Title: Tear
Theme: Fictober
Author: icypumpkin
Rrrrr Rrrrr
เสียงริงโทนที่ดังไม่ยอมหยุดทำเอาปาร์คจีซองที่เผลอหลับไปคาโต๊ะเขียนแบบถึงกับหัวเสีย หนึ่งคือเขากำลังฝันหวานว่าเขียนแบบเสร็จไปแล้วกว่าแปดสิบเปอร์เซนต์ สองคือปั่นงานจนไม่ได้นอนมาแล้วเกินกว่ายี่สิบสี่ชั่วโมงจนเผลอหลับไปแต่เดธไลน์ใกล้เข้ามาทุกที และสาม การนอนหลับไปชั่ววูบทำให้ตื่นมาแล้วปวดหัวอย่างมากโดยเฉพาะมีเสียงรบกวนไม่หยุดแบบนี้
"ฮัลโหล" กรอกเสียงห้วนใส่ปลายสายอย่างไม่สนใจมองด้วยซ้ำว่าเป็นเบอร์ใครที่โทรมา ถ้าไม่ใช่เรื่องสำคัญนะ คอยดูก็แล้วกัน เขาจะด่าให้ลืมชื่อตัวเองเลย
/จีซองอา.. หลับอยู่หรอ/ หากแต่เสียงทุ้มจากปลายสายที่แสนคุ้นเคยทำเอาความง่วงงุนที่มีหายไปเป็นปลิดทิ้ง ปาร์คจีซองกระเด้งตัวจนหัวเข่าชนโต๊ะเขียนแบบแทบคว่ำ
"อ๊า..."
/เสียงอะไรน่ะ เราเป็นอะไรรึเปล่า/
"เปล่าฮะพี่แจมิน ชนของนิดหน่อยแค่นั้นเอง" หากแต่มือลูบหัวเข่าป้อยๆ เขียวแน่กระแทกแรงขนาดนี้
/พี่รบกวนเราหรือเปล่า นี่หลับคาโต๊ะเขียนแบบเพราะมัวแต่ปั่นโปรเจคอีกแล้วใช่ไหม/ บางทีเขาก็เคยคิดสงสัยว่านาแจมินมีญาณทิพย์หรืออย่างไรกันถึงรู้ดีขนาดนี้ เถียงไม่ออกจึงทำได้แค่หัวเราะแห้งๆ ใส่ปลายสายไป
"ไม่รบกวนเลยครับ ว่าแต่ พี่โทรมามีเรื่องอะไรรึเปล่า" จีซองถามกลับ สติตอนนี้กลับมาครบถ้วนสมบูรณ์ เขามองแบบร่างบนโต๊ะก่อนจะเบิกตากว้าง... ให้ตายเถอะ ยังไปไม่ถึงสามสิบเปอร์เซนต์เสียด้วยซ้ำ ไม่น่าเผลอหลับไป แต่ในฝันภาพตอนแปดสิบเปอร์เซนต์นั่นมันสวยมากจริงๆ นะ
/ก็คือถ้าไม่มีเรื่องโทรหาไม่ได้แล้ว/ นั่นไง มันมาอีกแล้วประโยคแนวนี้
"แหน่ะ แก่แล้วไม่ขี้งอนนะครับ ฮ่ะๆๆ ผมแค่ถามเฉยๆ ไม่มีอะไรพี่ก็โทรมาได้"
/อยากหาเพื่อนกินเบียร์ เนี่ยซื้อมาตั้งเยอะ รอนานจนจากเบียร์วุ้นจะไม่เหลือความเย็นแล้ว/ เพียงเท่านั้นปาร์คจีซองรีบพุ่งตัวจากในห้องนอนมายังประตูหน้าก่อนเปิดมาแล้วจะพบกับนาแจมินยืนถือโทรศัพท์พิงราวระเบียงหอพักพร้อมรอยยิ้มกว้างจนเห็นฟัน
"แล้วทำไมไม่รีบบอกผมล่ะว่าพี่ยืนรออยู่ มัวแต่ชวนคุยเอ้อระเหยอยู่นั่น"
"บ่นเก่งจังเลยจีซองอา จะไม่ชวนพี่เข้าห้องหรอ" ปาร์คจีซองถอนหายใจให้กับคำพูดของอีกฝ่าย เฉไฉเปลี่ยนเรื่องเก่งเป็นที่หนึ่ง แต่ก็ยอมหลบให้แขกผู้มาเยือนยามวิกาลเดินเข้ามาก่อนจะปิดประตู เอาจริงๆ แล้วเขาไม่ต้องต้อนรับอะไรมากนักหรอก ใครอีกคนน่ะมาบ่อยจะตายไป บางทีเผลอๆ ยังมาจัดห้องให้เขาเสียด้วยซ้ำ
จีซองรับถุงดำในมือของแจมินมาถือแทน วางถุงขนมลงบนโต๊ะกลางห้องนั่งเล่น เดินเอาเบียร์แช่ไว้ก่อนจะหยิบกระป๋องที่เย็นกว่าออกมาแทน
"ความจริงไม่ต้องซื้อมาก็ได้นะครับ ของเก่ายังไม่หมดเลย" เขานั่งลงบนพรมที่ปูไว้ เปิดกระป๋องพร้อมยื่นให้อีกฝ่ายที่นั่งถัดไปด้านขวามือ หยิบรีโมตมาเปิดเพลงผ่านลำโพงไม่ให้ห้องเงียบจนเกินไป
"เดี๋ยววันนี้ก็หมด ซื้อมาเผื่อไว้น่ะดีแล้ว" แจมินพูดเพียงเท่านั้นก่อนจะเอากระป๋องเบียร์มาชนกับกระป๋องในมือที่เขาถืออยู่และยกกระดกไปเสียหลายอึก ในขณะที่จีซองเพียงแค่จิบก่อนจะแกะถุงขนมที่อีกฝ่ายซื้อมา
"โปรเจคส่งวันไหน" หลังจากนั่งดื่มกันมาสักพัก แจมินเป็นฝ่ายทักขึ้นก่อน
"อาทิตย์หน้าครับ"
"ทำทัน?"
"สบาย" เขาตอบพร้อมไหวไหล่ ทำเอาคนฟังหลุดหัวเราะ เอื้อมมือมาขยี้ผมไปมา
"ถ้าสบายคงไม่อดนอนจนเผลอหลับไปกลางโต๊ะแบบนั้นหรอกมั้ง"
"เขาเรียกพักสายตาต่างหาก ยืนรอนานไหมครับ" ความจริงก็พอจะรู้คำตอบตั้งแต่เปิดมือถือดูแอพคาทกแล้วแหละ เกือบยี่สิบนาทีที่อีกฝ่ายส่งข้อความมาถามว่าอยู่ห้องไหม หลับหรอ และอีกมากมายจนตัดสินใจโทรศัพท์หาเขาแบบนั้น
"ไม่นานหรอก ก็คิดอะไรไปเรื่อย" จีซองพยักหน้ารับกับคำพูดนั้นและยกเบียร์ขึ้นดื่ม เขาไม่ซักไซร้เอาความอะไรที่อีกฝ่ายไม่อยากพูดถึง ไว้ถ้าพร้อมแจมินคงเล่ามันออกมาเอง อาจจะเพราะแบบนี้ล่ะมั้ง ปาร์คจีซองถึงเป็น 'น้องรัก' ที่นาแจมินไว้ใจเสมอ
เวลาผ่านไปนานแค่ไหนไม่อาจรู้ เพลงที่เล่นอยู่วนกลับมาเพลงเดิมหรือเปล่าเขาเองก็ยังไม่แน่ใจ แต่สิ่งเดียวที่ยืนยันได้ตอนนี้คือกระป๋องเบียร์นับสิบที่วางเรี่ยราดอยู่ตามพื้นห้อง เขาน่าจะดื่มไปสักสี่ไม่ก็ห้า ส่วนคนข้างๆ น่าจะเจ็ดหรือแปด ปาร์คจีซองมองหน้าด้านข้างของอีกฝ่าย ผมสีแดงที่ย้อมมาใหม่เริ่มเฟดเป็นสีชมพู น่าแปลกที่มันดันเข้ากับหน้าของแจมินชะมัด ดวงตาคมที่บัดนี้กลับดูนิ่งไม่เปล่งประกายสดใสเหมือนเวลาเจอกันที่มหาวิทยาลัย ใบหน้าขาวมีสีเลือดฝาดจากแอลกอฮอล์จำนวนมากที่ดื่มเข้าไป จมูกโด่งเป็นสันรับกับริมฝีปากบางที่กำลังยกกระป๋องเบียร์ขึ้นจรดก่อนไล่สายตาไปยังลูกกระเดือกขยับไปมาบอกปริมาณของเหลวที่ไหลลงสู่ลำคอ
"หน้าพี่มีอะไรแปลกหรอ" คำถามนั้นทำเอาคนฟังสะดุ้ง
"เปล่านี่ฮะ" ยกเบียร์ขึ้นดื่มอีกหนึ่งอึกเพราะไม่รู้จะทำอะไร อาการเหมือนเด็กโกหกที่โดนผู้ปกครองจับได้
"เห็นเราจ้อง มีอะไรอยากถามหรือเปล่า"
"ผมต่างหากที่ต้องถาม พี่แจมินมีอะไรอยากบอกหรือเปล่า" การปรากฏตัวยามวิกาลพร้อมกระป๋องเบียร์เนี่ย มาแนวนี้เดาได้ไม่ยากเลยจริงๆ มีอยู่แค่ไม่กี่เรื่อง หรือเขาจะบอกว่ามีแค่เรื่องเดียวกันนะที่ทำให้เป็นแบบนี้ได้
"เฮ้อ... รู้สึกเหมือนเสียเขาไปเลยว่ะ ทั้งๆ ที่ก็ยังอยู่ที่เดิมแท้ๆ แค่เขามีแฟนอีกแล้วก็เท่านั้น" ไม่ต้องเอ่ยชื่อปาร์คจีซองก็รู้ดีว่าคำพูดนั้นอีกฝ่ายหมายถึงใคร
"พี่ไม่ลองบอกความรู้สึกเขาไปล่ะครับ"
"ไม่เอาอะ... กลัวเสียเขาไป แบบนั้นยิ่งแย่กว่าเดิมอีก" คนฟังยกเบียร์ขึ้นดื่มไปเสียหลายอึกจนโดนปราม "เฮ้ๆๆ เบาๆ หน่อยปาร์คจีซอง อยู่ๆ กระดกเร็วขนาดนั้นเดี๋ยวก็เมาหรอก" ก็คงเพราะคำพูดนั้นมันแทงใจเขาล่ะมั้ง
สถานการณ์แบบนี้มันน่าตลกสิ้นดี ปาร์คจีซองชอบนาแจมิน แต่อีกฝ่ายไม่เคยรู้หรืออาจจะรู้แต่แกล้งทำเป็นไม่สนใจเขาไม่แน่ใจนัก เพราะนาแจมินมีใครอีกคนที่อยู่ในใจอยู่แล้ว คนๆ นั้นที่ตัวติดกันอยู่เสมอไม่เคยห่าง เขาไม่รู้รายละเอียดเบื้องลึกของท่าทีการปฏิบัติตัวที่สองคนนั้นมีให้กัน แต่รู้ดีว่าใครคนนั้นของพี่แจมินไม่รับรู้ถึงความในใจที่เจ้าตัวมีให้เลย เส้นคำว่าเพื่อนสนิทขีดกั้นไว้เป็นกำแพงหนาจนเกินก้าวไป ทำได้เพียงอยู่ใกล้ชิดแต่ไม่มีวันได้ใจ
แล้วทั้งหมดนั่นมันต่างจากสถานะของปาร์คจีซองตรงไหนกัน...
"รักเขามากเลยหรอครับ" ไม่รู้เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์หรืออะไรที่ทำให้เขากล้าถามออกไปแบบนั้น
"ทำไมอยู่ๆ ถึงถามแบบนี้" เจ้าของเรือนผมสีชมพูเองก็นั่งตัวไม่ตรงแล้วเหมือนกัน
"แค่อยากรู้ ตอบผมหน่อยสิ" จีซองคะยั้นคะยอทั้งๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อน เขาไม่เคยก้าวล้ำเข้าไปในพื้นที่ของอีกฝ่าย หน้าที่ของเขาคือการรับฟังและให้คำปรึกษาไปตามเรื่องราว แต่ไม่เคยตั้งคำถาม
"รักมากแหละก็รักมาตั้งนานแล้วนี่หน่า"
แล้วก็เจ็บมากจริงๆ นั่นแหละกับคำตอบที่ได้รับ คนเรานี่ก็แปลก รู้ทั้งรู้คำตอบอยู่ในใจอยู่แล้วไม่รู้จะถามให้มันตอกย้ำความเจ็บเข้าไปอีกทำไม
"เคยนึกภาพตอนได้ครอบครองเขาไหม"
"ถามแปลกจริงๆ แฮะวันนี้ เมาแล้วหรอเรา" แจมินยื่นมือไปดึงแก้มแดงๆ ของคนช่างสงสัย
"ไม่เมาสักหน่อย เนี่ย พี่พยายามเลี่ยงไม่ตอบคำถามผมอะ" เขาได้ยินเสียงแค่นหัวเราะในลำคอของอีกฝ่าย ดวงตาหม่นดูเศร้ากว่าที่เขาคิดไว้เสียอีก
"ถ้าตอบว่าไม่เคยก็โกหก" จบคำตอบกระป๋องเบียร์ถูกยกขึ้นดื่มจนหมด
"งั้นคืนนี้ให้ผมเป็นตัวแทนของเขาดีไหม"
ความเงียบโรยตัวยาวนานเสียจนจีซองใจหาย เขาเผลอพูดออกไปเสียแล้ว คงจะเมาแบบที่โดนทักจริงๆ นั่นแหละแม้นั่นจะเป็นความปรารถนาลึกๆ ในใจก็ตาม ดวงตารีเงยมองอีกคนที่นั่งนิ่ง
"รู้ตัวรึเปล่าว่าพูดอะไรออกมา" เสียงทุ้มยังคงอ่อนโยนและน่าฟังเหมือนเคย ไม่มีวี่แววความโกรธขึงสักนิด นาแจมินปกปิดเก่ง
"รู้ครับ"
"แต่ก็ยังจะถาม"
"ผมก็แค่..." แค่อยากลองให้พี่กอดดูสักครั้งแม้จะเป็นแค่เงาของคนอื่นก็ตาม อยากรู้ว่าเวลาอยู่ในอ้อมแขนนั้นมันเป็นอย่างไร จะอบอุ่นขนาดไหน อยากรู้เวลาได้ยินเสียงลมหายใจพี่ใกล้ๆ จะดีมากเพียงไร อยากรู้ว่าการได้เป็นของพี่จะเติมเต็มความรู้สึกกลวงเปล่าในใจตอนนี้ให้เต็มตื้นจนไม่หวังอะไรได้อีกไหม
"อยากให้พี่ลองดูสักครั้ง" เขาเก็บความในใจทั้งหมดนั่นเอาไว้ กล่าวเพียงประโยคแสนสั้นพร้อมกับจับแขนของอีกฝ่ายและพาเดินเข้าสู่ห้องนอน
จีซองหยิบเนคไทในตู้เสื้อผ้าออกมาก่อนจะปิดไฟหัวเตียง กดไหล่ของคนที่เขาแอบรักมาตลอดให้นั่งลงปลายเตียง
"ปาร์คจีซอง นายไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ก็ได้" แทนคำตอบ เขาเลือกที่จะมอบรอยยิ้มให้
"หลังจากนี้พี่อาจจะห้ามตัวเองไม่ได้แล้ว นายรู้ใช่ไหม" เขาพยักหน้าก่อนจะคาดผ้าพันรอบดวงตาที่แสนหลงใหล
"ผมยินดี"
จบคำนั้น ข้อมือของเขาถูกเหวี่ยงจนร่างกายจมลงบนเตียง ริมฝีปากที่เคยมองบัดนี้กำลังครอบครองริมฝีปากของเขาอยู่ รสจูบที่มอบให้หวานยิ่งกว่าที่เคยจินตนาการไว้ มือแกร่งปัดป่ายไปตามร่างกายปลดเปลื้องปราการเสื้อผ้าออก ทุกการกระทำนั้นแสนอ่อนโยนและอ่อนหวานเสียจนคนได้รับปลุกปั่นดิ้นพล่าน ในยามที่ร่างกายสอดประสาน เขาเผลอร้องเสียงหลงจนอีกฝ่ายต้องจูบปลอบ จนรู้สึกถึงอาการเกร็งดูผ่อนคลายจึงค่อยๆ ขยับร่างกายอีกครั้ง จากเชื่องช้ากลายเป็นเร็วแรง จากความเจ็บปวดกลายเป็นความต้องการให้อีกฝ่ายครอบครองเขามากกว่านี้
"อ๊ะ... อ๊า.... จ... เจโน่"
ปาร์คจีซองไม่เคยรู้เลยว่าชื่อที่หลุดออกมาจากปากนาแจมินนั้นจะสร้างบาดแผลในใจได้มากขนาดนี้ แม้จะเป็นคนยื่นข้อเสนอนั้นเองกับมือแต่ในตอนนี้น้ำตากลับไหลอาบแก้มอย่างห้ามไม่ได้ เขายกมือขึ้นปิดปากกันไม่ให้เสียงสะอื้นหลุดรอดไปเข้าหู พยายามปาดน้ำตาครั้งแล้วครั้งเล่าแต่ก็ไม่มีท่าทีว่ามันจะหยุดลง
ความสุขสมก่อนหน้าคล้ายหมอกในยามเช้าเมื่ออาทิตย์สาดแสงและความร้อนเข้าแทนที่ก็มลายหายไป
เช่นเดียวกันกับการร่วมรักครั้งนี้รวมถึงความรักของเขา
เมื่อนาแจมินดึงเนคไทที่ปิดตาออก ปาร์คจีซองจะกลับกลายไปเป็นน้องชายที่แสนดีของอีกฝ่ายอีกครั้ง
END
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in