ท้องฟ้ายามเย็นถูกย้อมด้วยแสงสีของดวงตะวัน ผืนฟ้าสีเทาอมม่วงแลดูเลื่อมสีเหลือบพราย ตรงนั้นสีแดงกุหลาบ ตรงนี้เข้มขาบอมน้ำเงิน ริ้วเมฆสีขาวแตะแต้มประปราย...ดูเหมือนพระอาทิตย์กำลังเหนื่อย เขาส่องแสงสว่างอย่างหนักหน่วงมาแล้วทั้งวัน...และเวลานี้เป็นยามพักผ่อนเพื่อผลัดเวรให้จันทรานวลอ่อนขึ้นมาทำหน้าที่แทน
ดาวฤกษ์สีส้มดวงนั้นค่อยๆทิ้งตัวลงนอนบนท้องน้ำสีเงินประกาย ทิ้งรอยลำแสงวิบวับระยับวาวไว้บนผืนน้ำ ยามเมื่อเรือสองสามลำแล่นผ่านก็ก่อเกิดเป็นฟองฝอยฟูฟ่อง เจ้านกน้อยสามสี่ตัวกระโดดโหยงไปมาตรงท่าน้ำ แว่วเสียงจิ๊บจ๊าบเจื้อยแจ้วแว่วมาไกลๆคลอเคล้ากับสรรพเสียงสำเนียงของผู้คนที่สัญจรผ่านสะพานแห่งนี้
ผมยกกระป๋องเบียร์เย็นเฉียบในมือขึ้นจรดกับริมฝีปาก ปล่อยให้ความขมไหลผ่านลำคออย่างเชื่องช้า หลับตารับสายลมโชยอ่อนที่พัดไล้ผ่านใบหน้า แสงไฟจากเมืองเบื้องล่างค่อยๆทยอยสว่างไสวขึ้นแทนที่ดวงตะวัน ไฟสปอตไลต์ตรงสะพานกระพริบปริบๆก่อนจะส่องแสงสว่างจ้า เผยให้เห็นหมู่คนที่มานั่งริมสะพานแห่งนี้ กลุ่มผู้หญิงในชุดนักศึกษาที่กำลังจับกลุ่มคุยกัน ชายแก่ในชุดมอซอกำลังสวิงเบ็ดตกปลาของเขา ผู้ชายอีกสองคนที่ยืนพิงราวสะพาน พ่นควันบุหรี่เป็นหมอกคลุ้ง กลิ่นไอของมันลอยมากระทบจมูกผมจางๆและหายวับไปในสายลม
ผมกระดกเบียร์ลงคออีกครั้ง สัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของพื้นเบื้องล่างยามเมื่อรถยนต์วิ่งผ่าน แสงไฟนีออนสีสดจากร้านอาหารริมแม่น้ำสว่างจ้าทาบทับลงบนผืนน้ำสีหมึก ประกายแสงสีสลับลายไหววะวับอยู่บนนั้น ได้ยินเสียงเพลงที่ผมนึกไม่ออกว่าเป็นเพลงอะไรดังอยู่ไกลๆ
เศษชิ้นส่วนที่กระจัดกระจายคล้ายจะพราวประกายแสงขึ้นมาอย่างเลือนลาง ชิ้นส่วนอันขาดวิ่นของเรื่องราวที่มีเธอคนนั้นเป็นตัวละครหลัก...
"รู้มั้ย ตอนแรกเขาไม่ได้เรียกว่าแม่น้ำเจ้าพระยานะ"
เสียงของเธอเจื้อยแจ้วแจ่มใสในความทรงจำ ในวันนั้นผมของเธอปลิวสยายกระจายท่ามกลางสายลม ทอดสายตาออกไปไกลที่สายน้ำเบื้องหน้า
"เมื่อก่อนน่ะ เขาเรียกกันว่า แม่น้ำ เฉยๆเลยล่ะ คนโบราณเขานับถือผู้หญิงเป็นใหญ่ เวลาตั้งชื่ออะไรที่มันยิ่งใหญ่เขาเลยจะใช้คำว่าแม่ แม่เหล็ก แม่แรง อะไรอย่างนี้ เพราะงั้นสายน้ำที่ยิ่งใหญ่สายนี้เขาก็เลยเรียกกันว่าแม่น้ำไงล่ะ"
เรียวปากสีสดของเธอขยับเปล่งเสียงเร็วรัว ดวงตาสีน้ำตาลเปล่งประกายสดใสเมื่อพูดถึงเรื่องที่สนใจ ในมือถือลูกชิ้นทอดเจ้าอร่อยส่งกลิ่นหอมฉุย เธอชอบซื้อลูกชิ้นมานั่งกินที่ริมสะพานแห่งนี้เสมอ เธอบอกเธอชอบมองแม่น้ำ ชอบสายลมเย็นๆ
"จริงๆมันก็ควรจะเป็นอย่างนั้นแหละเนอะ ก็ผู้หญิงเราเป็นผู้สร้าง ผู้ให้กำเนิด ส่วนผู้ชายก็ได้แต่ใช้กำลัง อ๊ะ! กร!"
เธอร้องโวยวายเมื่อผมรั้งต้นคอของเธอมาใกล้เพื่อประทับรอยจูบอย่างแผ่วเบา รอยจูบนั้นทิ้งรอยแดงจางๆไว้ที่แก้มใสสองข้าง ตัวผมในตอนนั้นหัวเราะเธอที่แสนประหม่าอาย สนุกเล็กๆที่ได้แกล้งเธออย่างนั้น
เรายืนเคียงกันอยู่ตรงราวสะพาน ร่างเล็กๆของเธอเอนพิงผม เกาะกุมมือเอาไว้อย่างแผ่วเบา ส่งผ่านความอบอุ่นมากับสัมผัสนั้น
"เค้าเคยเห็นในเว็บท่องเที่ยวนะ ตอนที่ล่องเรือเที่ยวผ่านวัดพระแก้ว วัดอรุณตอนกลางคืนมันซ้วยยสวย อยากไปดินเนอร์แบบนั้นมั่งเลย"
แววตาของเธอฉายแววฟุ้งฝัน...เธอเป็นแบบนั้นเสมอ โลกของเธอราวกับจะวูบวับไปด้วยสีสันแห่งจินตนาการ...คราใดที่ผมใกล้เธอก็ดูราวกับว่าสีสันเหล่านั้นจะซึมติดตัวผมมาด้วย
"โทษทีนะ ตอนนี้กรยังไม่มีตังค์ นั่งเรือด่วนไปก่อนได้มั้ย"
ผมแกล้งพูดยั่วเธอด้วยหน้านิ่งๆ และเหมือนเธอจะรู้ทันผม ก็เลยตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ
"อี๋ เหม็นกลิ่นสาบคนจน!"
เสียงหัวเราะของเราในตอนนั้นดังก้องกังวาน เป็นเสียงหัวเราะของเด็กน้อยสองคนที่ยังไม่รับรู้ถึงความไม่แน่นอนในอนาคต เด็กน้อยสองคนที่เชื่อมั่นในคำว่ารักจนเกินกว่าจะเผื่อใจให้กับอะไร...
ผมกลืนเบียร์ลงไปอึกใหญ่ คล้ายว่าความขมของมันจะเพิ่มขึ้นมากกว่าเก่า ผู้คนมากมายรายล้อมรอบตัวผม เดินผ่านไปมาไม่ซ้ำหน้า ผมมองพวกเขา ไล่สายตาควานหาใบหน้าของเธอ...ตัวตนของเธอ...แม้จะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าเธอไม่มีทางมาที่นี่อีกก็ตาม...
โทรศัพท์มือถือของผมสั่นครืดคราดเมื่อมีคนทักแชทเข้ามา ตัวเลขหลับสิบสีแดงสดตรงช่องแจ้งเตือน...แต่ไม่มีชื่อของเธอ...ผมมองหน้าจอโทรศัพท์อยู่อย่างนั้น ถอนหายใจยาวนาน...จุดสีเขียวตรงหลังชื่อของเธอยังขึ้นเด่นชัด
เธอเปลี่ยนไปเยอะ นับจากวันนั้นที่เราหันหลังให้กัน เรือนผมซอยสั้นเผยให้เห็นต้นคอเรียวระหง แต่งหน้าอย่างปรานีต เข้ากันดีกับเสื้อผ้าเรียบหรู เธอมีใครต่อใครเพิ่มเข้ามามากมายในรูปที่ถ่าย...ใครหลายคนที่ผมไม่รู้จัก...
ผมไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้เธอร้องไห้อีกต่อไป และก็ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้เธอหัวเราะด้วยเช่นกัน...คำว่ารักของเธอไม่ได้หมายถึงผมอีกแล้ว...
แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยัง...
ปลายนิ้วของผมเผลอกดเข้าไปที่ช่องแชทของเธอ ถ้อยคำเหล่านั้นพุ่งพรวดออกมาผ่านปลายนิ้วโดยไม่รู้ตัว
"เป็นยังไงบ้าง? สบายดีมั้ย?"
"คิดถึง...เรา กลับมา... "
ผมพิมพ์คำนั้นไม่ทันจบก็ตัดสินใจกดลบตัวอักษร...แม่น้ำเจ้าพระยาเบื้องล่างไหลผ่านเลยไปอย่างรวดเร็ว...และมันจะไม่มีทางไหลย้อนกลับมาที่เดิม...ผมรู้ดี...
สุดท้ายช่องแชทของเธอก็กลับมาว่างเปล่าเหมือนเดิม...เหมือนที่มันเคยเป็นมา...
ผมยกกระป๋องเบียร์เพื่อลิ้มรสความขมของเบียร์อึกสุดท้าย ยิ่งค่ำอากาศตรงนี้ยิ่งเย็นขึ้นเรื่อยๆ ผมก้าวเดินออกจากตรงนั้น ปล่อยให้ความคิดถึงละลายหายไปอย่างไร้ค่าในสายน้ำที่พัดผ่าน...
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in