้เข้าร่วมประมูลทุกคนต่างสวมหน้ากากแฟนตาซีเข้ามาภายในงานแทบจะทุกคน ราวกับเป็นการราตรีหรืองานหน้ากากยังไงอย่างงั้น บางคนก็นำผ้ามาปิดปากกับจมูกไว้เหลือแค่ดวงตา ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นชาวอาหรับที่มาร่วมงานนี้ด้วยเช่นกัน



    “ฉันว่างานนี้น่าสนใจนะ” เขาว่าพลางหันกลับมา ซึ่งเกะโทที่ยังคงยืนเช็ดแก้วไวน์อยู่ถึงกับเลิกคิ้วและมองไปยังบรรยากาศภายในงาน



    “หมายถึงยังไง หน้ากากสวยๆ พวกนั้นเหรอ?”



    “อือ ใช่” ยูจิพูดพลางหมุนแก้วไวน์แดงในมือเล่นก่อนจะยกยิ้มมุมปาก “ฉันอยากใส่บ้างจัง”



    “ฮ่ะๆ ฐานะดีแบบนายทำไมไม่ซื้อหน้ากากติดเพชรไปเลยล่ะยูจิ” เกะโทที่ดูไม่ได้ใส่ใจมากนักนำแก้วที่ถูกเช็ดจนใสกลับไปเข้าชั้นด้านหลังที่มีแก้วไวน์ขนาดต่างๆเรียงราย ซึ่งจัดวางอยู่ใกล้กับชั้นขวดแอลกอฮอล์ด้านหลังบาร์ดูคลาสสิกไปอีกแบบ



    “ฉันไม่ได้อินกับอะไรแบบนี้สักหน่อย” ยูจิใช้แขนค้ำกับบาร์ด้านหน้าราวกับกำลังใช้ความคิด “สำหรับฉัน..ฉันอยากเป็นคนทั่วไปมากกว่าน่ะ”



    “พูดตรงๆ นะ อกหักมารึไงรอบนี้ นายดูซึมจริงๆ ยูจิ”



    เกะโทเดินกลับมาค้ำที่เคาน์เตอร์จ้องหน้าของชายหนุ่มเรือนผมสีชมพูอ่อนใกล้ๆ พลางขมวดคิ้วอย่างพิจารณา ฝ่ายคนถูกจ้องขยับหน้าถอยห่างเล็กน้อยด้วยความไม่ชิน แต่ก็ยังคงสีหน้าที่หมองเศร้าอย่างปิดบังไม่มิดไว้อยู่ดี



    “ถ้าวันนี้สนุกกับใครสักคน จะกลับมาอารมณ์ดีมั้ย?”



    “เกะโท นี่นายเห็นฉันเป็นคนยังไงเนี่ย” ยูจิถึงกับขมวดคิ้วแน่น และก็ต้องฟาดเข้าไปที่ท่อนแขนหนาของบาร์เทนเดอร์หนุ่มเมื่อได้ยินประโยคถัดมา



    “เป็นคนที่..ถ้าได้มีเซ็กส์แล้วจะอารมณ์ดีน่ะสิ”



    “ตรงเกินไปแล้ว!”



    มือเล็กเริ่มไล่หยิกเนื้อแขนของคนที่เอาแต่หัวเราะร่าเมื่อถูกแซวจนหน้าแดงก่ำ ซ้ำยังหาเหตุผลมาเถียงก็ไม่ได้ เพราะมันเป็นความจริง



    เมื่อหัวเราะจนมากพอแล้ว เกะโทที่ยังไม่ได้เห็นรอยยิ้มจากใบหน้าเล็ก เขาก็ยังคงไม่ยอมแพ้ กวาดสายตาเรียวคมไปทั่วทั้งงาน จนกระทั่งไปหยุดอยู่ที่โต๊ะวีไอพีโต๊ะหนึ่ง



    “เห็นนั่นมั้ย?” พร้อมกับตบบ่าของชายหนุ่มที่นั่งด้านนอกบาร์ให้หันไปมองตามนิ้วที่ชี้ไป



    ยูจิเลิกคิ้วเมื่อเห็นเป้าหมายที่เพื่อนชี้ไป เป็นโต๊ะของมหาเศรษฐีชาวยุโรปคนหนึ่ง เขามีผิวที่ขาวอมชมพูและเรือนผมสีทองสว่าง นัยน์ตาฟ้านั้นเด่นชัดยามเมื่อถูกครอบด้วยหน้ากากลายลูกไม้สีดำ เพียงเท่านั้น ยูจิก็หันกลับมาพร้อมกับริมฝีปากอิ่มที่เบะออก



    เขาไม่ชอบแนวนั้น



    เกะโทย่นคิ้ว “แต่เขาหล่อมากเลยนะในสายตาฉัน”



    “นายไม่เอาแทนล่ะ”



    “ฉันไม่ถนัดไม้ป่าเดียวกัน” เกะโทไหวไหล่ คงจะหมดหนทางแล้วที่จะทำให้คนตรงหน้าเลิกซึมกับการถูกพาตัวมางานประมูลอันแสนน่าเบื่อแบบนี้ ถ้ายังเป็นแบบนี้อีกต่อไป ไวน์แดงทั้งชั้นของเขาคงต้องหมดลงอย่างรวดเร็วแน่นอน เพราะอิตาโดริเป็นคนที่โปรดปรานไวน์แดงยิ่งกว่าอะไรในโลกนี้ในหมวดแอลกอฮอล์



    เขายืนคิดพลางมองยูจิที่ยกแก้วไวน์ขึ้นจิบอีกครั้ง ก่อนที่หางตาจะเห็นลูกค้าอีกคนหนึ่งเดินเข้ามายืนอยู่เก้าอี้ห่างจากยูจิไปไม่กี่ตัว ด้วยความที่เป็นบาร์เทนเดอร์เพียงคนเดียวจึงต้องหันไปให้ความสนใจเพื่อรับออเดอร์จากลูกค้า



    “รับอะไรดีครับ..”



    “ไวน์แดงแล้วกันครับ”



    เสียงทุ้มที่เอ่ยรายการไปทำให้ยูจิซึ่งนั่งอยู่ไม่ห่างชะงักเล็กน้อย เขาเงยหน้าขึ้นจากผิวโต๊ะหินอ่อนสวย ขึ้นมองแก้วไวน์เบื้องหน้าตัวเอง ก่อนจะมองไปที่ด้านหลังบาร์ ซึ่งปรากฏร่างของเกะโทที่ยืนอยู่ แต่สิ่งที่แปลกไปคือสีหน้าของเจ้าตัวบาร์เทนเดอร์ที่ใช้สายตาบอกให้เขาหันไปมองทางด้านข้างตัวเอง



    อะไรวะ



    ยูจิหันไปมองเล็กน้อยโดยไม่ทันคิดอะไร ก่อนที่ดวงตาจะเบิกค้างทันทีที่นัยน์ตาของเขานั้นสะท้อนภาพของชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ในชุดสูทสีน้ำเงินปลดกระดุมเผยแผงอกแกร่ง กลุ่มผมสีขาวสว่างเงางามและผ้าผืนบางสีดำที่ปิดส่วนดวงตาอยู่ ทำให้ส่วนที่เด่นที่สุดก็คงจะเป็นสันจมูกโด่งที่รับกับแนวสันกรามชัด ไล่จากลำคอแกร่งลงมาถึงอกกว้าง เป็นเพียงไม่กี่วินาทีที่ทำเอาอิตาโดริราวกับถูกจุดไฟที่กำลังแผดเผาอยู่ในลำคอ มือขาวเผลอกระตุกจับแก้วไวน์แดงอีกครั้งขณะที่สายตายังคงตราตรึงที่ชายหนุ่มข้างๆ ราวกับมันเป็นปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นเองโดยที่ตัวเขาไม่สามารถบังคับได้เมื่อเจอเข้ากับสิ่งที่ถูกใจ



    ซ้ำเกะโทยังเปิดขวดไวน์แดงที่เคยรินให้เขา รินให้กับชายคนนั้นที่ขอรายการเดียวกันอีกต่างหาก



    So call out my name

    Call out my name when I kiss you so gently



    “ขอบคุณ..”



    เขาตอบเมื่อแก้วไวน์บรรจุเครื่องดื่มสีสวยถูกตั้งอยู่เบื้องหน้าโดยชายหนุ่มเจ้าของรอยยิ้มตาหยี หลังจากนั้นบาร์เทนเดอร์หนุ่มก็ทำท่าทีเหมือนจัดของบนเคาน์เตอร์สักพักหนึ่งก่อนจะเดินหายเข้าไปด้านหลังบาร์ทันที



    ที่เคาน์เตอร์จึงเหลือลูกค้าอยู่กันเพียงลำพัง



    เขาก้มลงมองดูแก้วที่ส่งกลิ่นหอมแตะจมูกแล้วก็นึกได้ว่ายังไม่ได้ลองชิมไวน์แดงชั้นดีนี้เลย เขายกแก้วมาจรดที่ริมฝีปาก ค่อยๆ ให้ของเหลวไหลเข้าปากแบบช้าๆ และเข้ามาในปริมาณที่พอดี ไม่มากเกินไป ก่อนจะวางแก้วลงแล้วค่อยๆ กลืนของเหลวที่ร้อนผ่าวลงคอ ความขมพุ่งขึ้นครั้งแรกที่สัมผัสลิ้น เมื่อลงไปที่คอแล้วยังหลงเหลือของเหลวเพียงนิดหน่อยที่ยังคลุ้งอยู่ในปาก มันถูกปรับรสให้ออกความหวานเล็กน้อย เขาหลุดยิ้มออกมานิดหน่อย เรียกได้ว่าแอลกอฮอล์ในงานประมูลของเหล่าคนใหญ่คนโตไม่เคยทำงานเขาผิดหวังเลยจริงๆ



    “ชอบดื่มไวน์แดงเหรอครับ”



    น้ำเสียงนุ่มอ่อนนั้นเรียกสายตาภายใต้ผ้าปิดตาสีดำบางให้หันไปสบมองตามสัญชาตญาณ จนกระทั่งบรรจบเข้ากับชายร่างเล็กกว่าซึ่งนั่งอยู่ไม่ห่างกันมากนัก ตรงหน้าของชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีชมพูตัดสั้นก็มีแก้วไวน์แดงเหมือนกับเขา ยิ่งทำให้คำถามที่มีเริ่มก่อตัวขึ้นมา..



    “ครับ” ก่อนเขาจะส่งยิ้มให้ “คุณก็ชอบเหรอ?”



    “ไม่เคยเบื่อเลยล่ะครับ” แขนเรียวภายในเสื้อสูทสีเข้มนั้นถูกค้ำลงบนเคาน์เตอร์แล้วมองมายังแก้วในมือที่เขาถืออย่างสนอกสนใจ “เมื่อกี้บาร์เทนเดอร์ใส่อะไรลงไปในแก้วให้คุณด้วย รสชาติมันเป็นยังไงเหรอครับ?”



    เขาเริ่มใช้ความคิดตามที่ได้ยินมาอย่างรวดเร็ว จริงอยู่ที่เขาสั่งไปนั้น บาร์เทนเดอร์หนุ่มรับทราบ แต่สไตล์ของบาร์ในงานใหญ่แบบนี้ บาร์เทนเดอร์จะต้องมีฝีมือและเลือกนำเสนอเครื่องดื่มที่เหมาะแกลูกค้าท่านนั้นโดยการสังเกตจากภายนอก นั้นหมายความว่าบาร์เทนเดอร์ที่ได้มาทำงานใหญ่ๆ แบบนี้จะต้องมีฝีมือและประสบการณ์มากอย่างแน่นอน



    ถึงว่าล่ะ รสชาติมันถึงไม่น่าผิดหวัง



    “หอมดีครับ” เขาตอบพลางวางแก้วบนบาร์ แล้วมองตอบสายตาที่ชายตรงหน้าจ้องมา “มีความหวานเล็กน้อยด้วย”



    “แล้วชอบที่มันหวาน หรือมันหอมเหรอครับ ในแก้วนั่นน่ะ”



    “ชอบที่มันมีทั้งสองอย่างในเวลาเดียวกัน”



    “ขอลองดมใกล้ๆ หน่อยได้มั้ยครับ” บอดี้การ์ดหนุ่มเลิกคิ้วเล็กน้อยภายใต้ผ้าสีดำที่จู่ๆ ก็มีคนแปลกหน้ามาขอดมไวน์ที่แก้วของเขา แต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธคำขอ มือใหญ่กำลังจะยื่นแก้วส่งให้ชายคนตรงหน้ารับไป แต่กลายเป็นว่าร่างเล็กกว่านั้นถึงขั้นลุกขึ้นจากเก้าอี้ของตัวเองแล้วก้าวเท้าเข้ามายืนอยู่ชิดแขนเขา ก่อนมือขาวจะจับที่มือของเขาแล้วโน้มตัวลงมายังแก้วไวน์ที่ถืออยู่ ไม่ได้ใกล้ถึงขนาดปลายจมูกชนขอบแก้ว แต่ใกล้พอที่คนอยากรู้จะได้กลิ่นของเหลวภายในแก้วอย่างชัดเจน รวมถึงใกล้พอที่เขาจะได้กลิ่นหอมของไม้กฤษณาเคลือบน้ำผึ้งจากตัวอีกคนเต็มจมูก กลิ่นของความยั่วยวนนั่นทำเขาชะงักนิ่งไป ยิ่งอยู่ใกล้นานเท่าไหร่เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าพื้นที่โดยรอบมันอบอวลไปด้วยความอยากที่จะเข้าใกล้เจ้าของกลิ่นนั้นมากขึ้นเท่านั้น เสี้ยววินาทีที่คนก้มลงไปเงยหน้าขึ้นมา เขาเห็นสายตาบางอย่างที่อีกคนส่งให้กับเขา เขาหลุดยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้



    “หอมจริงๆ ด้วย”



    “ใช่ หอมมาก” แน่นอนว่าคำตอบนั้นไม่ได้หมายถึงแอลกอฮอล์ในแก้วอีกต่อไป



    “อ้าว ไม่มีเพื่อนนั่งเหรอ ยูจิ” เสียงทักทายจากบาร์เทนเดอร์คนเดิมที่เพิ่งจะเดินออกมาจากหลังบาร์ทำให้ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ ร่างเล็กตรงหน้าเขากระตุกเล็กน้อยก่อนจะหันไปตามเสียง นั้นทำให้เขาได้รู้ชื่อของอีกฝ่ายอย่างช่วยไม่ได้



    ยูจิ..



    “ก็นายหายไปข้างในตั้งนานสองนาน” มือเล็กที่จับมือของเขาอยู่ปล่อยออก ก่อนร่างเล็กจะหันหน้าไปโฟกัสกับชายหนุ่มหลังบาร์แทน ส่วนตัวเขาเองก็ยังคงนั่งหมุนไวน์ในแก้วเล่น พลางหันไปมองนายที่นั่งอยู่โซนโต๊ะวีไอพีด้านหลัง



    อย่างที่รู้ เขาเป็นบอดี้การ์ดมือหนึ่งที่ทำงานให้องค์กรใหญ่ซึ่งลอยตัวอยู่เหนืออำนาจรัฐ การที่เขามาร่วมงานประมูลครั้งนี้ด้วยก็เพราะหน้าที่และการดูแลเฝ้าระวังอยู่ห่างๆ แต่ความสนใจของเขาก็ถูกปรับเปลี่ยนโดยชายหนุ่มข้างกายที่ยังคงไม่ย้ายกลับไปนั่งที่เดิม ซ้ำยังมานั่งอยู่ข้างเขาอีก กลิ่นไม้กฤษณานั้นยังคงติดอยู่ที่ปลายจมูกไม่ไปไหน เขาไม่แน่ใจว่ามาจากชายตรงหน้าหรือไม่ และความคิดต่อมา มันเริ่มทำให้เขาอยากพิสูจน์ความจริง


    สายตาของบอดี้การ์ดหนุ่มจดจ่ออยู่ที่ชายเจ้าของใบหน้าน่ารักจิ้มลิ้มตรงหน้า เขาอยู่ในชุดสูทกำมะหยีสีเลือดหมูตัดกับสีผมอ่อนตัดสั้นอันเดอร์คัส เผยลำคอขาวบางสู่สายตา ไหนจะจิวสีเงินที่อีกฝ่ายใส่อยู่ตอนนี้ช่วยขับให้ดูเร่าร้อนแม้จะยังอยู่ภายใต้อาภรณ์ที่สวมใส่อยู่ก็ตาม



    โกโจ ซาโตรุ จินตนาการไปไกลเกินกว่าที่จะชักกลับ เขาหันกลับมายังเคาน์เตอร์บาร์เช่นเดิม ราวกับต้องการควบคุมอารมณ์ที่ถูกเล่นงานโดยเจ้าของกลิ่นไม้กฤษณาเคลือบน้ำผึ้งโดยไม่รู้ตัว ว่ามันเกิดจากความจงใจ



    I want you to stay

    I want you to stay even though you don’ t want me



    “คุณมากับใครเหรอครับ?”



    ยูจิถามร่างสูงข้างกายด้วยความสนใจเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้พูดอะไรต่อ เกะโทเองก็ไม่ได้ว่าอะไรเช่นกัน เพราะเขารู้ดีว่าโอกาสทองใช่ว่าจะเกิดขึ้นมาได้ง่ายๆ อีกทั้งเขาอยากเห็นการจับหนุ่มของนักล่าอย่างอิตาโดริ ยูจิเป็นขวัญตาสักหน่อย



    ก็ถือว่าทำได้ดีเลย



    คนถูกถามยกยิ้มเล็กน้อย



    “มาคนเดียวน่ะครับ”



    คำตอบนั้นทำเอายูจิประหลาดใจไม่น้อย งานประมูลระดับชาติแบบนี้มีหรือที่จะมาคนเดียวได้ มันไม่ใช่การไปดูหนังหรือทานดินเนอร์กับคนรักสักหน่อย แม้แต่ตัวเขาเองตอนนี้ก็ยังคอยมีบอดี้การ์ดส่วนตัวสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ จากโต๊ะของสุคุนะเลย แล้วเรื่องอะไรที่ชายตรงหน้าเขาจะมางานแบบนี้คนเดียวได้ ทั้งที่ไม่ได้เข้าไปนั่งฟังการด้วยซ้ำ




    หรือ...เขามีหน้าที่คุ้มกัน



    “แล้วทำไมคุณไม่เข้าไปร่วมประมูลล่ะ” ยูจิยังคงถาม เขาพอจะรู้เหตุผลแล้วว่าทำไมอีกฝ่ายถึงตอบแบบนั้น การที่จะเปิดเผยตัวว่าเป็นบอดี้การ์ดมันก็เหมือนแกว่งเท้าหาเสี้ยนชัดๆ แต่ยูจิไม่เลือกที่จะต่อล้อต่อเถียงให้เสียบรรยากาศหรอก



    “ในโต๊ะที่นั่งคนเยอะครับ ผมไม่ค่อยชอบพูดคุยเท่าไหร่”



    ผิดคาดแฮะ



    “เห็นคุณมางานแบบนี้ ก็นึกว่าจะเป็นคนชอบเจรจาซะอีก” คุณหนูของตระกูลเรียวเมนเอ่ยออกไปตามตรงพลางเอียงคอเล็กน้อย โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่ามันน่ารักในสายตาคนมองมากแค่ไหน



    จนกระทั่งลมหายใจอุ่นของร่างสูงตรงหน้าปะทะที่ข้างแก้มโดยไม่ทันตั้งตัว



    “เฉพาะกับคนที่ผมสนใจน่ะครับ”



    รุกฆาต



    กลิ่นไม้กฤษณานั่นลอยเข้าแตะจมูกจนเขาแทบอดใจไม่ไหว ในระยะใกล้แบบนี้ไม่มีทางที่ประสาทรับรู้พิเศษของเขาจะผิดพลาดได้ ส่วนคนที่ถูกกระซิบข้างหูถึงกับชะงักนิ่งไป



    ก็ชัดเจนดี..



    “..ผมก็เหมือนกัน”



    เสียงอ่อนที่เริ่มแหบพร่าตอบกลับข้างหูเช่นกัน เขาแค้นหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะผละตัวออกจากร่างเล็กตรงหน้า ก่อนจะพบกับสายตาที่อีกคนส่งให้เขาตอนนี้อย่างไม่ปิดบัง เขาจะทำเป็นไม่สนใจสายตาออดอ้อนที่อีกฝ่ายส่งมาก็ได้ แต่อาจจะเป็นเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์เพียงคำเดียวที่ยังร้อนอยู่ในลำคอ หรือเพราะกลิ่นหอมจากตัวอีกคนที่ยังติดอยู่ในหัว ทำให้เขายิ่งอยากที่จะค้นหาตัวอีกคนมากขึ้นไปอีก



    มากขึ้นไปอีก..



    จนไม่สามารถยับยั้งจินตนาการในตอนนี้ได้เลย



    Won’ t you call out my name?

    Girl, call out my name, and I’ ll be on my way and



    ดีที่งานประมูลนี้จัดขึ้นที่โรงแรมหรู มันจึงไม่ลำบากนักที่พวกเขาจะหาสถานที่อำนวยความสะดวกในการระบายแรงอารมณ์ในตอนนี้


    ยูจิจำได้เพียงแค่เขาได้เดินตามแผ่นหลังของชายหนุ่มที่มีผ้าสีดำผืนบางปกปิดดวงตา เขาจัดการเรื่องห้องพักภายในโรงแรมด้วยความรวดเร็วโดยที่ยูจิไม่ได้เอ่ยปากอะไรสักคำ และทันทีที่ประตูห้องพักของโรงแรมถูกปิดลง ไฟภายในห้องถูกเปิดสว่างด้วยระบบสแกนคนอัตโนมัติ พร้อมร่างของยูจิถูกดันใส่กำแพงข้างประตูด้วยแรงอันมหาศาลและตามด้วยใบหน้าคมคายที่โน้มลงมาซุกไซร้ซอกคอขาวราวกับไม่อาจยับยั้งแรงอารมณ์ที่ถูกยั่วยุได้อีกต่อไป



    มือใหญ่เริ่มปลดเปลื้องเสื้อสูทตัวนอกของร่างบางออกอย่างรวดเร็วขณะที่ริมฝีปากยังไม่ละออกจากลำคอขาว เขาปาเสื้อสูทไปด้านหลังอย่างไม่ไยดีถึงมูลค่าของมัน เหลือเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวบางที่ยับยู้ซ่อนเร้นจากการกอดรัดของชายหนุ่มร่างสูงกว่า มือหยาบเริ่มรุกล้ำเข้ามาภายในเสื้อเชิ้ตตัวบาง ลูบไล้เอวคอดเล็กมาจนถึงหน้าท้องสวย ยูจิเงยหน้ารับสัมผัสพลางกัดริมฝีปากล่างอย่างห้ามไม่ได้ ยามเมื่อนิ้วมือสากค่อยๆ เลื่อนขึ้นมาสะกิดที่ยอดอกสีหวาน ร่างทั้งร่างก็สั่นสะท้านจนแทบจะยกมือขึ้นมาป้องปากกลั้นเสียงน่าอายแทบไม่ทัน



    “อ๊ะ..! คุณ..”



    เสื้อเชิ้ตถูกปลดออกจนติดกระดุมอยู่เพียงเม็ดเดียว เผยให้เห็นไหล่เนียนจนถึงแผงอกบางที่กระเพื่อมขึ้นลงด้วยแรงอารมณ์ ลำคอขาวมีรอยรักสีสดปรากฏอยู่เป็นจุดๆ มือเล็กวางอยู่บนอกแกร่งพลางหอบหายใจแรงด้วยใบหน้าขึ้นสีจัด มันรวดเร็วจนยูจิตามไม่ทันแล้ว ยังดีที่อีกฝ่ายหยุดให้เขาพอพักหายใจบ้าง ไม่อย่างนั้นเขาคงต้องตายคาประตูนี้ก่อนจะไปถึงเตียงแน่



    ร่างบางช้อนตาขึ้นมองใบหน้าร้อนของชายหนุ่มตรงหน้า สังเกตได้ว่าอีกคนเองก็พยายามควบคุมตัวเองไม่ให้กินเขาทันทีเหมือนกัน ลมหายใจแรงของอีกฝ่ายพาให้ใจของยูจิเต้นแรง แววตาที่ถูกซ่อนเร้นด้วยผ้าผืนบางนั้นทำให้เขาเกิดความสงสัยใคร่รู้ ตามด้วยมืออันแสนซุกซนของเขาที่ยกขึ้นมาจับที่ผ้าผืนบางนั้นก่อนจะดึงมันขึ้นจนหลุดจากศีรษะของอีกคน และภาพตรงหน้าแทบทำยูจิลืมหายใจ



    ยามเมื่อกลุ่มผมสีขาวเงางามตกลงมาปรกหน้าผากของบอดี้การ์ดหนุ่ม ตามด้วยดวงตากลมโตและขนตาหนาเป็นแพสีขาวเช่นเดียวกับสีผม เขารู้สึกเหมือนร่างกายถูกสูบเรี่ยวแรงไปจนหมดเมื่อคนตรงหน้าลืมตาขึ้นและสบตาเขาในระยะประชิด ดวงตาสีฟ้าประกายงดงามราวกับอัญมณีใต้ท้องทะเลหรี่ลงเล็กน้อยเมื่อยื่นหน้าเข้ามาคลอเคลียกับร่างบางที่ปลายจมูก โดยไม่ต้องพูดอะไร ยูจิรั้งท้ายทอยแกร่งของอีกคนลงมาประกอบจูบอย่างรวดเร็ว มันยิ่งทำให้คนที่พยายามยับยั้งอารมณ์นั้นกลับมาปะทุอีกครั้ง



    รสจูบร้อนแรงผสมแทรกความกระหายเต็มเปี่ยมจนคนเริ่มก่อนในตอนนี้ร่างกายแนบชิดไปกับกำแพงห้องไม่สามารถทรงตัวดีๆ ได้อีกต่อไป มือเรียวเอื้อมรั้งไหล่หนาเอาไว้ขณะที่ลิ้นร้อนรุกไล่สร้างความวาบหวาม ริมฝีปากอิ่มที่ตอนนี้ขึ้นสีแดงก่ำจำต้องเผยรับความดื้อดึงนั้นจนเกือบหายใจไม่ทัน



    “อึก..อะ..” ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นสีระเรื่อ ชัดเจนเสียจนคนถูกรุกก่อนต้องลอบประคองเอวบางอย่างรู้ทัน



    “กอดผมสิครับ...ถ้ายืนไม่ไหว”



    ยูจิในตอนนี้ราวกับเด็กน้อยที่ไม่รู้ประสีประสาอะไร โดยเฉพาะยามที่เผลอไผลเอื้อมมือขึ้นไปโอบลำคอตามที่อีกฝ่ายบอกอย่างว่าง่าย เรียวนิ้วยังสอดแทรกผ่านท้ายทอยขึ้นไปไล้โคนผมหนาอย่างไม่อาจห้ามได้



    ปฏิกิริยานั้นเรียกรอยยิ้มมุมปากจากร่างสูงได้ไม่ยากเย็น รู้ตัวอีกที แผ่นหลังบางของคุณหนูตระกูลเรียวเมนก็สัมผัสกับผิวเตียงอย่างแผ่วเบา เสื้อผ้าทุกชิ้นที่กระจัดกระจายบ่งบอกถึงความอดทนที่ได้สิ้นสุดลงแล้วโดยสมบูรณ์ ภาพที่บอดี้การ์ดหนุ่มได้คิดไม่ดีกับอีกคนตอนนั่งอยู่ที่บาร์กลายเป็นเรื่องจริงทั้งหมด ยูจิเองที่เป็นคนรุกก่อนในตอนนี้เพียงแค่สบตากับเจ้าของดวงตาฟ้าทรงเสน่ห์นั้น เขาก็ทำได้เพียงนอนตัวอ่อนปล่อยให้คนบนร่างทำตามใจอยาก ในจังหวะที่ใกล้จะถึงจุดสูงสุดของความใคร่นั้น มือของคนใต้ร่างเอื้อมขึ้นมาจิกลงบนแผ่นหลังกว้างของบอดี้การ์ดหนุ่มโดยไม่ได้ตั้งใจ ส่งเสียงหวานที่เขาชอบมันเหลือเกิน เขาเองก้มลงไปฝังจมูกลงกับผิวเนียนนุ่มราวกับขนมหวานนั้น ก่อนจะสูดดมกลิ่นหอมของน้ำผึ้งจากคนใต้ร่างให้ได้มากที่สุด



    ช่างเป็นคืนที่หอมหวานจริงๆ ..



    You’ re on top, I put you on top

    I claimed you so proud and openly, babe



    “นายหายไปไหนมา โกโจ” เสียงดุดันมีอำนาจเอ่ยถามบอดี้การ์ดหนุ่มข้างกาย ในตอนนี้งานประมูลได้จบลงแล้ว แขกผู้มีเกียรติเริ่มทยอยกลับกันหมด รวมถึงเหล่าผู้คุ้มกันทั้งหลายด้วยเช่นกัน



    "แค่ออกไปเดินเล่นข้างนอกงานนิดหน่อยน่ะครับท่าน"



    ซาโตรุที่มาทันงานประมูลจบพอดีโดยไม่ทันสังเกตว่าตนเองได้ลืมเอาผ้าปิดตาสีดำลงมาด้วย เขานึกออกเมื่อเห็นว่าทุกคนในงานต่างพากันสวมหน้ากากกันหมด คาดว่ามันน่าจะวางอยู่ที่หัวเตียง ไม่ก็ที่หน้าประตูห้องโดยที่เขาไม่ทันได้สังเกตตอนเดินออกมาจากห้องพักวีไอพีของโรงแรมก็เป็นได้



    ในตอนนี้ คนที่ชอบดื่มไวน์แดงอีกคนคงจะยังนอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียงไซส์คิงบนโรงแรมหรู แต่ก่อนจะเดินออกมา เขาได้จัดการทุกอย่างให้หมดแล้วกระทั่งการห่มผ้าให้อีกคนที่หลังจากเสร็จกิจก็งอแงอยากจะนอนพักอย่างเดียว เขาที่มีหน้าที่ต่อจึงได้โอกาสปริตัวออกมาได้



    “อ้าว..” ซาโตรุหันไปมองยังบาร์ที่บาร์เทนเดอร์หนุ่มยังคงทำงานอยู่ เกะโทส่งยิ้มมาให้พร้อมกับคำถามที่รู้กันดี “สนุกกันไหมครับ”



    ซาโตรุยิ้มกลับไป



    “ถ้าเขาตื่นแล้ว ช่วยบอกเขาว่าติดต่อผมกลับด้วยนะครับ”



    เพียงเท่านั้น เกะโทก็ทำหน้าถึงบางอ้อโดยทันที เขาพยักหน้ารับทราบถึงการฝากวาน แต่คงไม่ต้องบอกโดยตรงเขาก็รู้ว่าอย่างอิตาโดริ ยูจิ ต้องหาทางที่จะติดต่ออีกฝ่ายกลับไปอยู่แล้ว อีกอย่างเมื่อไม่นานนี้พี่ชายฝาแฝดก็เพิ่งจะมาถามถึงน้องชายตัวเองกับเขา ไม่ได้รู้เลยว่ายัยแมวตัวแสบไปเล่นสนุกที่ไหนบ้าง



    ก่อนที่บอดี้การ์ดหนุ่มจะเดินล้วงกระเป๋ากางเกงออกจากโรงแรมไป เกะโทได้แต่มองตามแผ่นหลังนั้นจนลับสายตา เป็นลูกค้าที่เขามองแว๊บแรกก็รู้แล้วว่าเร้าใจ และน่าจะถูกใจยูจิพอสมควร



    เซนส์ของเขานี่แม่นมากจริงๆ เลิกเป็นบาร์เทนเดอร์แล้วไปเป็นหมอดูดีไหมนะ




    END

    ______________________________

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in