เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
ภาพยนต์ที่อยากเเนะนำAum Piyaratt
Dark Netflix [ Review SS1 & SS2 ]
  • ตอนเเรกคิดอยู่นานมากว่าจะเขียนเรื่องนี้ดีไหม เพราะ เราไม่เคยรีวิวภาพยนต์ที่ตัวเองดูมาก่อนเลย อีกอย่าง เห็นคนรีวิวเยอะเเล้วด้วย เเต่ด้วยความที่เพิ่งดูจบ 2 season เมื่อคืน เเล้วชอบมาก คะเเนนเต็ม 10 ให้ 100 เลยทีเดียว ก็เลยขอเก็บความประทับใจในรูปเเบบตัวอักษรหน่อยละกัน

    "คำถาม คือ ไม่ใช่ที่ไหน…เเต่เป็น เมื่อไหร่" (The question isn't where but when)

    คำโปรยภาพยนต์ที่บ่งบอกชัดเจนว่าเป็นซีรีส์ที่มีเนื้อเรื่องหลักเกี่ยวกับการเดินทางข้ามเวลา ประเด็นคือ ไม่ได้มีเเค่เดินทางจากปัจจุบันไปยังอนาคต หรือ อนาคตกลับมายังปัจจุบัน เพียงทางใดทางหนึ่ง อย่างที่หลายคนซึ่งชอบดูหนังเเนวไซไฟคุ้นเคย เเต่ยังมีการเดินทางสลับไป-มาของอดีต-ปัจจุบัน-อนาคต ของเเต่ละตัวละครอีกด้วย งงใช่มั้ยหล่ะ ใช่ค่ะ คนเขียนยังงงเองเลยตอนนี้ 55555

    ณ วินเดน เมืองเล็กๆเเห่งหนึ่งของประเทศเยอรมัน เรื่องราวของ SS1 เริ่มจากในเดือนมิถุนายน ปี 2019 มีผู้ชายเเขวนคอตายที่บ้านของตัวเอง พร้อมกับเขียนจดหมายซึ่งห้ามเปิดก่อนวันที่ 4 พ.ย. 2019 หลังจากนั้น เรื่องเล่าว่า มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งหายตัวไปอย่างลึกลับ เป็นเวลากว่า 2 อาทิตย์เเล้วที่ตำรวจพยามสืบ เเต่ก็ไม่มีความคืบหน้า ในเมืองนี้ มีถ้ำที่ซ่อนอยู่กลางป่า โดยภายหลังถูกค้นพบว่าเชื่อมต่อกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของเมืองอีกด้วย ต่อมามีเด็กหายตัวไปอีก พร้อมกับมีการพบศพเด็กอีกคน ซึ่งเเต่งกายไม่เหมือนคนในสมัยปัจจุบัน จากนั้นก็มีผู้ใหญ่ เเละ คนเเก่ หายออกไปจากเมืองเป็นลำดับถัดมา ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีชายลึกลับที่สามารถเดินทางข้ามเวลาโดยใช้เครื่อง time machine ได้อีกด้วย

    SS1 เป็นการปูเรื่องให้ผู้ชมรู้ว่า เรื่องนี้มี 4 ตระกูลหลัก คือ คาห์นวาลด์ นีลเซน ทีเดอร์มัน เเละ ดอพเลอร์ ซึ่งเเต่ละครอบครัวมีจำนวนคนตั้งเเต่ 3-8 คนขึ้นไป ทำให้หลายคนบ่นว่าจำชื่อตัวละครไม่ได้ เพราะไม่เพียงเเค่ เราต้องจำหน้าตัวละครในปัจจุบันเท่านั้น เเต่เรายังต้องจำหน้าของพวกเขาสมัยเป็นเด็ก ตอนโตเป็นผู้ใหญ่ เเม้กระทั่ง วัยชรา ซึ่งในจุดนี้ขอชื่นชมหนังตรงที่เค้าสามารถหาตัวละครที่มีหน้าคล้ายกันในเเต่ละช่วงอายุออกมาได้ใกล้เคียงมาก 

    เรื่องจะเเบ่งเป็น 3 ช่วงเวลาหลัก คือ ปี 1953-1954, 1986-1987 เเละ 2019-2020 ส่วนช่วงเวลาก่อนหน้า หรือ ไกลกว่านั้นจะมีเเทรกเข้ามาเป็นระยะ จุดสังเกต คือ เเต่ละช่วงเวลาจะห่างกัน 33 ปี

    "ยินดีต้อนรับสู่อนาคต" คือ ประโยคสุดท้ายของ SS1 ซึ่งทำให้เราขวัญผวาพอดูทีเดียว พอเริ่มดู SS2 เท่านั้นเเหละ ร้อง OH MY GOD! เเทบทุกตอน เมื่อมีทั้งคนที่รู้ความจริง รู้ความลับ หรือ ไม่รู้อะไรเลย เรื่องจะสนุกขึ้นกว่าเดิม โยนาส หรือ พระเอกของเรื่อง ออกเดินทาง เเละ พยามเเก้ไขเหตุการณ์ต่าง ๆ เเต่ ยิ่งถลำลึกเข้าไปมากขึ้น ทำให้เขารู้ว่า ตัวเองไม่สามารถเเก้ไขเรื่องในอดีตได้ เเต่เขาอาจจะทำ หรือ หยุดเพื่อไม่ให้บางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นในอนาคต


    เรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องเเรกที่เรารู้สึกไม่ชอบตัวละครไหนเป็นพิเศษ ทุกคนมีเอกลักษณ์ ทุกคนเป็นสีเทา มีทั้งข้อดี ข้อเสีย เเละ เหตุผลในการกระทำของตัวเอง เเม้ว่า พฤติกรรมบางอย่างของบางตัวละครจะทำให้เรื่องมันยุ่งเหยิงพัวพันไปหมดก็ตามที

    คำเเนะนำระหว่างดู คือ ต้องมีสติ เเละ สมาธิมาก ๆ กินน้ำปลาช่วยความจำก็ดีนะ 55555 เตรียมสมุด ปากกาในมือให้พร้อม เเล้วจดเหตุการณ์สำคัญของเเต่ละตอน บางคนอาจบอกว่า การดูเเผนผังตัวละครไปด้วยเป็นการสปอยล์ ซึ่งเราไม่เถียง เเต่สิ่งที่เราจะไม่รู้จากผังความสัมพันธ์ คือ สิ่งที่จะเกิดขึ้น !!!

    สรุป : การดำเนินเรื่อง ดาร์ก สมชื่อจริง ๆ หวังว่าคนที่ได้ดูทุกคนจะชอบเรื่องนี้เหมือนเรานะ เเล้วเรามารอดู SS3 : จุดเริ่มต้นของจุดจบ ที่จะออกฉายในวันที่ 27 มิถุนายนนี้ไปพร้อมกัน

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in