เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Let's Review!NickyWit
13 Reason Why Season 2 : What are you doing next?





  • *ขอเตือนทุกท่านก่อนค่ะว่าซีรีย์เรื่องนี้เป็นซีรีย์ที่มีเนื้อหาไม่เหมาะกับเด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปี ผู้ที่มีปัญหาด้านสภาพจิตใจ (โดยเฉพาะผู้ป่วยจิตเวชที่มีภาวะอารมณ์ไม่มั่นคง) และซีรีย์เรื่องนี้เป็นซีรีย์ที่ถ้าใครไม่ได้ดู(เเละอ่านรีวิวเรา)จากภาคเเรก https://minimore.com/b/IcEiP/1 จะดูภาคนี้ไม่รู้เรื่องเเน่ๆค่ะ เพราะเนื้อหาต่อจากภาคที่เเล้ว เเละรีวิวนี้เป็นรีวิวที่เจาะตอนต่อตอน ดังนั้น...ใครยังไม่ได้ดู ไปดูก่อนดีกว่าค่ะ แล้วค่อยมาอ่านรีวิวเราก็ได้
    เเต่ถ้าใครที่เป็นผู้ที่เรากล่าวไปในตอนต้นเเล้วคิดว่าตัวเองไหว + ดูมาเเล้วทั้ง 2 ภาค ก็เลื่อนลงไปอ่านได้เลยค่ะ*
  • เเน่นอนว่าเมื่อขึ้นว่าเป็น "season 2" ย่อมต้องเป็นภาคต่อถูกไหมคะ?
    ความเดิมภาคที่เเล้ว .... เนื้อหาพูดเกี่ยวกับการกลั่นเเกล้ง การฆ่าตัวตาย สังคมโรงเรียนมัธยมในอเมริกาที่เขามองว่าเป็นเรื่องปกติ (ปกติถึงขนาดที่ว่าครูรับรู้เเต่ทำอะไรไม่ได้) ปัญหาการล่วงละเมิดทางเพศและโรคทางจิตเวชที่ส่งผลกับเพื่อนๆของแฮนนาห์ เบคเกอร์ ในเเง่มุมใดก็เเง่มุมหนึ่ง

    เเต่สิ่งที่ซีรีย์เรื่องนี้ในภาคนี้นำเสนอเส้นเรื่องหลักคือ "การพิจารณาคดี" ผ่าหลักฐานที่ครอบครัวเบคเกอร์ยื่นฟ้องกับโรงเรียนเเละนักเรียนชายคนหนึ่ง (ไบรซ์ วอคเกอร์) โดยที่เทปเหล่านั้นเป็นตัวจุดประเด็นให้อย่างดีทีเดียว

    เราอยากบอกทุกคนว่าภาคนี้ "ไม่มีเทป" นะคะ...

     
  • โดยที่เปิดเรื่องมาก็อยู่ในห้องพิจารณาคดีเลยทีเดียว ... และไม่ต้องห่วงค่ะ ตลอดทั้งเรื่องก็จะมีฉากการพิจารณาคดี สืบพยาน ให้การของพยานอยู่เรื่อยๆเลย ถามว่าพยานในคดีคือใคร ยังไง?

    คำตอบคือ "เพื่อนๆ ครูและบุคคลที่เกี่ยวข้องกับแฮนนาห์" ทั้งหมดค่ะ
    และเคลย์ เจนเซนก็เป็นพยานด้วย !! (พึ่งทราบนะคะเนี่ยว่าคุณเเม่ของเคลย์เองก็เป็นเจ้าหน้าที่ศาล) โดยที่คำให้การนั้นขอเรียงลำดับง่ายๆดังนี้

    - เริ่มที่ไทเลอร์...ผู้ที่เป็นเด็กที่ชอบถ่ายรูปตลอดเวลา เเน่นอนเขาเองก็มีส่วนด้วย ในเรื่องของรูปต่างๆที่เกิดขึ้นทั้งบนโซเชียล ในโรงเรียน แต่ตัวไทเลอร์เองไม่ได้ล่วงเกินนางเอกทางเพศ (เเค่แอบถ่ายรูปเองง!!) แต่ในตอนสุดท้ายนั้นไทเลอร์จะเป็นอย่างไรนั้น เราขออุ้ปส์ไว้ก่อนค่ะ

    ต่อกันที่คอร์ทนีย์ เพื่อนสาวที่น่าจะเป็นเลสเบี้ยน ...รายนี้นี่ชอบนางเอกนะ ในภาคที่เเล้วนี่มีจูบกันด้วย ตามมาติดๆที่เจสสิกา ที่ถูกมองว่าเป็น "นังสำส่อน" แต่คุณผู้อ่านคะ เจสเองก็เป็น "ผู้ถูกกระทำ" ไม่ต่างจากนางเอกนะคะ เราบอกเลยว่ามีเซอร์ไพรส์ค่ะ

    มาต่อกันที่มาร์คัส โคล เพื่อนหัวการเมือง ประธานนักเรียนที่เขาเองก็มีส่วนกับนางเอกด้วยเช่นกัน เเละเเซค เดมพ์ซีย์เองก็ยอมรับว่าเคยคบกับนางเอกด้วยเช่นกัน เเละอีกคนที่ไม่พูดไม่ได้เลยคือ เคลย์ เจนเซน! ที่เขาเองอยู่ดีๆไปให้การกับคณะลูกขุนด้วย (ออกตัวก่อนว่าคณะลูกขุนในศาลอเมริกันนั้นเปรียบได้กับชั้นอัยการของตุลาการศาลไทยนั่นเองค่ะ)  และภาคนี้ จัสติน โฟเลย์ก็ขึ้นให้การเเละจับกุมด้วยค่ะคุณผู้อ่าน

    เเละผู้ร้ายในภาคนี้คือ "ไบรซ์ วอคเกอร์" ก็ให้การต่อคณะลูกขุนด้วย ซึ่งคุณผู้อ่านอ่านมาถึงตรงนี้ก็ต้องสงสัยว่าอเล็กซ์และโทนี่หายไปไหน ...

    คำตอบคือโทนี่ในภาคนี้ถูกคุมประพฤติค่ะ (แต่ขึ้นให้การได้นะ) ส่วนอเล็กซ์นั้น เนื่องจากสภาพร่างกายที่บาดเจ็บจากการยิงตัวเองในตอนสุดท้ายของภาคที่เเล้ว (ซึ่งพยายามทำกายภาพบำบัดแล้วแต่ไม่สามารถขึ้นให้การจริงๆนะ T^T") เราพูดเลยค่ะว่าทั้งสองให้การนี่มันต้องมีเซอร์ไพรส์ไม่ต่างจากเจสสิกาเลยค่ะ เพราะทั้งสองคนมีเส้นเรื่องที่มีส่วนกับนางเอกไม่น้อย

    *แซคในโหมดนี้เราชอบมากค่ะ เค้าหล่อออออ - ///-*

  • ทว่าระหว่างการให้การ พยานเองก็ถูกปั่นป่วนจากพวกที่ไม่อยากเห็นไบรซ์เป็นผู้ต้องหา ทางฝั่งครอบครัวเองก๋็ต้องขึ้นให้การด้วยเช่นกัน

    เรื่องราวก็ดำเนินมาถึงการพิพากษาและจากลา งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา วาระการจากลาย่อมมาถึงเช่นกัน ใช่เเล้วค่ะ ในสองตอนสุดท้ายของภาคนี้จะได้เห็นว่าผลของทุกการกระทำมันส่งผลอย่างไรบ้าง "เพราะทุกการกระทำย่อมส่งผลเสมอ" ค่ะ

    ซึ่งตอนสุดท้ายเป็นภาพพิธีไว้อาลัยในโบสถ์ ซึ่งปกติภาพอย่างนี้จะไม่ปรากฎในซีรีย์ หนัง หรืออะไรก็ตาม โดยที่เราจะเห็นภาพพิธีเเต่งงานในโบสถ์สวยๆ ผู้คนต่างยินดีให้กับคู่บ่าวสาว ทว่ามันไม่เกิดกับซีรีย์เรื่องนี้ค่ะ ผู้อ่านอ่านไม่ผิดหรอกค่ะ ในคริสตศาสนานั้น การทำพิธีไว้อาลัยจะต่างจากทางพุทธศาสนาตรงที่ 1.มีศิษยาภิบาล(ในซีรีย์เป็นบาทหลวง)มาเทศนาไว้อาลัย 2.ครอบครัว เพื่อนสนิทต่างมากล่าวไว้อาลัยให้กับผู้ตาย และ 3.จะมีการวางดอกไม้ไว้หน้ารูปศพ หรือโลงศพถ้าในโบสถ์มีจัดวาง (แต่ไม่ปรากฎให้เห็นในซีรีย์เพราะในภาคก่อนหน้าได้นำศพไปฝังเรียบร้อยเเล้ว)

    แต่ในพุทธศาสนานั้นจะมีการสวดอภิธรรม และการฌาปนกิจศพ และระยะเวลาที่จัดงานนั้นทางพุทธจะจัดงานยาวนานกว่าเพราะมีพิธีการ รายละเอียดอื่นๆที่ยิบย่อยพอสมควร เเต่ในทางคริสต์นั้นจะเรียบง่ายกว่า (ส่วนตัวเราเป็นคริสเตียน เเละไปงานศพทั้งฝั่งพุทธเเละคริสต์มาพอสมควร)

    แต่เรื่องเเบบนี้คงไม่อยากให้เกิดขึ้นกับใครสักคนที่คุณรักหรอก จริงไหม?
    เรื่องเเบบนี้มันสร้างความเจ็บปวดกับคนรอบตัวหลายคน
    และความเจ็บปวดนั้นทำให้คนเราเสียสติได้เช่นเดียวกัน


    ใช่ไหมคะ?

    Waiting for next season.
    - RookieWriter -  
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in