เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
SF | ambrosialzd__gim
โพสต์นี้มีเนื้อหาที่อาจไม่เหมาะสมกับเยาวชน Charcoal
  • Charcoal รสชาร์โคล

    Theme song; goosebumps · Travis Scott

     

     

    คำเตือน; เนื้อหา 18+ (หรือ 20+ ไม่มั่นใจค่ะ ;___;) + **โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะคะ** เนื่องจากมีเนื้อหาเกี่ยวกับฝาแฝด/พี่น้อง ชิป/จินตนาการอย่างมีผู้ศีลธรรมในหัวใจกันนะคะไม่พูดเยอะ แหะ.. ปล. Omegaverse เรื่องแรกของไรท์เลย หวังว่าจะชื่นชอบกันนะคะ 



    Yeah

    7:30 in the night 



    ความเท่าเทียมช่างหาได้ยากจากโลกที่มากไปด้วยผู้คนมากมาย หลากหลายความคิด หลากหลายนิสัย และหลากหลายครอบครัว ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ได้ถึงความเป็นมาของกฎบนโลกใบนี้ แม้กระทั่งศาสดาแห่งวิทยาศาสตร์หลายคนก็ไม่สามารถให้คำตอบของมันได้อย่างกระจ่างแท้ ใครเป็นคนสร้างขอบเขตของสิ่งมีชีวิตขึ้นมา ใครเป็นคนขีดเส้นใต้ความไม่เท่าเทียมเหล่านั้นกันแน่



    สิ่งมีชีวิตไม่ได้ถูกให้กำเนิดมาด้วยการเป็นพันธมิตรกันเสียทั้งหมด ผู้คนบนโลกใบนี้ต่างรู้ดี..ผู้ที่เกิดมาอยู่เบื้องบนใช้ชีวิตอย่างเป็นใหญ่ และผู้ที่เกิดมาอยู่เบื้องล่างก็ต้องถูกกดขี่ข่มเหงต่อไป



    เมื่อมีเหยื่อ ก็ต้องมีนักล่า..



    ..และเมื่อมีนักล่า ก็ต้องมีเหยื่อ ที่ต้องคอยรองรับความหิวกระหายเหล่านั้น



    ร่างสูงหนาเดินอยู่ภายในบ้านชั้นสอง เรือนผมสีโรสโกลด์ตัดสั้นเสยเปิดหน้าผากเผยกรอบหน้าคมคายเด่นชัด แววตาดุดันดูเบื่อโลกอยู่ตลอดเวลาหากแต่แพรวพราวไปด้วยเสน่ห์เล่ห์กล เขาเปลือยร่างกายกำยำท่อนบนเดินไปมาภายในบ้านด้วยความเคยชิน ล้วงกระเป๋ากางเกงวอร์มขายาวลงบันไดตรงดิ่งไปยังห้องครัว



    ฟืด..



    ขายาวหยุดชะงักกึกที่หัวบันได เมื่ออวัยวะรับกลิ่นที่ดีที่สุดในร่างกายเริ่มสัมผัสได้กับอะไรบางอย่างตามสัญชาตญาณดิบที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด สำหรับอัลฟ่าจ่าฝูงอย่างเขาแล้ว เพียงแค่กลิ่นจางๆ ก็สามารถทำให้มันชัดเจนในความคิดได้อย่างไม่ยากเย็น กลิ่นฟีโรโมนคุ้นเคยที่เขามักจะได้กลิ่นในช่วงที่ใครบางคนลืมทานยาระงับอาการฮีทอยู่เป็นประจำ



    เรียวเมน สุคุนะ สาบานกับตัวเองว่าครั้งนี้มันรุนแรงกว่าครั้งไหนๆ ในรอบหลายเดือน เขาก้าวลงบันไดบ้านไปตามกลิ่นที่มาจากในครัวพอดิบพอดี ช่วงเวลาในตอนนี้ถือว่าดึกมากพอสมควร เขาเพียงแค่จะเดินลงมาดื่มน้ำในตู้เย็น แต่กลับได้เจอกับน้องชายฝาแฝดของตนเองกำลังยืนกำขอบเคาน์เตอร์ด้วยสภาพร่างกายที่สั่นสะท้านไม่สู้ดีนัก..



    “เฮ้ย” เสียงทุ้มเข้มเอ่ยห้วน พร้อมร่างหนาที่เดินเข้าไปใกล้ตัวต้นเหตุของกลิ่นฟีโรโมนหอมกรุ่น “เป็นอะไรของนาย”



    มันเป็นความเคยชินสำหรับชายหนุ่มไปแล้วที่ต้องเจอกับอะไรแบบนี้อยู่เป็นประจำ และเพราะความเคยชินเหล่านี้เองที่ทำให้สุคุนะสามารถเอ่ยกับอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงดุดันโดยไม่สนใจกลิ่นฟีโรโมนที่กระจายรอบตัวในตอนนี้ แต่ก็ไม่ใช่ว่ามันจะไม่รบกวนสติสตางค์ของเขาเลยเสียทีเดียว



    เพราะน้องชายฝาแฝดของเขา อิทาโดริ ยูจิ เป็นโอเมก้าจ่าฝูงที่มีการปล่อยฟีโรโมนออกมามากกว่าโอเมก้าโดยปกติทั่วไป น่าแปลกที่พวกเขาเป็นฝาแฝดกันแต่กลับมีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดในเรื่องของชนชั้นและความแตกต่างในเรื่องของฝูงสายเลือด แต่แน่นอนว่าในฐานะของพี่ชายฝาแฝดแล้ว สุคุนะไม่เคยคิดที่จะทำอะไรที่มันเกินกว่าเหตุอย่างที่มันควรจะเป็น



    แววตาเป็นห่วงเริ่มฉายชัดในดวงตาแข็งกร้าวของร่างหนา เขายืนซ้อนข้างของน้องชายพร้อมเอื้อมมือไปจับที่ต้นแขนเล็กกว่า ค่อยๆ ออกแรงดึงแขนยูจิให้หันกลับมามองหน้าเขา



    “ไหวไหม?”



    แต่ทว่า คำตอบของเขากลับถูกตอกกลับด้วยกลิ่นหอมฟีโรโมนที่คละคลุ้งอยู่ทั่วบริเวณเคาน์เตอร์ครัว โดยเฉพาะยามเมื่อร่างบางกว่าหันกลับมา ราวกับผนึกบางอย่างที่สุคุนะได้คิดไว้มันถูกปลดออกอย่างฉับพลัน ร่างตรงหน้ากำลังสั่นสะท้านราวกับกำลังหนาวจัด ใบหน้าและใบหูแดงก่ำเหมือนมะเขือเทศสุก ดวงตาสีอำพันคลอด้วยหยาดน้ำตาเปียกขนตาสวย ริมฝีปากอิ่มระเรื่อเผยอ้าเล็กน้อยพร้อมลมหายใจร้อนที่กำลังกระเพื่อมอกอยู่ตรงหน้าเขา เรียวขายืนหุบเข้าหากันเล็กน้อยบ่งบอกว่ากำลังมีบางอย่างที่มันกำลังตื่นตัวอยู่ภายใน ชายหนุ่มผู้เป็นพี่ชายสังเกตเห็นในมือเล็กถือขวดน้ำอยู่ ซึ่งเขาคาดเดาว่าอีกฝ่ายคงพยายามอย่างเต็มที่แล้วในการที่จะลงมากินยาให้ทันก่อนเวลาฮีทในคืนนี้



    “อ..อือ..”



    ชายหนุ่มที่หน้าตาเหมือนเขาทุกประการหากแต่มีความไร้เดียงสากว่าพยายามแค้นเสียงตอบ แต่เสียงนั้นกลับแหบหวานชวนทำให้เสียงกระสันเพิ่มเสียจริง..แต่นั่นก็เป็นเพียงความคิดชั่ววูบที่เกิดขึ้นในสมองของร่างหนา สุคุนะปล่อยมือจากต้นแขนของยูจิ เมื่อเขาเข้าใจทุกอย่างจึงหันตัวออกจากร่างเล็กหมายจะให้กลิ่นหอมยั่วยวนจากน้องชายฝาแฝดมันเจือจางลง แต่ไม่เลย..เขายกมือขึ้นบีบระหว่างหัวคิ้วหวังจะให้อาการมึนศีรษะทุเลาลง นึกเกลียดตัวเองที่เป็นอัลฟ่าจ่าฝูงซึ่งมีสัมผัสที่ไวกว่าอัลฟ่าทั่วไป ในขณะเดียวกันก็สามารถควบคุมความอยากและความต้องการของสัญชาตญาณได้ดีเช่นกัน



    “ทำไมไม่รีบกินยา ต้องให้ด่าทุกครั้งเลยหรือไง” สุคุนะพูดด้วยน้ำเสียงดุเข้มหมายจะให้คนด้านหลังสำนึกถึงสิ่งที่ตัวเองผิดพลาดในตอนนี้ เขาได้ยินเสียงเปิดฝาขวดน้ำพร้อมกับเสียงกลืนน้ำลงคออย่างยากลำบาก เขาพอจะเดาได้ว่าเม็ดยาคงจะถูกกำอยู่ในมือสักข้างหนึ่งของยูจิและหวังว่าในตอนนี้มันจะถูกน้องชายฝาแฝดของเขากินไปแล้ว “กินเสร็จก็รีบขึ้นไปนอนได้แล้ว”



    “ฮ้า…” เสียงพ่นลมหายใจดังขึ้นเมื่อร่างบางยกน้ำดื่มจนหมดขวด ยูจิใช้แขนเสื้อของชุดนอนเช็ดมุมปากที่เปียกชื้นและกลับหลังหันมามองร่างหนากว่าด้วยสายตาไม่พอใจเล็กน้อย “..นายนั่นแหละไปนอนเลย”



    กลับเป็นสุคุนะที่หันกลับมามองตาขวาง ไล่มองน้องชายฝาแฝดตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าที่แม้แต่จะยืนจ้องเขม็งกับเขาโดยไม่จับขอบเคาน์เตอร์ยังทำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ มุมปากขยับแสยะยิ้มถึงแววตาไม่สู้ดีที่ยูจิได้แสดงออกมา เขารู้ดีว่ายาระงับอาการฮีทที่น้องชายของเขาเพิ่งจะกินเข้าไปมันไม่ได้ออกฤทธิ์โดยทันที สิ่งที่กำลังตื่นตัวอยู่หว่างขาเรียวของน้องชายในตอนนี้ก็เช่นกัน น่าแปลกใจที่เขากลับรู้สึกเอ็นดูยูจิอยู่ตลอดยามเมื่อคิดถึงความแตกต่างของพวกเขาทั้งคู่เช่นนี้



    “พูดมากไอ้โอเมก้า ยายังไม่ออกฤทธิ์ก็เก่งซะแล้วนะ” เขาพูดราวกับเยาะเย้ยก่อนจะเบี่ยงตัวเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบขวดน้ำออกมา โดยไม่ได้สนใจแววตาขุ่นเคืองของแฝดคนน้องที่มองตามไม่วางตา



    “เหอะ เงียบไปเลย ไอ้อัลฟ่าท้ายแถว”



    แต่ใช่ว่าอิทาโดริ ยูจิ เป็นคนปากหวานเสียที่ไหน เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงใส่อารมณ์และค่อยๆ พาร่างแสนปวกเปียกของตัวเองเดินกลับไปยังห้องนอนชั้นบน แน่นอนว่าประโยคดูถูกสัญชาตญาณดิบในร่างกายมันกระตุกต่อมหงุดหงิดของสุคุนะเป็นที่สุด ก่อนที่อีกฝ่ายจะเดินไปได้ไกลกว่านี้ สุคุนะเอื้อมมือไปตบเข้าที่หลังหัวของยูจิเบาๆ อย่างมันเขี้ยว และเขาก็ทำได้เพียงเท่านั้น ได้ยินเสียงกระฟัดกระเฟียดของน้องชายเล็กน้อยแต่ก็ยอมเดินจากไปแต่โดยดี เขามองตามแผ่นหลังเล็กกว่าที่ค่อยๆ เดินออกจากห้องครัวไป ปล่อยให้ตัวเองยืนถือขวดน้ำชะงักค้างอยู่อย่างนั้นหลายนาทีภายในความเงียบ..



    เขาไม่อยากยุ่งกับยูจิมากในช่วงที่กำลังฮีท เขารู้ว่าอีกฝ่ายจะไม่มีความคิดเป็นของตัวเองยามเมื่ออาการหรือความต้องการเข้าครอบงำ แต่มันยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพราะเขารู้ดีว่านั่นคือน้องชายเพียงคนเดียวของเขา สุคุนะไม่คิดที่จะย่ำยีความเปราะบางนั้นโดยเด็ดขาด เพียงแค่ในขณะเดียวกันเขาก็ต้องการความร่วมมือจากน้องชายฝาแฝดด้วยเช่นกัน



    เพราะเขาเองต่างหากที่จะควบคุมตัวเองไม่อยู่ ในวันไหนที่ยูจิฮีทขึ้นมาแล้วมันหนักมากจนเกินไป..สุคุนะไม่อาจรับประกันได้เลยว่าเขาจะสามารถดึงสติของตัวเองได้อย่างที่ควรจะเป็น



    มือใหญ่ยกน้ำขึ้นดื่ม ให้ความเย็นเยือกของน้ำเปล่าบริสุทธิ์ไหลผ่านลงลำคอที่กำลังร้อนผ่าวจากการถูกมอมเมาของกลิ่นฟีโรโมนหอมกรุ่นโดยไม่ได้ตั้งใจจากยูจิ



    เขาคิดว่าสักวัน..



    ...สักวันที่ความอดทนของเขาหมดลง อะไรจะเกิดขึ้นบ้างนะ



    I get those goosebumps every time, yeah, you come around, yeah

    You ease my mind, you make everything feel fine

    Worry about those condoms



    “เหม่ออีกแล้วนะ สุคุนะ”



    ชายหนุ่มหลุดจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงเพื่อนในกลุ่มคนหนึ่งเอ่ยถึงเขาที่กำลังนั่งกอดอกพาดเท้าบนโต๊ะเรียนด้วยท่าทีสบายๆ สายตาเหม่อมองออกไปยังด้านนอกหน้าต่างห้องเรียนที่ในตอนนี้เป็นช่วงฤดูใบไม้พลิ ดอกซากุระต้นใหญ่กำลังออกดอกสีชมพูบานสะพรั่งชวนมอง สุคุนะหันหน้ากลับมามองเพื่อนในกลุ่มซึ่งโดยส่วนใหญ่จะเป็นชายหนุ่มหน้าตาไม่ค่อยเป็นมิตรและแต่งกายผิดระเบียบ ทั้งยังสูบบุหรี่และชอบรังแกคนอื่น นั่นคือเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของกลุ่มพวกเขา



    “แค่ไม่อยากทนดมกลิ่นพวกโอเมก้าที่ไม่ยอมกินยาระงับฟีโรโมน”



    สุคุนะเอ่ยตอบเพื่อนคนนั้นไปพลางทำหน้าเบื่อหน่าย มันเป็นปกติมากที่เขามักจะเจออยู่บ่อยครั้ง ในบางครั้งฝ่ายอัลฟ่าเองก็กลายเป็นกลุ่มคนที่ลำบากในการใช้ชีวิตเมื่อเจอโอเมก้าบางคนที่ไม่ยอมทานยาระงับอาการฮีท อาจจะเนื่องด้วยเหตุผลหลายประการที่ถูกหยิบยกขึ้นมา แต่สำหรับสุคุนะแล้วนั้นมันฟังไม่ขึ้นเลยสักนิดเดียว



    บางคนไม่ยอมกินยาเพราะต้องการมีเซ็กส์กับอัลฟ่าอย่างอิสระ บางคนไม่ยอมกินเพราะต้องการป่าวประกาศว่าตัวเองไม่ต้องกินยาระงับก็ไม่มีใครสามารถทำอะไรตัวเองได้ ทั้งที่แบบนั้นมันไม่สมควรเลยสักนิด



    ถ้ายูจิเป็นแบบคนพวกนั้น เขาจะลงโทษให้หนักเลย



    “นายรู้เรื่องหรือยัง สุคุนะ..มีโอเมก้าไม่ยอมกินยาต้องการมีเซ็กส์กับนาย” เพื่อนในกลุ่มคนหนึ่งเอ่ยขึ้นโดยที่ชายหนุ่มไม่ได้หันไปมอง “เขาลือกันมาหลายวันแล้ว ไอ้หมอนั่นเที่ยวเดินหานายไปทั่ว”



    “ทุเรศจังว่ะ”



    “ทำเหมือนสุคุนะจะสนใจน่ะ ฮ่าๆๆ!”



    สุคุนะแค้นหัวเราะเบาๆ ในลำคอ ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่นักที่กลุ่มเพื่อนของชายหนุ่มจะพูดจายกย่องเขายิ่งกว่าใคร ในเมื่อสุคุนะเป็นถึงอัลฟ่าจ่าฝูง ฟีโรโมนของเขาจะมีมากกว่าอัลฟ่าทั่วไปถึงสิบเท่า แน่นอนว่านอกจากความสามารถในเรื่องของการควบคุมอารมณ์ได้ดีแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นคือรสนิยมการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่สามารถมองว่ามันธรรมดาได้อีกต่อไป เมื่อเอ่ยถึงจ่าฝูงของเหล่าอัลฟ่าแล้ว ความเร่าร้อนต้องมาก่อนเป็นอันดับหนึ่ง



    ในบางครั้งความเป็นอัลฟ่าจ่าฝูงก็มักจะชวนดึงดูดให้เหล่าโอเมก้ารอบข้างมาติดกับได้โดยง่าย ถึงขนาดเพียงแค่ตวัดสายตามองก็สามารถทำให้โอเมก้าบางคนสามารถฮีทขึ้นมาได้โดยทันทีแม้จะทานยาระงับฮีทไว้แล้วก็ตาม แต่ฟีโรโมนของโอเมก้าทั่วไปกลับไม่ได้ทำให้ชายหนุ่มเกิดอารมณ์ได้ นอกเสียจากจ่าฝูงต้องมาเจอกับจ่าฝูงเท่านั้น สุคุนะถึงจะสัมผัสได้ว่านี่แหละคือกลิ่นอันหอมหวานของราชินีโอเมก้าที่เขาคู่ควร



    ซึ่งเขาได้กลิ่นนั้นบ่อยมาก จากตัวของยูจิ



    เสียงหัวเราะของเหล่าเพื่อนในกลุ่มไม่ได้ดังเข้าโสตประสาทของสุคุนะอีกต่อไป เขากลับมานั่งเหม่ออีกครั้งเมื่อรู้สึกว่าเนื้อหาในการสนทนาช่างไร้สาระเหลือเกิน มือใหญ่ยกขึ้นมาเกาหลังหูที่เต็มไปด้วยเหล็กของจิวสีดำโค้งรอบแนวหู มองท่อนแขนของตนเองที่เสื้อเชิ้ตถูกพับขึ้นถึงข้อศอก นาฬิกาข้อมือและลิสแบรนด์ที่สวมใส่อยู่ล้วนแล้วแต่เป็นสีดำ เสื้อไม่ได้เอาเข้ากางเกงและปกเสื้อที่ปลดกระดุมออกสองเม็ดบน เสื้อด้านในก็เป็นเสื้อยืดธรรมดาซึ่งมันผิดระเบียบของสถาบันอยู่แล้ว



    เมื่อมองโดยภาพรวมเขาช่างแตกต่างจากน้องชายฝาแฝดราวกับฟ้ากับเหว ยูจิเป็นนักเรียนที่อยู่ในห้องเรียนดีในระดับหนึ่ง ในขณะที่สุคุนะกลับเป็นเด็กในห้องท้ายที่คุณครูมักจะมองข้ามไปเพราะถูกมองว่าเป็นเด็กเหลือขอและหัวแข็ง เวลามีงานหรือเนื้อหาที่เขาไม่เข้าใจ คุณครูจำเป็นสำหรับชายหนุ่มก็คงจะไม่พ้นน้องชายฝาแฝดของเขา



    ในบางครั้งเพื่อนในระดับชั้นเดียวกันหรือรุ่นน้องบางคนก็มักจะคิดว่า ที่อิทาโดริ ยูจิ ไม่เคยโดนกลุ่มอันธพาลในโรงเรียนกลั่นแกล้งเลยสักครั้ง มันก็เป็นเพราะไม่มีใครอยากมีเรื่องกับอัลฟ่าจ่าฝูงอย่างเขาเสียมากกว่า หรือในบางครั้งยูจิก็มักจะถูกนำเรื่องราวไปพูดต่อในทางที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก เนื่องด้วยครอบครัวนั้นเป็นอัลฟ่าทั้งหมด มีเพียงยูจิเท่านั้นที่หลุดมาเป็นโอเมก้าตัวน้อยเพียงคนเดียว ซ้ำยังเป็นโอเมก้าจ่าฝูงซึ่งเป็นแม่พันธุ์ที่ยอดเยี่ยมอีกต่างหาก



    สุคุนะก็ไม่ได้อยากพูดอย่างเต็มปากหรอกว่าเขาหวงน้องชายฝาแฝดยิ่งกว่าอะไร.. เพียงแต่เขาถูกปลูกฝังมาว่าให้ดูแลน้อง ซึ่งเป็นโอเมก้าอย่างดีที่สุดเท่าที่พี่ชายจะทำได้ แล้วยิ่งเป็นพี่ชายที่มีอุปนิสัยป่าเถื่อนอย่างเขายิ่งแล้วใหญ่



    I’ m way too numb, yeah, it’ s way too dumb, yeah

    I get those goosebumps every time, I need the Heimlich

    Throw that to the side, yeah



    ในทุกๆ เย็น เขามักจะเป็นฝ่ายมายืนรอยูจิเข้าชมรมวิชาคณิตศาสตร์ในช่วงเย็นอยู่เป็นประจำ ซึ่งวันนี้ก็เช่นเดียวกัน..



    ร่างหนายืนสะพายกระเป๋าข้างหนึ่งและล้วงกระเป๋ากางเกงกวาดตามองไปโดยรอบอย่างไม่เป็นมิตรเท่าไหร่นัก ยูจิมักจะพูดเสมอว่าเขามันเป็นผู้ชายขี้เก๊กที่สุดในสามโลก ซึ่งเขาเถียงขาดใจว่ามันเป็นธรรมชาติของเขาต่างหาก หาใช่อารมณ์เก๊กเพื่อให้กลายเป็นจุดสนใจสักหน่อย ต่อให้เขาไม่ต้องพยายามวางมาดให้ดูดุดัน เหล่าโอเมก้าก็เหลียวมองจนคอแทบบิดไปหลายคนแล้ว



    “เฮ้!!!”



    เสียงนุ่มร้องดังอยู่ด้านหลังใกล้ๆ หู หวังจะให้เขาสะดุ้งตกใจแต่กลับไม่เป็นผล สุคุนะหันไปมองยูจิที่เห็นสีหน้าของเขาไม่ได้ตื่นตระหนกอย่างที่คาดหวังก็ได้แต่ยืนหางคิ้วตก มองหน้าพี่ชายที่เหมือนอารมณ์ไม่ดีอยู่ตลอดเวลา



    “เพื่อนเล่น?” ร่างหนาขมวดคิ้วเล็กน้อย



    “ก็เพื่อนป่ะ” ฝ่ายน้องชายฝาแฝดของเขายืนไหวไหล่ ไม่ได้ทุกข์ร้อนกับคำถามแสนเหวี่ยงของสุคุนะเลยสักนิด



    “พี่”



    “เกิดก่อนไม่กี่นาที ทำเป็นปากเก่ง”



    “เดี๋ยวจะได้ปากแตกนะ” สุคุนะพ่นลมหายใจแรง เขาตบเข้าที่หลังของยูจิด้วยแรงพอประมาณ แต่ร่างของน้องชายกลับแสดงออกเหมือนถูกเขาทุบหลังอย่างแรงยังไงอย่างงั้น “เลิกเรียนก็ช้า”



    “โอ๊ย! แล้วจะตีทำไมเนี่ย!” ยูจิทำหน้ามุ้ยเอื้อมมือไปลูบหลังปอยๆ ไม่ได้รู้เลยว่ามันน่าเอ็นดูมากในสายตาของคนมอง “จะให้ทำยังไงล่ะ ก็รอกลับพร้อมกันไม่ได้หรือไง”



    “ไม่ชอบรอ”



    “แล้วใครจะชอบ” ยูจิเอ่ยคำขาด “แต่สัญญาแล้วหนิว่าจะกลับบ้านด้วยกันตลอดไป ฉะนั้นทำตามที่พูดซะ”



    “นั่นมันตอนอนุบาลไหม” สุคุนะเลิกคิ้ว “รีบกลับได้ละ อยากเล่นเกม”



    เขาว่าพลางเดินนำไปก่อนโดยไม่รอ และไม่ได้สังเกตเลยว่าน้องชายฝาแฝดยืนทำหน้าทำตาล้อเลียนชายหนุ่มลับหลัง ก่อนจะถูกเสียงเข้มดุขึ้นมาอีกครั้งถึงได้ยอมวิ่งตามหลังไปและเดินข้างกัน



    พวกเขามักจะใช้ชีวิตอยู่อย่างนี้ทุกวัน นั่งรถเมล์มาโรงเรียนพร้อมกันและรอกลับบ้านพร้อมกัน ในบางครั้งที่สุคุนะอยากจะโดดเรียนไปข้างนอก หรืออยากไปสังสรรค์จนเช้าตรู่ เขาก็เลือกที่จะรีบกลับมาอาบน้ำแต่งตัวแล้วไปส่งยูจิที่โรงเรียนก่อน หรือถ้าโดดเรียนออกไปในตอนกลางวัน ตกเย็นเขาก็จะนั่งรถเมล์กลับมารอน้องชายฝาแฝดที่หน้าประตูโรงเรียน และนั่งรถกลับบ้านไปด้วยกันทุกครั้ง



    เขาไม่ได้ทำตามคำสัญญาบ้าบอตั้งแต่สมัยเด็กนั่น..



    เขาแค่ไม่อยากเห็นยูจิทำหน้าบูดบ่อยๆ ก็แค่นั้น



    “อ่า จริงด้วย” ดูเหมือนคนข้างกายของเขาจะนึกอะไรออกจึงได้เอ่ยขึ้นมา สุคุนะปรายหางตามองใบหน้าที่กำลังฉายแววสดใสเล็กน้อย “นายมีศัตรูหรือเปล่าช่วงนี้”



    “หื้ม..?” สุคุนะหันขวับ “ถามทำไม”



    “ช่วงกลางวันฉันถูกอัลฟ่ากลุ่มหนึ่งจ้องซะนานเลย เหมือนเคืองอะไรสักอย่าง ฉันก็ไม่ได้ไปทำอะไรใครก่อนเหมือนนายด้วย ก็เลยลองถามดู”



    “ว่ายังไงนะ”



    “นายได้ยินตามนั่นแหละ ขี้เกียจพูดซ้ำแล้ว” ยูจิว่าพลางจับสายสะพายกระเป๋า มองพื้นฟุตบาทที่กำลังเดินขนาบข้างกับพี่ชาย “จะทำอะไรก็ระวังหน่อย รู้ตัวไหม...มีเรื่องวิวาททีไรฉันไม่ชอบเลย นายเจ็บตัวบ่อยๆ เนี่ย”



    “ฉันเลิกไปทะเลาะกับคนอื่นนานแล้ว ไม่รู้หรือไง”



    “รู้คงเตือนหรอกมั้ง.. เห็นเพื่อนในห้องฉันยังพูดถึงกลุ่มของนายอยู่เลย”



    “ช่างแม่งพวกมันสิวะ” สุคุนะเริ่มแสดงสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย “รู้ว่าฉันไม่ไปทำอะไรโง่ๆ แค่นั้น พอ..ขี้เกียจจะแก้ตัวบ่อยๆ” ร่างหนาว่าพลางกลอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่าย เขาละไม่ชอบจริงๆ ที่ยูจิมักจะเชื่อสิ่งรอบข้างมากกว่าตัวเขา ถึงสุคุนะจะรู้ตัวว่าตัวเองเป็นคนขี้แกล้ง แถมยังกะล่อนปลิ้นปล้อน ปากเสีย อารมณ์ร้อน เจ้าชู้ เอาแต่ใจ นับสารพัดที่น้องชายฝาแฝดนิยามตัวตนของเขาขึ้นมา แต่เขาก็ไม่ใช่คนที่จะไม่ฟังความเลยเสียหน่อย อย่างน้อยถ้ามันออกมาจากปากของยูจิเอง.. เขาเลือกที่จะเชื่อน้องชายฝาแฝดมากกว่าเชื่อการตัดสินใจของตัวเองด้วยซ้ำ



    “แล้วกลุ่มที่มองนี่..รู้จักพวกมันไหม?”



    “สุคุนะ”



    “อะไร”



    “หยุดความคิดที่จะไปหาเรื่องทะเลาะเลยนะ”



    สุคุนะหันไปมอง พลางขมวดคิ้วแน่น “ฉันแค่ถาม”



    “ก็ทุกทีพอฉันบอกข้อมูลทีไร ก็ได้ยินว่านายไปเอาเรื่องพวกนั้นตลอดเลย”



    “กลุ่มเดิมเหรอ?”



    “นี่ เข้าใจที่ฉันพูดไหมเมื่อกี้” ยูจิเริ่มแสดงอาการกระฟัดกระเฟียดขึ้นมา “ไม่ใช่กลุ่มเดิมสักหน่อย กลุ่มใหม่ต่างหาก..แต่ช่างมันเถอะหน่า เขาคงจะมองเฉยๆ คงไม่มีอะไรหรอก”



    “โลกสวยไม่เข้าเรื่อง” เสียงเข้มเอ่ยห้วนชวนบาดหูคนฟังอย่างมาก แต่ยูจิรู้วิธีรับมือการวาจาเหวี่ยงอารมณ์เหล่านั้น



    “เรียกมองโลกในแง่ดีต่างหาก” ก่อนมุมปากเล็กของยูจิจะเริ่มคลี่ยิ้มเมื่อพวกเขาเดินมาถึงจุดรอขึ้นรถเมล์อย่างที่ทำเป็นประจำ ก่อนร่างบางกว่าจะออกตัววิ่งนำหน้าเขาไปหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าจับสายสะพายพร้อมรอยยิ้มหวาน “วันนี้ไปกินไอศกรีมกันไหม!”



    “อยากกินเหรอวันนี้” สุคุนะยังคงมีสีหน้าเบื่อหน่ายอยู่ตลอดเวลา แต่ยูจิมองข้ามปัญหานั้นไป “ถ้าอยากกินก็ไปสิ...ไปคนเดียว”



    จากรอยยิ้มที่บานสะพรั่งสู้กับพระอาทิตย์ในช่วงกลางวัน กลับแปรเปลี่ยนเป็นผักเฉาๆ ในตลาดสดโดยทันที ยูจิกอดอกทำท่าทางไม่พอใจกับคำตอบที่ได้ ใบหน้าอ่อนเยาว์กว่าเขาเริ่มเบะราวกับสวมบทบาทสมมุติเป็นเด็กชายที่งอแงอยากได้สิ่งของจากผู้ใหญ่ ยูจิรู้ดีว่าอย่างสุคุนะที่พื้นฐานเดิมเป็นคนด้านชาอยู่แล้วนั่น..



    “อย่าแล้งน้ำใจกับน้องชายสิครับ พี่ชาย”



    น้ำเสียงโอนอ่อนนั้นเรียกความสนใจและสายตาอึ้งๆ จากสุคุนะได้โดยทันที ร่างหนาหันมามองยูจิที่เดินเข้ามากอดแขนข้างหนึ่งของเขาช้าๆ ดวงตากลมโตช้อนขึ้นมองเขาเพียงเล็กน้อย ริมฝีปากอิ่มยื่นออกมาเผยสีชมพูระเรื่อราวกับลูกพีชสุกปลั่ง..



    I get those goosebumps every time, yeah, when you’ re not around

    When you throw that to the side, yeah

    I get those goosebumps every time, yeah



    เขาแค่..แพ้ทาง...



    “จะอ้วก” สุคุนะว่าเสียงแข็งพลางดึงแขนตัวเองออกจากพันธนาการแผ่วเบา แสมองไปทางอื่นราวกับมีบางอย่างที่ถูกหลบซ่อนไว้จากยูจิอย่างชัดเจน ร่างบางขยับยิ้มแล้วขยับตัวไปมองตาม ฝ่ายสุคุนะที่รู้สึกไม่เป็นตัวเองขึ้นมาจึงเริ่มตีหน้าไม่พอใจใส่ฝ่ายน้องชายและเอ่ยตัดรำคาญลวกๆ “เออๆ เดี๋ยวไปด้วย”



    “ฮ่าๆๆ! หน้านายมันตลกดีชะมัดเลย!” ยูจิหัวเราะร่าพลางเอานิ้วจิ้มที่แก้มใบหน้าคมคายเบาๆ อย่างเย้าหยอก “หัดยิ้มหน่อยสิ จะให้สอนยิ้มเอาป่าว”



    “หุบปากซะ ยูจิ” สุคุนะที่เริ่มรู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นตัวตลกจึงเอ่ยคำขาด สุดท้ายฝ่ายน้องชายก็ยอมปิดปากเงียบและหมุนตัวมายืนรอรถเมล์ข้างเขาเหมือนปกติตามเดิม แต่แทนที่ใจของชายหนุ่มจะรู้สึกดีขึ้นที่ตัวเองไม่ต้องถูกล้อเลียนเรื่องสีหน้า กลับกลายเป็นว่าเขาห่วงความรู้สึกของน้องชายที่ถูกสั่งให้หยุดล้อเขาเสียอย่างนั้น ยิ่งเห็นยูจิเอาแต่ยืนเงียบ เขาก็ยิ่งใจไม่ดีที่จู่ๆ ความสดใสเหล่านั้นมันหายไปราวกับถูกใครสักคนขโมยไปในชั่วพริบตา



    ความสดใสที่เขาชื่นชอบอยู่เสมอมา เพียงแต่เขาไม่เคยแสดงออกเท่านั้น



    “ไม่ต้องสอนฉันยิ้มก็ได้” เขาเปรยขึ้นมา ฝ่ายยูจิเองก็เลิกคิ้วและหันมามองพี่ชายข้างกาย ยังไงนายก็คือรอยยิ้มของฉัน



    และใช่..



    เขาไม่จำเป็นต้องยิ้มก็ได้ เพราะยูจิยิ้มแทนเขาไปหมดแล้วยังไงล่ะ



    “...อืม..”



    ยูจิตอบเสียงอ่อนพลางเอี่ยวตัวหนีไปอีกทาง มือเล็กที่ถูกปล่อยไว้ข้างลำตัวเริ่มกำเนื้อผ้าของกางเกงที่ตนเองสวมอยู่ราวกับทำอะไรไม่ถูก ใบหูเล็กแดงก่ำจนดูออกได้ง่ายเมื่อสุคุนะหันมาสังเกตอาการของน้องชายฝาแฝดบ้าง



    “เขิน?”



    “บ้า ใครเขิน”



    “นั่นดิ ใครวะ” ชายหนุ่มขยับยิ้มมุมปาก แต่มันไม่ได้ดูเป็นรอยยิ้มที่น่าพิสมัยเท่าไหร่นัก “วันนี้อย่าปล่อยให้ตัวเองฮีทอีกล่ะ”



    “รู้แล้วหน่า!” ยูจิเริ่มเปลี่ยนมาใส่อารมณ์แก้เก้อแทน “เหมือนตอนฉันฮีทจะเข้ามาช่วยอย่างนั้นแหละ”



    สุคุนะเงียบไปสักพักหนึ่ง เขาทำเพียงแค่เบือนหน้ากลับมามองอย่างอื่นแทนการมองใบหน้าด้านข้างของยูจิ ทั้งที่สิ่งรอบข้างไม่ได้น่ามองเท่ากับคนข้างกายของเขาด้วยซ้ำไป..



    “ใกล้ตายก่อน แล้วจะช่วย”



    ไม่หรอก..



    ...มันแค่ยังไม่เกิดขึ้นต่างหาก



    I’ m way too numb, yeah, it’ s way too dumb, yeah

    I get those goosebumps every time, I need the Heimlich

    Throw that to the side, yeah



    “วันนี้โดดเรียนกันไหม?”



    “ก็ดีนะ เหม็นขี้หน้าอาจารย์โกะโจนั้นชะมัด..หน้าตาวอนตีนชิบ”



    “เอาสิ” เพื่อนคนหนึ่งในกลุ่มเอ่ย พลางหันมามองที่ร่างหนาที่ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงพิงรั้วตะแกรงเหล็กบนชั้นดาดฟ้า เบื้องหน้าปรากฏควันสีขาวลอยขึ้นมาจากบุหรี่ม้วนหนึ่งในมือ “ไปด้วยไหม สุคุนะ”



    คำถามมาพร้อมกับควันบุหรี่ที่พ่นออกจากปากของสุคุนะ สายตาเบื่อหน่ายติดจะรำคาญตวัดมองเจ้าของคำถาม



    “จะกลับกี่โมง?”



    สุคุนะ!!”



    แต่ทว่าคำถามนั้นกลับถูกปัดตกไป เมื่อเจ้าของเสียงฝีเท้าดังที่วิ่งขึ้นมายังบันไดดาดฟ้าตะโกนเรียกชื่อของชายหนุ่มด้วยเสียงอันดัง เขาหันไปมองตามเสียงเรียกด้วยความรวดเร็วแต่แววตายังคงไม่มีความตื่นตระหนกใดๆ แต่เมื่อเห็นว่าคนที่วิ่งมานั้นเป็นเพื่อนสนิทของน้องชายฝาแฝด ลางสังหรณ์บางอย่างที่ไม่ดีของเขาก็เริ่มก่อตัว..



    “เมกุมิ” สุคุนะยันกายจากตะแกรงเหล็กยืนเต็มความสูง มือยกบุหรี่ขึ้นสูบ “มีอะไร..”



    “ยูจิ!” ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีดำขลับรีบก้าวเข้ามาหาร่างหนา แววตาหวั่นวิตกฉายเด่นชัด ก่อนประโยคต่อมาจะแทบทำให้เส้นความอดทนของสุคุนะขาดสะบั้น “มีคนแกล้งเอายาแก้ฮีทของยูจิไปทิ้ง! ตอนนี้ไม่รู้ยูจิอยู่ที่ไหน..แต่ถ้าไม่กินยาแย่แน่”



    สิ้นคำพูดนั้น เหล่าเพื่อนในกลุ่มของสุคุนะที่ยืนเงียบฟังเรื่องราวทั้งหมดต่างหันมองหน้ากันด้วยความตะลึงค้าง สุคุนะเบิกตาค้าง และเขาไม่จำเป็นต้องคิดเลยว่าจะทำยังไงต่อไป



    ยูจิอยู่ไหน



    7-1-3 to the 2-8-1, yeah I’ m riding

    Why they on me? Why they on me? I’ m flyin



    สุคุนะเดินวนไล่ดูทุกห้องทุกชั้นของอาคารเรียนด้วยใบหน้าเคร่งเครียด หลังจากที่เขาทราบเรื่องแน่นอนว่าเขาย่อมทิ้งทุกอย่างในมือเพื่อทำตามที่เพื่อนสนิทของน้องชายบอก เมกุมิก็ไม่รู้ว่าในตอนนี้ยูจิหายไปไหน เขารู้เพียงแค่ยูจิไม่ได้ทานยาแก้ฮีทเป็นเวลานานมากแล้ว ส่วนตัวสุคุนะรู้ดีว่าแท้จริงแล้วยูจิต้องทานยาแก้ฮีทในทุกๆ สองชั่วโมง ซึ่งแน่นอนว่าลางสังหรณ์ของเขาไม่มีทางพลาด



    ยูจิกำลังฮีท...และมันจะเป็นอันตรายอย่างมากถ้าหากมีอัลฟ่ามาได้กลิ่นและตามตัวจนเจอ



    เขาไม่อยากจะคิดเลยว่าน้องชายของเขาจะเป็นอย่างไร



    “เวรเอ๊ย”



    เขาสบถออกมาด้วยความหัวเสีย โทรศัพท์มือถือที่โทรหานับสิบสายก็ไม่เคยรับ แต่เขารู้ดีว่าถ้าหากยูจิฮีทขึ้นมาแล้วไม่ได้ทานยาแก้ฮีทโดยทันที สิ่งเดียวที่น้องชายของเขาจะทำนั้นก็คือ การหลบซ่อน



    ซึ่งในตอนนี้เขาไม่อาจรู้ได้เลยว่าการหลบซ่อนของยูจิจะจบลงเมื่อไหร่ เหตุการณ์แบบนี้มันไม่เคยเกิดขึ้น และเขาไม่เคยคิดที่จะได้รับมือกับมันมาก่อน



    เขาใช้เวลาอยู่นานในการเดินตามหาจนทั่วทั้งอาคาร ทุกห้องและทุกมุมของตึกไม่ได้มีน้องชายฝาแฝดของเขาอยู่ในนั้น สุคุนะถอนหายใจ เขาเดินมาหยุดอยู่ที่บันไดทางขึ้นฝั่งหนึ่งของอาคาร พิงกับราวบันไดและล้วงหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาจะเริ่มกดโทรออกหายูจิอีกครั้งอย่างมีความหวัง พร้อมกับนนั้นในขณะเดียวกัน...ที่กลิ่นอันแสนคุ้นเคยได้ลอยเข้ามาแตะจมูก



    สุคุนะเงยหน้าขวับ หันไปมองรอบกายตามหาต้นเหตุของกลิ่นนั้น แน่นอนว่ามันคือกลิ่นฟีโรโมนของโอเมก้าอย่างไม่ต้องสงสัย เพียงแต่หากเป็นฟีโรโมนธรรมดาของโอเมก้าทั่วไป มันก็ยังพอทำให้เขาทนได้ แต่กลิ่นนี้..เป็นเพียงกลิ่นเดียวที่แทบจะทำให้เขาเสียสติได้เลย



    ..จากห้องน้ำ



    สายตาเรียวคมตวัดไปมองยังประตูห้องน้ำก่อนจะรีบสาวเท้าเข้าไปอย่างรวดเร็ว ..และคำตอบทุกอย่างได้อยู่ในนั้น มันหาใช่กลิ่นอับจากสิ่งสกปรก ภายในห้องน้ำกลับอบอวลไปด้วยกลิ่นฟีโรโมนหอมกรุ่นที่กระจายตัวคละคลุ้งชวนให้รู้สึกมอมเมา มีเพียงประตูห้องเดียวที่ถูกปิดอยู่ และสุคุนะไม่ลังเลที่จะย่างเท้าเข้าไปยืนใกล้ๆ บานประตูแม้กลิ่นนั้นจะทวีคูณความรุนแรงมากกว่าปกติก็ตาม



    “ยูจิ”



    คนภายในห้องน้ำขยับตัวทันทีหลังจากสิ้นเสียงทุ้ม สุคุนะรู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายกำลังกระสับกระส่ายอย่างร้อนรน ก่อนจะตามด้วยเสียงแหบพร่าของน้องชายฝาแฝดของเขาที่ตอบกลับมาแผ่วเบาราวกระซิบ



    “สุคุนะ....”



    “ยูจิ เปิดประตูซิ”



    “...ไม่..”



    “อะไร บอกให้เปิด”



    “ไม่…”



    “แล้วนายจะทำยังไง” ชายหนุ่มที่ไม่ได้เข้าใจเลยว่าน้องชายของเขาต้องการอะไรกันแน่ เขาไม่เห็นว่าการหลบซ่อนตัวจากเขามันจะทำให้อะไรดีขึ้นตรงไหน “ฉันอยู่ตรงนี้แล้ว…เปิดประตูให้ฉัน ยูจิ”




    สุคุนะไม่รู้จะพูดอย่างไรนอกจากเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนลงแทนที่จะเริ่มหงุดหงิดตามนิสัย เพราะเขารู้ว่าในตอนที่โอเมก้ากำลังฮีท นอกจากจะไม่มีสติอยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว การตัดสินใจและอารมณ์ก็อ่อนไหวพอๆ กัน



    ไม่นาน ประตูห้องน้ำบานเล็กก็ค่อยๆ ถูกแง้มออก สุคุนะมองผ่านช่องว่างเข้าไปหวังจะได้เจอกับคนที่เขาเป็นห่วงอยู่ในตอนนี้ และก็เป็นอย่างที่เขาคาดหวัง.. พลันพบเพียงใบหน้าของน้องชายฝาแฝดที่เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาและผิวแก้มแดงก่ำ ริมฝีปากหยาดเยิ้มน้ำลายใสเผยออกเล็กน้อยพร้อมลมหายใจที่กระเพื่อมเป็นจังหวะ ร่างกายบอบบางนั้นไม่สามารถยืนตัวตรงได้อีกต่อไป เมื่อมีบางอย่างที่มันกำลังตื่นตัวและไม่สามารถเอาออกได้ด้วยตัวเอง เรียวขายืนหุบเข้าหากัน มือข้างหนึ่งพยายามดึงชายเสื้อนักเรียนปิดบริเวณที่กำลังร้อนรุ่มอยู่



    สุคุนะมองภาพนั้นด้วยแววตาตกตะลึง แต่เขายังคงคุมสติและใช้มือดันประตูให้เปิดออกกว้างก่อนจะก้าวเข้าไปภายในห้องน้ำแคบๆ นั้น เงาดำของร่างหนาทาบทับบนตัวของยูจิอย่างเชื่องช้าโดยที่ชายหนุ่มร่างบางกว่าไม่ได้ผลักไส สุคุนะใช้มือล็อกประตูโดยที่ไม่ได้กลับหลังหันไปมอง เพราะดวงตาของเขายังคงถูกตราตรึงด้วยภาพเบื้องหน้าที่ยากเกินกว่าจะละสายตาไปไหน



    แย่..แย่สั*



    เขารู้สึกไม่ไว้ใจตัวเอง



    “สุคุนะ....” เสียงของน้องชายที่เขาคุ้นหูไม่ใช่แบบนี้ เสียงหวานออดอ้อนอย่างผิดแปลกทำให้ใจของชายหนุ่มเต้นระรัว ซ้ำดวงตาคู่ใสที่กำลังสบมองเขาอยู่ตอนนี้มันชัดเจนเหลือเกินว่ากำลังเชิญชวนให้เขาเริ่มคิดลามกกับเรือนร่างบอบบางตรงหน้าอย่างห้ามไม่ได้ สุคุนะหลับตาแน่น เขาถล่ำลึกมากเกินไปแล้ว



    “เป็นยังไงบ้าง ตอนนี้..”



    สุคุนะพ่นลมหายใจก่อนจะเอ่ยถาม พยายามที่จะไม่คิดถึงภาพที่ปรุงแต่งขึ้นมาในหัวแต่มันช่างยากเย็นเหลือเกิน ยูจิในตอนนี้กำลังยืนตัวสั่นสะท้านและไม่สบตากับเขา เม็ดเหงื่อมากมายผุดพรายทั่วทั้งใบหน้าไร้เดียงสาอย่างน่าสงสาร ลมหายใจหอบถี่นั้นทำให้สุคุนะรู้ว่ายูจิคงรู้สึกร้อนรุ่มมากแน่



    “ยูจิ ถอดเสื้อไหม?”



    Sippin’ lowkey I’ m sipping lowkey in Onyx

    Rider, rider when I’ m pullin’ up right beside ya

    Popstar, lil’ Mariah



    “ยะ อย่า…!” ยูจิพยายามถอยตัวออกห่างเมื่อร่างหนาทำท่าจะแตะต้องตัวของเขา “ฉัน..อยากกินยา…”



    อิทาโดริในตอนนี้ราวกับเป็นลูกแมวน้อยที่ถูกต้อนจนจนมุม เขาถอยหลังจนแทบจะชิดกับชักโครก วงแขนกอดรอบตัวแน่นกลายเป็นคนห่วงเนื้อห่วงตัวกับเขาเสียอย่างนั้น สุคุนะมองใบหูเล็กที่แดงก่ำลงมาถึงลำคอระหงที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีชมพูทีละนิด เขาเอื้อมมือไปจับที่ท้ายทอยของอีกฝ่ายที่สะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจโดยไม่ทันได้ตั้งตัว



    มันคงจะไม่มีทางเลือก



    “ไม่มียาอะไรทั้งนั้น” สุคุนะเอ่ยตามความจริง “แล้วฉันจะคิดบัญชีไอ้คนที่ทำกับนายแบบนี้..หลังจากผ่านตอนนี้ไปแล้ว” เขาจ้องลึกเข้าไปยังดวงตาคู่สวยที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาเปียกชื้น ภาพในตาของเขาช่างเริ่มพร่ามัวด้วยความรวดเร็ว กลิ่นจากกายอีกคนทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นเมื่อยืนอยู่ในมุมอับ รับรู้ได้ว่าเมื่อหลับตาเขารู้สึกเหมือนโลกหมุนและหน้ามืดได้ตลอดเวลา แต่เมื่อลืมตาขึ้น ภาพตรงหน้ากลับเด่นชัดและเล้าโลมให้สัญชาตญาณบางอย่างของเขามันตื่นตัว และเขาเองก็สัมผัสได้ว่ายูจิเองก็รู้สึกเหมือนกันกับเขาเช่นเดียวกัน



    พวกเขาทั้งคู่ยืนจ้องหน้ากัน ความเชื่อบางอย่างที่สุคุนะรับรู้อยู่ตลอดสำหรับตัวเขา คือสัญชาตญาณความเป็นจ่าฝูงทำให้ไม่หวั่นไหวเมื่อเจอกับโอเมก้าที่ไม่ใช่จ่าฝูงเช่นเดียวกัน แต่มันไม่ใช่แล้วในตอนนี้.. ในเมื่อตรงหน้าของเขาก็คือ โอเมก้าจ่าฝูง และเหมือนเขาจะได้คำตอบที่คั่งค้างในใจมาอย่างยาวนานแล้ว



    “กลิ่นนาย…”



    เขากดเสียงต่ำ แทบไม่รู้ตัวด้วยซ้ำในตอนที่สองแขนแข็งแรงขยับรัดรึงโอบรอบเจ้าของกลิ่นนั้น



    มันเกิดขึ้นแน่



    ..มันกำลังจะเกิดขึ้น



    หากมีสติกว่านี้ยูจิคงขยับถอย ไม่ใช่ปล่อยให้ความมึนเบลอพาให้เอียงเข้าหาซอกคอแข็งแรงของสุคุนะเพียงเพราะได้กลิ่นซีดาร์ร้อนเร่าเหมือนเอาไม้สนไปเผาไฟจากร่างสูงหนาและกลายเป็นการเปิดลำคอให้สายตาหิวกระหายของอัลฟ่าจ่าฝูงได้เห็น ปลายจมูกแดงเรื่อด้วยฤทธิ์ของอาการฮีทขยับเข้าใกล้ ปล่อยให้ลมหายใจผ่าวร้อนรินรดที่ลำคอแกร่งของอัลฟ่าจ่าฝูงจนทำให้รู้สึกถึงแรงดึงดูดมหาศาล



    แล้วกดเกลี่ยลงแผ่วเบา..สูดดมกลิ่นกายนักล่าจากอัลฟ่าหนุ่มอย่างอ้อยอิ่ง



    สันกรามที่กำลังถูกขยับเบียดขบกรอด



    “ฉันจะนับถึงสาม...”



    ฝ่ามือบีบกระชับคลึงเคล้นและน้ำเสียงทุ้มต่ำอดกลั้นนั้นกำลังร้องเตือนถึงภัยอันตราย แต่สองหูของยูจิไม่ฟัง พอๆ กับสองมือที่ขยับเกาะเกี่ยวกอดรัดอีกฝ่ายแน่นขึ้น ผลักให้ร่างหนาถอยหลังชิดกับผนังห้องน้ำ สองแขนวางอยู่บนอกแกร่งทั้งที่ใบหน้ายังไม่ละไปจากต้นคอ พึมพำอย่างพออกพอใจกับกลิ่นไม้ซีดาร์ที่ชวนให้กัดขย้ำสักทีสองที



    และแน่นอนว่า ยูจิทำ



    พร้อมกับลมหายใจของสุคุนะที่ดูจะรุนแรงขึ้นอย่างฉับพลัน อัลฟ่าจ่าฝูงแนบริมฝีปากร้อนผ่าวเข้ากับราวคอบาง กดจมูกเข้าหาแล้วสะบัดฟัดแรงๆ อย่างหมดความอดทน



    “สาม….”



    “ดะ เดี๋ยว..!”



    คนถูกรุกรานหัวหมุน สติเหมือนถูกแช่แข็งจนกระทั่งถูกจับรวบเอวแล้วหมุนเปลี่ยนตำแหน่งมาถูกดันจนติดผนัง ริมฝีปากอ้าออกเป็นอาการร้องอย่างไร้เสียงเมื่อถูกเขี้ยวเย็นๆ ตัดกับความร้อนทั้งหมดที่มีกัดขย้ำอย่างแรงแต่ไม่ถึงขั้นเลือดซิบ ริมฝีปากขบเม้มดูดดึงด้วยเสียงคำรามต่ำพร่า ถูกลากรอยจูบอุ่นจัดต่างกับสัมผัสเย็นยะเยือกที่ต้นคอในตอนแรก ปลายลิ้นโลมสะกิดเกลี่ยให้เปิดริมฝีปากรับ กลิ่นกรุ่นอุ่นร้อนยิ่งทำให้เขาบ้าพอที่จะทำตาม



    นั่นยิ่งทำให้สุคุนะคลั่ง



    ริมฝีปากบดเบียดละเลียดย้ำราวกับห้ามตัวเองไม่อยู่ สติทุกอย่างกำลังถูกควบคุมโดยอารมณ์ความใคร่ทั้งหมดโดยสมบูรณ์ คนในอ้อมแขนที่ในตอนนี้แทบจะไม่หลงเหลือสติสัมปชัญญะอยู่เลยยังคงคลอเคลียกับเขาอย่างลุ่มหลง สุคุนะพยายามที่จะขัดแย้งกับร่างกายของตนเองที่มันไม่สามารถหยุดการกระทำเหล่านี้ได้กลางคัน



    “กลิ่นนายกำลังทำให้ฉันเป็นบ้า”



    คราวนี้สุคุนะรวบทั้งร่างบอบบางเข้ากระชับด้วยแขนเดียวแล้วก้มลงฟัดที่ซอกคออย่างไม่ออมแรงราวกับต้องการฝังตัวเข้าไปในทุกอณูของกลิ่นที่เจ้าตัวอย่างคาดโทษ



    “ให้ตายสิวะ!”



    ร่างสูงหนาทุบผนังดังโครม ไอความร้อนแผ่กระจายจากดวงตาร้ายกาจที่กำลังหงุดหงิดเพราะควบคุมตัวเองไม่ได้ มือร้อนบีบขยำเรือนร่างบางจนต้องหอบหายใจหนัก ยูจิครางในลำคอเมื่อกลิ่นของอัลฟ่าจากร่างหนาให้ความรู้สึกดึงดูดจนต้องฝังใบหน้าลงกับลำคอนั้นอีกครั้ง จูบลงหนักๆ ในตอนที่มือใหญ่เริ่มลูบไล้ไปจนทั่วเรือนร่างตั้งแต่แผ่นหลังมาจนถึงเอวคอดเล็ก ก่อนจะหยุดคลึงที่สะโพกกลมมนอย่างหนักหน่วง กลิ่นไม้ซีดาร์อุ่นร้อนฟุ้งเต็มจมูก ยูจิไม่เคยรู้สึกว่ากลิ่นน้ำหอมของสุคุนะจะเข้ากับกลิ่นฟีโรโมนของเจ้าตัวมากขนาดนี้มาก่อน พอผสมผสานกับอาการฮีทของเขาแล้วยิ่งไม่ช่วยอะไร ซ้ำร้ายยังกระทืบระดับความยับยั้งชั่งใจของเขาให้จมดิน



    แต่ดูเหมือนว่าสุคุนะจะยังหลงเหลือสติที่จะไม่ทำอะไรเกินเลยมากไปกว่านี้ เขารู้ว่าคนในอ้อมแขนใช่ว่าจะมีอะไรเกินเลยกับเขาได้ฐานะของพี่น้อง



    หากแต่ความรู้สึกของสุคุนะ เขายอมรับว่าคิดเกินเลยกับอีกฝ่ายมานานแล้ว



    สิ่งที่เขาต้องการในตอนนี้คือหยุดเครื่องที่กำลังติดของยูจิเสีย แม้ในตอนนี้เขาจะถูกกลิ่นฟีโรโมของยูจิเข้าเล่นงานจนรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าอวัยวะเพศของตนเองกำลังขยายใหญ่มากขึ้นก็ตาม สุคุนะหลับตาแน่น มือที่กำลังลูบไล้เร่งเร้าอารมณ์ของร่างบางเริ่มมาหยุดอยู่ที่ตะขอกางเกงนักเรียนของน้องชาย เขาเลียริมฝีปากที่กำลังแห้งผาดพร้อมกับปลดกางเกงลงให้หล่นลงไปกองอยู่บนพื้นห้องน้ำ เสียงหวานของยูจิเล็ดลอดออกมาเล็กน้อย เรียวขายืนหุบเข้าหากันพร้อมมือที่บังส่วนสำคัญไว้ แต่สุคุนะไม่ได้สนใจแล้วในตอนนี้ เขาเลิกเสื้อนักเรียนของยูจิขึ้นสูงถึงลำคอ เผยหน้าท้องสวยไล้ขึ้นมาถึงเนินอกขาวเนียนสู่สายตา ยอดอกสีหวานชูชันด้วยแรงอารมณ์ กางเกงชั้นในตัวเล็กสีขาวถูกดึงลงทันทีโดยที่คนเริ่มรุกล่ำไม่รีรออะไรอีกแล้ว



    ใจของร่างหนาวาบหวิวเมื่อได้เห็นจุดอ่อนไหวของยูจิอย่างเต็มตา มันกำลังตื่นตัวแข็งขืนแต่มีขนาดเล็กกว่าเมื่อกะด้วยสายตากับจุดอ่อนไหวของเขา อาจเพราะโอเมก้าจะมีรูปร่างที่บอบบางกว่าอัลฟ่าอยู่แล้วเป็นทุนเดิม ชั้นในตัวเล็กเต็มไปด้วยน้ำรักสีขาวขุ่นที่ไม่รู้ว่าเสร็จไปแล้วกี่ครั้งทั้งที่ยังคั่งค้างอยู่และยังไม่ได้ปลดปล่อย



    “ยูจิ....” เสียงทุ้มแหบพร่าของสุคุนะดังที่ข้างหูเล็ก ยูจิยืนกำเสื้อของตัวเองที่ถูกเลิกขึ้นอยู่แนบอกตัวสั่นในอ้อมแขนของพี่ชายด้วยร่างกายที่อ่อนปวกเปียกไม่สามารถทรงตัวได้อีกต่อไป “อย่าส่งเสียงดัง...เข้าใจไหม”



    เขาพูดพร้อมกับแทรกนิ้วเข้าไประหว่างขาของร่างบาง ยูจิที่รู้ว่าสุคุนะกำลังจะทำบางอย่างที่น่าอายก็พยายามหุบขาตัวเองไว้ แต่สุดท้ายก็ถูกสุคุนะจับขาทั้งสองแหวกออกโดยไม่สนใจเสียงห้ามปรามเบาๆ ก่อนจะใช้นิ้วยาวลูบไล้ที่ช่องทางสีหวานจนเขาสัมผัสได้ถึงความเปียกแฉะ รอยยิ้มมุมปากกำลังแสยะยิ้มลับสายตาของยูจิ ร่างบางสะดุ้งเฮือกหน้าแดงและร้องอย่างเจ็บปวด แต่ก็รีบยกมือขึ้นมาปิดปากเอาไว้ทันท่วงที เมื่อเขาค่อยๆ สอดใส่นิ้วยาวสองนิ้วเข้าไปในช่องทางคับแน่นของร่างบาง ดวงตาสีอำพันหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความเจ็บปวดปนเสียวซ่าน นิ้วยาวงอเป็นตะขอและสัมผัสไปตามโพรงอุ่นนุ่มภายในอย่างแผ่วเบา จนกระทั่งไปสัมผัสกับจุดสวาทที่ทำเอายูจิแอ่นกายขึ้น ร่อนสะโพกรับสัมผัสนิ้วของเขา ร่างบางหายใจหอบหนักจนหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลง



    “อื้อหือ..กลิ่นโอเมก้าเต็มห้องน้ำเลยว่ะ”



    จู่ๆ เสียงของบุคคลผู้มาใหม่ก็ดังขึ้นที่ด้านนอกของห้อง ยูจิรีบปิดปากตัวเองแน่นกว่าเดิม ในขณะที่สุคุนะไม่ได้ตื่นตระหนกกับการมาของบุคคลอื่น



    “ครางให้ฉันฟังสิ..”



    สุคุนะเอ่ยแผ่วเบาที่ข้างหูอย่างเย้าหยอก แน่นอนว่ายูจิจะไม่ทำเช่นนั้น สุคุนะจูบเข้าที่ขมับเล็กอย่างทะนุถนอม ก่อนจะชักนิ้วเข้าออกและลากไปตามจุดกระสันภายในจนทำเอายูจิดิ้นพล่านและร้องไม่เป็นภาษา จังหวะชักนิ้วเข้าออกเริ่มถี่ระรัว ยูจิพยายามอย่างสุดความสามารถในการกลั้นเสียงร้องในขณะที่สัมผัสวาบวามของสุคุนะเริ่มรุนแรงมากขึ้น เสียงบุคคลภายนอกคุยกันอย่างสนุกสนานแตกต่างจากภายในห้องที่ทั้งสองอยู่ลิบลับ ยูจิกำเสื้อของร่างหนาแน่นทั้งยังซอกจมูกลงกับซอกคอแกร่ง ขบริมฝีปากกลั้นเสียงอย่างสุดความสามารถแม้มันจะมีหลุดลอดออกมาบ้าง ไม่นานนักจังหวะนั้นก็เริ่มช้าลงจนช่องทางคับเริ่มตอดบีบรัดนิ้วเขาแน่น ร่างบางกระตุกเกร็งแอ่นสะโพกขึ้นด้วยความเสียวซ่าน..



    ก่อนทุกอย่างจะทิ้งไว้เพียงเสียงลมหายใจแรงจรดที่อกสุคุนะ..



    When I text a cute game, wildness

    Throw a stack on the Bible

    Never Snapchat or took molly



    นั้นมันบ้าชิบ..



    สุคุนะนั่งสูบบุหรี่อยู่เพียงคนเดียวบนชั้นดาดฟ้าที่เดิม เขาทำมันลงไปแล้ว แต่เขาไม่ได้ตามใจตัวเองมากจนเกินไป ยังดีที่เขาไม่ได้ตัดสินใจที่จะมีเพศสัมพันธ์กับยูจิโดยตรง อย่างน้อยการทำอย่างนี้มันก็ช่วยให้น้องชายฝาแฝดของเขาหายฮีทไปหลายชั่วโมงก่อนจะถึงเวลากลับบ้านไปทานยา ส่วนตัวของเขาเองในตอนนี้ก็ได้แต่ยืนถอนหายใจ



    มันยังคงคับแน่น และเขารู้สึกอึดอัดมากในตอนนี้



    “ใจร้อนไปก็เท่านั้นน้า.. สุคุนะ”



    เสียงหวานระรื่นดังขึ้น ซึ่งมันชวนขัดกับอารมณ์ของเขาในตอนนี้เป็นที่สุด สุคุนะตวัดตามองชายหนุ่มร่างเล็กเจ้าของเรือนผมยาวถึงกลางหลัง ใบหน้าและนิสัยขี้เล่นเหมือนเด็กๆ



    “หุบปาก มาฮิโตะ”



    น้ำเสียงเด็ดขาดนั้นทำเอาชายหนุ่มที่ชื่อมาฮิโตะถึงกับยอมเงียบไปหลายนาที แต่สุดท้ายแล้วเขาก็เดินมาทิ้งตัวนั่งลงข้างกับร่างหนา สุคุนะเป็นบุคคลที่เขาต้องยอมอยู่เสมอไม่ว่าจะเรื่องไหน แต่ไม่ว่าจะกับใครก็ต้องศิโรราบต่อหน้าชายผู้นี้ทั้งนั้น แม้กระทั่งรุ่นพี่หรือใครก็ตาม



    ก็มีอยู่คนเดียวที่ชายคนนี้ยอม..



    “นายรู้ไหมล่ะ ความรู้สึกของนายในตอนนี้คืออะไรกันแน่” เสียงระรื่นชวนหงุดหงิดเอ่ยอย่างสบายอารมณ์ เงยหน้ามองท้องฟ้าในยามเย็นใกล้ช่วงเลิกเรียน ขณะที่กลุ่มควันก็พ่นออกมาจากปากของสุคุนะเป็นพักๆ “ฉันว่านายมีคำตอบในใจ ถูกไหม?”



    “อย่ายุ่ง”



    “ดุจัง”



    “หลังจากที่ฉันตามหาคนที่แกล้งยูจิได้แล้วกระทืบมันให้ปางตาย ฉันจะมากระทืบนายต่อ”



    “เคืองใจเรื่องนี้เองเหรอ” มาฮิโตะหัวเราะในลำคออย่างชอบใจ “แล้วน้องชายนายว่าอะไรบ้างไหม”



    “หรือจะกระทืบนายก่อนดี” สุคุนะหันกลับมามอง สายตาดุดันจ้องเขม็งเอาจริงจนมาฮิโตะเหงื่อตก สุดท้ายก็ยอมยกมือขึ้นเหนือหัวยอมแพ้และยกเลิกการเซ้าซี้ให้อีกฝ่ายรำคาญใจ ก่อนที่สุคุนะจะลุกขึ้นยืน ปากคาบบุหรี่ที่เหลืออยู่เพียงครึ่งม้วนเดินจากไปโดยไม่พูดอะไร



    “รีบไปไหนล่ะนั่น” มาฮิโตะเอ่ยตามหลังพลางเงยหน้ามองตามร่างหนาที่เดินไประยะหนึ่ง พร้อมฝีเท้าหยุดชะงัก ก่อนสุคุนะจะหันกลับมาตอบทิ้งท้าย



    ไปรอน้องชายเลิกเรียน



    END

    _____________________________

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in
ชอบบบบ