เรื่องเกิดขึ้นตอบบ่ายวันหนึ่งที่เชียงใหม่
เราชาวค่ายกำลังเดินทางไปโรงเรียนโสตศึกษาอนุสารสุนทร เข้าใจกันว่าไปบำเพ็ญประโยชน์กันที่นั่น ทางโรงเรียนเขาก็ต้อนรับขับสู้พวกเราเป็นอย่างดี จัดที่จัดทาง ให้พวกเราได้ทำกิจกรรมกัน ซึ่งถูกแบ่งออกเป็นสามช่วงหลักๆ
ช่วงแรกเป็นการเล่นเกมสันทนาการทำลายกำแพงน้ำแข็งกันไปตามเรื่องตามราว มีการสอยภาษามืออย่างง่ายให้พวกพี่ ได้ตื่นเต้นกัน
ต่อมาก็จะเข้าสู้ช่วงมีสาระ แบ่งน้องออกเป็นวงย่อย และให้พี่ให้ความรู้เกี่ยวกับเหงือกและฟันรวมถึงสอนวิธีการดูแลสุขภาพช่องปากแก่เด็กๆ
สุดท้าย ทางโรงเรียนจะให้พี่จับคู่กับน้องตัวต่อ คาดว่าหวังจะทำให้คนปกติอย่างเราซึมซับและเข้าใจในเพื่อนมนุษย์ที่เกิดมาไม่ครบพร้อมเท่า
เวลาถูกเจียดมามอบให้ช่วงสุดท้ายไม่ใช่น้อย
โชคดีที่ผมมีสมุดกับปากกาพกมาด้วย นอกจากจะได้สื่อสารกันผ่านแววตาและท่าทางแล้ว คู่ของผมยังได้คุยกันผ่านอักขระและลายเส้น เรายิ้ม ผลัดกันเขียนชื่อ วาดรูปของตัวเอง เล่าถึงความฝันอันใหญ่ผ่านผืนกระดาษใบเล็กๆ
น้องบอกผมว่าชอบเตะบอล
ผมบอกน้องว่าผมชอบเขียนและวาด
ผมชอบที่เขามีฝันชัดเจน
ชอบที่เขายิ้มแย้ม
ชอบที่เขาฉลาดและน่ารัก
ห้วงเวลานั้นทำให้ผมนึกถึงน้องชายที่อายุไล่เลี่ยกัน ซึ่งไม่น่าเลย เพราะมันกระตุ้นให้ผมปล่อยให้ตัวเอง ใช้ความผูกพันธ์ที่มีกับน้องชายแท้ๆ มาแสดงพฤติกรรมไม่น่าให้อภัยกัยเด็กที่เพิ่งจะรู้จักกันไม่ถึงชั่วโมง เด็ก ที่ ณ ตอนนี้ จำไม่ได้แม่แต่ชื่อ
ผมจรดปากกา เขียนข้อความบาดแทงลงไปอย่างไม่รู้ตัว
"พี่สัญญานะ ไว้จะกลับมาเยี่ยมอีก"
วินาทีที่ผมยื่นข้อความให้น้องอ่าน แววตาของน้องเปลี่ยนไปทันควันน้องปัดสมุดของผมที่ยื่นให้ออก ส่ายหน้าค่อยๆ แต่สัมผัสได้ว่าฉุนเฉียวเลยผิดหวัง แล้วก็หันหน้าหนีไป
ตอนนั้นผมถึงจะรู้ตัว ทุกอย่างตอนนั้นพร่าเบลอ รู้สึกผิดมากที่ทำนิสับแย่ๆ ใส่เด็กน้อยคนนั้น ผมทำตัวไม่ถูก นั่งนิ่งอยู่อย่างนั้น จนสุดท้ายเวลาก็หมดลง
ทุกคนถูกสั่งให้ยืนขึ้นเดินไปถ่ายรูปรวมพร้อมของบริจาคบนเวทีหน้ายิ้ม ชูสองนิ้ว เย่ ถ่ายกันจนครบกระบวนท่า
ได้เวลากลับแล้วสินะ
ผมสะกิดที่ไหล่ของน้อง พร้อมโบกมือบ๊ายบายน้องหันมาหาผม ท่าทีหายโกรธเป็นปลิดทิ้ง ยิ้มและบ๊ายบายกลับเดาว่าผมคงไม่ใช่เป็นคนแรกที่เคยทำพันธสัญญาไร้น้ำหนักแบบนี้
สัญญาที่ไม่มีวันเป็นจริง
ผมใคร่ครวญคิดวนตลอดทางกลับที่พัก ทุกคนปลิดความรู้สึกผูกพันธ์ทิ้ง เตรียมเปลี่ยนไปใส่ชุดเฮฮา เย็นนี้จะกินขันโตกและดูการแสดงดาวเดือนกัน ปิดท้ายด้วยปาร์ตี้แบบมันส์ๆ
ผมเองก็ไม่ต่างจากคนอื่น ค่อยๆ ปลิดมันทิ้งไป เตรียมกลับไปใช้ชีวิตตามปกติสุข เหลือไว้เพียงความรู้สึกผิดที่ค่อยๆ ตกตะกอนลงไปตามการณ์
ถึงไม่ใช่ความผิดพลาดที่ใหญ่หลวง แต่ก็จัดว่าไม่เล็ก
พี่ขอโทษนะครับ
โจทย์
Day 3 —Write about the worst time you’ve ever put your foot in your mouth.
เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น
Log in