เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ยิงสิ ศึกปืนนองเลือด(1)KCD.JOR
คำขอร้อง
  •  “ดาบที่พวกมึงตีไปถึงไหนแล้ว”เจ้ากรมทหารมาตามจู๋ของท่านชาย ไม่สิ ดาบของท่านชาย

    “ท่านหมายถึงดาบอะไรคับพวกผมมีดาบหลายดาบที่ต้องตีเหมือนกัน” หินตอบแบบจงใจกวนอารมณ์เล็กน้อย

    “ดาบที่ท่านชายลานุไง ไอ้พวกบื้อ ถึงไหนแล้ว”

    “ท่านหมายถึงจู๋มด เอ้ย หมายถึงดาบของตุ๊กตาของท่านลานุใช่หรือไม่ ถ้าเป็นดาบนั้นพวกผมตีเสร็จตั้งแต่เมื่อคืนแล้วคับ”

    “ดีมาก เอามาให้กุดูสิ”ทุกคนหยุดการทำงาน สายตาเลิกลั่กกันทุกคน แน่นอนหินเลิกลั่กมากที่สุด

    “ไหนอ่าดาบ ดาบท่านลานุอยู่ไหน” เจ้ากรมทหารเริ่มใช้เสียงดังขึ้น

    “ดาบเล่มนั้น พี่สอกำลังเอาไปให้ท่านลานุที่วังแล้วคับ” พลทหารคนหนึ่งกล่าวขึ้น

    “พวกมึงว่าไงนะ? ดาบอยู่กับสอ”

    “ใช่คับท่าน ดาบอยู่กับไอ้สอและสอกำลังเดินทางไปที่วัง”

    “พวกมึงเล่นอะไรกันห่ะ” เจ้ากรมทหารใช่เสียงที่ดังกว่าเดิม

    “มีอะไรที่เราควรรู้จากท่านก่อนมั้ยคับ?”คำถามล่อเสือเข้าถ้ำของสอ ที่อยู่ดีๆก็มาอยู่ที่กรมทหารนั้นทำให้เจ้ากรมทหารเสียถ้าไม่น้อย

    “ไอ้สอ มึงเอาดาบมาให้กุ”สอหยิบดาบออมาจากกระเป๋ากางเกง ยื่นออกมาให้เจ้ากรมทหาร ดู

    “มึง เอาดาบมาให้กุ”

    “ท่านก็ดูอยู่นี้ไงคับ”

    “อย่ากวนกุไอ้สอ เอาดาบมา”

    “ไม่ครับท่าน ผมจะเป็นคนเอาดาบไปให้ท่านลานุเอง”

    “ไอ้สอ”เสียงของเจ้าทหารดังกว่าเดิมบ่นอารมณ์โมโห

    “หรือว่าท่านมีอะไรปิดบังผมจริงๆ”สอใช้คำถามเดิมในการสนทนากับเจ้ากรมทหาร

    “ถ้ามันไม่มีอะไร นั้นผมก็ตัวนะท่าน”สอทำความเคารพเจ้ากรมทหารก่อนที่จะเดินออกไป

    “พวกมึงทุกคนคงจะรู้แล้วใช่มั้ยว่าไตรมรนะที่จะเกิดขึ้นมีเพื่ออะไร”อยู่ดีๆเจ้ากรมทหารก็ยกเรื่องไตรมรนะขึ้นมา

    “ไม่ต้องตอบกุ ถ้าพวกมึงอยากจะมีชีวิตไปเลี้ยงหลานของพวกมึงเอง พวกมึงต้องไม่เข้าร่วมไตรมรนะ เข้าใจตรงกันนะ”น้ำเสียงที่เย็นเหยือกของเจ้ากรมทหาร ทำให้ทุกคนเงียบปาก

    “เข้าใจใช่มั้ย?”ยังไม่มีคำตอบของทุกคน

    “กุถามว่าเข้าใจใช่มั้ย?”ยิ่งเจ้ากรมทหารถาม อยู่ดีๆอากาศในห้องนั้นก็เย็นบ่งบอกได้จากหินนั้นสั่นจนเครื่องซักผ้าเรียกพี่

    “คับท่าน” ในที่สุดทุกคนก็ตอบเจ้ากรมทหารได้เดินทางออกไปจากตรงนั้น ปล่อยให้ทุกคนอยู่ในภวังค์แห่งความเงียบงัน

  • “ท่านตาค่ะ” เสียงเรียกจากนม

    “นมค่ะ เรียกตาแบบปกติเถอะค่ะ ตาก็ยังคือตา ไม่ต้องมีท่านก็ได้ค่ะ”ดุสิตารู้สึกแปลกๆตั้งแต่วันแรกๆที่ย้ายมาอยู่ที่นี้เพราะนมทุกคนต่างแรกดุสิตาว่าท่านหญิงดุสิตา อยู่ไปนานๆเข้าดุสิตาก็ต่อรองให้เรียกเหลือแค่ท่านตาแต่อย่างไงดุสิตาก็ยังไม่คุ้นอยู่ดี

    “ท่านตา อย่างน้อยนมเรียกอย่างนี้ นมสบายใจนะค่ะ นมขอเถอะเพค่ะ”

    “ถ้านมเรียกตาว่าอย่างงั้นแล้วนมสบายใจนมก็ทำเถอะค่ะ”

    “ขอบคุณเพค่ะ”

    “ว่าแต่ ตาเคยได้ยินนมพูดถึงเรื่องกลุ่มผู้หญิงที่กลับมาจากเมืองบูลวานมเล่าให้ฟังต่อมั้ยค่ะ” ดุสิตาเคยได้ยินเรื่องราวของเมืองนี้เหมือนกันเมืองบูลวามีชื่อเสียงเรื่องอาหารทั้งอาหารคาวและอาหารหวาน และแน่นอนเรื่องอาหารดุสิตายอมทุกเรื่อง

    “ถ้าเป็นเรื่องอาหารเนี่ยท่านตาจะสนใจเป็นพิเศษนะเพค่ะ ฮาฮา” นมแซว

    “หูผึ่งเลยล่ะค่ะ ฮาฮา นมช่วยเล่าให้ตาฟังใหม่ตั้งแต่ต้นได้มั้ยค่ะ แอบฟังมา ไม่ค่อยจะเอาใจสะเท่าไหร่”

    “เมืองบูลวา อย่างที่ท่านตาทราบเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องอาหาร ทั้งคาวทั้งหวานใครได้กินแล้วถือว่าเป็นบุญปากเพค่ะ”

    “นม นมรู้มากกว่านิเล่ามาให้ตาฟังเถอะนะ” เสียงอ้อนของดุสิตามันช่างอ่อนหวานเลยเกินประกอบกับรูปลักษณ์ของเธอแล้วนะ มันช่างน่ารักเหลือเกินโดยเฉพาะแก้มที่น่าหยิกนั้น

    “นุก็อยากรู้นะนมเล่าให้นุฟังด้วยได้มั้ย” ท่านชายลานุอดทนฟังอยู่หน้าประตู แต่เพราะความรู้สึกต่อความน่ารักของดุสิตานั้น จะทนฟังอยู่หน้าห้องนั้นทำไม

    “นุก็อยากรู้เหมือนกันว่าขนมหวานที่หวานแล้วนั้น ยังจะหวานเท่ากับรอยยิ้มของตาได้หรอเปล่า”

    “ปากหวานเลยนะนุ แน่นอนสิ ตาต้องหวานกว่าอยู่แล้ว”

    “นั้นนมจะขออนุญาตเล่าต่อนะเพค่ะ” ดุสิตานั่งอยู่บนพื้นไม้ขัดเงาของวังคู่กับนม

    “อ้าว รออะไรอยู่ละนุ มานั่งสิ” ร้อยวันพันปี ลานุไม่เคยนั่งพื้นไม้ในระดับเดียวกันกับนมเลยลานุจะต้องอยู่สูงกว่านมเสมอ แต่ทำไงได้ ดุสิตานั่งพื้นก่อนแล้วทางตัวเองเดินไปนั่งที่ที่นั่งประจำ ลานุคงหมดโอกาสที่จะอยู่ใกล้กับดุสิตาไม่มีทางเลือกเลย ลานุตัดสินนั่งลงบนพื้น

    “จะดีหรือค่ะท่านลานุ” นมคัดค้าน

    “เราโอเค เล่าเลยนม เรารออยู่”ลานุไม่อยากขัดใจดุสิตาเลยยอมนั่งพื้น

    “อย่างที่นมบอกไปเมืองบูลวาเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องอาหารอีกทั้งอาหารที่ลือนั้นมันไม่ใช่อาหารธรรมดาๆที่เรากินกันอยู่ประจำด้วยเพค่ะ”

    “แล้วชาวเมืองพวกนั้นกินไรกันล่ะไอ้หนอนไอ้ไส้เดือนหรืออย่างไง” ลานุแกล้งแสดงความฉลาดน้อยของตน

    “ท่านลานุค่ะ ท่านอาจจะไม่เคยรู้หนอนไส้เดือน ไม่ต้องไปไกลถึงเมืองบูลวาหรอกค่ะ” นมพยายามจะสื่อให้ลานุเข้าใจ

    “หมายความว่าไงนมชาวบ้านเมืองเรากินของพวกนั้นหรือ?” ดุสิตามองไปยังลานุขณะที่ลานุตอบนม

    “มองนุทำไมตา อย่าบอกนะว่า”

    “หนอนไส้เดือน อยู่ที่ตลาดนี้เองนุครั้งหน้าถ้าเราไปตลาด เดี๋ยวเราซื้อกันนะค่ะนม” ดุสิตาพูดกับนมแต่สายตานั้นมันมาย้อกล้อกับลานุ

    “ชั่งหนอนไส้เดือน แล้วอะไรล่ะที่มันทำให้เมืองนั้นเด็ดเรื่องอาหาร”ลานุเปลี่ยนเรื่องให้กลับมาอยู่ในบทสนทนาก่อนหน้า

    “ท่านลานุอาจะยังไม่รู้แผ่นดินบูลวานั้น มีชาวฝรั่งอยู่เยอะ ทั้งฝรั่งขาวฝรั่งดำ ทั้งผมดำผมแดง อาหารในแผ่นดินนั้นมันเป็นอาหารที่แผ่นดินเราไม่มีเพค่ะ”

    “นมไม่รู้หรอค่ะว่ามันลักษณะอย่างไงรสชาติอย่างไง” ดุสิตาสนใจอย่างมาก

    “นมไม่รู้หรอค่ะ”

    “นมไม่เคยไปหรอกค่ะแต่นมได้ยินมาว่ามีคนกลุ่มไปมาเมื่อสักเดือนก่อนทางเมืองบูลวาต้องการความช่วยจากทางเรา พึ่งกลับมานี่เองเพค่ะ”

    “ลูกไม้ น้องสาวพลทหารหินพึ่งกลับมาจากเมืองบูลวาเย็นนี้เพค่ะ” ดุสิตาถึงกลับตกใจจนเอามือมาปิดปากน้ำตาค่อยๆไหลออกมา เมื่อเธอมองที่ต้นเสียงที่เข้ามาในห้องภายในวัง ต่างกันกับลานุสีหน้านั้นไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด หน้าแดงสั่น หมัดกำแน่น ตาโต หน้าบึ่ง

    “ถวายความเคารพต่อท่านลานุ” สอพูดด้วยน้ำเสียงที่ปกติ

    “ถวายความเคารพต่อท่านหญิงดุสิตาด้วยพลทหารสอ” ท่าลานุพูดขึ้น

    “สวัสดี ดุสิตา” สอพูดด้วยน้ำเสียงที่ปกติ

    “ท่านหญิง ดุสิตา”ลานุกล่าวย้ำที่ยศของดุสิตาที่ยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ

    “สวัสดีสอ เป็นอย่างไงบ้าง สบายดีมั้ย?”ดุสิตาทักทาย

    “ข้าพระพุทธเจ้าสบายดีเพค่ะขอบพระทัยเพค่ะ”

    “ท่านหญิงดุสิตา”สอกล่าวคำทักทายดุสิตา

    “สอ ใช้คำพูดแบบปกติก็ได้”

    “ตา ตารู้จักคนนี้ด้วยหรอ?”ลานุเริ่มสงสัย

    “ข้าอยากจะทำให้พระองค์ทั้ง2ใจเข้าพระทัยวันนี้ข้าพระพุทธเจ้ามาเพื่อสนองราชโอการของท่านลานุเพื่ออย่างเดียวเท่านั้นนี่คือจุดประสงค์ของข้าพระพุทธเจ้าในวันนี้เท่านั้น ในฐานะพลทหารสอ สังกัดกรมทหาร”

    “สอ” ดุสิตาตัดพ้อ

    “นี่คือดาบที่พระองค์ทรงโปรดที่จะให้กรมทหารตีถวาย”สอหยิบดาบออกมา ใส่พานที่นมวางไว้ให้ ลานุมองสออย่างสงสัยถึงความใจเย็นของสอแล้วไปถึงนมส่วนดุสิตานั้นยังคงร้องไห้เสียใจ

    “สอ สออย่าทำแบบนี้” ดุสิตาอ้อนว้อน

    “ข้าพระพุทธเจ้าหมดธุระแล้ว ขอถวายความเคารพ”สอแสดงความเคารพต่อทั้ง2

    “อย่าพึ่งไป”ลานุสั่งสอด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน

    “หากพระองค์อยากรู้เรื่องอื่นนั้นข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชนุญาติจากพระองค์ ในการใช้ศัพท์สามัญ และไม่มีการลงโทษตัวข้าพระพุทธเจ้าในด้านราชการทหารเพราะถ้าเป็นเรื่องอื่น ข้าพระพุทธเจ้า คือ สอ เพื่อนที่สนิทที่สุดของดุสิตาไม่ใช่พลทหารสอในกรมทหาร”   

    “หมายความว่าอะไร เพื่อนที่สนิทที่สุด อธิบายให้เราฟังเดี๋ยวนี้” ลานุถามสออย่างตรงไปตรงมา

    “ผมสนิทกับตา มาสักระยะหนึ่งสิ่งที่ท่านเข้าใจถูกต้อง ผมและตาเรามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันดังนั้นการที่ตามาอยู่ที่วังของท่าน มันทำให้ผมลำบากอยู่เล็กน้อย”

    “สิ่งที่ผมพอจะทำได้ในฐานะเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง คือการทำให้แน่ใจว่าตามีความสุขผมคิดว่าท่านก็มีความรู้สึกเดียวกันกับผม ถูกต้องหรือไม่” สอตั้งคำถามกับลานุ

    “ผมที่สิ่งที่จะขอท่าน1อย่างท่านจะทำให้ผมได้หรือไม่?” สอขอร้อง

    “ได้ แต่หลังจากคำถามนี้” ลานุต่อรอง

    “ผมขอให้คำขอร้องก่อนได้หรือไม่?”สอต่อรอง

    “ว่ามา”

    “ดุสิตาต้องมากับผม 1 วันในวันพรุ่งนี้” 

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in