เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
SF | ambrosialzd__gim
Rose tea
  • Rose tea - รสชากุหลาบ



    เมื่อตอน “โกโจ ซาโตรุ” อายุ 15 ปี เขารู้ตัวว่าตัวเองมีรสนิยมทางเพศที่แตกต่างจากคนทั่วไป หลังจากที่เขาได้เผลอไปจูบกับเพื่อนสนิทซึ่งเป็นผู้ชายเหมือนกัน พวกเขาทั้งคู่ไม่ได้แสดงออกต่อที่สาธารณะว่ามีความรู้สึกที่ลึกซึ้งมากกว่าเพื่อนเพราะในช่วงเวลานั้น การรักร่วมเพศถือเป็นเรื่องผิดแปลกและผิดธรรมชาติ แต่พวกเขาก็มักจะแอบไปพลอดรักกันในที่ลับตาคนเสมอเมื่อแรงอารมณ์ถูกปลุกขึ้น



    แต่แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ไม่มีทางที่จะมีเส้นทางที่สวยหรู พวกเขาถูกเพื่อนในห้องเห็นขณะที่กำลังจูบกันอยู่ในห้องเก็บของหลังโรงยิม ทันใดนั้นคนรักจอมปลอมของเขาก็เปลี่ยนพรรคพวกและกล่าวหาว่าเขาเป็นคนชักจูงตนให้ก้าวเดินไปในเส้นทางของคนรักร่วมเพศ ซาโตรุถูกกลุ่มวัยรุ่นชายซึ่งเคยเป็นเพื่อนกันทำร้ายร่างกายโดยการใช้กำลังและรุมกลั่นแกล้งอยู่ทุกวัน ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็มักจะถูกมองด้วยสายตาขยะแขยงและรอยยิ้มแสยะสมเพช เขากลายเป็นคนไม่มีเพื่อนเลยตั้งแต่นั้นมา และเขาก็ไม่คิดที่จะขวนขวายหามิตรภาพจอมปลอมเหล่านั้นอีกต่อไปแล้ว



    ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีขาวสว่างไถ่สเกตบอร์ดคู่ใจไปตามทางเท้าที่มีผู้คนขวักไขว่ไปมา ถึงแม้ว่าตอนนี้ใกล้จะเลยเวลาทานมื้อเย็นแล้วก็ตาม แต่เมืองเล็กๆ อย่างลอสแอนเจลิสในรัฐแคลิฟอร์เนียเวลานี้อากาศดีกว่าที่คิด ฟุตบาทริมข้างทางถูกตกแต่งประดับประดาด้วยร้านค้าต่างๆ ที่เปิดไฟกันตลอดทั้งเส้นทางจนสุดลูกหูลูกตา สายลมอ่อนโชยพัดผ่านตัวของชายหนุ่มอย่างแผ่วเบาพาให้เขาอดรู้สึกผ่อนคลายเสียไม่ได้ แว่นตาดำที่เขาใส่สะท้อนภาพของแสงไฟในยามค่ำคืนในตอนที่เขาเงยหน้าขึ้นรับกับลมที่ตีเข้ามาจนผมด้านหน้าเปิดหน้าผากขึ้น



    เขายืนนิ่งปล่อยให้สเกตบอร์ดไถลยาวไปจนถึงหน้าร้านขายฮอตดอกเจ้าประจำที่มักจะแวะซื้อแทบทุกวันหลังจากกลับจากลานเล่นสเกตริมหาด ซาโตรุหยุดสเกตบอร์ดที่เหยียบอยู่ทันยืนหน้าร้านอย่างพอดิบพอดี มือใหญ่ยกขึ้นปัดผมที่ยาวปรกดวงตาเล็กน้อยก่อนจะทำการสั่งฮอตดอกสักอันหนึ่งกินไประหว่างไถ่สเกตกลับถึงบ้าน



    ในวันนี้ชายหนุ่มอายุ 20 ปีแล้ว ช่วงเวลา 5 ปีที่ผ่านมาได้ให้อะไรมากมายแก่เขา ทั้งสมรรถภาพทางร่างกายที่เห็นได้ชัดว่าในตอนนี้ โกโจ ซาโตรุกลายเป็นชายหนุ่มรูปร่างหน้าตาดี ด้วยส่วนสูงถึง 190 เซนติเมตรของเขาทำให้ช่วงที่เรียนอยู่ไฮสคูล เขาได้เป็นถึงกัปตันทีมบาสเกตบอลของโรงเรียนและด้วยอุปนิสัยที่ขี้เล่นนั้นทำให้ทุกคนในรุ่นต่างรู้จักเขา ทำให้เขากลายเป็นที่รักของทุกคนไปโดยปริยาย



    แต่ยกเว้นคนที่เขาเคยไปก่อเรื่องไว้นะ



    เขาจ่ายแบงก์ที่มีติดตัวแลกกับฮอตดอกร้อนๆ ในมือมาหนึ่งไม้ ก่อนจะกลับหลังหันไถ่สเกตบอร์ดออกจากหน้าร้านอย่างไม่รีบร้อน ผ่านมาได้สักพักก็แวะทิ้งขยะอยู่ที่ข้างทาง เพราะเส้นทางเริ่มจะเข้าสู่ตัวหมู่บ้านที่เขาอาศัยอยู่ จึงไม่ค่อยมีร้านค้าอยู่ข้างทางแล้ว ตลอดถนนจึงมีเพียงแสงไฟจากเสาไฟริมข้างทางและบ้านคนที่เงียบเชียบ



    ชายหนุ่มทิ้งห่อกระดาษที่ใช้ห่อฮอตดอกที่กินหมดแล้วลงถังและกำลังจะเปิดกระเป๋าสะพายเพื่อหาหูฟังพร้อมโทรศัพท์ขึ้นมาเปิด แต่ทันใดนั้น สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น...



    มีกลุ่มชายวัยรุ่นเดินเข้ามาทางด้านหลังของซาโตรุ พวกเขาต่างมาด้วยสีหน้าทมึนตึงไม่เป็นมิตรเท่าที่ควร พร้อมกับมือหนักๆ ที่ดึงกระชากคอเสื้อยืดสีเข้มของเขาจนทั้งตัวโน้มไปตามแรง เพียงเท่านั้น ซาโตรุก็รู้ตัวทันทีว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ ตังค์ที่มีเหลืออยู่ในกระเป๋าของเขามีไม่ถึงร้อยดอลฯ ทั้งการก่อโจรกรรมตามท้องถนนในรัฐเล็กๆ นี้ก็เกิดขึ้นได้บ่อยหากเทียบกับเมืองใหญ่ๆ อย่างวอชิงตัน ดี.ซี



    แต่เขาคิดมากไป เพราะสิ่งที่หลุดออกมาจากปากของชายตรงหน้าที่ดึงคอเสื้อเขาอยู่นั้น บ่งบอกว่าอีกฝ่ายไม่ใช่โจรอย่างแน่นอน ซ้ำร้ายที่เขามาดักรอซาโตรุแบบนี้เพราะว่า..



    “แกวันไนท์กับเมียฉันเมื่อวันก่อน!!”



    “ถ้าใช่แล้วจะทำไมวะ” ชายหนุ่มที่ถูกดึงคอเสื้อลงอย่างแรงจนปลายคางเชิดขึ้น มองคู่กรณีจำเป็นที่ตัวเล็กกว่าด้วยสายตาน่ากลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นัยน์ตาสีฟ้าซับซ้อนกำลังเบิกค้างราวกับต้องการจะบอกให้ชายตรงหน้ากลับไปคิดใหม่เสีย ถ้าต้องการจะมีเรื่องกับเขา “ก็เมียนายมาดีลเหล้ากับฉันวันนั้นทำไมล่ะ”



    “มันจะไม่เกิดขึ้นแน่ถ้าแกไม่รุกก่อน ไอ้เวร!”



    อา..วันนั้นเขารุกก่อนเหรอเนี่ย



    ซาโตรุเริ่มมองขึ้นด้านบนราวกับกำลังใช้ความคิดจนกลุ่มผมปรกดวงตาที่ไร้อารมณ์นั้น แน่นอนอยู่แล้วว่าเขาเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้าจากเมื่อ 5 ปีก่อนอย่างเห็นได้ชัด นอกเหนือจากรูปลักษณ์ภายนอกที่ไม่ได้ตัวเล็กและอ่อนแอ เขากลับเป็นคนที่กล้าแสดงออกถึงรสนิยมทางเพศของตนเองอย่างไม่อายปาก เขาติดการไปบาร์เกย์ยิ่งกว่าสิ่งใด และเมื่อวันก่อนเขาก็ได้กับใครคนหนึ่งในร้านโดยที่ไม่เคยรู้จักหรือเห็นหน้าคาดตากันมาก่อน ซึ่งซาโตรุคิดว่าน่าจะเป็นคนรักของไอ้หมอนี้ที่กำลังมาดึงคอเสื้อเขาอยู่ตอนนี้แหละ




    ...สั*



    มีผัวแล้วก็ไม่รู้จักครางชื่อผัวให้ได้ยินเลยนะคืนนั้น..



    20.20 PM



    ร่างสูงใหญ่เดินโซเซมาดึงสายกระเป๋าเป้จากข้างกำแพงอิฐขึ้นมาสะพายบนบ่าอย่างเหนื่อยล้า ข้างๆ กันนั้นปรากฏร่างของชายหนุ่มที่เข้ามาหาเรื่องเขากำลังนั่งพิงผนังอย่างหมดสภาพ บางคนกำลังพยายามลุกขึ้นอย่างเชื่องช้าและแค้นเสียงแหบด่าเขาแผ่วเบาราวกับยังไม่เข็ดที่ชายหนุ่มทำให้ตัวเองมีสภาพที่ดูไม่ได้ขนาดนี้ แต่ซาโตรุไม่อยากเสียเวลาจัดการคนพวกนี้อีกแล้ว เพราะสภาพของเขาในตอนนี้ก็ย่ำแย่พอๆ กัน



    ขาเรียวยาวสั่นเล็กน้อยในตอนที่พยายามตั้งหลักให้ตัวเองยืนนิ่งๆ มองดูผลงานที่เรี่ยราดอยู่เบื้องหน้า เขาถูกลากตัวมารุมต่อยที่ข้างบ้านของใครคนหนึ่งในละแวกนั้น ซึ่งแน่นอนว่าไม่ได้มีใครเปิดประตูออกมาห้ามหรือสนใจ มือใหญ่ที่เปรอะดินและเลือดแห้งยกขึ้นเสยผมลวกๆ เผยให้เห็นใบหน้าหล่อเหลาที่บัดนี้มีแต่รอยช้ำและมุมปากมีเลือดซิบ โหนกคิ้วแตกเป็นแผลกว้างแต่ซาโตรุกลับไม่รู้สึกแสบอะไร เพราะมันชาไปแทบทั้งหน้าอยู่แล้ว



    “ถ้ายังมาลอบกัดแบบนี้อีก ได้เป่าฝุ่นรองเท้ากูแน่”



    เขาพูดทิ้งท้าย ยังดีที่เขายังปล่อยโอกาสให้พวกมันเหลือสตินั่งฟังคำพูดทิ้งท้ายของเขาบ้าง เขาจะเตะปากพวกมันจนสลบแล้วหนีไปเฉยๆ ยังได้ แต่เมื่อกลับหลังหันมองซ้ายขวาเพื่อหาสเกตบอร์ดคู่ใจ เขากลับรู้สึกอยากจะเดินไปเตะปากพวกมันจริงๆ ซะอย่างนั้น เพราะไม้กระดานที่เขาเพิ่งจะไปติดลายใหม่เมื่อไม่กี่วันก่อนถูกกระทืบจนหักเป็นสองท่อนแยกชิ้นส่วนอยู่ไม่ไกล มือใหญ่เริ่มขยับกำหมัดแน่นเมื่อเดินไปหยิบแผ่นไม้ขึ้นมา พยายามอดใจไว้ไม่ให้หันกลับไปวิ่งกระโดดถีบยอดหน้าพวกนักเลงนั้นและคิดหาโอกาสไปร้านสเกตบอร์ดวันอื่นเพื่อเปลี่ยนแผ่นกระดานดีกว่า



    อย่างน้อยๆ โกโจ ซาโตรุ ก็ไม่ใช่คนโหดร้ายอย่างที่เห็น



    สเกตบอร์ดคือยานพาหนะที่ใช้ในการเดินทางไปมหาลัยของเขา เมื่อไม่มีมัน สิ่งที่เขามีอยู่ตอนนี้ก็คือขาทั้งสองข้างที่พาร่างอันอ่อนปวกเปียกมาทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ยาวหน้าร้านขายของชำเล็กๆ ที่ปั๊มน้ำมันหน้าหมู่บ้าน ซาโตรุเดินจากจุดที่พวกเขาทะเลาะวิวาทกันมาเกือบครึ่งกิโลเมตรเพื่อหาร้านค้าซื้อน้ำดับกระหาย ถ้ามียาหรือพาสเตอร์ติดแผลก็คงจะซื้อพกติดกระเป๋าไว้ด้วย เผื่อแฟนของใครจะมาหาเรื่องเขาอีก



    คิดแล้ว ดวงตาคู่สวยก็ก้มลงมองมือตัวเองที่ก้มค้ำกับขายาวในกางเกงยีนสีเข้ม สเกตบอร์ดที่พังก็วางไว้ข้างกายอย่างไร้ประโยชน์ มองมือของตัวเองที่เปื้อนอะไรต่อมิอะไรจนดูสกปรก เขาเช็ดมือกับเสื้อยืดโดยไม่คิดอะไร ก่อนจะก้มลงเช็กสภาพร่างกายตนเองและพบว่าเสื้อผ้าของเขาปกติดี ไม่มีส่วนไหนฉีกขาดจากการทะเลาะวิวาทกัน แต่เขาก็รู้ตัวดี เพราะระหว่างที่มีเรื่องกัน ซาโตรุไม่ยอมเปิดโอกาสให้ใครจับตัวของเขาได้ทั้งสิ้น



    ภาพเหตุการณ์ในวัยเด็กย้อนกลับมาทุกครั้งไป เด็กชายที่ไม่มีทางสู้ ถูกหัวเราะเยาะว่าเป็นเกย์ ไม่มีอะไรป้องกันตัวแม้กระทั่งพละกำลัง



    “หน้าพี่ไปโดนอะไรมาเหรอฮะ..”



    ชายหนุ่มสะดุ้งสุดแรงหลุดจากภวังค์ของตัวเองเมื่อได้ยินเสียงเล็กๆ ของเด็กคนหนึ่งที่ไม่รู้ว่ามายืนอยู่ตรงหน้าเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ เด็กชายตัวเล็กที่สูงแทบไม่ถึงสะโพกของเขาด้วยซ้ำ เรือนผมสีชมพูอ่อนตัดสั้น แนวคิ้วเล็กรับกับดวงตากลมโตที่หางตาตกเล็กน้อยเนื่องจากเห็นรอยช้ำบนใบหน้าของเขา จึงทำให้ซาโตรุรีบก้มหน้าหลบจากแววตาไร้เดียงสานั้นราวกับต้องการที่จะแกล้ง...



    “ย อย่ามองมานะ..!” ซาโตรุแกล้งทำเป็นยกมือขึ้นปิดหน้าปิดตาแล้วดิ้นขยับกระสับกระส่าย “ข้าเป็นปีศาจร้าย เจ้ามองเห็นข้าได้ยังไง!”



    “ปีศาจเล่นสเกตบอร์ดเป็นด้วยเหรอ!”



    “…”



    “สอนผมเล่นหน่อยสิฮะ!!”



    ว่าแล้วเชียว



    ซาโตรุไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองเหมาะกับเด็กเลยแม้แต่น้อย มือที่ยกปิดหน้าอยู่ค่อยๆ วางลงพร้อมกับแรงกอดที่แขนจากร่างเล็กๆ ที่ดึงสายตาของเขาให้ต้องมองตามรอยยิ้มกว้างนั้น ซาโตรุเพิ่งสังเกตเห็นว่าเด็กตรงหน้าเขายังสะพายกระเป๋านักเรียนอยู่เลย แถมชุดที่ใส่ก็เหมือนเพิ่งจะเลิกเรียนด้วย แต่เวลาตอนนี้มันก็ดึกแล้ว เขามองซ้ายมองขวาเพื่อหาผู้ปกครองของเด็กคนนี้ ขณะที่แรงกอดจากร่างเล็กยังคงแน่นขึ้น



    “คุณปีศาจ! สอนยูจิเล่นหน่อยได้มั้ย!”



    เฮ้อ ตั้งสเกตบอร์ดบนพื้นยังสูงกว่าตัวอีกมั้งน่ะ



    “นี่ นายชื่ออะไร” สุดท้ายเขาที่มองไม่เห็นใครเลยในปั๊มน้ำมันจึงหันมาจ้องหน้าเด็กชาย “แล้วพ่อแม่ไปไหน ทำไมอยู่นี่คนเดียว บ้านอยู่ปั๊มนี้เหรอ”



    “อิตาโดริ ยูจิคับ” พูดพลางอมยิ้มจนแก้มฟูขึ้นมา “ผมอยู่กับคุณปู่น่ะ แต่ผมไม่ทันรถโรงเรียน แต่ๆๆๆ! คุณปู่รู้แล้วคับ ผมวิ่งมาบอกคุณน้าข้างในร้านให้โทรบอกแล้ว”



    ซาโตรุนั่งฟังร่างเล็กตรงหน้าพูดด้วยความตั้งใจขณะชี้นิ้วไปที่ถนนบ้าง ชี้นิ้วเข้าไปข้างในร้านด้านหลังเขาบ้าง ซึ่งเขาก็มองตามมือเล็กๆ นั้นและนึกภาพสถานการณ์จำลองตามคำให้การสุดแสนน่ารัก มารู้ตัวอีกทีรอยยิ้มมุมปากก็ถูกแต่งแต้มบนใบหน้าของเขาโดยไม่รู้ตัว



    อิตาโดริ ยูจิ งั้นเหรอ



    เป็นชื่อที่..น่ารักดี



    “ว่าแต่ คุณเป็นปีศาจจริงๆ เหรอฮะ” ว่าแล้วก็ขยับเข้ามาใกล้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น จนร่างเล็กนั้นขยับเข้ามายืนอยู่กลางหว่างขายาวของชายหนุ่มโดยที่ไม่ทันตั้งตัว ฝ่ายชายหนุ่มเองก็ไม่ได้ว่าอะไรนอกเสียจากนั่งนิ่งๆ มองเข้าไปในดวงตากลมโตนั้น รอยขีดเล็กๆ ใต้ดวงตาใสยิ่งขับให้ใบหน้าเล็กมีความน่ารักในตัว ผิวแก้มขาวคงจะนุ่มนิ่มมากเมื่อเขาได้พิจารณามันใกล้ๆ นำพาให้เกิดความรู้สึกที่อยากสัมผัสแก้มนั้นสักครั้ง แต่ความคิดอีกด้านหนึ่งของเขาก็ห้ามเอาไว้ได้ทัน



    “ทำไมเงียบล่ะฮะ เมื่อกี้ยังพูดได้อยู่เลย”



    “ก็พูดได้น่ะสิ”



    “แล้วเป็นปีศาจจริงๆ เหรอฮะ..”



    “ถ้าเป็นจริงแล้วจะทำไมเหรอเรา หื้ม?”



    “ว้าา! ถ้างั้นๆๆ! สอนยูจิเล่นสเกตบอร์ดหน่อยได้มั้ยฮะ!” แววตาสดใสลุกวาวทันทีเมื่อรู้ว่าเขาคือปีศาจตัวจริงเสียงจริง พร้อมกับร่างของเด็กน้อยที่เริ่มเบียดเข้ามาใกล้จนแทบจะสุดหว่างขาเขาอยู่แล้ว มือเล็กกำที่ขากางเกงบนตักของซาโตรุเบาๆ ในขณะที่ชายหนุ่มนั้นราวกับถูกตราตรึงด้วยรอยยิ้มสดใสตรงหน้าจนไม่อาจละสายตาไปไหนได้



    เหมือนลูกแมวน้อยที่ซุกซนอยู่ตลอดเวลา



    แต่สุดท้ายแล้วเขาก็สามารถดึงสติกลับมาได้และยกมือขึ้นจับเข้าที่เอวเล็กของเด็กชาย ถึงสัมผัสได้ว่าขนาดตัวของยูจินั้นบอบบางมาก มือของเขาทั้งสองมือสามารถกำรอบได้เลย ทั้งที่ก็ไม่ได้ดูเด็กขนาดนั้น



    แต่ก็เด็กอยู่ดีนั่นแหละนะ



    “ต้องโตก่อนนะถึงจะเล่นสเกตบอร์ดได้” ซาโตรุเริ่มแผนการหลอกเด็กอีกครั้ง “และยูจิมีโอกาสได้เจอปีศาจแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวด้วย เดี๋ยวคุณปู่มารับกลับบ้าน ยูจิก็จะไม่ได้เจอปีศาจอีกแล้วนะ...”



    “ไม่เอา!!” เสียงแหลมเล็กดังใส่กลางแสกหน้าของชายหนุ่มทั้งที่เขายังพูดไม่ทันจบ “คุณปีศาจจะไม่ไปหายูจิที่บ้านเหรอ..!” ก่อนจะถูกร่างเล็กกอดหมับเข้าที่กลางลำตัวหนาอย่างรวดเร็ว โดยที่ซาโตรุยังไม่ทันได้ทำอะไรเลย มือของเขาชูอยู่กลางอากาศไม่กล้าแตะต้องตัวของเด็กชาย ทั้งยังตกตะลึงที่ถูกกอดกะทันหันแบบนี้ เขาได้กลิ่นสบู่เด็กจากตัวของยูจิลอยมาแตะจมูกในระยะประชิด ทั้งกลิ่นแชมพูหอมอ่อนๆ จากศีรษะเล็กที่อยู่ชิดปลายคางของเขาเนื่องจากเจ้าตัวเล็กเขย่งตัวกอดเขาแน่น



    แต่ใจความที่เด็กชายพูดกลับพาให้ชายหนุ่มอดขมวดคิ้วไม่ได้



    “ปีศาจอย่างฉันจะไปหายูจิที่บ้านทำไมกันล่ะ” ซาโตรุเริ่มแต่งเรื่องต่อ “บ้านของยูจิมีแต่นางฟ้าแสนดี เด็กดีก็ต้องอยู่กับนางฟ้…” เขายังพูดไม่ทันจบประโยค เป็นอีกครั้งที่เสียงของโกโจ ซาโตรุกลืนหายลงไปในลำคอ ร่างเล็กคลายกอดจากตัวเขาก่อนจะขยับตัวออกห่างแต่ยังคงมองตากันอยู่ ริมฝีปากฉ่ำราวกับเชอร์รี่สุกเบ้ไม่พอใจ มือเล็กขย้ำเสื้อยืดของชายหนุ่มแน่นด้วยแววตาจริงจัง



    “แล้วนางฟ้าเป็นเพื่อนกับปีศาจไม่ได้เหรอฮะ..”



    “อะไรนะ..”



    “แล้วบ้านยูจิก็ไม่มีนางฟ้าด้วย”



    อา..



    ก็นายไง นางฟ้าตัวเล็ก ซาโตรุคิดในใจ



    แต่ทันใดนั้นเอง แสงไฟหน้ารถจากรถคันหนึ่งก็สาดเข้ามาในพื้นที่ปั๊มน้ำมันเปลี่ยวที่พวกเขานั่งกันอยู่หน้าร้านในตอนนี้ พวกเขาทั้งสองต่างพากันหันไปมองตามเสียงเครื่องยนต์ ก่อนจะเป็นยูจิที่วิ่งออกจากขาของเขาไปยืนมองรถยนต์คันนั้นที่กำลังขับมาจอดเทียบกับฟุตบาทหน้าร้านค้า เด็กน้อยรู้ว่านั้นคือรถของคุณปู่นั้นเอง



    “ปู่!”



    เสียงเล็กนั้นร่าเริงและสดใสอยู่ตลอดเวลาจริงๆ ซาโตรุคิดในใจ ก่อนที่จะปรากฏชายวัยกลางคืนมีผมแซมขาวเล็กน้อยเปิดประตูรถลงมา เขามีสีหน้าที่คลายความกังวลอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเห็นหลานชายตัวเล็กวิ่งเข้าไปกอดเอวด้วยรอยยิ้มกว้าง แม้จะตกรถโรงเรียนอยู่นานก็ตาม แต่เหมือนจะดีใจได้ไม่นาน ยูจิก็คลายกอดแล้ววิ่งกลับมาหาเขาอีกครั้ง พร้อมกับดึงมือของซาโตรุให้ลุกขึ้นยืน ขณะที่คุณปู่ของเด็กชายก็ย่างเท้าเข้ามาใกล้



    “ใครน่ะ ยูจิ” เสียงดุดันของชายวัยกลางคนเอ่ยถามหลานชายตัวเล็ก เขาเงยหน้าขึ้นมองหน้าของซาโตรุแล้วก็ต้องตกใจที่เห็นใบหน้านั้นเต็มไปด้วยรอยม่วงเป็นจ้ำ ซ้ำยังมีเลือดแห้งอยู่ที่มุมปากอีกด้วย “เฮ้ย! ไปโดนอะไรมาเนี่ยไอ้หนุ่ม”



    “อ่อ.. เปล่าหรอกครับ พอดีผมเจออุบัติเหตุนิดหน่อย” เขายกมือขึ้นลูบแก้มเล็กน้อยพลางยิ้มบางเป็นการยืนยันว่าเขาสบายดี ในขณะที่เจ้าตัวเล็กไม่ได้เข้าใจในสิ่งที่ผู้ใหญ่คุยกันจึงได้แต่แหงนหน้ามองด้วยแววตาไร้เดียงสา “ผมมานั่งอยู่เป็นเพื่อนเขาน่ะครับ เขาบอกผมว่ารอคุณปู่มารับ แถวนี้เปลี่ยวมากๆ ด้วย ผมเลยเป็นห่วงน่ะครับ” ซาโตรุพูดพลางจับที่มือเล็กๆ นั้นแล้วก้มลงมองยูจิที่ยืนอยู่ข้างกัน



    คุณปู่ของยูจิได้รับรู้เรื่องนั้นและกล่าวขอบคุณด้วยความยินดีที่ยังมีคนอยู่เป็นเพื่อนหลานชายในช่วงเวลาลำบากเช่นนี้ และก่อนที่ยูจิจะเดินกลับขึ้นรถยนต์เพื่อกลับบ้านไปกับคุณปู่ของเขา เด็กชายยังไม่ยอมไปไหนเพราะมัวแต่ยืนซักคำตอบจากเขา



    “ยูจิรู้นะว่าจริงๆ แล้ว พี่ชายไม่ใช่ปีศาจ” เด็กชายยกแขนขึ้นกอดอก เชิดปลายคางขึ้นเล็กน้อยใส่ชายหนุ่มที่ย่อตัวนั่งคุยต่อหน้าและมองเด็กชายตัวเล็กด้วยรอยยิ้มมุมปาก “แถมยังไม่ยอมสอนสเกตบอร์ดให้ยูจิด้วย” ซาโตรุสังเกตเห็นรอยยิ้มพร้อมส่ายหัวไปมาเบาๆ ของคุณปู่ที่ยืนรออยู่ด้านหลังอย่างเอ็นดู



    “ก็ยูจิยังตัวแค่นี้เอง จะให้พี่สอนยังไงล่ะ” เขาว่าพลางยกมือวางบนศีรษะเล็กๆ นั้นอย่างอดใจไม่ไหว ลูบผมนิ่มนั้นเบาๆ ด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดที่พาให้ใจของเขาพองโต “รอให้โตก่อน แล้วค่อยมาให้พี่สอนแล้วกัน”



    “เย้!!” ในที่สุดรอยยิ้มสดใสก็ถูกแต่งแต้มบนใบหน้าเล็กอีกครั้ง เด็กชายชูมือไชโยขึ้นจนสุดแขน ชายเสื้อเลิกขึ้นเห็นหน้าท้องขาวพาให้ใจคนมองรู้สึกวาบหวิวอย่างประหลาด แต่เขาก็เลือกที่จะไม่สนใจความคิดนั้น “พี่อย่าลืมไปหาหมอด้วยนะคับ..พาน้องสเกตบอร์ดไปต่อตัวด้วย!” ว่าพลางชี้ไปที่แผ่นไม้ไร้ประโยชน์สองท่อนที่วางอยู่บนเก้าอี้ด้านหลัง ชายหนุ่มพยักหน้ารับทราบตามคำสั่งของนางฟ้าตัวเล็กอย่างว่าง่าย



    “กลับบ้านดีกว่านะ ดึกแล้ว” ซาโตรุพูดพลางลุกขึ้นยืน ทำให้เด็กชายต้องเงยหน้าขึ้นจนสุดคอยามคุยกับเขา



    “แล้วพี่ชายชื่ออะไรเหรอฮะ”



    จะแกล้งบอกว่าปีศาจไม่มีชื่อก็คงจะกลืนคำพูดตัวเองไม่ทัน..



    “โกโจ ซาโตรุ” เขาว่าพลางยิ้มบาง และหวังว่าเด็กน้อยจะจดจำชื่อของเขาไปจนถึงวันหนึ่งที่ยูจิโตขึ้นเป็นชายหนุ่มเหมือนอย่างเช่นเขาในตอนนี้ ซาโตรุมองใบหน้าน่ารักจิ้มลิ้มนั้นด้วยความรู้สึกหลากหลาย เขาไม่ชอบเด็กและไม่เคยคิดว่าจะชอบ แต่การได้คุยกับเด็กคนหนึ่งไม่กี่นาทีกลับทำให้เขาต้องเปลี่ยนแปลงความคิดตัวเองใหม่ไปตลอดกาล



    ซาโตรุรู้ว่าอนาคตข้างหน้าของเด็กชายยังอีกยาวไกล ราวกับเขาเห็นตัวเองในตอนเด็กที่ดิ้นรนและต่อสู้กับสภาพแวดล้อมอันเลวร้าย มันบีบบังคับให้เขาต้องสร้างกำแพงและเกราะป้องกันที่ดูรุนแรงต่อคนรอบข้าง แต่มันก็เพื่อปกป้องจิตใจอันเปราะบางนี้เอาไว้



    อย่าให้เด็กน้อยได้เจออะไรที่เลวร้ายอย่างเช่นเขา และหวังว่ารอยยิ้มของยูจิจะคงอยู่แบบนี้



    คงความสดใสเช่นนี้ตลอดไป



    11 years later



    เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วนะที่ “อิตาโดริ ยูจิ” นอนคิดถึงเรื่องนี้อยู่ทุกคืน



    เมื่อคืนเขาเพิ่งกลับจากปาร์ตี้วันเกิดของตัวเองที่อายุครบ 20 ปีบริบูรณ์เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน ชายหนุ่มเมื่อกลับมาถึงที่ห้องพักซึ่งเป็นคอนโดเล็กๆ ใจกลางเมืองหลวงอย่างวอชิงตัน ดี.ซี เขาก็เอาแต่นอนบนเตียงพลิกไปพลิกมา ดูภาพถ่ายจากงานปาร์ตี้เมื่อคืนในโทรศัพท์มือถือที่เขาดูสนุกสนานกับเพื่อนๆ จนแทบลืมความทุกข์ทั้งหมดไปจนหมดสิ้น แต่สุดท้ายพองานทุกอย่างจบ ความเงียบก็เข้าครอบงำชายหนุ่มอีกครั้ง



    ตอนนี้เขาก็อายุครบ 20 ปีแล้ว... ถือว่าเขาโตพอหรือยังนะ?



    คิดในใจและพลิกตัวไปทางด้านหนึ่ง สเกตบอร์ดลายหมีนอนหลับสีแดงพิงอยู่ใกล้ๆ กับโต๊ะทำงานคือเป้าหมายของสายตาที่กำลังเพ็งเล็งอยู่ตอนนี้ ยูจิในตอนนี้ไม่ได้แตกต่างจากเมื่อ 11 ปีก่อนเท่าที่ควร ในส่วนของร่างกายคงมีเพียงแค่ขนาดตัวที่โตขึ้น และเขาเป็นคนชายหนุ่มที่มีรูปร่างดีพอสมควร เพราะเข้ายิมตลอดทุกอาทิตย์ไม่มีพัก ใจจริงเขาอยากที่จะตัวสูงให้มากกว่านี้ ถึงได้เข้าฟิตเนสและพยายามเล่นเครื่องออกกำลังที่ช่วยยืดตัว แต่ผลที่ออกมานั้นเขาก็ยังคงสูงแค่ 173 แบบนี้ตั้งแต่อายุ 16 ได้



    ร่างเล็กยันกายลุกขึ้นนั่งบนเตียงและมองไปยังสเกตบอร์ดอันเดิมที่พิงอยู่ เขาเก็บตังค์ของตัวเองเพื่อซื้อสิ่งนี้มาไว้ครอบครองตั้งแต่เริ่มเข้าเรียนมัธยมปลาย หวังว่าจะมีโอกาสได้ฝึกเล่นมันสักครั้งแต่สุดท้ายก็ไม่มีโอกาสนั้น ยามเมื่อหยิบมันขึ้นมาถือ ภาพของ ‘พี่ชาย’ ผมสีขาวคนนั้นก็ยังคงชัดเจนอยู่ในความทรงจำเสมอ



    และใช่--- ยูจิจดจำเขาได้ตลอดทุกเวลา แม้แต่ปู่ของเขาเองก็มักจะเล่าเหตุการณ์ในตอนเด็กเรื่องที่เขาตกรถโรงเรียนให้ฟังในตอนที่เขาเริ่มโตขึ้นมาหน่อย แถมยังมีคนแปลกหน้าที่มานั่งรอเป็นเพื่อนอีก ซ้ำยังเป็นคนแปลกหน้าที่ยูจิไม่เคยลืมอีกด้วย และในตอนนี้เขาก็ได้ย้ายเข้ามาเรียนในระดับมหาวิทยาลัยที่วอชิงตัน ดี.ซีแล้ว เขาแทบไม่มีความหวังเลยที่จะได้เจอกับพี่ชายคนนั้นอีกสักครั้งหนึ่ง ในตอนนี้ยูจิไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายอายุเท่าไหร่ จะหน้าตาเป็นแบบไหน แม้ภาพจำในตอนนั้นคือใบหน้าเรียวยาวที่มีรอยม่วงเป็นจ้ำใหญ่ แต่เค้าโครงเดิมอีกฝ่ายเป็นคนหน้าตาดีมากอยู่แล้ว ยูจิในวัย 9 ขวบยังดูออกแม้กระทั่งเส้นผมว่าเขาดูดีมากแค่ไหน



    และสิ่งที่ยังคงเป็นปริศนาจนถึงวันนี้คือ พี่ชายคนนั้นไปโดนอะไรมาถึงได้มีใบหน้าและร่างกายที่หมดสภาพแบบนั้น



    แต่จะยังไงก็ตามแต่ ชื่อโกโจ ซาโตรุ ได้อยู่ในสมุดบันทึกของยูจิหลายเล่มตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาของเด็กหนุ่ม เขากลายเป็นเหมือนแรงบันดาลใจของยูจิในการก้าวต่อไปข้างหน้า ในความรู้สึกที่ไม่รู้ว่าตอนนี้อีกฝ่ายจะเป็นอย่างไร แต่ยูจิยังคงอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป เพื่อมีความหวังว่าวันหนึ่งพวกเขาจะได้เจอกันอีกครั้ง



    เขาเชื่อเรื่องพรหมลิขิตเสมอ และการที่เขาได้เจอกับโกโจ ก็คงเป็นเพราะพรหมลิขิตเช่นกัน



    17.17 PM



    ท่ามกลางเมืองใหญ่ที่มีผู้คนมากหน้าหลายตา ชายหนุ่มรูปร่างสันทัดเดินไปตามทางเดินในช่วงพลบค่ำที่ท้องฟ้าเป็นสีส้ม ตึกสูงกลางสี่แยกมีรถรามากมาย ยูจิเพิ่งกลับจากการคุยงานกับเพื่อนที่มหาวิทยาลัย เขาลงจากรถไฟฟ้าแล้วมุ่งตรงมายังทางม้าลายเพื่อข้ามถนนไปยังเขตที่หอพักของตนเองอยู่



    น่าเบื่อ



    ยูจิคิดแบบนั้น ในแต่ละวันของชายหนุ่มวนลูปอยู่แค่นี้ไม่ไปไหน ไม่มีความคืบหน้ายกเว้นเรื่องเรียนที่เขาต้องอาศัยความพยายามให้การทำงานส่งอาจารย์ในแต่ละครั้ง แต่ในเรื่องของการใช้ชีวิต ยูจิรู้สึกเหมือนมีบางอย่างมันขาดหายไป ทั้งที่เพื่อนเขาก็มีมากมาย แต่เขากลับรู้สึกโดดเดี่ยวอย่างแปลกประหลาด



    เขายืนอยู่ท่ามกลางกลุ่มฝูงชนที่ยืนรอข้ามทางม้าลายใจกลางเมืองใหญ่ สายตาของเขามองไปอย่างเรื่อยเปื่อยไม่ได้โฟกัสกลับอะไรโดยเฉพาะ แต่เมื่อสายตาของเขามองไปยังฝูงชนที่รอข้ามถนนอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน กลับมีใครบางคนที่ดึงดูดสายตาของเขาอย่างเห็นได้ชัด เขาคือชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีขาวสว่างที่เซตเปิดหน้าผากดูดี รูปร่างสูงใหญ่ในชุดเสื้อเชิ้ตขาวปลดกระดุมเม็ดบนกางเกงสแล็คสีดำโดยมีเสื้อสูทพาดอยู่ที่ท่อนแขน เขายืนจ้องมองที่จอเครื่องมือสื่อสารอยู่โดยไม่ได้สนใจใคร และเขายังโดดเด่นที่สุดในฝูงชนที่กำลังยืนรอข้ามทางม้าลายเช่นเดียวกันกับยูจิ



    มันทำให้เขาเผลอคิดถึงโกโจ ซาโตรุ ชายหนุ่มที่เขาเจอที่ปั๊มน้ำมันเล็กๆ ในรัฐแคลิฟอร์เนียคนนั้น.. มันเป็นเพียงความคิดชั่ววูบของยูจิเท่านั้น เขาคิดว่านี่อาจจะเป็นเหตุการณ์หนึ่งในล้านที่กำลังจะเกิดขึ้นก็เป็นได้



    เขาเชื่อใจในความรู้สึกของตนเอง ความน่าเบื่อเมื่อครู่หายไปทันทีและถูกแทนที่ด้วยชายหนุ่มอีกคนที่ยืนอยู่เพียงตรงข้ามถนน และในอีกไม่กี่วินาทีที่สัญญาณไฟทางม้าลายจะเปลี่ยนสี เขาต้องการที่จะทำอะไรบางอย่างเพื่อให้ตัวเองแน่ใจ..เพื่อให้ตัวเองสามารถตั้งความหวังที่จะได้เจอกับโกโจ ซาโตรุต่อไป



    ถ้าหากเขาไม่ใช่ ก็ทำเพียงแค่เดินผ่านไป



    แต่ถ้าเขาใช่ล่ะ...



    และในวินาทีนั้นเอง สัญญาณไฟด้านบนก็เปลี่ยนเป็นสีเขียว ชายหนุ่มคนนั้นเก็บเครื่องมือสื่อสารลงกระเป๋ากางเกงและเริ่มก้าวเดินพร้อมกับฝีเท้าของทุกคนทั้งสองฝั่งที่เริ่มก้าวออกมากลางถนนอย่างพร้อมเพรียงกัน ยูจิกลมกลืนไปกับฝูงชน ในขณะที่เขาคนนั้นช่างโดดเด่นและไม่มองใคร ยูจิรู้สึกเหมือนช่วงเวลาหยุดเดินกะทันหันเมื่อเห็นว่าชายคนนั้นเดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ



    จนกระทั่งวินาทีที่พวกเขาทั้งคู่เดินสวนไหล่กัน อิตาโดริ ยูจิ สาบานกับตัวเองในใจว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่เขาได้ลองทำอะไรแบบนี้..



    ร่างเล็กหันกลับไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว ขณะที่ผู้คนกำลังเดินสวนทางกันอยู่กลางถนนขวักไขว่ ก่อนจะตะโกนเรียกชื่อของคนที่อยู่ในความทรงจำของเขาตลอดมา..



    “โกโจ..!”



    เพียงชั่วอึดใจนั้น เขารู้สึกเหมือนกำลังจะขาดอากาศหายใจตาย แต่มันกลับถูกชุบชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง



    เขาคนนั้นหยุดฝีเท้าชะงักอยู่กับที่ ก่อนจะหันกลับมามองที่เขาที่ยืนอยู่ด้านหลังด้วยสายตางุนงงคล้ายกับได้ยินใครสักคนเรียกชื่อของตนเอง ในขณะนั้นบนทางม้าลายผู้คนเริ่มเดินผ่านกันจนหมด และสัญญาณไฟเริ่มใกล้จะหมดเวลาเต็มที แต่ยูจิกลับรู้สึกว่ามันช่างยาวนานเหลือเกิน เมื่อเขาเห็นว่าชายหนุ่มตรงหน้าเขาไม่ได้มีปฏิกิริยานิ่งเฉยต่อเขา แต่ชายหนุ่มเจ้าของดวงตาสีฟ้าประกายราวกับเพชรเม็ดงามนั้นกลับเบิกตากว้าง ใช้สายตาไล่มองยูจิตั้งแต่หัวจรดเท้าโดยที่ไม่พูดอะไรออกมาสักคำ



    เขาจำเด็กคนนี้ได้



    แต่ด้วยความที่มีสติมากกว่า ชายหนุ่มเจ้าของชื่อ โกโจ ซาโตรุ รีบเดินกลับมาหาร่างเล็กกว่าแล้วใช้แขนโอบไหล่ของยูจิให้รีบเดินเข้าฝั่งก่อนที่สัญญาณไฟจะเปลี่ยนเป็นสีแดง ยูจิที่อยู่ในสถานการณ์งงงวย แต่ก็ยอมเดินตามร่างสูงข้ามถนนมาอีกฝั่งแต่โดยดี จนกระทั่งมาหยุดยืนที่ฟุตบาท มือใหญ่ก็ยังคงไม่ปล่อยจากต้นแขนของคนอายุน้อยกว่า ทั้งยังจับแน่นขึ้นจนยูจิจำต้องเงยหน้าขึ้นมอง และก็ต้องพบกับสายตาตกตะลึงของคนตัวสูงกว่าที่มองเขาชะงักค้างอยู่นาน ก่อนรอยยิ้มกว้างจะถูกแต่งแต้มบนใบหน้าคมคายนั้น



    “ใช่..? ยูจิรึเปล่า?” เสียงทุ้มนุ่มที่ดังใกล้หูนั้นยิ่งทำให้เขามั่นใจ และรู้สึกดีใจมากที่อีกฝ่ายก็ยังไม่ลืมเขา “ตัวโตขึ้นมากเลยนะเนี่ย!”



    “พี่โกโจ! ตอนนี้ผมอายุตั้ง 20 แล้วนะ” ยูจิที่โดนทักทำเสียงฮึกฮักพลางกอดอก โกโจที่ได้เห็นปฏิกิริยาท่าทางที่คุ้นตานั้นทำเอาเขาอดยิ้มไม่ได้ ภาพของเด็กชายตัวเล็กๆ ที่ยืนกอดอกเชิดหน้าใส่เขาเมื่อ 11 ปีก่อนซ้อนทับกับชายหนุ่มหน้าตาจิ้มลิ้มตรงหน้าเขาในตอนนี้



    ตอนนี้เขาก็อายุ 31 แล้ว.. ไม่น่าเชื่อจริงๆ ที่เขาไม่เคยลืมเด็กคนนี้ได้เลย



    “พี่เหรอ? รู้รึไงว่าผมอายุเท่าไหร่” โกโจยกยิ้มมุมปาก เขาแกล้งพูดโดยการใช้สรรพนามห่างเหินให้คนอายุน้อยกว่าหูตกเล่น ซึ่งนั้นเป็นภาพที่น่ารักมากจนเขาแทบสาบานต่อพระเจ้าในใจว่าชาตินี้ ถ้ายืนอยู่ต่อหน้ายูจิเขาคงไม่มีทางหุบยิ้มได้ไปตลอดชีวิต



    “ตอนนั้นยูจิไม่ได้ถามหนิ รู้แค่ชื่อด้วยซ้ำ” ยูจิทำหน้ามุ่ย เพราะเขาเห็นว่าอีกฝ่ายในตอนนี้ก็ไม่ได้ดูต่างไปจากเมื่อหลายปีก่อนเลย ยังดูหนุ่มแน่นเหมือนคนอายุ 20 ปลายๆ ที่อยู่ในวัยทำงานแล้ว



    สุดท้ายพวกเขาก็ยืนมองหน้ากันนิ่งไปหลายวินาที ก่อนที่ต่างคนต่างยิ้มขำออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ราวกับฟ้าลิขิตให้พวกเขากลับมาพบเจอกันอีกครั้งเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม โกโจที่ในตอนนี้ก็ยังคงไม่มีคู่แต่งงาน เขายังคงรักชีวิตอิสระไม่ต่างจากเดิม ในส่วนของยูจิเองก็คงจะมีเรื่องอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ และการทวงหนี้ให้ปีศาจสอนเขาเล่นสเก็ตบอร์ดอย่างจริงจังเสียที



    มาคิดดูอีกที ไม่เสียแรงเลยที่เขาเชื่อเรื่องพรหมลิขิตน่ะนะ






    END

    ___________________________

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
yuuriii (@yuuriii)
แนวนี้ก็ดีไปอีกแบบบบ