Honey – รสน้ำผึ้ง
Theme song; Ariana Grande – 34+35
คำเตือน; ในรสนี้บาปแบบนิ่มๆ ค่ะ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะคะ ;)
ใจกลางเมืองใหญ่ในยามเย็น กลับกลายเป็นช่วงเวลาพักผ่อนสำหรับใครหลายๆ คน ร้านค้าข้างทางเริ่มเปิดไฟสว่างเมื่อเริ่มเข้าสู่ช่วงพลบค่ำ ถนนริมทางเท้าที่มีผู้คนพลุ่งพล่านเดินผ่านไปมาดูวุ่นวาย การขนส่งมวลชนดำเนินต่อไปในทุกๆ วันและทุกๆ นาที วนอยู่แบบนี้ซ้ำๆ อย่างน่าเบื่อหน่าย จนทำเอาเด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีชมพูอ่อนอดถอนหายใจเป็นรอบที่แปดแสนห้าหมื่นเจ็ดพันของวันไม่ได้
ร่างเล็กก้าวขึ้นรถเมล์อย่างอ้อยอิ่งเมื่อยานพาหนะคันใหญ่เข้ามาจอดเทียบท่า เด็กหนุ่มเลือกที่จะยืนจับราวโหนขณะที่มือข้างหนึ่งกำลังเลื่อนที่หน้าฟีดของแอพทวีตเตอร์ดูข่าวสารในโลกปัจจุบัน กระทั่งปัดหน้าจอเลื่อนขึ้นเรื่อยๆ ก็หยุดดูคลิปน้องแมวเหมียวอย่างเพลิดเพลิน มุมปากยกยิ้มเมื่อคิดว่าสัตว์ขนปุกปุยในคลิปนี้ช่างน่ารักเสียจริง ก่อนที่ด้านบนจะขึ้นแจ้งเตือนข้อความจากเพื่อนสนิท เรียกร้องความสนใจจากดวงตาคู่สวยได้ไม่ยากเย็น
เมกุมิ < ยูจิ
เมกุมิ < เย็นนี้ Among Us มั้ย
เมกุมิ < พี่ยูตะชวนอะ อยากได้อีก 2 คน
อิทาโดริ ยูจิ คิ้วขมวดทันทีเมื่ออ่านข้อความในใจจบ ก็เห็นเมื่อตอนกลางวันช่วงพักทานอาหารกลุ่มเพื่อนของเขานั่งคุยกับรุ่นพี่กันไปแล้วว่าถ้าทีมครบ 10 คนจะเริ่มสตรีมกันในตอนเย็นวันนี้ เขาเองก็อุตส่าห์บอกไปแล้วว่าวันนี้จะทำงานที่ค้างอยู่ให้เสร็จ แหงมาชวนเขาไปเล่นด้วยล่ะ เขาไม่ได้มีรายชื่ออยู่ในกองมรดกเสียหน่อย
โนบาระล่ะ >
< กินชาบู
เจริญ >
< มาเล่นเป็นเพื่อนหน่อย ยูจิ
< เราไม่มีเพื่อน
< ครึ่งนึงเป็นรุ่นพี่ต่างโรงเรียนทั้งหมดเลย
ทั้ง 7 คนน่ะเหรอ? >
มีแค่เรากับรุ่นพี่ยูตะแค่นั้นเหรอ? >
< มีคนอื่นด้วย รอทำความรู้จักในดิสคอร์ดอะ
ยูจิเลิกคิ้วเล็กน้อย นับว่าตัวเขาเองก็ไม่ได้รู้จักกับเพื่อนต่างโรงเรียนเท่าไหร่นัก กระทั่งเด็กในโรงเรียนเองเขายังไม่ค่อยจะจำชื่อได้เลย มีแต่คนส่วนใหญ่ที่รู้จักเขาจากการทำกิจกรรมด้วยซ้ำ ความประหม่าเล็กน้อยกำลังเข้ามาแทนที่ขณะที่กำลังใช้ความคิดอยู่บนรถเมล์ เขาคิดว่าการเล่นเกมสักชั่วโมงสองชั่วโมงคงจะไม่กระทบกับการทำการบ้านอะไรมากมายหรอกมั้ง อีกอย่างมันคงจะไม่ยากถ้าจะทำความรู้จักกับคนอื่นในเกมแบบนี้
ดีล >
< เจ๋งมาก
< เจอกันในดิสคอร์ดทุ่มครึ่ง
ยูจิกลับมาถึงบ้านของตัวเองภายในระยะเวลาไม่นาน เสียงรายการโทรทัศน์ดังมาจากห้องรับแขกบ่งบอกว่าคุณปู่ของเขาคงกำลังดูรายการข่าวหรือไม่ก็รายการวาไรตี้โชว์ที่พวกคนแก่ชอบดูอยู่เป็นแน่ เด็กหนุ่มเดินหิ้วกระเป๋าสะพายเลี้ยวขึ้นบันไดไปยังชั้นสอง ไม่วายบอกชายชราด้วยเสียงอันดังว่ากลับมาแล้ว! เขาได้ยินเสียงคุณปู่ร้องตอบกลับมาสั้นๆ ก็แอบยิ้มเล็กน้อย รู้สึกโชคดีจริงๆ ที่เขาสุขภาพร่างกายแข็งแรงแม้จะอายุมากขนาดนี้
มือเล็กโยนกระเป๋าไปบนเตียงอย่างไม่ไยดี ก่อนจะรูดซิปเสื้อแขนยาวและถอดออกพร้อมโยนลงตะกร้าอย่างแม่นยำ คว้าเก้าอี้ล้อเลื่อนพนักพิงสีแดงมานั่งแล้วเลื่อนไปด้านหน้าโต๊ะคอมอย่างพลิ้วไหว มือเอื้อมเปิดสวิตช์ไฟอย่างรู้งาน เสียบปลั๊กและกดเปิดคอมพิวเตอร์อย่างไม่เร่งรีบ
เมื่อหน้าจอสว่าง สิ่งแรกที่เด้งขึ้นมาก็คือข้อความในดิสคอร์ดของเมกุมิ เพื่อนรักของเขาที่ทักมาราวกับต้องการจะเร่งยังไงอย่างงั้น
< มายัง
ยังไม่ทุ่มเลย รีบหรือไง >
< ไม่รีบ
< ไม่รู้มีใครอยู่ในดิสคอร์ดรึยังอะ ลองเข้าดิ
เอ้า แล้วไม่เข้าล่ะ >
< ยังไม่อาบน้ำเลย
< พี่ใช้ล้างถ้วยด้วย
เจริญ..
รอบที่ล้านแปดเข้าไปแล้วที่ยูจิถอนหายใจออกมาอีกครั้ง เขาตอบปัดกับเพื่อนสนิทไปขณะที่ปลายนิ้วเรียวคลิกเข้าไปยังห้องดิสคอร์ดอย่างที่เพื่อนรักบอก ใจแอบหวั่นเล็กน้อยเพราะตัวเองก็ไม่ได้รู้จักใครนอกจากเมกุมิและรุ่นพี่ยูตะ ไม่รู้ว่าจะมีใครอีกที่เป็นนักเรียนข้างเคียงที่เข้ามาเล่นเกมด้วยกัน แถมตอนนี้ยังไม่ถึงหกโมงเย็นด้วยซ้ำไป ถ้าวันนี้มีซ้อมกีฬา รุ่นพี่ยูตะก็คงจะยังไม่เลิกซ้อมแน่
แต่แหงทำไมในหน้าจอดิสคอร์ดของเขาถึงระบุว่ามีการสร้างห้องพูดคุยกันในตอนนี้ล่ะ
ยูจิชะงักเล็กน้อย สมองกำลังเร่งประมวลผลถึงคำพูดของเพื่อนสนิทเมื่อครู่และสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปนี้ เด็กหนุ่มเลือกที่จะคลิกเข้าไปจอยในห้องคุยดิสคอร์ดดังกล่าวด้วยอาการเงอะงะ เมื่อกดเข้ามาและเปิดไมค์แล้ว สิ่งแรกที่ได้ยินคือเสียงเหมือนคนกำลังค้นของดังตะกุกตะกักและเสียงทุ้มคุ้นหูของผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังบ่นถึงอะไรบางอย่าง
‘...รู้ไหม ซ้อมกีฬาวันนี้ไม่สนุกเลยครับ’
“ดีครับ” ยูจิเอ่ยแผ่วเบา “รุ่นพี่ยูตะ ผมยูจินะครับ”
ในวินาทีนั้น นอกจากเสียงผงะของยูตะที่เล็ดลอดผ่านไมค์มาแล้ว เสียงกุกกักของใครอีกคนที่กำลังค้นหาอะไรบางอย่างก็หยุดลงไปด้วย ราวกับกำลังตั้งใจรับฟังน้ำเสียงนุ่มหวานของคนมาใหม่...
‘อ้า!! ยูจิมาแล้ว! มาไวจังเลยอะ’
“เมกุมิเร่งให้ผมรีบเข้ามาน่ะครับ..แฮะๆ”
‘นิสัยไม่ดีเลยนะเนี่ย ไอ้ฟุชิงุโระ!’
ยูจิหัวเราะเบาๆ ตอบรับ เขากับรุ่นพี่ยูตะนับว่ารู้จักกันมานานแต่ก็ไม่ได้สนิทใจเท่าไหร่นัก ยูตะเองก็เป็นรุ่นพี่ที่เก่งและน่าเคารพมากคนหนึ่งสำหรับเด็กหนุ่ม รวมทั้งยังเป็นแบบอย่างในหลายๆ ด้านทั้งความสามารถและบุคลิกที่โดดเด่นของเขา ซ้ำยังมีแฟนสาวที่น่ารักคอยตามดูแลอยู่ไม่ห่างเวลาลงแข่งอีกด้วย ยอมรับอยู่ในใจลึกๆ ว่ายูจิอิจฉาที่เขามีความรักดีๆ อย่างที่ใครหลายๆ คนตามหา แม้กระทั่งตัวของยูจิเองก็ยังโหยหามัน..
เด็กหนุ่มนั่งคุยกับรุ่นพี่ยูตะไปได้สักพักหนึ่ง มือก็เอื้อมไปคว้าหยิบห่อขนมจากกล่องไม่ไกลมาแกะแล้วหยิบชิ้นขนมโยนเข้าปากเคี้ยวตุ่ยๆ โดยลืมสังเกตไปเลยว่ามีใครอีกคนหนึ่งที่เขาไม่ได้ทักทายเลยตั้งแต่เข้ามา
‘อา’ เสียงยูตะเอ่ยเรียกใครอีกคนหนึ่งที่เงียบไป ‘ทำไมอาเงียบอะ ปิดไมค์อีกแล้วเหรอ’
อาเหรอ?
‘หื้ม...’ เสียงนั้นถามใกล้ๆ ไมค์ ‘อาคุยงานอยู่น่ะ’
เสียงที่ตอบกลับมาทำเอาริมฝีปากอิ่มที่กำลังเคี้ยวขนมอยู่นิ่งชะงักไปหนึ่งจังหวะ ด้วยโทนเสียงและน้ำคำเวลาพูดทำให้เด็กหนุ่มไม่สามารถควบคุมจินตนาการของตนเองได้เลยว่าคุณเขาจะเป็นคนหน้าตาแบบใด โทนเสียงทุ้มต่ำที่สาวๆ หลายคนน่าจะชื่นชอบกัน ยูจิไม่เคยเข้าใจเลยจนกระทั่งเมื่อครู่นี้ ที่เขายอมรับในใจว่าเขินเสียงผู้ชายด้วยกัน
..แค่เสียงสินะ
‘ลืมไปเลย น้องที่คุยอยู่ชื่ออิทาโดริ ยูจินะอา’ ยูตะเอ่ยขึ้นมาอย่างครึกครื้น ‘ยูจิ นี่อาของพี่เอง เป็นญาติห่างๆ แหละ ไม่แก่ถึงขนาดวัยอาจริงๆ หรอก อายังหนุ่มๆ ถูกป่ะ’
‘พูดให้มันดีๆ หน่อย’ เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยเรียบ เว้นไปอึดใจหนึ่งราวกับกำลังโน้มความสนใจมาที่เด็กหนุ่มอีกคน ‘โกะโจ ซาโตรุ..จะเรียกอาเหมือนยูตะก็ได้..’
ยูจิเผลอเม้มปาก รู้สึกดีใจอย่างแปลกประหลาดที่อีกฝ่ายแนะนำตัวกับเขาก่อน น้ำเสียงใจดีและอ่อนโยนมากเกินไปของเขาทำให้อดไม่ได้ที่เด็กหนุ่มจะไม่หวั่นไหวตาม แต่ก็ไม่ลืมที่จะตอบกลับอีกฝ่ายกลับไปตามมารยาท
“ครับ คุณอา”
You might think I’ m crazy
The way I’ ve been cravin’
เมื่อถึงเวลาทุ่มครึ่งตามที่นัดกันไว้ เหล่าบรรดานักบินอวกาศอีกเจ็ดคนก็เข้ามาในห้องรวมตัวกันอย่างครื้นเครง เสียงพูดคุยดังจอแจอยู่ตลอดเวลาไม่ขาดสาย มีบ้างที่หลายคนถามความเห็นจากยูจิ แต่โดยส่วนใหญ่เขาก็เลือกที่จะเงียบและฟังพวกเขาหัวเราะกันเสียมากกว่า คิดไปก็กดเลือกสีของตัวละครตัวเองไป สายตาก็เหลือบสังเกตสีของคนอื่นๆ เพื่อไม่ให้เกิดการใช้สีซ้ำกัน สุดท้ายเขาก็มาจบที่สีแดงแรงฤทธิ์พร้อมกับสวมหมวกคริสต์มาสสีแดงขาวน่ารักให้เข้ากับเทศกาลสำคัญในช่วงนี้ ก่อนจะกดปิดแทบแต่งตัวมาวิ่งเล่นอยู่พื้นที่ในยานเพื่อรอเวลาทุกคนพร้อม
เผลอสังเกตเห็นตัวนักบินอวกาศสีขาวสว่างไม่ได้มีพร็อพแต่งตัวใดๆ กำลังยืนหลบอยู่หลังฉากอย่างสงบนิ่ง ไม่ได้วิ่งเล่นผ่านไปมาเหมือนคนอื่นๆ เมื่ออ่านชื่อถึงรู้ว่าเป็นชายหนุ่มที่อายุมากที่สุดในตี้วันนี้ ยูจิยกยิ้ม เขาเคลื่อนตัวละครของตัวเองไปยืนชิดกับตัวละครนักบินอวกาศสีขาวของอีกฝ่ายอย่างเงียบๆ ไม่รู้หรอกว่าอีกฝั่งหนึ่งเขาจะแสดงสีหน้าแบบไหนหรือพูดว่าอะไร เพราะตั้งแต่เข้าดิสคอร์ดมา ยูจิแทบจะนับครั้งได้เลยที่ได้ยินอีกฝ่ายพูดในสายกับเพื่อนของหลานชาย
ก็เขาโตแล้วนี่หน่า.. จะมาคุยอะไรแบบนี้ได้ยังไงกัน แค่มาเล่นด้วยก็น่าตกใจแล้ว
ในที่สุดเกมแรกที่ยูจิได้เล่นก็เริ่มต้นขึ้น เขาไม่ได้เป็น Imposter และเขาก็ไม่รู้ด้วยว่าใครเป็น แต่เขามีความตั้งใจไว้ว่าเขาจะต้องไม่ใช่ศพแรกอย่างแน่นอน คิดไปมือก็กดวิ่งตัวละครมุ่งตรงไปยังห้อง Security เพียงลำพัง ดวงตาจ้องจดจ่ออยู่กับหน้าจอขณะที่ยื่นมือล้วงเข้าห่อขนมหยิบมาเข้าปากจนแก้มตุ่ย โดยที่ไม่ได้สังเกตเลยว่ามีใครบางคนวิ่งตามหลังมาติดๆ ไฟที่สว่างอยู่ๆ ก็เริ่มมืดลง พร้อมกับใครคนหนึ่งที่กำลังจะกด Kill
ปัง!!
“….”
ปากที่กำลังเคี้ยวขนมอยู่ชะงักค้าง มองตัวละครสีขาวที่เขารู้ดีว่าเป็นใครวิ่งกระโดดลงท่อไปในห้อง Security และตัวเขาที่นอนแน่นิ่งไม่เห็นท่อนบนอยู่ที่หน้าจอกล้องวงจรปิด ประตูก็ถูกปิดและไม่มีใครวิ่งตามเข้ามาเลยสักคน ลูกไฟสีแดงตัวน้อยลอยแน่นิ่งอยู่เหนือศพ พร้อมเจ้าของตัวละครที่ทำหน้าเหวอกับเหตุการณ์ที่เพิ่งจะเกิดขึ้น
คุณอาฆ่าเขา!
ยูจิวางทุกอย่างลงบนโต๊ะคอม คำอธิษฐานเมื่อครู่ช่างไม่สอดคล้องกับความจริงเลยสักนิด เขาเลือกที่จะวิ่งมาคนเดียวยังถูกฆ่าราวกับถูกหมายตาไว้อยู่แล้วตั้งแต่แรก คิดแล้วก็ขยับเก้าอี้เข้าชิดโต๊ะคอมมากขึ้น เคลื่อนตัววิญญาณสีแดงให้ลอยตามดูฆาตกรตัวขาวที่จู่ๆ ก็ไปโผล่ที่ห้องสแกนกลางยานด้วยความรวดเร็ว ขบริมฝีปากล่างอย่างโกรธแค้นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังทำทีเหมือนจะฆ่ารุ่นพี่อินุมากิเป็นรายต่อไป แต่ดันมีคนพบศพของยูจิเข้า ภาพจึงตัดมาที่ห้องโหวตว่าใครเป็น Imposter โดยทันที
‘อาโกะโจไม่สืบเลยยยยยยยยยยยยย’
‘ทำไมอาเงียบจังอะครับ’
‘ก่อนหน้านี้คุณอาอยู่ที่ไหนครับ ก่อนจะมาห้องสแกนตัว’
‘แต่ผมเห็นคุณอาที่ปากท่อนะ’
‘แล้วอาก็ฆ่าซะเลยยย!’
เด็กหนุ่มยกยิ้มมุมปากอย่างผู้ชนะ เมื่อถึงวินาทีสุดท้ายผลโหวตที่ออกมานั้นปรากฏว่าโกะโจ ซาโตรุ ฆาตกรตัวจริงถูกโหวตให้ออกจากยานไปอย่างไร้เยื่อใย เขาทันได้เห็นสกิลการเอาตัวรอดของคุณเขาบ้างแล้วแต่ก็ยังไม่พ้นเจ้าพวกนักสืบจากต่างโรงเรียนอยู่ดี พูดมากกันทุกคน แถมเดาเก่งกันมากๆ อีกด้วย ใช้เวลาไม่นานคนแก่ที่สุดในตี้ก็ถูกต้อนจนมุมแล้วก็ถูกโหวตไปตามระเบียบ
มือเล็กหยิบขนมเข้าปากเป็นชิ้นสุดท้ายเมื่อหน้าจอขึ้น Map ภายในเกม พร้อมดวงวิญญาณสองดวงที่ลอยเร่ร่อนอยู่ข้างกัน แทบข้อความด้านบนขึ้นจุดสีส้มบ่งบอกว่าใครอีกคนส่งข้อความมาหาเขา
Gojo < Yuji
Gojo < don kai kha krap?
เด็กหนุ่มคิ้วขมวด เพิ่งรู้ว่าคนอายุปูนนี้ยังเล่นอะไรตลกๆ เป็นอยู่ด้วย
mai roo tua ror krap > yuji sannn
Gojo < r mai dai tangchai na ka
Gojo < krap**
เด็กหนุ่มขมวดคิ้วมุ่น ใจกระตุกเล็กน้อยหลังจากอ่านข้อความที่คุณอาพิมพ์ส่งมา มันเหมือนกลายเป็นกล่องข้อความส่วนตัวเลยด้วยซ้ำเพราะยังไม่มีใครตาย พร้อมความรู้สึกบางอย่างของยูจิกำลังฉายชัดว่านิสัยของผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน คงไม่ต่างจากที่เขาเคยได้ยินมาว่า..
ผู้ชายพูดคะค่ะ เจ้าชู้จะตายไป
kun r kha pom tam mai :( > yuji sannn
Gojo < yak kui duay
Gojo < gor loei kha ka :)
เป็นการอยากคุยด้วยที่ป่าเถื่อนที่สุด
เด็กหนุ่มหัวเราะกับตัวเองหลังจากอ่านข้อความของคุณเขาในใจ ส่ายศีรษะไปมาเบาๆ อดคิดไม่ได้เลยว่าคุณอาของรุ่นพี่ยูตะเป็นคนนิสัยแบบไหนกันนะ ถ้าอยากคุยด้วยแบบนี้แล้วเขาจะกลายเป็นศพแรกทุกเกมเลยหรือเปล่า เด็กหนุ่มยังคงอมยิ้มเล็กๆ ขณะที่ภายนอกหน้าต่างห้องนอนนั้นเริ่มมืดลง จนเหลือเพียงแสงไฟจากเสาไฟข้างถนน เหลือเพียงแสงไฟในยามค่ำคืนจากบ้านเรือนในละแวกนั้น แสงดาวถูกแย่งชิงอำนาจแห่งแสงสว่างจากบ้านเมือง แต่มันกลับกำลังลอยฟุ้งกระจายอย่างสวยงามอยู่ในอกของยูจิอย่างช่วยไม่ได้
ในอีกไม่กี่คืนที่ใกล้จะถึงวันคริสต์มาส อากาศที่เริ่มเย็นลงทำให้อดคิดไม่ได้เลยว่าวันสำคัญขนาดนี้ จะมีอะไรเกิดขึ้นกับเขาบ้างไหมนะ
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลายชั่วโมงเลยที่เขานั่งยิ้มอยู่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์คนเดียวราวกับคนเสียสติ เมื่อจบเกมนั้นไป มีไม่กี่ครั้งที่เขาได้เป็น Imposter แต่โดยส่วนใหญ่แล้วเขามักจะได้เป็น Crewmate เสียมากกว่า และเมื่อได้เป็น Crewmate เมื่อไหร่ คนที่เขาเลือกที่จะวิ่งตามหลังอยู่เสมอก็คงหนีไม่พ้นคุณอาหนุ่มของรุ่นพี่ยูตะ คุณเขาเองก็ยอมให้เด็กหนุ่มวิ่งตามหลังโดยไม่กลัวว่าเขาจะฆ่าเลยด้วยซ้ำ เมื่อถึงช่วงมีคนเรียกประชุม คนอายุมากกว่าก็จะเอ่ยปากบอกก่อนเสมอว่าอยู่กับยูจิตลอดเวลาทุกครั้ง
และยูจิยังคงยืนยันคำเดิม ว่าชอบโทนเสียงของคุณอามากเกินไป จนเผลอเก็บมานอนฝันในคืนนั้น...
If I put it quite plainly
Just give me them babies
เทศกาลคริสมาสกำลังจะเริ่มต้นขึ้นในอีกสามวัน เด็กหนุ่มนับถอยหลังในใจขณะที่เปิดหน้าจอโทรศัพท์ดูวันเวลาในปฏิทิน หลังจากที่เรียนคาบคณิตศาสตร์ในช่วงเย็นเสร็จ เขามุ่งตรงมายังสนามบาสอย่างที่ทำอยู่เป็นประจำ ใช้เวลาราวชั่วโมงกว่าในการเล่นกีฬาผ่อนคลายความเครียดกับเพื่อนๆ ที่รู้จักกัน
“เฮ้ย! กลับก่อนนะ!”
“โอ้..!” ร่างเล็กขานรับเพื่อนที่เดินเข้ามาตบไหล่เบาๆ ขณะที่ยังยืนเขี่ยหน้าจอโทรศัพท์อยู่ มือข้างที่ว่างก็ยกคอเสื้อขึ้นมาเช็ดเม็ดเหงื่อที่ผุดพรายอยู่ข้างขมับไหลมาถึงปลายคางเรียว ข้างหูได้ยินเสียงฝีเท้าสม่ำเสมอกำลังเดินเข้ามาใกล้ พร้อมกับเสียงบ่นอิดออดของฟุชิงุโระที่เดาได้ไม่ยากเลยว่าคงกำลังเดินเกาท้ายทอยพูดงึมงำอยู่แน่ๆ
“นี่ ครูวิชาเศรษฐศาสตร์เรียกใช้นายบ่อยเหมือนฉันรึเปล่า”
ยูจิหันไปมอง “ไม่หนิ”
“ไม่เรียกนายบ่อยเพราะนายหน้าตาคล้ายแกหรือเปล่า”
“ฉันว่าไม่คล้ายนะ แต่เหมือนเลยล่ะ” ยูจิหัวเราะ ใบหน้าไม่ต้อนรับแขกของครูสอนวิชาเศรษฐศาสตร์คนนั้นลอยเข้ามาหัวอย่างช่วยไม่ได้ ใครหลายๆ คนมักจะเข้าใจผิดว่าเขากับครูคนนั้นเป็นญาติกัน แต่จริงๆ แล้วไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเลยทางสายเลือด แถมหน้าตาดุดันขนาดนั้น น่าแปลกมากที่เหมือนครูคนนั้นจะสนใจในตัวของเพื่อนสนิทเขาที่สุดในโรงเรียน
แต่ดูเหมือนเมกุมิจะไม่ค่อยอภิรมย์ใจเท่าไหร่เสียด้วย
ยืนฟังเมกุมิบ่นได้ไม่นาน เขาก็เก็บของใส่กระเป๋านักเรียนและเริ่มเดินออกจากริมสนามบาส ในช่วงเย็นท้องฟ้าสวยงามไม่แพ้ในตอนเช้าตรู่ เหล่านักเรียนหลายคนเริ่มทยอยเดินกลับบ้าน บ้างมารอผู้ปกครองที่ทางเดิน บ้างเดินกลับบ้านกับเพื่อน บ้างเดินกอดคอกันเป็นกลุ่ม เสียงหัวเราะเฮฮามีให้เห็นอยู่ตลอด ซึ่งมันคงจะเป็นภาพที่ชินตาเมื่ออยู่โรงเรียนมัธยมเช่นนี้
“พี่ยูตะ”
ยูจิที่กำลังเหม่อหยุดเดินตามเมกุมิทันที ยิ่งได้ยินใจความที่เพื่อนสนิทของเขาเปรยขึ้นมาเมื่อครู่ก็ยิ่งทำให้ขมวดคิ้วเข้าไปใหญ่ สายตาของเมกุมิกำลังมองตรงไปยังรถสีขาวสวยหรูคันหนึ่งที่จอดเทียบอยู่ริมฟุตบาท ปรากฏร่างคุ้นตาของรุ่นพี่ยูตะ ชายหนุ่มมัธยมปลายรูปร่างสูงโปร่ง เรือนผมสีดำจัดทรงดูดี แต่ที่ดึงดูดและกลายเป็นเป้าสายตาของทุกคนในละแวกนั้นก็คงจะหนีไม่พ้นชายหนุ่มอีกคนหนึ่งที่กำลังยืนกอดอกพิงรถสีขาวคันนั้นโดยไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นเจ้าของรถอย่างแน่นอน
“โห.. ใครน่ะ”
ร่างเล็กถึงกับเผลอหลุดปากเอ่ยออกมา ขณะยืนชะงักค้างไม่ต่างจากเมกุมิที่ยืนนิ่งอยู่แล้วในก่อนหน้านี้ ได้ยินเสียงหัวเราะดังของรุ่นพี่ยูตะกับแฟนสาวที่ยืนอยู่ข้างกันเบื้องหน้าของชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ เจ้าของเรือนผมสีขาวสว่างกำลังพริ้วไหวไปตามแรงลมเพียงเล็กน้อย มวลกล้ามเนื้อตึงแน่นอยู่ภายใต้เสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงสแล็คสีดำ แว่นกันแดดสีดำที่สวมอยู่ไม่อาจบดบังแพขนตาสีขาวงดงามสู่สายตาของยูจิได้
นึกแปลกใจว่าทำไมคนอย่างรุ่นพี่ยูตะถึงได้สมบูรณ์แบบถึงเพียงนี้ ทั้งตัวของเขาเอง ทั้งแฟนสาว และคนรอบข้าง ต่างดูดีและมีความโดดเด่นยิ่งกว่าใคร ยิ่งชายหนุ่มผมขาวคนนั้น ดูดีราวกับนายแบบในนิตยสารจากร้านหนังสือที่ยูจิชอบไปในช่วงวันเสาร์อาทิตย์ หรือฟรีเซนเตอร์ในโฆษณาโทรทัศน์ก็ไม่ปาน
“อ้าว นายไม่รู้เหรอ” เสียงเรียบนิ่งของเมกุมิดังขึ้น ดึงสติของเด็กหนุ่มให้หลุดจากภวังค์เบือนสายตากลับมามองที่ใบหน้าของเพื่อนสนิท
“รู้อะไร”
“นั่นคุณอาโกะโจไง... ที่เล่นเกมด้วยกันเมื่อวันก่อน”
So what you doing tonight?
Better say, “Doin’ you right”
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ยูจิล้มตัวลงนอนบนเตียงเป็นอย่างแรกเมื่อเปิดประตูเข้ามาภายในห้องนอนขนาดเล็ก มือเล็กยกขึ้นมากำหมอนใบใหญ่สีขาวพร้อมกับซุกใบหน้าลงไป โผล่ให้เห็นเพียงแค่ใบหูเล็กๆ ที่กำลังขึ้นสีแดงก่ำอย่างเขินอาย
ในวินาทีที่ได้รู้ว่าคนคนนั้นคือคุณเขา ยูจิก็รู้สึกเหมือนหัวใจของตัวเองกำลังเต้นอย่างผิดจังหวะมาโดยตลอดตั้งแต่ขึ้นรถเมล์จนตอนนี้ที่นอนอยู่ในห้องนอนเพียงคนเดียว เสียงนุ่มทุ้มดังวนอยู่ในหัว ภาพลักษณ์แสนดูดีนั้นก็เช่นกัน เพียงแค่คิดว่าผู้ชายที่เพอร์เฟคขนาดนั้นบอกว่าอยากคุยกับเขาในเกม เขาก็อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว นึกขอบคุณที่เมกุมิไม่พาเขาเดินเข้าไปทักทายตามประสาคนรู้จัก ไม่อย่างนั้นเขาคงจะยิ่งทำตัวไม่ถูกเป็นแน่
ให้ตาย..เขาเหมือนเด็กไร้เดียงสาที่ชื่นชอบคนโด่งดัง ทั้งที่คุณอาโกะโจเองก็ยังไม่เคยเจอหน้าเขา ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดยังไงอยู่ เขาอาจจะแค่มาเล่นๆ ก็ได้นี่หน่า..
เขาจะอยากคุยกับเราไปทำไม..
อย่างเขาต้องมีสาวๆ รุมล้อมอยู่แล้วสิ!
คิดได้ดังนั้นก็ยกใบหน้าขึ้นจากหมอนใบใหญ่ ริมฝีปากเบะเล็กน้อยจากความคิดเมื่อครู่ที่พาให้น้อยใจอย่างแปลกประหลาด ก่อนจะกระโดดลงจากเตียง เดินย่ำเท้าไปยังโต๊ะคอมพิวเตอร์ที่ตั้งอยู่มุมห้อง ทำการเปิดผนึกมันขึ้นมาและทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ล้อเลื่อน เขาต้องหาอะไรทำเพื่อไม่ให้เกิดความคิดมาก เขาเชื่อว่าตัวเองในตอนนี้กำลังฟุ้งซ่านอย่างถึงที่สุดและต้องการหาจุดยุติความคิดเหล่านั้น
เมื่อหน้าจอทุกอย่างปรากฏขึ้นเบื้องหน้า สิ่งที่ยูจิทำเป็นอย่างแรกคือการกดเข้าดิสคอร์ดเพื่อหาห้องคุยกับกลุ่มเพื่อน ในวันนี้เขาขอเข้าไปเล่นกับกลุ่มเพื่อนอีกห้องหนึ่ง ดีหน่อยที่ยูจิเป็นคนเข้ากับคนอื่นได้ง่ายอยู่พอสมควรจึงไม่มีปัญหาว่าจะเลือกห้องคุยอย่างไร แต่เมื่อเล่นไปได้สักพัก กลับมีสิ่งผิดปกติหลังจากที่ยูจิได้กดเข้ามาดิสคอร์ดของตัวเอง..
19.19 PM
Gojo < ยูจิ
Gojo < วันนี้ไม่มาเล่นด้วยกันเหรอ?
!!! > Yuji sannn
คุณอาโกะโจเหรอครับ > Yuji sannn
Gojo < ครับ
อ่า ใช่ครับ พอดีผมเล่นกับอีกกลุ่มอยู่ .___.) > Yuji sannn
คุณอามีธุระอะไรกับผมรึเปล่าครับ > Yuji sannn
Gojo < ก็มีแหละ
? > Yuji sannn
Gojo < อยากคุยด้วย
Gojo < เรียกธุระหรือเปล่า?
Watching movies, but we ain’ t seein’ a thing tonight
I don’ t wanna keep you up
But show me, can you keep it up?
2 days later
เลิกเรียนหรือยัง? >
< เลิกแล้วครับ
< กำลังจะขึ้นรถเมล์ครับ
หื้ม >
ให้ไปรับไหม? >
< Yuji ได้ส่งสติ๊กเกอร์
< ผมเกรงใจนะครับ U_U
ไม่เห็นต้องเกรงใจเลย >
ดวงตาคู่สวยจ้องมองยังหน้าจอเครื่องมือสื่อสารพร้อมยกยิ้มมุมปากอยู่ในรถยนต์สีขาวคันสวย มือข้างหนึ่งจับพวงมาลัยไว้อย่างมั่นคง ขณะที่การจราจรในตอนนี้ยังคงติดขัด แต่เขาไม่ได้ดูหงุดหงิดเลยแม้แต่น้อย
โกะโจ ซาโตรุ หนุ่มโสดผู้พ่วงหน้าที่การงานเป็นพนักงานออฟฟิศและมีอายุสามสิบสองปี เขารักการเป็นอิสระและไม่ชอบผูกมัดความสัมพันธ์กับใครเป็นพิเศษ แต่เมื่อถึงจุดอิ่มตัวของช่วงวัย เขากลับโหยหาบางสิ่งที่คิดว่ามันอาจจะสายเกินไปที่จะเริ่มค้นหา เขาคิดแบบนั้นเสมอและหวังว่ามันคงไม่เป็นแบบนี้ตลอดไปจนเขาแก่ตัวลง กระทั่งวันหนึ่ง..เขาเริ่มมั่นใจแล้วว่าสิ่งที่เขากำลังค้นหาอยู่มันอาจจะอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล เขาก็พร้อมที่จะเดินหน้าเข้าหาเป้าหมายทันทีอย่างไม่ลังเล
ไม่กี่วันก่อนในช่วงเย็นหลังจากที่เขาเลิกงานจากบริษัท หลานชายซึ่งเป็นญาติห่างๆ ของเขาได้ชักชวนให้มาเล่นเกมออนไลน์ด้วยกัน เพราะหลานชายคนนี้รู้ดีว่าชีวิตของเขาค่อนข้างที่จะเคร่งเครียดจากการทำงานและการผิดหวังจากความรักครั้งก่อนที่ยังคงเป็นบาดแผลเรื้อรังอยู่ในใจชายหนุ่มมาหลายปี เขาอาจจะต้องการความผ่อนคลายบ้างแม้จะเลยวัยมาไกลแล้วก็ตาม
เขารู้ว่าถ้าหากเข้าไปเล่นด้วยในแวดวงของกลุ่มวัยรุ่น เขาอาจจะถูกเด็กๆ ปั่นหัวจนไม่เห็นถึงอายุ หรืออาจจะปีนเกลียวเล่นด้วยจนเหมือนเพื่อนกันไปก็เป็นได้ แต่แน่นอนว่าเมื่อไม่กี่วันก่อน สถานการณ์ที่เขาคิดไว้มันไม่ได้เกิดขึ้น เพื่อนๆ ของหลานชายเขาต่างน่ารักและให้ความเคารพกับเขาที่เป็นผู้ใหญ่กว่าทุกครั้งที่มีการพูดคุยกัน
และเหมือนจะมีคนหนึ่งที่เขาให้ความสนใจมากเป็นพิเศษ
แรกๆ ซาโตรุเองก็ไม่ได้สนใจ แต่เมื่อได้ยินเสียง การพูดคุย หรือแม้กระทั่งการได้รู้จักชื่อจากการแนะนำของหลานชาย มันก็ทำให้เขาสนใจในตัวของอีกฝ่ายขึ้นมา เขาใช้เวลาที่เงียบปิดไมค์อยู่นั้นคอยสังเกตตัวละครของอิทาโดริ ยูจิ อยู่เงียบๆ ฟังพวกเด็กๆ คุยกันอย่างสนุกสนาน แต่เสียงหัวเราะสดใสของยูจิก็ยังคงเด่นชัดเมื่อเขาได้หัวเราะออกมา นั่นเองที่ทำให้เขาอยากรู้จักตัวของอีกฝ่ายมากยิ่งขึ้น
เขาใช้ระยะเวลาหลายวันในการทำเหมือนเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความปกติอย่างที่สมควรจะเป็น แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาปล่อยวางเสียเลย เขาคุยกับหลานชายถึงเรื่องของเด็กคนนั้นอย่างถี่ถ้วนและกำชับกับหลานชายในเรื่องนี้ ว่าให้เป็นความลับไปก่อน
‘คนนี้เหรอ’ เขาถามหลานชายที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนโซฟาตัวยาวภายในคอนโดหรูของเขา หลังจากที่ได้เห็นรูปของเด็กหนุ่มคนนั้นจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือของยูตะ
‘ใช่ คนนี้แหละอา’ ยูตะพูดพลางปัดรูปอื่นๆ ให้เขาดูด้วย ทุกรูปต่างเป็นรูปที่มีเพียงเด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีชมพูอ่อนและรอยยิ้มน่ารัก การกระทำต่างๆ ทั้งเล่นกีฬา รูปเผลอ หรือการถ่ายเซลฟี่เป็นกลุ่ม ‘นิสัยก็น่ารักดีนะ อย่างที่อาเห็นเมื่อวานอะ เป็นเพื่อนของเมกุมิ’
ซาโตรุนั่งมองรูปเหล่านั้น ยูตะไม่อาจคาดเดาความคิดของชายหนุ่มได้เลย จนกระทั่ง..
‘มีแฟนหรือยัง’
ยูตะขมวดคิ้ว
‘ต้องถามว่าเคยมีหรือเปล่าดีกว่า’
ตัวเขาก็ไม่เคยกินเด็กเลยสักครั้ง
..แต่ไม่ลองก็ไม่รู้สิ
ในคืนนั้นเขาจึงไม่รีรอให้เวลาผ่านไปอย่างไร้ค่า เขาเข้าไปเล่นเกมกับกลุ่มของหลานชายอีกครั้ง แต่ปรากฏว่าในครั้งนี้มันเปลี่ยนไป อิทาโดริ ยูจิ ไม่อยู่ให้เขาได้คุยด้วยเสียแล้ว ชายหนุ่มพยายามหาช่องทางการติดต่อส่วนตัวซึ่งก็ไม่ได้ยากเย็นอะไรสำหรับเขา ดังนั้นการทักดิสคอร์ดส่วนตัวไปทันทีที่จบเกมก็ไม่ได้เรื่องเร่งด่วนสำหรับซาโตรุเท่าไหร่ และผลลัพธ์ที่ออกมาถือว่าน่าพึงพอใจ
ยูจิตอบเขาแทบจะทันที และเราคุยกันอย่างสนิทสนมด้วยเวลาอันรวดเร็ว สุดท้ายเราก็แลกคอนแทกต์กันในวันต่อมา แม้ในตอนนี้เขาจะยังไม่เคยเห็นหน้าตาจริงๆ ของเด็กหนุ่มด้วยซ้ำไป
เขาคิดว่ามันเหมือนนิยายน้ำเน่าซะไม่มี ที่ตัวเอกทั้งสองตัวละครเจอกันในเกมและได้รักกัน เขาว่ามันฟังดูไม่มีอะไรที่สมบูรณ์ ไม่มีอะไรที่น่าเชื่อถือได้ คุยกับคนแปลกหน้าเนี่ยน่ะหรือ..
< คุณอา
< อยากไปส่งผม
< หรืออยากเห็นหน้าผมกันแน่ครับ
ซาโตรุหัวเราะในลำคอทันทีที่อ่านข้อความในใจจบ
ถ้าบอกว่า >
อยากมากกว่านั้นล่ะ >
จะดูโลภเกินไปไหมนะ >
< โลภมากครับ!
< Yuji ได้ส่งสติ๊กเกอร์
อาพูดความจริงจากใจเลยนะ >
< ผมไม่คุยกับคุณอาแล้ว!
< แต่ถึงบ้านแล้ว จะทักหานะครับ
เขาอ่านข้อความก่อนจะเหลือบสายตาขึ้นมองสัญญาณไฟจราจร เมื่อเห็นว่าอีกไม่นานเขาจะต้องเตรียมตัวเคลื่อนรถออกตัว นิ้วเรียวยาวก็เร่งระรัวบนแป้นพิมพ์โทรศัพท์ตอบกลับไป
ยูจิ >
น่ารักจริงๆ เลย >
ฝ่ายเด็กหนุ่มที่เห็นข้อความเด้งขึ้นแทบด้านบนก็ได้แต่นั่งกลั้นยิ้มอยู่เพียงลำพังบนรถเมล์สายเดิมที่ไม่น่าเบื่ออีกต่อไป ยูจิยังไม่ตอบข้อความของชายหนุ่มโดยทันที เขาเพียงแค่อยากนั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยกับตัวเองอีกสักพักหนึ่งขณะที่นั่งมองออกไปยังด้านนอกหน้าต่างของรถเมล์ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วไปหมด ทั้งการที่พวกเขาคุยกันอย่างถูกคอ ทั้งความรู้สึกที่อัดอั้นอยู่ภายในอกตอนนี้ มันเริ่มชัดเจนขึ้นเสียจนน่าตื่นเต้นไปหมด หรือยูจิเป็นเพียงเด็กหนุ่มอายุสิบหกปี หรือเป็นเพราะเป็นครั้งแรกของเขา เป็นรักแรกที่ได้รับการตอบกลับ เป็นรักที่จริงจังขนาดนี้ เขาถึงได้รู้สึกตื่นเต้นสำหรับเทศกาลคริสต์มาสในปีนี้มากกว่าปีที่ผ่านๆ มา
วันพรุ่งนี้แล้วสินะ คริสต์มาส
..เขาจะขออะไรจากซานต้าดีนะ
‘Cause then I’ ll have to keep you up
Shit, maybe I’ ma keep you up, boy
< ถึงบ้านแล้วนะครับ >O<
< Yujiii ได้ส่งรูปภาพ
นิ้วยาวกดรูปที่ถูกส่งมาให้ขยายใหญ่ขึ้น ใบหน้าน่ารักของเด็กหนุ่มที่เซลฟี่ตัวเองนั่งกอดกับตุ๊กตาหมีใส่นวมต่อยมวยอยู่เก้าอี้เล่นคอมพนักพิงสีแดงด้านหลัง เหมือนยูจิจะรู้วิธีว่าทำยังไงให้ชายหนุ่มเผลอยิ้มตามรูปที่ส่งมาได้ยังไงอย่างงั้น ดวงตาคู่สวยซูมเข้าไปที่แก้มย้วยๆ ที่แนบกับตุ๊กตาจนนูนออกมา เขาเผลอยิ้มตามพลางภาพในหัวที่จินตนาการไปไกล
บริสุทธิ์ น่าทะนุถนอม
แต่ก็อยากย่ำยีให้บอบช้ำ แล้วค่อยจูบโอ๋ทีหลังเสียจริง
อาก็ถึงแล้วเหมือนกันครับ >
Gojo ได้ส่งรูปภาพ >
ฝ่ายเด็กหนุ่มที่นั่งหนุนตุ๊กตาตัวโปรดอยู่บนตักกดเข้าไปอ่านข้อความของชายหนุ่มโดยยังไม่ทันได้คิดอะไร รู้เพียงแค่อีกฝ่ายได้ส่งรูปภาพบางอย่างมาซึ่งแน่นอนว่ามันน่าดึงดูดมากกว่าการพิมพ์ข้อความธรรมดามาอย่างแน่นอนอยู่แล้ว
และสิ่งที่คาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น เมื่อรูปภาพที่ถูกส่งมาเป็นชายหนุ่มที่เขากำลังคุยอยู่นั่นเอง คุณเขายืนถ่ายตัวเองมาจากกระจกภายในห้องนอน เพียงแค่อีกฝ่ายกำลังอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำสีขาว แทบทั้งตัวไม่มีสิ่งใดนอกเหนือจากชุดคลุมสีขาวตัวนั้น คอชุดคลุมกว้างลึกเผยแผงอกแน่นชัดมาถึงกล้ามหน้าท้องเรียงสวยพร้อมกับรอยยิ้มมุมปากและสายตาแทะโลมอย่างปิดไม่มิด เรือนผมสีขาวเปียกชื้นจากการเพิ่งอาบน้ำมามาดๆ ลงมาปรกดวงตาทรงเสน่ห์คู่นั้นให้ดูเร่าร้อนยิ่งขึ้น ยูจิเบิกตาโตพร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงไม่เป็นส่ำ มือเจ้ากรรมรีบกดปิดหน้าจออย่างเร็วราวกับเป็นสัญชาตญาณดิบภายในใจที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน
เด็กหนุ่มนั่งขดตัวอยู่บนเก้าอี้ล้อเลื่อนกอดซุกตุ๊กตาแน่น ใบหูขึ้นสีแดงก่ำไม่แพ้พวงแก้มน่ารักที่ถูกซ่อนเร้นแนบชิดตุ๊กตาอยู่ในตอนนี้ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าส่งเสียงอู้อี้ร้องอัดใส่ตุ๊กตาอย่างบ้าคลั่งราวกับคนสิ้นสติไปชั่วขณะ ผ่านไปราวนาทีกว่าถึงได้ยอมเงยหน้าขึ้นจากตุ๊กตาและส่งสายตาไปยังโทรศัพท์ที่ถูกวางคว่ำอยู่บนโต๊ะหน้าคอมพิวเตอร์
เหมือนยูจิจะได้คำตอบแล้วล่ะ ว่าอยากขออะไรจากซานต้า
มือเล็กเอื้อมไปคว้าเอาโทรศัพท์มากดเปิดหน้าจออีกครั้ง ข้อความส่งซ้ำของชายหนุ่มเด้งขึ้นแทบด้านบน ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่น หลับตาปี๋ก่อนจะกดเข้าไปที่กล่องข้อความนั้น รูปนั้นยังคงปรากฏ พร้อมข้อความล่าสุด
< อยากได้อะไรในวันคริสต์มาสหรือเปล่า?
เด็กหนุ่มเลิกคิ้ว ถามเหมือนพร้อมที่จะให้เขาได้ทุกอย่างยังไงอย่างงั้น
ถามเหมือนจะหามาให้ผมได้เลยครับ >
< ก็ได้น่ะสิ เลยถามไงล่ะ
จะป๋าเกินไปแล้ว! >
< :)
< สรุปอยากได้อะไรคะ
เด็กหนุ่มยกโทรศัพท์ชนกับหน้าผากทันทีที่ถูกถามซ้ำ ไม่ใช่ว่าตัวของยูจิไม่เคยคิด แต่เพราะคิดอยู่ตลอดต่างหาก และเพราะความอยากรู้อยากลองนั่นเองทำให้เขาเขินอายแม้แต่จะพิมพ์สิ่งที่อยากได้ออกไป ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าในความคิดของตัวเองจะคิดแบบนั้นอยู่จริงๆ ..
ผม >
อยากเจอคุณอาครับ >
I’ ve been drinking coffee
And I’ ve been eating healthy
Know I keep it squeaky, yeah
Saving up my energy
On christmas night
December 25
20.20 PM
เสียงเคาะประตูไม่กี่ครั้งดังขึ้นที่หน้าห้องภายในคอนโดสูง เรียกความสนใจจากชายร่างสูงใหญ่ภายใต้เสื้อยืดแขนยาวคอกว้างให้หันกลับไปมองนาฬิกาที่ติดอยู่บนผนัง ก่อนจะรู้ได้ว่านี่มันก่อนเวลานัดถึงสิบห้านาที แต่เขาก็ไม่รีรอที่จะก้าวขาเรียวยาวในกางเกงขายาวสีครีมให้เดินไปยังหน้าประตูห้อง ในใจเขาแอบลุ้นเล็กน้อยแม้ว่ามือใหญ่จะเอื้อมไปจับที่ลูกบิดประตูแล้วก็ตาม
เมื่อบานประตูถูกเปิดกว้างออกก็ปรากฏร่างเล็กที่ยืนรออยู่ด้านหน้าห้อง ไหล่เล็กของเด็กหนุ่มยกขึ้นเล็กน้อย มือเล็กกำชายเสื้อฮู้ดตัวโคร่งของตัวเองแน่นราวกับกำลังประหม่า ก่อนจะช้อนตาขึ้นมองชายหนุ่มที่มองภาพนั้นด้วยรอยยิ้มบาง
“มาเร็วจังเลย” ซาโตรุว่าพลางขยับตัวเปิดทางให้เด็กหนุ่มเข้ามาภายในห้อง “เข้ามาสิ”
ยูจิค่อยๆ เดินเข้ามาในห้องตามคำเชื้อเชิญโดยไม่ได้รู้ตัวเลยว่าถูกอีกฝ่ายมองตามตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ก่อนร่างสูงจะปิดประตูต้อนหลังและเดินตามแผ่นหลังเล็กเข้าไปที่กลางห้องรับแขก ยังดีที่เขามีอารมณ์จัดตกแต่งห้องในปีนี้ เพราะทุกๆ ปีเขามักจะติดทำงานอยู่ตลอดจนไม่มีแม้กระทั่งเวลาให้ร่างกายได้พักผ่อน หรือเวลาว่างในการจัดตกแต่งห้องตามเทศกาลสำคัญ
มุมห้องในตอนนี้จึงมีต้นคริสต์มาสสูงประมาณเมตรกว่า ถูกประดับและตกแต่งด้วยไฟสีทองสวยงาม มีของตกแต่งห้อยทั่วทั้งต้นและดวงดาวดวงใหญ่ที่ติดอยู่บนยอดต้น ดูเหมือนยูจิจะให้ความสนใจกับมันมากเป็นพิเศษ ซาโตรุสังเกตได้ว่าต้นคริสต์มาสของเขาต้นเล็กกว่าเด็กหนุ่มเพียงนิดเดียว หรือว่าเด็กหนุ่มสูงกว่าต้นคริสต์มาสเพียงนิดเดียวกันนะ
“ชอบไหม ยูจิ”
“ชอบมากเลยครับ” ยูจิว่าพลางเข้าไปยืนใกล้ๆ กับต้นคริสต์มาส แสงไฟสีทองสะท้อนอยู่ในดวงตากลมโตสุกสกาวเด่นชัดในสายตาของซาโตรุเป็นที่สุด “คุณอาตกแต่งเองทั้งหมดเลยเหรอครับ” ถามพร้อมกับหันใบหน้าเปื้อนยิ้มมามองทางเขา ซาโตรุพยักหน้ารับเบาๆ ใจจริงแล้วหนึ่งในเหตุผลที่เขาอยากจัดต้นคริสต์มาสนี้ขึ้นในห้องพักของตัวเองก็เพื่อหวังความชื่นชอบจากเด็กหนุ่มตรงหน้านี้เสียมากกว่า
“แล้วทานอะไรมาหรือยัง ห้องอามีของว่างอยู่นะ”
“..ไม่เป็นไรครับ ผมทานมาแล้ว” ยูจิตอบพลางหลุบสายตาลง ราวกับไม่อยากที่จะสบตากับคนตรงหน้าให้อีกฝ่ายรู้ตัวว่าเด็กหนุ่มกำลังหวั่นไหวอยู่ภายใน แต่ก็ต้องสะดุ้งเฮือกจากความคิดเคอะเขินนั้นเพราะวงแขนใหญ่นำพาความอบอุ่นเข้าสัมผัสที่ไหล่บาง รวบเข้าแนบชิดตัวและพาเดินมานั่งเล่นที่โซฟากลางห้อง ยูจินั่งลงพลางพิจารณาบรรยากาศภายในห้องรับแขก ขณะที่ชายหนุ่มเจ้าของห้องนั่งขาไขว่ห้างหยิบรีโมทขึ้นมากดเปิดจอแอลอีดีเบื้องหน้าอย่างใจเย็น
“ปกติแล้ว..คุณอาอยู่คนเดียวเหรอครับ?”
คำถามเรียกความสนใจจากชายหนุ่มให้หันไปมองใบหน้าน่ารักที่มองเขากลับมาด้วยแววตาไร้เดียงสา ซาโตรุจะหัวเราะในลำคอเบาๆ กับคำถามนั้นและความคิดอันสกปรกของตนเอง
“ใช่ อยู่คนเดียวมานานแล้วล่ะ นานๆ ทีถึงจะมีคนแวะมาหา” ชายหนุ่มวางรีโมทลงและเอนหลังพิงพนักโซฟาตัวยาว “แล้วตกลง..สิ่งที่อยากได้ในวันนี้มีแค่นี้เหรอ?”
ยูจิกลั้นหายใจไปชั่วขณะพร้อมมือเล็กที่เผลอกำชายเสื้อแน่นอีกครั้ง ขบริมฝีปากล่างโดยไม่ได้ตั้งใจซ้ำมันยังดูน่าแกล้งมากในสายตาของคนมองอีกต่างหาก แต่ยูจิไม่อาจรับรู้ได้ถึงความปรารถนานั้นของชายหนุ่ม เขารู้เพียงแค่อยากได้เห็นหน้าของอีกคนอย่างชัดเจนมากกว่าการได้แต่มองจากในรูปที่ส่งมา หรือในภาพจำที่เขาเคยเห็นอีกฝ่าย อยากสัมผัสตัวของเขา อยากได้อยู่ใกล้ๆ อยากได้รับไออุ่นจากร่างกายใหญ่โตของเขา อยากถูกมองด้วยดวงตาที่สวยงามคู่นี้ อยากทำทุกอย่างที่มากกว่าคนรู้จักกันในโลกออนไลน์จะได้ทำ
ยูจิรู้ว่าจุดสิ้นสุดของการอยากเจอคืออะไร เพียงแต่เขายังคงกลัว..
เพราะมันคือครั้งแรก..และเขาคิดว่าตัวเองคงจะไม่มีความกล้ามากพอเทียบเท่ากับความอยาก
“เปล่าหรอกครับ..” ยูจิพูดแผ่วเบาก่อนจะขยับตัวให้นั่งหันหน้าเข้าหาชายหนุ่มได้อย่างถนัดมากขึ้น จ้องมองอีกฝ่ายที่มองตามตาไม่กะพริบ “ผมรู้ว่าเราเพิ่งจะรู้จักกันได้แค่ไม่กี่วัน มันคงจะเร็วไปถ้า..”
“…”
“ถ้าผมอยากจะรู้จักตัวตนของคุณอาให้มากกว่านี้” ร่างเล็กเบียดตัวกับโซฟาเล็กน้อย ความประหม่าฉายแววออกมาจากแววตาและสีหน้าอย่างชัดเจน “ยูจิขอมากไปไหมครับ..”
แต่คำตอบของคำถามนั้นกลับถูกตอบโต้ด้วยการกระทำ มือใหญ่คว้าเอวบางเข้ามาแนบชิดตัวจนร่างเล็กไม่ทันได้ตั้งตัวเผลอหลับตาแน่นยามที่ลมหายใจอุ่นร้อนของชายหนุ่มจรดอยู่ที่ข้างแก้ม ก่อนจะไล่มาที่ใบหูเล็กอย่างเชื่องช้า เสียงทุ้มกระซิบแผ่วเบาด้วยน้ำเสียงชวนฝัน
“มากกว่านี้..อาก็ให้ได้ครับ” มุมปากหนายกยิ้มพลางไล่ปลายจมูกโด่งลงมายังลำคอระหง ยิ่งเมื่อสัมผัสได้ถึงร่างบอบบางในอ้อมแขนที่กระตุกเกร็งจากการเล้าโลมของเขา ก็ยิ่งพาให้อยากกลั่นแกล้งจนงอแงขึ้นมา แต่ซาโตรุคงคิดผิดถ้าหากจะอยากแกล้งเด็กหนุ่มอยู่ฝ่ายเดียว..เพราะยูจิเองก็ได้เอาชนะความกลัวภายในใจตนเองได้แล้วเช่นกัน
“..34+35?”
Can you stay up all night?
F**k me’ til the daylight
ร่างสูงชะงัก เขาเคลื่อนใบหน้าออกมาจากการคลอเคลีย สบตากับเด็กหนุ่มที่ใบหน้าขึ้นสีระเรื่อดูน่ารักน่าหอม เขารู้ว่าสิ่งที่เด็กหนุ่มเอ่ยเมื่อครู่คืออะไร แต่ก่อนที่เวลามันจะผ่านไปเร็วกว่านี้..ซาโตรุขยับยิ้มกว้าง ก่อนจะยื่นใบหน้าเข้าไปใกล้กับใบหน้าจิ้มลิ้ม มองริมฝีปากอิ่มที่คาดเดาไม่ได้เลยว่าจะนุ่มหยุ่นชวนใจละลายราวกับน้ำผึ้งจากรังหรือไม่..
“คริสต์มาสไม่จบแค่คืนนี้แน่”
Thirty-four, thirty-five
Can you stay up all night?
F**k me’ til the daylight
END
______________________________________
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in