Coffee – รสกาแฟ
Theme song; Positions - Ariana Grande
คำเตือน; ขอย้ำว่าเรื่องนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้แต่งเท่านั้น อ่านเพื่อความเพลิดเพลินสนองนี๊ด และใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ (อ่านแล้วจุ๊ๆน้า)
Heaven sent you to me
I’ m just hopin’
I don’ t repeat history
“เมกุมิ ฉันเห็นจริงๆ นะ!”
“อือ แล้วมันยังไงเหรอ?”
“อาจารย์คนใหม่หล่ออย่างกับซูเปอร์สตาร์!! ยูจิเชื่อฉันสิ!!” โนบาระไม่เคยรู้สึกอยากกระโดดลงอาคารเรียนขนาดนี้มาก่อน เธอยกมือขึ้นคลึงผมสีน้ำตาลของตนอย่างบ้าคลั่งที่เพื่อนสนิทของเธอทั้งสองคนซึ่งเป็นชายแท้ ไม่ได้มีความรู้สึกตื่นเต้นอะไรตามไปกับเธอเลยสักนิด โดยเฉพาะเมกุมิที่เอาแต่นั่งเล่นโทรศัพท์โดยไม่รู้เลยว่าได้รับสิ่งที่เธอพูดเข้าสมองบ้างหรือเปล่า
“แต่ฉันก็เห็นพวกผู้หญิงคุยกันนะ” ยูจิที่นั่งฟังด้วยแววตาสนอกสนใจแตกต่างจากเมกุมิราวกับฟ้าเหวยังพอให้โนบาระไปต่อได้บ้าง แต่เมื่อตอนพักกลางวันช่วงที่ยูจิเดินไปหารุ่นพี่ที่ห้องชมรม หน้าห้องพักครูก็มีแต่กลุ่มนักเรียนหญิงไปยืนแออัดเบียดกันอยู่หน้าระเบียงอย่างกับมารอส่งงานอย่างไงอย่างงั้น แต่จริงๆ คงไม่ใช่แบบนั้นหรอก เพราะสีหน้าแต่ละคนต่างแดงก่ำและมีรอยยิ้มตื่นเต้นกับใครบางคนที่เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่
“ใช่เลย! แต่ฉันก็ยังไม่เห็นเขากับตาหรอกนะ” โนบาระกอดอก ริมฝีปากอิ่มน้ำเบ้ขึ้นเล็กน้อยเนื่องจากเธอพยายามที่จะเดินผ่านหน้าห้องพักครูหลายครั้งแล้วแต่กลับไม่เจอบุคคลสำคัญที่เหล่านักเรียนหญิงหลายคนพูดถึง
“อาจารย์มาแล้ว!” จู่ๆ เสียงหนึ่งภายในห้องก็ดังขึ้น นักเรียนทุกคนในห้องต่างขยับตัวตามสัญชาตญาณมานั่งประจำที่โต๊ะเรียนของตนด้วยความรวดเร็ว โนบาระรีบเดินกลับมานั่งที่โต๊ะของตัวเองที่อยู่ริมหน้าต่างซึ่งอยู่ข้างหน้ายูจิที่นั่งเท้าคางมองออกไปด้านนอกโดยไม่ได้สนใจอาจารย์ที่กำลังจะเดินเข้ามาในห้องเรียน ดวงตาคู่สวยมองลงไปด้านล่างของอาคารเรียน เป็นสนามฟุลบอลที่ตอนนี้ไม่มีใครเล่นเพราะอยู่ในช่วงเวลาเรียนตอนบ่าย แสงแดดตรงกับศีรษะพอดีทำให้เห็นเงาใต้ต้นซากุระอย่างชัดเจน เขาชอบบรรยากาศแบบนี้เสียจริง เพราะแบบนี้เขาถึงเลือกที่จะนั่งริมหน้าต่างยังไงล่ะ
แต่จู่ๆ เสียงฮือฮาก็ดังขึ้น เสียงโนบาระขยับเก้าอี้อย่างแรงจนดันมาชนขอบโต๊ะของเขาทำให้ยูจิได้สติจากการเหม่อลอยเมื่อครู่ เขามองนอกหน้าต่างอยู่นานจนไม่รู้ว่าเพื่อนๆ ในห้องได้ทำความเคารพอาจารย์ไปหรือยัง แต่เมื่อหันกลับเข้ามาก็ได้ยินเสียงพูดคุยซุบซิบของเพื่อนในห้องอย่างเห็นได้ชัด เหล่านักเรียนหญิงต่างพากันไม่อยู่นิ่ง นั่งกระสับกระส่ายยกมือขึ้นปิดปากและหันไปกระซิบกับเพื่อนด้วยใบหน้าแดงก่ำ ไม่ต่างจากโนบาระข้างหน้าเขาที่เมื่อกี้สะดุ้งเฮือกอย่างแรงราวกับตกใจอะไรบางอย่าง
บางอย่างที่กำลังยืนอยู่หน้ากระดานดำในตอนนี้
“เงียบหน่อยครับ” เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยดังกังวานจนทุกคนต่างสะดุ้งเฮือกเพราะไม่คิดว่าเสียงของอาจารย์ที่มาใหม่จะทรงพลังขนาดนี้ซึ่งภาพลักษณ์ก็ช่างแตกต่างจากน้ำเสียงเสียจริง เขาสังเกตเห็นไหล่บางของโนบาระยกขึ้นเล็กน้อยเมื่อสายตาเรียบนิ่งของผู้สอนกวาดมองมาทางที่นั่งริมหน้าต่าง เด็กหนุ่มลอบหัวเราะเบาๆ เพราะรู้ว่าเด็กสาวข้างหน้าเขาคงกำลังเก้อเขินที่โดนอาจารย์มองมาเป็นแน่ แต่เมื่อยูจิเงยหน้าขึ้นมองไปยังชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่หน้าห้อง เขากับอาจารย์กลับเผลอสบตากันโดยทันทีราวกับว่าอาจารย์นั้นมองเขาอยู่ก่อนแล้ว เขาทั้งคู่สบตากันอยู่นานหลายวินาทีจนเด็กหนุ่มเผลอคิดเอะใจ เด็กนักเรียนภายในห้องก็เงียบสงัดเพราะอาจารย์เอาแต่ยืนนิ่งและมองไปทางที่นั่งริมหน้าต่าง และเป็นยูจิเองที่หลุบตามองต่ำเมื่อเริ่มรู้สึกแปลกๆ ที่โดนมองแบบนี้
“ครูชื่อ โกโจ ซาโตรุ จะเป็นอาจารย์สอนวิชาภาษาอังกฤษตั้งแต่นี้เป็นต้นไป”
เสียงทุ้มต่ำนั้นเอ่ยขึ้นมาหลังจากเงียบไปสักพักหนึ่ง เขาเงยหน้าขึ้นไปมองอาจารย์ที่ยืนแนะนำตัวกับนักเรียนอยู่หน้าชั้นเรียนอย่างชำนาญการอีกครั้งหลังจากหลบสายตาไป อาจารย์โกโจแต่งตัวดูดีด้วยชุดสูทสีเข้มและทรงผมสีสว่างโดดเด่นตัดกันอย่างลงตัว แต่สิ่งที่น่าดึงดูดกว่านั้นคือแววตาของอาจารย์ที่ไม่ว่าจะมองไปทางไหน เหล่านักเรียนหญิงต่างพากันยกมือขึ้นทาบอกในความงดงามของนัยน์ตาคู่นั้น แต่น่าแปลกที่เขากลับรู้สึกไม่ชอบมาพากลมากกว่าที่คิด
และนี่เป็นเหตุการณ์ที่เขาได้เจอกับอาจารย์โกโจครั้งแรก เราต่างไม่เคยพูดคุยหรือเจอกันมาก่อนหน้านี้ แต่เราเจอกันในวันนั้นและใช้สายตาเป็นตัวสื่อสารว่าสนใจในตัวกันและกัน เขาเองก็รู้สึกได้ถึงแรงส่งบางอย่างในแววตาคู่นั้นที่มองมาที่เขา มันทำให้เขาตัวเล็กลงเหลือไม่กี่เซน นั่งขดตัวทั้งคาบอย่างไม่เป็นตัวของตัวเองยามเมื่ออาจารย์เขียนกระดานเสร็จแล้วหันกลับมามองนักเรียนด้านหลัง เป้าหมายแรกที่เขาสัมผัสได้คือคนที่นั่งโต๊ะตัวท้ายริมหน้าต่าง
Never need no No, no one else, babe
’ Cause I’ ll be
“เป็นอะไร เห็นเดินเงียบมาตั้งแต่อยู่บนอาคารแล้วนะ” เมกุมิที่เปิดตู้เก็บรองเท้าอยู่ข้างๆ เขาเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง ตอนนี้ถึงเวลากลับบ้านช่วงตอนเย็น นักเรียนทุกคนต่างลงมาด้านล่างตึกและเปลี่ยนรองเท้าที่ตู้เก็บขนาดใหญ่ ยูจิยังคงไม่ค่อยพูดหลังจากเรียนเสร็จจนก้มลงใส่รองเท้าเงียบๆ
“เปล่าหรอก ฮ่ะๆ ..” เขาเงยหน้าขึ้นตอบกลับไปทั้งที่มีเม็ดเหงื่อไหลอยู่ที่ข้างขมับ เมกุมิมองออกแน่ว่าที่เขาตอบไปเขาโกหกคำโตเลย แต่แน่นอนว่านิสัยของเพื่อนสนิทเขาไม่ใช่คนขี้เซ้าซี้เหมือนกับโนบาระสักเท่าไหร่ เมกุมิใช้หางตาเหลือบมองยูจิเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินนำออกไปและพูดทิ้งท้าย
“อาจารย์คนใหม่ชอบมองมาทางนายตอนสอน หรือฉันคิดมากไปเอง?” เขาสะดุ้งเฮือกเมื่อถูกเพื่อนมองด้วยสายตาจับผิด เมกุมิเป็นคนฉลาดและมีไหวพริบดีกว่าเขาที่ซุ่มซ่ามและไม่ระมัดระวังตัว ในหลายๆ เรื่องเขายังต้องอาศัยเมกุมิให้คอยตักเตือนอยู่เรื่อยๆ
“บ บ้า ไม่ใช่แล้ว อาจารย์เขาก็มองทั่วห้องนั่นแหละ เมกุมิ”
“งั้นก็แล้วไป” ร่างสูงโปร่งเดินนำออกไปตามทางเดินกลับบ้าน ยูจิพยายามยืนจัดรองเท้าอยู่สักพักราวกับตั้งแต่ชักช้าเพื่อจะได้ใช้ความคิดกับตัวเอง ขนาดเมกุมิยังดูออกเลยว่าอาจารย์โกโจมองมาทางเขาอยู่บ่อยๆ แล้วมีหรือที่ตัวของเขาเองจะไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่ากำลังถูกอาจารย์หมายตาอยู่
เขาก็ไม่ได้ไปทำอะไรไม่ดีที่ไหนสักหน่อย แล้วทำไมต้องมาจ้องกันแบบนั้นด้วยนะ
Switchin’ the positions for you
Cookin’ in the kitchen and I’ m in the bedroom
I’ m in the Olympics, way I’ m jumpin’ through hoops
“อิตาโดริคุง มาช่วยอาจารย์หน่อยสิ” อาจารย์สาวเรียกเขาก่อนที่จะเดินออกจากห้องเรียนในช่วงพักเที่ยง “ช่วยเอาการบ้านของเพื่อนๆ ไปส่งให้ที่โต๊ะอาจารย์ทีนะ”
อาจารย์บอกพร้อมกับตบไปที่กองชั้นหนังสือเล่มหนานับสิบเล่มที่วางอยู่โต๊ะอาจารย์หน้าห้องเรียน ยูจิพยักหน้ารับตามหน้าที่เพราะยังไงเสียเขาก็ต้องเดินลงบันไดผ่านห้องพักครูอยู่แล้ว แวะส่งงานให้อาจารย์หน่อยก็ไม่ได้ลำบากอะไร
“อา จริงด้วย!” แต่ก่อนที่อาจารย์สาวจะเดินพ้นประตูห้องออกไป เธอก็หันกลับมาพร้อมกับเอื้อมมือมายีหัวของเด็กหนุ่มเบาๆ อย่างชื่นชม “เมื่อวานแข่งฟุลบอลชนะใช่มั้ยล่ะ สุดยอดมากเลยอิตาโดริคุง”
“ฮ่าๆๆๆ! อาจารย์ละก็.. ผมแข่งพร้อมกับคนอื่นนะครับ อาจารย์มาชมผมคนเดียวแบบนี้..” ยูจิหัวเราะแก้เขิน เขายกมือขึ้นเกาท้ายทอยพลางหลุบตามองต่ำด้วยใบหน้าขึ้นสีระเรื่อ แน่นอนว่าคนที่อดเอ็นดูไม่ได้ก็คงจะเป็นอาจารย์สาวที่มองเห็นความน่ารักสดใสของเด็กหนุ่มคนนี้อย่างเห็นได้ชัด เธอเดินออกจากห้องไปพร้อมกับหนังสือเอกสารการสอน ทิ้งไว้เพียงรอยยิ้มและคำพูดชื่นชมที่ตกตะกอนอยู่ภายในใจเด็กหนุ่มเรือนผมสีชมพูอ่อนที่เอาแต่ยิ้มยินดีปรีดาอยู่คนเดียว
เมื่อวานเป็นวันกีฬาสีวันสุดท้าย ผ่านมาหลายอาทิตย์ที่ยูจิต้องซ้อมอย่างหนักหน่วงเพราะจู่ๆ ก็ดันถูกรุ่นพี่ดึงตัวให้มาลงแข่งซะอย่างนั้น แน่นอนว่าอย่างยูจิไม่เคยปฏิเสธใครขึ้นอยู่แล้ว เขาก็ต้องเดินตามเกมที่รุ่นพี่วางไว้และเข้าแข่งขันพร้อมคนอื่นๆ จนหลุดมาถึงรอบชิงชนะเลิศ ท้ายที่สุดทีมของเขาก็คว้าถ้วยรางวัลมาด้วยความภาคภูมิจนเรื่องนี้พูดต่อกันไปอย่างหนาหู ยิ่งเป็นเรื่องที่เขาเป็นคนยิงนัดสุดท้ายเข้าด้วยนี่ ยอมรับเลยว่าเขาโดนทักเรื่องนี้ตั้งแต่ยังไม่ทันเข้าโรงเรียนมาด้วยซ้ำ เจอคนรู้จักที่ไหน ไม่ว่าจะทางม้าลายหรือร้านสะดวกซื้อก็ตาม
ร่างเล็กยกกองหนังสือสูงขึ้นด้วยความทุลักทุเลเดินออกมาจากห้องเรียน ห้องพักครูอยู่ชั้นล่างซึ่งไม่ได้ไกลกันมากเท่าไหร่นัก แต่ก็ยากลำบากอยู่พอสมควรเพราะกองหนังสือที่วางเรียงกันสูงเลยหัวยูจิทำให้ทัศนียภาพไม่ดีเท่าที่ควร เมื่อมาถึงหน้าห้องพักครู ยูจิพยายามอยู่นานกว่าจะเปิดประตูเลื่อนออกได้ด้วยนิ้วเดียว ภายในห้องพักครูของอาจารย์สอนสังคมเต็มไปด้วยหนังสือและกล่องกระดาษเต็มไปหมด แต่สิ่งที่ทำเอายูจินิ่งไปก่อนจะดึงสติกลับมาได้ นั้นก็คืออาจารย์อีกคนที่พักอยู่ในห้องนี้ด้วยเช่นกัน
อาจารย์โกโจ
Know my love infinite, nothin’ I wouldn’ t do
That I won’ t do, switchin’ for you
เขายกหนังสือทั้งกองมาตั้งไว้บนโต๊ะข้างๆ ที่อาจารย์โกโจนั่งอยู่ ซึ่งมั่นใจว่าน่าจะเป็นโต๊ะของอาจารย์สาวที่ไหว้วานให้ยูจิช่วยมาส่งการบ้านให้อย่างแน่นอน เด็กหนุ่มพ่นลมหายใจเบาๆ ราวกับภาระอันหนักอึ้งเมื่อครู่ได้ถูกวางลงแล้ว เขายืนจัดหนังสือให้เป็นระเบียบเรียบร้อยบนโต๊ะของอาจารย์ก่อนจะตัดสินใจรีบเดินออกมา แต่ในจังหวะหมุนตัวกลับนั้น เขากลับรู้สึกได้ถึงสายตาของอาจารย์อีกคนที่นั่งอยู่อีกโต๊ะ
“อิตาโดริ ยูจิ…” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นมาอย่างใจเย็น จากด้านหลังของเด็กหนุ่ม “คนพูดถึงเยอะมากเลยนะเรื่องเตะบอลเข้าในลูกสุดท้าย”
ยูจิหันกลับไปมองร่างสูงที่นั่งอยู่ พร้อมกับเสียงเก้าอี้ที่เคลื่อนออกห่างจากโต๊ะเพราะเจ้าของได้ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง มือใหญ่วางเอกสารการบ้านของนักเรียนลงบนโต๊ะพลางถอดแว่นสายตาแล้วคลึงที่ระหว่างคิ้วเบาๆ ราวกับเขาจ้องอะไรนานๆ จนสายตาล้าไปหมด ยูจิมองภาพนั้นอย่างเห็นใจ อาจารย์คงจะยุ่งมากจริงๆ สินะ
“มันก็เพราะอาจารย์..ไม่ใช่เหรอครับ?” เขาถามโดยไม่คิด ฝ่ายร่างสูงหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองนักเรียนด้วยรอยยิ้มบาง
But I get tired of runnin’ , fuck it
Now, I’ m runnin’ with you
“ทำไมต้องเพราะอาจารย์ล่ะ เพราะยูจิเก่งเองไม่ดีกว่าเหรอ” อาจารย์โกโจมองเด็กหนุ่มด้วยรอยยิ้มที่ยังไม่จางหายไปไหน ก่อนเขาจะค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าไปหาร่างเล็กที่ยืนนิ่งไม่ขยับราวกับรู้งาน ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก เด็กหนุ่มไม่เคยรู้สึกเคยชินเสียที มือใหญ่ของอาจารย์เอื้อมมาจับมือของเขาที่ปล่อยข้างลำตัว ก่อนจะสอดประสานระหว่างนิ้วราวกับไม่อยากให้ยูจิรีบไปไหน ใบหน้าหล่อเหลายื่นไปกระซิบข้างใบหูอย่างแผ่วเบา “เด็กดี...”
ก่อนที่จะรู้สึกได้ถึงสัมผัสบางเบาจากริมฝีปากอุ่นนุ่มที่พรมจูบบนลำคอขาวอย่างอ้อยอิ่ง ร่างเล็กยกมือขึ้นมาวางบนอกของอาจารย์อัตโนมัติราวกับหากเริ่มรุกล้ำมากไปเขาพร้อมที่จะดันออกได้ทุกเมื่อ ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าเขาไม่สามารถหักห้ามใจตัวเองจากอาจารย์โกโจได้เลย ใบหน้าน่ารักเริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อจากแรงอารมณ์เมื่อมือใหญ่เริ่มลูบสัมผัสไปทั่วร่าง ร่างสูงขบเม้มที่ลำคอขาวเบาๆ จนมันเกิดรอยแดงไม่ชัดมากนัก ก่อนจะฝังจมูกลงกับซอกคอของร่างเล็กกว่าอย่างโหยหา ฟังเสียงอู้อี้เล็กๆ ของยูจิที่พยายามดิ้นอยู่ในอ้อมกอด
“อ..อาจารย์โกโจ”
“อาจารย์อยากได้ยินคำนั้น..” เขาเอ่ยทั้งที่ยังคลอเคลียอยู่ที่ซอกคอขาวอย่างเชื่องช้า “บอกอาจารย์สิ ยูจิคุง..”
ยูจิรู้สึกเหมือนบนหัวของตัวเองกำลังมีภูเขาไฟที่กำลังเดือดปุดๆ รอเวลาระเบิดเต็มที เขาหน้าแดงฉานมาถึงใบหูเล็กก่อนจะซุกหน้าลงกับบ่ากว้างของร่างสูงด้วยความเขินอาย เด็กหนุ่มรู้อยู่เต็มอกว่าสิ่งที่อาจารย์โกโจขอร้องนั้นคืออะไร เรื่องระหว่างเขาและอาจารย์เป็นแบบนี้มาหลังจากวันแรกที่พวกเขาเจอกันได้ไม่กี่วัน ในครั้งแรกยูจิสับสนและกระวนกระวาย เขาไม่รู้ว่าอะไรทำให้อาจารย์โกโจถึงสนใจในตัวเขากันแน่ แต่เมื่อมารู้ตัวอีกที อิตาโดริ ยูจิ ก็ยอมทำทุกอย่างตามที่ชายหนุ่มบอกทั้งหมด ทั้งการลงแข่งฟุลบอล การบอกให้เขามาหาทุกเย็นหลังเลิกเรียนเพื่อมาระบายความใคร่ให้กันและกัน ขอเพียงแค่คำขอนั้นออกมาจากปากของอาจารย์โกโจ เขาก็พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งเพื่อชายตรงหน้า
“ผมหิวข้าวแล้ว..” เขาเอ่ยออกมาเบาๆ อาจารย์โกโจเลิกคิ้วสูงก่อนจะหัวเราะในลำคอเบาๆ น่าแปลกที่วันนี้เด็กหนุ่มไม่ได้ใจอ่อนง่ายอย่างที่คิด เขาลืมไปเสียสนิทด้วยว่าเวลานี้เป็นช่วงพักเที่ยง เขาคงต้องปล่อยให้ลูกนกน้อยเป็นอิสระบ้าง
ร่างสูงยอมผละตัวออกจากเด็กหนุ่มแต่โดยดี แต่เขายังคงกอดเอวบางนั้นไว้พลางหลุบสายตาลงสบตากับร่างเล็กในวงแขน มือใหญ่หมุนเกลียวผมสีโรสโกลด์ด้านหลังเล่นอย่างเพลิดเพลิน ทรงผมอันเดอร์คัสของเด็กหนุ่มทำให้เห็นต้นคอชัดเจน รอยแดงที่เขาเม้มไว้ยังคงขึ้นสีก่ำตัดกับสีผิวอย่างเห็นได้ชัด
“จะบอกเพื่อนว่ายังไง”
“หือ..” ยูจิเลิกคิ้วสูง ก่อนความสงสัยจะหยุดลงด้วยความรู้สึกเย็นวาบบริเวณต้นคอ เด็กหนุ่มสัมผัสได้ถึงนิ้วของอีกคนที่ลูบไปมาอยู่ตรงนั้นเบาๆ
Know my love infinite,
nothin’ I wouldn’ t do
“ขอโทษ ผมเม้มแรงเกินไป” คนที่เพิ่งจะรู้ตัวว่าเผลอทำอะไรให้มันเด่นชัดมากเกินไปรีบขอโทษด้วยแววตาหมองเล็กน้อย เขาละมือจากลำคอเล็กแล้วดึงคอเสื้อมาปิดให้อย่างรู้งาน ไม่ให้เด็กหนุ่มต้องรู้สึกอายเมื่อมีคนเห็นรอยที่ต้นคอเข้า
“อากาศร้อนล่ะมั้งครับ” ยูจิหลุบตาลงต่ำ
“ไม่เห็นจะมีแดดเลย”
“ก็ผมยกของมานะ”
“ตอนนี้น่าจะหายเหนื่อยแล้วแหละ”
“งั้นผมวิ่งลงไปกินข้าวแล้ววิ่งขึ้นมาเรียนก็ได้”
อาจารย์โกโจหัวเราะกับความเถียงคำไม่ตกฟากของเด็กหนุ่มจนต้องดีดหน้าผากไปหนึ่งที เขาปล่อยแขนจากเอวบางเปลี่ยนมายืนล้วงกระเป๋ากางเกงอย่างที่ชอบทำ ส่วนยูจิก็จัดปกเสื้อให้เรียบร้อยที่สุดก่อนที่จะแยกจากกัน
ร่างสูงยิ้มมุมปากก่อนจะหันไปหยิบแว่นสายตาที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานขึ้นมาใส่ เด็กหนุ่มจึงไม่ได้เห็นแววตาที่แท้จริงของอาจารย์ชัดเจนเท่าไหร่นัก แต่ทุกครั้งก็คงเป็นแบบเดียวกัน ความสัมพันธ์ของเราทั้งคู่เกิดขึ้นแบบหลบๆ ซ่อนๆ ไม่มีโอกาสได้เปิดเผยตัวหรืออย่างมากก็คงได้ทำอะไรตามใจแค่ในห้องพักครูนี้เท่านั้น หลายครั้งที่ยูจิรู้สึกละอายใจเมื่อรู้ตัวว่าตัวเองหวั่นไหวกับคนที่ไม่ควรยุ่งมากที่สุด แต่หัวใจเจ้ากรรมกลับเรียกร้องหาแต่ชายคนนี้
เด็กหนุ่มกลับหลังหันจะเดินออกจากห้องพักครู แต่เมื่อกำลังจะเอื้อมมือไปจับที่บานประตู วงแขนใหญ่ของใครอีกคนก็รวบเข้าที่เอวอย่างแผ่วเบาไม่บอกกล่าว พร้อมกับน้ำหนักของคางที่เกยอยู่บนไหล่เล็ก อาจารย์โกโจกอดเขาจากด้านหลังและกระชับวงแขนให้พอดีกับตัวของยูจิ หัวใจของเด็กหนุ่มเต้นแรงอย่างห้ามไม่ได้ยามเมื่อฝ่ามืออุ่นเลื่อนขึ้นมาทาบอกแผ่นอกดันให้ตัวเขาแนบชิดกับร่างสูงมากยิ่งขึ้น กลัวอีกคนจะรู้ว่าก้อนเนื้อในอกของเขาเต้นแรงเพราะเจ้าตัวขนาดไหน
แต่ว่า..
“อาจารย์โกโจ” ทุกครั้งที่จะแยกจากกัน ยูจิมักจะถามคำถามนี้เสมอ.. “เสียใจมั้ยครับ ที่ทำแบบนี้” ในครั้งนี้ อาจารย์โกโจไม่ได้ตอบทันทีอย่างที่คิด ราวกับว่าตัวของอีกคนเองก็คงจะรู้สึกแบบเดียวกัน เราทั้งคู่ต่างโหยหากันโดยที่คนรอบข้างไม่ได้ยอมรับ แต่เพียงไม่กี่อึดใจ เด็กหนุ่มก็ได้รับคำตอบจากร่างสูงด้านหลัง
“จะเสียใจมากกว่าถ้าไม่ได้ทำ”
ที่หลายคนบอกว่าทำชั่วมันง่ายกว่าทำดี น่าจะจริง เพราะตอนนี้ความกลัว ความวิตกกังวล ความรู้สึกผิด ความละอายใจที่มากมายในหัวเขามันกลับหายไปจนหมด อีกคนมักตอบแบบนี้ทุกครั้งที่เขาถามไป และเพราะคำตอบแบบนี้ยูจิถึงไม่เคยไปไหนรอดเลย รอยยิ้มที่ถูกแต่งแต้มบนมุมปากทำให้เด็กหนุ่มรู้ตัวว่ากำลังมีความสุขบนศีลธรรมที่ถูกต้องเสียแล้ว
นิสัยไม่ดีเลยนะ ยูจิ
Trying hard not to fall
On the way home
You were trying to wear me down, down
สำหรับตัวเขา คงไม่มีอะไรที่รวดเร็วเกินกว่าช่วงเวลาอีกแล้ว..
ในตอนนี้อิตาโดริ ยูจิ เปิดเทอมในระดับชั้นที่โตขึ้นเป็นวันแรก เขากลายเป็นรุ่นพี่ปี 2 ของโรงเรียนมัธยมปลายแห่งหนึ่ง ฤดูใบไม้ผลิเป็นอะไรที่น่าหลงใหลมากสำหรับเขาไม่ว่าจะตอนไหน เด็กหนุ่มอยู่ในยูนิฟอร์มกักคุรันสีเข้ม เรือนผมสีชมพูอ่อนสดใสกลมกลืนกับดอกซากุระที่ออกดอกสวยงามเข้ากับฤดูกาล แสงแดดที่ไม่ได้แรงมากทำให้เมกุมิออกมายืนรอยูจิที่ด้านนอกอาคารและรอเดินขึ้นไปห้องเรียนด้วยกัน
“ทำไมนายทำหน้าเหมือนไม่อยากมาเรียนแบบนั้นล่ะ เมกุมิ”
“ใครจะทำหน้าเหมือนเด็กตื่นเต้นที่ได้มาโรงเรียนแบบนายล่ะ” เมกุมิกล่าวเรียบๆ พลางหิ้วกระเป๋าพาดบ่าเดินขนาบข้างไปกับยูจิที่ทำหน้ายู่เมื่อถูกสวนกลับทันควัน
“ก็ฉันเองนี่ไง มีแค่ฉันนี่แหละที่ตื่นเต้น”
“รู้ตัวก็ดี”
เขาได้ยินเสียงหัวเราะเบาๆ ของเมกุมิจากข้างกาย แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรกลับไปเพราะต้องเข้าไปเปลี่ยนรองเท้าเพื่อเข้าอาคารเรียน ระหว่างทางนั้นยูจิได้ทักทายเพื่อนๆ ต่างห้องมากมาย ทั้งรุ่นน้องและรุ่นพี่ที่เดินสวนทางกัน ทุกคนต่างพูดคุยด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างเป็นมิตร และเมื่อเดินขึ้นบันไดมาถึงชั้นสองอีกเช่นเคย เหล่านักเรียนหญิงก็ยังคงยืนออกันปิดทางเดินริมระเบียงอยู่ที่หน้าห้องพักครูตั้งแต่วันแรกของการเปิดเทอม ซึ่งไม่ต้องอธิบายอะไรให้มากความ ยูจิและเมกุมิต่างรู้กันดีว่าต้นสายปลายเหตุมาจากใคร
น่าแปลกที่วันนี้เขาเห็นอาจารย์โกโจออกมายืนอยู่ที่หน้าประตูห้องท่ามกลางเหล่าเด็กสาวที่ถือกล่องขนมหรือถุงกระดาษพร้อมที่จะส่งยื่นให้เขาได้ทุกเมื่อ แต่แน่นอนอยู่แล้วว่าอย่างอาจารย์โกโจไม่มีทางรับของจากนักเรียน
“แห่งปีจริงๆ เลยนะ ผู้ชายคนนั้น” เมกุมิพูดเบาๆ ให้ได้ยินกันเพียงแค่สองคน ยูจิหันกลับมามองหน้าของเพื่อนสนิท “อยากรู้จัง อาจารย์โกโจเคยมีแฟนบ้างหรือเปล่า”
นั่นสินะ
“อือ”
เขาเองก็อยากรู้เหมือนกัน..
เมกุมิหันมามองหน้าของเขาอีกครั้ง แนวคิ้วสวยขมวดชนกันอย่างเกิดคำถามในใจ เมื่อเห็นสีหน้าของยูจิที่ซึมลงอย่างเห็นได้ชัด
จะซึมทำไม?
“รีบไปเรียนเถอะ เดี๋ยวจะไม่ทัน” และก็เป็นเมกุมิที่ตบหลังของร่างเล็กให้เดินขึ้นบันไดต่อไปยังชั้นสาม ซึ่งเป็นชั้นที่พวกเขาเรียนอยู่ในเทอมนี้
เขาเดินเข้ามานั่งที่ของตัวเองในห้องเรียนระหว่างที่เสียงของโนบาระทักทายตามหลังมาด้วยความอารมณ์ดี แต่เขาในตอนนี้ช่างหม่นหมองเสียเหลือเกิน คำถามเดิมที่เมกุมิพูดกับเขาเมื่อครู่ดังวนอยู่ในหัวไม่ไปไหน คำถามที่ยูจิไม่รู้คำตอบ และคงจะไม่มีทางรู้ต่อไป
วิวริมหน้าต่างในวันนี้คงไม่สวยอย่างเก่า ต้นซากุระใหญ่ที่อยู่ริมหน้าต่างพริวไหวไปตามแรงลมยามสาย เขานั่งเท้าคางมองลงไปยังเบื้องล่างที่เป็นสนามฟุลบอลและริมทางเท้า เขาเห็นร่างสูงของอาจารย์สอนวิชาภาษาอังกฤษกำลังเดินกินแซนด์วิชอยู่เพียงลำพัง แน่นอนว่าภาพนี้ยูจิไม่ได้เห็นเป็นครั้งแรก หลายครั้งที่เขามักจะแอบมองอาจารย์โกโจอยู่ห่างๆ ด้วยบุคลิกและรูปร่างหน้าตาของเขาทำให้ยูจิไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงมีคนรักเขามากมาย แต่ยูจิไม่เคยรู้เลยว่าอาจารย์โกโจนั้น..
เคยมีแฟนบ้างหรือเปล่า?
แฟนเก่าของอาจารย์จะสวยมากมั้ยนะ..? หรือจะหล่อ..?
กลุ่มนักเรียนหญิงที่พากันเดินสวนกับอาจารย์หนุ่มต่างพากันหัวเราะคิกคักเมื่อเห็นว่าอาจารย์โกโจยกมือโบกทักทายด้วยความเป็นมิตร แต่แน่นอนว่าเขาทำแบบนั้นกับทุกคนด้วยรอยยิ้มบางๆ ที่ยูจิเองก็ชอบมองไม่ต่างกัน จนกระทั่งแผ่นหลังกว้างของอาจารย์โกโจเดินห่างออกไปสุดสายตา จนยูจิไม่เห็นแล้วว่าอาจารย์กำลังจะเดินไปไหน เด็กหนุ่มก็หันกลับเข้ามาภายในห้อง และเขาก็ต้องพบกับสายตาจับผิดของโนบาระที่นั่งอยู่เบื้องหน้าหมุนเก้าอี้กลับมาจ้องตากับเขาด้วยความจริงจัง
Kissing up on fences
And up on walls
On the way home
I guess it’ s all working out, now
“นายมองอะไรอาจารย์โกโจ” เธอถลึงตาใส่จนยูจิหดคอกลับอย่างหวาดกลัว
“เธออย่าทำหน้าตาน่ากลัวแบบนี้สิวะ!”
“อิตาโดริ!!” โนบาระขึ้นเสียงยกใหญ่ เมื่อกี้เธอเห็นกับตาว่าเพื่อนสนิทของเขาเอาแต่นั่งเท้าคางมองตามอาจารย์โกโจที่เดินอยู่ฟุตบาทหน้าอาคารตาไม่กะพริบ พาให้เธออดรู้สึกหงุดหงิดไม่ได้ที่ท่าทีแบบนั้นมันเหมือนอาการคนเจอรักแรกพบชัดๆ “ถ้านายยังไม่รู้เรื่องของอาจารย์โกโจ ซาโตรุ ก็เก็บสายตาแบบนั้นไปเลยนะ”
“หา? เรื่องอะไร” ยูจิขมวดคิ้ว
โนบาระถอนหายใจ เธอนั่งกอดอกก่อนจะยกแขนขึ้นมาวางค้ำบนโต๊ะของเขาแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ ราวกับเป็นเรื่องที่ไม่สามารถพูดด้วยน้ำเสียงธรรมดาได้
“นายก็รู้ใช่มั้ยว่าฉันเป็นหลีดน่ะ” โนบาระเริ่มเล่า “พวกฉันก็มาซ้อมทุกเย็นนั่นแหละ แล้วพอดีว่าคนหนึ่งในหลีดโรงเรียนน่ะ เข้าไปบอกรักอาจารย์โกโจ”
“ห๊ะ!! อุ๊บ!” ยูจิตาเหลือกทันทีที่ได้ฟังเรื่องราวนั้น แต่ไม่ทันตกใจได้เท่าไหร่ก็ถูกมือเรียวคว้าหมับเข้าที่ใบหน้า ปิดปากเขาไว้อย่างรวดเร็วก่อนจะแสดงสีหน้าเลิ่กลั่กมองซ้ายทีขวาที เพราะกลัวว่าคนอื่นจะได้ยินเข้าและกลายเป็นที่สนใจ
“จะร้องทำไมเล่า! อิตานี่” เธอพ่นลมหายใจเมื่อเห็นว่ายูจิยอมเงียบ แต่แววตาของเด็กหนุ่มกำลังเบิกค้างด้วยความตกตะลึง ในขณะที่โนบาระเริ่มพูดต่อ “อย่างที่รู้กันนั่นแหละ อาจารย์ที่ไหนจะรับรักลูกศิษย์ล่ะ..ยัยนั้นก็ถูกปฏิเสธกลับมา ร้องไห้ฟูมฟายจนไม่ได้ซ้อมกันเลยนะวันนั้นน่ะ แล้วฉันก็ได้ยินมาอีกนะว่า มีหลายคนเลยที่เอาของไปให้เขา แต่เขาก็เบี่ยงเบนไปเรื่องอื่นตลอด แถมยังไม่ยอมรับของด้วย”
“….”
“ฉันล่ะสงสัยจริงๆ เลย ทั้งที่เขาออกจะหล่อขนาดนั้นแต่ยังไม่เคยเห็นเปิดตัวแฟนเลยสักคน”
“….”
“อย่าหาว่าฉันปากมากเลยนะ แต่บางคนฉันได้ยินว่ายอมไปหาอาจารย์โกโจถึงห้องพักครู แต่ไม่โดนอะไรแม้กระทั่งแตะต้องตัวเลย”
“….”
“น่าขยะแขยงชะมัดเลยเนอะ ไม่รู้ว่ายัยพวกนั้นคิดอะไรอยู่ ว่ามั้ยยูจิ”
Cause there’ s still too long to the weekend
Too long till I drown in your hands
เย็นวันนั้น เป็นอีกวันที่ยูจิลงจากอาคารช้ากว่าปกติ เขาโกหกโนบาระและเมกุมิว่าจะอยู่ชมรมจนถึงหัวค่ำเพราะรุ่นพี่เรียกประชุมด่วน แต่แท้จริงแล้วไม่ได้มีใครเรียกประชุมอะไรทั้งนั้น
ขาเรียวพาร่างเล็กที่เดินเหม่อมองพื้นทางเดินด้วยความรู้สึกมัวหมองแต่เช้ามาถึงหน้าห้องพักครูชั้นสอง เขายังไม่เปิดประตูเข้าไปโดยทันทีเพราะรู้ว่าเวลานี้เป็นเวลาทำงานของใคร.. ยูจิหันกลับออกไปมองที่นอกระเบียงทางเดิน มองท้องฟ้าช่วงพลบค่ำและแสงแดดยามเย็นสีโทนอบอุ่น พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าไปด้วยความหวังว่าวันพรุ่งนี้จะโผล่ขึ้นมาด้วยแสงสีขาวสุกสกาว
เขาคิดว่ามันควรถึงจุดจบ
จุดที่ความสัมพันธ์ของเขาและอาจารย์โกโจ ควรจะหยุดอยู่เพียงเท่านี้
เขาใช้เวลามาหลายอาทิตย์ในการคิดถึงเรื่องนี้ไม่หยุดหย่อน แม้ว่าในใจของเขาลึกๆ แล้วจะต้องการความรักจากผู้ชายคนนี้มากแค่ไหนก็ตาม เรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างเขาและอาจารย์นั้นไม่เคยเกิดขึ้นจริง ยูจิหวังให้มันเป็นเช่นนั้น
เอื้อมมือไปเปิดบานประตูนั้น เผยให้เห็นห้องทำงานของอาจารย์โกโจและอาจารย์สังคมที่คาดว่าน่าจะกลับบ้านไปแล้ว แต่อาจารย์หนุ่มอีกคนกลับยังนั่งเปิดการบ้านของนักเรียนไปมาในขณะที่มืออีกข้างหมุนควงปากกาเล่นราวกับสนุกกับงานที่กำลังทำอยู่ เป็นภาพที่เขาเคยชินและมักจะชอบนั่งมองอาจารย์ทำงานอยู่เงียบๆ เสมอ
ชายหนุ่มเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูดังขึ้นเขาก็เลิกคิ้วพลางช้อนตาขึ้นมองแขกผู้มาใหม่ และเมื่อเห็นว่าเป็นเด็กหนุ่มร่างเล็กเขาก็คลี่ยิ้มออกมา แต่สิ่งที่สังเกตได้ต่อมาคือแววตาที่ไม่ได้สดใสเหมือนอย่างเคย ทำให้รอยยิ้มของอาจารย์ไม่ได้เต็มที่เท่าไหร่นัก มือที่กำลังควงปากกาอยู่วางลง เขามองเด็กหนุ่มที่เดินเข้ามานั่งเก้าอี้ด้านหน้าโต๊ะของเขาเงียบๆ ราวกับจะมาส่งงาน ซึ่งเขารู้ดีว่ายูจิไม่ได้มีการบ้านที่ต้องส่งเขาสักหน่อย
“ขนมขายหมดก่อนเหรอวันนี้”
“เปล่าครับ”
“ร้านหนังสือไม่เปิดใช่มั้ย”
“ไม่ใช่ครับ”
“แล้วอะไรล่ะ?” อาจารย์โกโจเริ่มขยับตัวเข้ามานั่งใกล้ๆ ร่างเล็กที่นั่งก้มหน้างุด ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มประเด็นนี้อย่างไรดี แต่ในใจลึกๆ ของเขานั้นไม่อยากจะพูดออกไปเลย เขาเงยหน้าขึ้นและพบกับความจริงที่ว่า เขาไม่สามารถทำได้ เขาไม่สามารถพูดออกไปได้ว่าไม่ต้องการผู้ชายคนนี้ ยามเมื่อดวงตาคู่นั้นมองลึกเข้ามา ราวกับว่าเขาถูกอีกคนมองออกอย่างทะลุปรุโปร่งและง่ายดาย ยูจิมองดวงตาสีฟ้าสว่างนั้นใกล้ๆ โดยไม่รู้ตัวเลยว่ามีหยาดน้ำใสคลอเบ้าอยู่ มือที่วางอยู่บนตักสั่นเทา ริมฝีปากเล็กขบเม้มกันอย่างแรงจนขาวซีด
อาจารย์โกโจที่เห็นภาพนั้นถึงกับนิ่งไป เขาคว้าร่างนั้นเข้ามากอดทันทีเมื่อเห็นว่าเด็กน้อยกำลังจะร้องไห้ มือใหญ่สัมผัสบนแผ่นหลังเล็กที่กำลังสั่นสะท้านไปทั้งร่างอย่างน่าสงสาร เขากำลังจะเปิดปากถามถึงความเป็นมา แต่ริมฝีปากสวยก็จำต้องอ้าชะงักกับที่ เพราะร่างในอ้อมกอดกลับพูดแทรกขึ้นมา
“พอเถอะครับอาจารย์โกโจ..” เสียงนั้นสั่นอย่างห้ามไม่ได้ “เราหยุดแค่นี้เถอะครับ”
“หมายความว่ายังไง ยูจิ..”
“อาจารย์ยังไม่เข้าใจอีกเหรอครับ ว่าสิ่งที่เราทำอยู่มันไม่ใช่” ยูจิดันแผงอกแกร่งออกห่างจากตัวเพื่อต้องการสบตากับผู้เป็นอาจารย์ หยาดน้ำตาที่เก็บซ่อนไว้ตลอดไหลอาบแก้มนวลราวกับความรู้สึกอัดอั้นทั้งหมดที่มีมันกำลังจะพังทลาย “ผมไม่อยากเป็นแบบนี้อีกแล้ว อาจารย์ก็รู้ว่าสิ่งที่เราทำอยู่มันไม่ถูกต้อง ทั้งที่อาจารย์รู้...อาจารย์ปฏิเสธทุกคนที่เข้ามา แต่อาจารย์กลับพยายามดึงให้ผมเข้าไป..เข้าไปในอยู่ในจุดที่ทุกคนมองว่ามันผิดศีลธรรม อาจารย์กำลังให้ผมทำอะไรอยู่เหรอครับ..”
“ยูจิ มันไม่ใช่แบบนั้นนะ”
“ผมไม่รู้หรอกว่าสังคมที่อาจารย์อยู่เขายอมรับมั้ย แต่สิ่งที่ผมเจอน่ะ ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นตัวประหลาด” เสียงอ่อนสั่นคลอ แววตาที่อ่อนล้านั้นทำเอาใจคนมองแทบจะแตกสลาย “การที่ใครหลายๆ คนมาสารภาพรักกับอาจารย์ ทำไมอาจารย์ถึงไม่ปฏิเสธผมเหมือนเด็กผู้หญิงพวกนั้นล่ะ”
“เพราะผมไม่ได้รู้สึกกับเขา เหมือนที่รู้สึกกับยูจิ” ร่างสูงว่าเสียงอ่อน คำตอบของเหตุผลทั้งหมดแทบจะกลืนหายลงไปในลำคอเมื่อเขามองเห็นน้ำตาบนผิวแก้มที่ขึ้นสีแดงระเรื่อพร้อมร่างที่สะอึกอื้นเบาๆ แต่ท้ายที่สุดแล้ว อาจารย์โกโจรู้อยู่แก่ใจว่ายังไงวันนี้มันก็ต้องมาถึงในไม่ช้าก็เร็ว และเขาไม่รู้ว่าควรจะชดใช้สิ่งที่ทำลงไปเช่นไร กับการทำให้ความรู้สึกของเด็กนักเรียนคนหนึ่งต้องแตกร้าว
“แต่ความรู้สึกของเราทั้งคู่มันไม่ถูกต้อง..”
“เรื่องนั้นผมรู้”
“แล้วทำไม...ทำไมอาจารย์ถึงยัง..”
“ทุกอย่างจำเป็นต้องอยู่บนความถูกต้องเหรอ ยูจิคุง” เสียงนุ่มทุ้มนั้นมาพร้อมกับนิ้วยาวที่ไล่เกลี่ยน้ำตาบนผิวแก้มนิ่ม เด็กหนุ่มเงียบไปเหลือทิ้งไว้เพียงเสียงสะอึกเบาๆ จนผู้เป็นอาจารย์อยากจะดึงเข้ามากอดแทบใจจะขาด แต่ก็ต้องหักห้ามใจไว้แล้วเอ่ยต่อไป “ความถูกต้องไม่ใช่บรรทัดฐานของทุกอย่าง ไม่อย่างนั้นเราจะเผลอกับความรู้สึกกันมาไกลขนาดนี้เพื่ออะไรกัน”
“.…”
“ผมมองว่านี่มันคือความรัก ไม่ใช่ความถูกต้อง และความรักไม่มีถูกผิด ไม่มีขาวดำ”
“….”
“แต่ถ้ายูจิจะไป.....ผมจะไม่ห้าม”
สิ้นคำพูดนั้น ยูจิเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว ดวงตาเบิกกว้างอย่างไม่เชื่อหูพร้อมกับหัวใจที่ถูกบีบอัดอย่างแรงยามเมื่อเห็นสีหน้าของอาจารย์โกโจที่ไม่ได้โศกเศร้าเสียใจอะไรเลยกับการตัดเขาออกจากชีวิต มันดูง่ายดายเสียจนเด็กหนุ่มไม่อยากนั่งอยู่ตรงนี้อีกต่อไปแล้ว เขาอยากรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีออกจากห้องนี้ไปให้พ้นๆ หรือไม่ต้องเห็นหน้าคนคนนี้อีกเลยยิ่งดี
Too long since I’ ve been a fool, oh
Leave this blue neighbourhood
Never knew loving could hurt this good, oh
เป็นเวลาหลายอาทิตย์ที่ยูจิไม่ไปโรงเรียนอีกเลยหลังจากนั้น ภายในหนึ่งอาทิตย์เขาต้องคอยตามงานจากเพื่อนเพื่อทดแทนหนึ่งอาทิตย์ที่ไม่ได้มาเรียนให้ทันบทเรียนใหม่ มีหลายคนต่างตั้งคำถามว่าทำไมอิตาโดริ ยูจิ ถึงขาดเรียนไปเสียดื้อๆ จนทำโนบาระและเมกุมิเป็นห่วงแทบแย่ แต่สุดท้ายแล้วคำตอบของเขาคือคำว่าไม่สบายอย่างหนัก แน่นอนว่าเมกุมิและโนบาระไม่เชื่อ ถูกเซ้าซี้อยู่นานจึงเปลี่ยนเหตุผลเป็นคำว่าขี้เกียจแทน พอได้ยินแบบนี้โนบาระถึงเริ่มเชื่อใจเขาขึ้นมาหน่อย
“อิตาโดริคุง!” เสียงของอาจารย์สาวคุ้นหูเรียกเด็กหนุ่มที่กำลังจะสะพายกระเป๋าออกจากห้องเป็นคนสุดท้าย เขาชะงักตัวและเดินไปที่หน้าห้องเมื่อเห็นว่ามีกองสมุดของเพื่อนทุกคนในห้องตั้งกองอยู่ “ช่วยยกสมุดพวกนี้ตามอาจารย์ไปให้ที่ห้องพักครูทีสิ”
And it drives me wild
Cause when you look like that
I’ ve never ever wanted to be so bad, oh
เด็กหนุ่มยกกองสมุดของเพื่อนทั้งห้องเดินตามหลังร่างบางของอาจารย์สาวลงมายังชั้นสอง ช่วงเวลาเลิกเรียนในตอนนี้ยังคงเหลือเด็กนักเรียนเดินพลุ่งพล่านอยู่บ้างแต่เขาไม่ได้สนใจ สิ่งที่ทำให้เขาใจเต้นแรงมากขึ้นเรื่อยๆ คือระยะห่างของห้องพักครูที่เริ่มหดสั้นลงยามเมื่อฝีเท้าของเขาก้าวต่อไปข้างหน้า
วันนี้ยังไม่ได้เจออาจารย์โกโจเลย แน่นอนว่าการขาดเรียนหนึ่งอาทิตย์ไปทำใจไม่ได้ทำให้ยูจิรู้สึกดีขึ้น เพราะเขารู้ดีว่าหยุดไปยังไงกลับมาเรียนเขาก็ต้องเจอกับอาจารย์หนุ่มเช่นเดิม
แต่ทุกอย่างมันกลับพลิกแผนไปเสียหมด เมื่อประตูห้องพักครูถูกเปิดออกโดยอาจารย์สาว ภายในห้องกลับว่างเปล่าไม่มีใครอยู่ และสิ่งที่น่าตกใจไปยิ่งกว่านั้น คือโต๊ะด้านข้างที่เขาคุ้นตากลับว่างเปล่า ไม่มีเอกสารหรืออุปกรณ์ แฟ้ม ปากกาวางอยู่บนโต๊ะเลย
ไม่มีเลย...
“อ อาจารย์ครับ”
“วางบนโต๊ะได้เลยอิตาโดริ ขอบใจมากนะจ๊ะ”
“อาจารย์ครับ”
“หื้ม..” สุดท้ายเธอก็ยอมหันมามองเด็กหนุ่มที่วางกองหนังสือเสร็จแล้วก็หันไปมองโต๊ะของอดีตอาจารย์ที่ตอนนี้ได้ย้ายออกไปแล้ว “ไม่ทันข่าวล่ะสิเนี่ย”
“ข่าวอะไรครับ แล้วอาจารย์โกโจเขา…”
“อาจารย์โกโจเขาย้ายออกไปแล้ว”
“….”
“เห็นเขาบอกว่ามีธุรกิจที่บ้านนะ เปิดร้านกาแฟ อร่อยมากเลยล่ะ อาจารย์โกโจเขาก็เคยหิ้วเอามาฝากอาจารย์นะ....”
“ผมกลับก่อนนะครับอาจารย์ ...พอดีมีซ้อมกีฬาต่อน่ะครับ”
It drives me wild
“ย้ายออกงั้นเหรอ..”
ยูจิเดินพึมพำกับตัวเองขณะที่เขากำลังเดินกลับบ้าน ความรู้สึกของเขาในตอนนี้มันยิ่งกว่าว่างเปล่า ในขณะที่ก่อนหน้านี้เขายังเตรียมใจที่จะได้เจอหน้าอีกฝ่ายที่โรงเรียน แต่ในวันนี้..มันไม่ใช่แบบนั้นอีกต่อไปแล้ว อาจารย์โกโจไม่ได้อยู่ที่โรงเรียนอีกต่อไป และยูจิเองก็ไม่รู้จะไปตามหาเขาจากที่ไหนแล้วเช่นกัน ราวกับว่าอีกฝ่ายได้หายไปจากชีวิตของเขาอย่างถาวร เมื่อคิดแบบนี้เขากลับรู้สึกว่าในอกมันเบาหวิวเสียจนน่าใจหาย
จนกระทั่งภาพในวันนั้นวนหวนกลับมาในความคิดอีกครั้ง หลังจากที่อาจารย์โกโจพูดจบ เขาก็ไม่อาจทนฟังหรือทนอยู่ในห้องนั้นได้อีกต่อไป เขายิ่งร้องไห้เสียงดังขึ้น ทั้งยังผลักตัวของอาจารย์ออกอย่างแรงและลุกขึ้นเดินออกมาโดยไม่เหลียวหลังแม้แต่น้อย
อาจารย์โกโจเป็นบุคคลที่เขาไม่เคยอ่านใจได้เลย..
เด็กหนุ่มได้เดินผ่านหน้าร้านขายขนมโมจิร้านหนึ่ง เขามักจะกินร้านนี้บ่อยๆ เพราะมันอยู่ทางผ่านระหว่างโรงเรียนกับบ้านพอดี ซ้ำยังอร่อยจนเขาโตมาขนาดนี้ก็ยังไม่เคยเบื่อรสชาติของโมจิร้านนี้เลยสักวัน แต่ในวันนี้เขาคงไม่มีอารมณ์จะแวะนั่งกินขนมโมจิสักเท่าไหร่นัก หากไม่ติดที่เขาลืมสังเกตถึงใครบางคนที่ทำทีเป็นนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่หน้าร้าน มือใหญ่ยกแก้วน้ำชาขึ้นจิบอย่างเรียบง่ายในขณะที่สายตาจับจ้องที่เด็กหนุ่มไม่วางตา
และก่อนที่ยูจิจะเดินผ่านร้านไป ชายหนุ่มคนนั้นก็ได้วางหนังสือพิมพ์ลงและลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะตามด้วยเสียงคุ้นหูที่ทำเอาร่างเล็กชะงักฝีเท้ากับที่
“ยูจิคุง”
เด็กหนุ่มกลับหลังหันไปมองอย่างรวดเร็ว พร้อมกับชายคนนั้นที่เดินออกมายืนอยู่กลางทางเดินตรงข้ามกันกับเขา เขาคือชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ที่ยูจิคุ้นตาเป็นอย่างดี แม้จะอยู่ในเสื้อยืดสีดำคอกว้างกับรองเท้าแตะธรรมดาก็ตาม แว่นตาดำก็ไม่ได้ทำให้สายตาของเขาที่มองยูจิเปลี่ยนไป ซ้ำยังชัดเจนมากขึ้นไปอีกเมื่อเขาแทนสรรพนามที่ต่างออกไป
“อาจารย์โกโ…”
“อาจารย์ที่ไหนกันล่ะ” โกโจยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะก้าวเท้าเข้ามายืนตรงหน้าเขาในระยะไม่ห่างมาก “..ใครจะอยากเป็นอาจารย์กัน”
สิ้นคำพูด ร่างทั้งร่างของยูจิกระโดดเข้าใส่ร่างสูงอย่างเต็มแรงด้วยรอยยิ้มกว้าง ตามด้วยเสียงหัวเราะน่าฟังที่ทำเอาคนตัวโตกว่าอดยิ้มตามไม่ได้ พวกเขายืนกอดกันกลมก่อนที่ร่างเล็กกว่าจะโดนชายหนุ่มจับหอมแก้มฟอดใหญ่กลางทางเดินที่มีผู้คนผ่านไปมา บางคนก็มองสิ่งที่พวกเขากระทำ แต่ท้ายที่สุดก็ไม่สนใจและมองผ่านไป..
คงจะไม่มีอีกแล้วการที่จะต้องหลบๆ ซ่อนๆ และในบางครั้งที่การเสียสละมันอาจจะแลกได้กับสิ่งที่ล้ำค่ายิ่งกว่านั้น
กาแฟก็ไม่ได้ขมอย่างที่คิดจริงๆ ด้วยสินะ
END
___________________
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in