เขียนเรื่องนี้ยังไงให้ไม่น่าหมั่นไส้ คงจะยากยิ่งกว่าเขียนเสือให้วัวกลัว
ด้วยความสัตย์จริง ทั้งชีวิต ผมรู้สึกเป็นคนที่แปลกแยกอยู่เสมอไม่ว่าจะที่ใด ในสิ่งแวดล้อมไหน มักจะพบตัวเองอยู่ในสถานะส่วนแข็งของสารแขวนลอย ไม่ใช่ไม่ดี ก็แค่ไม่เข้า ไม่กลมกลืน
ผมเป็นเด็กคนเดียวในชั้นเรียน อาจจะในประวัติศาสตร์การพาเด็กไปทัศนศึกษา ที่โดนม้ากัดที่นิ้ว แผลเหวอะหวะต้องอุ้มส่งโรงพยาบาล ทั้งที่พยาพามป้อนอาหารมันตามที่ผู้ดูแลสอนเป๊ะๆ
ผมเป็นเด็กผู้ชายคนเดียวในคลาสสอนดนตรีช่วงปิดเทอม โดยคุณครูตัดสินใจทำโชว์เป็นการเต้นแสดงระบำส่ายสะโพกของชาวอินเดีย (จิตใจคนนี่ทำด้วยอะไร) นอกเสียจากอยากจะใส่ชุดเอวลอยสีบานเย็น ผมจึงต้องจำใจแต่งกายเป็นเจ้าชายในชุดแพรตองอ่อน สะพายอูฐกระดาษฝีมือพ่อ เดินโหย่งเหย่งไปมาในฉาก ในใจภาวนาให้การสแดงจบลงสักที ความอับอายนี่มากจนเทียบไม่ติดกับวันฮาโลวีนที่ผมระเบิดโฮใส่พ่อเพราะได้ชุดโครงกระดูกแฮนด์เมดจากถุงขยะ ที่พ่อตั้งใจตัดให้ เพียงเพราะมันไม่เหมือนกับเพื่อน ที่ได้เป็นซุปเปอร์แมน แบทแมน หรือสไปเดอร์แมน
โตขึ้นมายิ่งแล้วใหญ่
ตอนขึ้นม.2 สมาชิกห้องทุกห้องเกิดการเปลี่ยนแปลงถูกคละห้องใหม่ เว้นเสียแต่ห้อง B การเปลี่ยนแปลงระดับจุลภาคที่เกิดขึ้นคือเพื่อนคนหนึ่ง ย้ายออกไปเรียนต่างประเทศ และผม ย้ายเข้าไปแทนที่
ผมเป็นคนหามเพื่อนตัวท้วน ที่เป็นลมล้มตึงไประหว่างพิธีถวายความเคารพและอำลาเขาชนไก่ (เราเกือบจะไม่ได้ออกจากเขานรกกันแล้ว ถ้าทั้งคู่ไปลงไปก้มกราบขอร้องเจ้าหน้าที่พยาบาล)
ผมเป็นเด็กคนเดียวในรุ่นที่มาจากโรงเรียนสองภาษาและโรงเรียนทางเลือกก่อนหน้า ทั้งชีวิตไม่เคยใส่ยูนิฟอร์มเสื้อขาวกางเกงขาสั้น
ผมมีทัศนคติแปลกๆ กับการอยู่ร่วมกันกับผู้อื่น การยกมือเรียกร้องสิทธิในวัน 'ทดสอบความสามารถทางวิชาชีพ' ครั้งนั้น ถูกสรรเสริญเยินยอในครั้งแรก และถูกตำหนิติเตียนอย่างไม่มีชิ้นดีในครั้งถัดๆ มา
แต่ผมก็กลายเป็นหมาในการทดลองของพาฟลอฟไปเสียเรียบร้อย
ใครๆ ก็สามารถบรรยายความโดดเด่นของผมได้ราวกับสนิทและเข้าใจ โดยที่น้อยคนนักจะเข้าใจในตัวผม
ถึงกระนั้นผมก็ไม่ได้อยากที่จะเปลี่ยนแปลงอะไร พยายามดำเนินชีวิตด้วยตัวตนที่เป็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันให้มีประสิทภาพ ก็ยากกว่าเขียนเสือให้วัวกลัวแล้ว
โจทย์
Day 7 —What sets you apart from the crowd?
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in