เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Amateur movie reviewsfan_mable
Hereditary กรรมพันธ์นรก

  •           ขอออกตัวก่อนว่าในโพสต์นี้ เราจะแบ่งการรีวิวเป็นสองแบบ
    • แบบที่ 1 ความรู้สึกของคนที่กะจะไปดูหนังที่เขาว่าว่าเป็นหนังสยองขวัญที่ขึ้นทำเนียบหนังสยองขวัญแห่งปี อยากรู้หนังทำได้ถึงเลเวลไหน
    • แบบที่ 2 ไปดูแบบคาดหวังว่าหนังต้องมีอะไรมากกว่าความน่ากลัวอ่ะ แล้วมันก็มีจริงๆ และทำได้ดีมากซะด้วยสิ

    (โพสต์นี้ไม่มีสปอย เชื่อมือได้ แต่ยาวมากๆขี้เกียจอ่านหรือเป็นคนสมาธิสั้นก็ข้ามๆไปได้นะ)

    https://blackgirlnerds.com/sxsw-3/

                  มาที่แบบแรกก่อน เราไปดูหนังเรื่องนี้เพราะได้พบกับประโยคนึงที่มันดูดสติเราเหลือเกิน "Heredity ขึ้นแท่นหนังสยองแห่งปี 2018"  ในใจคิดอยู่แล้วล่ะว่าหนังมันจะทำได้จริงๆไหม จะสยองจะน่ากลัวระทึกได้เลเวลไหนกันแน่ และก็อาจเพราะประโยคนั้นทำให้เราหวังสูงเกินไปนิด ความจริงคือก็สยองพอตัว มีบ้างในบางฉากที่รู้แหละว่าถ้าเมื่อไหร่กล้องแพนไปก็เตรียมตัวขนลุกได้เลย แต่ก็นั่นแหละ ไม่ใช่หนังที่ขายฉาก jumpscare เลยสักนิด แต่เป็นหนังที่ค่อยๆเลี้ยงค่อยๆบิ้วอารมณ์ให้มันพุ่งขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเราเริ่มรู้สึกแล้วว่า เฮ้ยทำไมเราอินมากขนาดนี้ การดำเนินเรื่องที่เข้าขั้นเอื่อยมากๆ ใครที่เป็นพวกชอบหลับในโรงก็เตรียมหมอนผ้าห่มเข้าไปรอได้เลย

    http://www.denofgeek.com/us/movies/hereditary/273314/
                 อันที่จริงคนที่คิดจะดูก็ไม่ควรเอา Heredity ไปเปรียบกับหนังสยองตุ้งแช่ตัวพ่ออย่าง The Six Sense หรือ The Conjuring ที่ทำคะแนนเรื่องน่ากล้วได้เต็มร้อย เพราะดูตามความเป็นจริงแล้ว Heredity นำเสนอความน่ากลัวคนละศาสตร์กับอีกสองเรื่องที่กล่าวมา พูดเลยว่าน่ากลัวจริงๆแต่แค่ไม่ได้น่ากลัวแบบที่เราชินกัน อย่างคนบ้านเรา อย่างเพื่อน หรือที่คนที่ทำงานจะติดการดูหนังผีขายฉาก jumpscare เยอะๆ sound effects แบบเกินเบอร์ เงี้ยะ ซึ่งถามว่ามันทำให้หนังสนุกหรอ มันสร้างอารมณ์ให้หนังได้มากจริงๆ แต่พอเรามาเทียบกับ Heredity ซึ่งแม่งไม่มีอะไรแบบที่เราว่ามาเลย ต่อมความกลัวเราเลยไม่เปิดกันละมั้ง (55555) คนเราควรหัดดูหนังหลายๆแบบบ้าง อย่างหนังรัก ก็มีหลากหลายไทป์ หนังผีก็แยกย่อยไปอีก มันก็เหมือนกับเพลงชอบเพลงรัก รักแบบไหน น้ำเน่าเศร้าซึ้ง หรือรักสดใสสมหวังงี้ มันมีและเราควรจะหัดดูหัดฟังและหาเหตุผลว่าทำไมเราชอบ มันถูกจริตไหม ไม่ใช่ตัดสินแค่ว่ามันดีหรือไม่ดี เพราะถ้าอย่างนั้นมันก็เหมือนการปิดมุมมองของเราไปด้านนึงและเราบอกไว้เลยการไม่เปิดใจและไม่รู้ว่าหนังขายอะไร ดูให้ตายก็ไม่สนุก คนทำหนังเดี๋ยวนี้เค้าไม่ได้ทำหนังมาฉายให้คนทุกคนดู เค้าทำให้กลุ่มเป้าหมาย ดังนั้นก็ไม่ต้องสงสัยสักนิดเลยว่า ทำไมคนบางคนดูแล้วไม่ถูกจริต หรือดูแล้วบอกเราว่า แม่งสุดยอดจริงๆเลยโว่ยงี้! อย่าไปเชื่อพวกรีวิวหนังมาก หรือถ้าเชื่อก็แบ่งใจไว้เยอะๆบ้างก็ดีนะ

    https://www.thewrap.com/hereditary-film-review-toni-collette-alex-wolff/
                    ไปดูแบบที่สองคือ ไปดูด้วยความคิดที่ว่ามันต้องมีซัมติงและมันก็มีจริง และก็โคตรจะมาเหนือมาก ทำเราแบบเฮ้ยยย ใช่อ๋อ ทำไมงี้อ่ะ ตลอดเวลาที่ดูหนัง คือจะไม่มีอารมณ์แบบกูว่าแล้วต้องเป็นงี้ ไม่มีเลย เป็นการดูที่เซอร์ไพรซ์เรามากจริงๆ แล้วเราเป็นพวกชอบหนังที่ต้องไปค้นไปหาคำตอบหลังจากที่ดูเสร็จด้วย ซึี่งมันมีรายละเอียดอะไรที่เราคิดว่ามันน่าจะมีอะไร แต่ลืมที่จะจับไปเชื่อมโยงกับอย่างอื่นซึ่งพอได้กลับมาคิดทบทวนแล้ว มันมีแต่คำว่าเฮ้ย เออว่ะ มันใช่ๆ ลืมคิดได้ไงวะงี้ แต่ไม่ใช่ว่าดูหนังเรื่องนี้เราต้องคิดเยอะดูไปคิดไป ต้องจดจ่อเว่อร์ๆ เราว่าการดูหนังแบบนั้นมันก็ไม่สนุก แค่ตั้งใจดูเราจะได้ไม่พลาดรายละเอียดอะไรไปก็พอ

    สำหรับเรื่องนี้เราไปดูตั้งแต่วันแรกที่เข้าโรง จนตอนนี้ที่เขียนรีวิวก็ยังไม่ลืมอ่ะว่าหนังมีอะไรบ้าง ถือว่าหนังทำใดดีมากทีเดียวในด้านในเราจดจำ โดยเฉพาะส่วนของหน้าน้องชาร์ลีที่ชาตินี้เราเองก็คงไม่มีวันลืมเลย TT

Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in