Netflix ทำให้เราประหลาดใจอีกครั้ง กับการปล่อยสารคดีซีรีส์ชุดใหม่ชื่อ Evil Genius เนื้อเรื่องเกี่ยวกับการสืบคดีการปล้นธนาคารที่FBI ยังพูดเลยว่าเป็น Bizarre Bank Heist Plot Ever! สารคดีชุด 4 ตอน ตอนละไม่เกิน 50 นาที เป็นสารคดีที่เกิดขึ้นจริงๆ! ภาพและเสียงที่อยู่ในวิดิโอสัมภาษณ์ก็ล้วนแล้วแต่เป็นของจริง! 

          ย้อนกลับไปเมื่อปี 2003 คดีโจรกรรมที่ได้กลายมาเป็นคดีอุกฉกรรจ์ของทางFBI หมายเลข 203 คดี Murder of Brian Wells (คดีฆาตกรรมไบรอัน เวลส์) หรือคดีมือระเบิดพิซซ่า คงจะงงกันล่ะสิว่า คดีโจรกรรมปล้นแบงค์ธรรมดา เกี่ยวข้องอะไรกับการฆาตกรรม? เอาเป็นว่าเราจะเกริ่นให้รู้คร่าวๆ แต่ไม่มีการสปอยล์อย่างแน่นอน

             ปี 2003 ที่เมืองอีรี เพนซิลเวเนีย, สหรัฐอเมริกา ชายวัยกลางคนอายุ 46 ปี เข้าทำการปล้นธนาคารโดยยื่นกระดาษที่เขียนว่า ให้ส่งเงินมาให้เขา 250,000$ ไม่เช่นนั้นแล้ว ระเบิดที่อยู่ติดรอบคอจะจุดชนวนและระเบิดโดยทันที หลังจากได้เงินและออกจากธนาคาร ตำรวจดักล้อมเส้นทางที่รถของชายคนนี้ผ่านและทำการเข้าจับกุมได้อย่างง่ายดาย เพราะผู้ต้องหาซึ่งมาทราบภายหลัง ชื่อ ไบรอัน เวลส์ (Brian Wells) เป็นคนส่งพิซซ่า ยอมที่จะให้ความร่วมมือกับทางตำรวจเป็นอย่างดี ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจอย่างมาก อีกทั้งไบรอันยังใจเย็นถึงแม้ว่าตัวเขาเองจะมีระเบิดติดอยู่กับลำคอถึงกระนั้นเขาเองก็ปราศจากท่าทีลุกลี้ลุกลน หลังจากถูกจับใส่กุญแจมือและให้ไบรอันนั่งรอหน่วยกู้ระเบิดเข้ามาให้การช่วยเหลือ ไบรอันพยายามขอร้องให้ตำรวจช่วยไปตามเส้นทางในจดหมายอยู่ตลอดเวลา เพื่อหากุญแจมาให้เขาปลดล็อคระเบิด ทว่าท่าทางสงบนิ่งนั้นทำให้ตำรวจเริ่มไม่แน่ใจว่าระเบิดที่คอเป็นของจริงหรือไม่ แน่นอนว่าอีก 20 นาทีต่อมาคนที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดก็ได้เห็นเป็นประจักษ์แล้วว่าระเบิดทำงานได้จริง และไบรอัน ตัวประกันก็โดนระเบิดเสียชีวิตคาที่ในทันที หลังจากนั้นไม่ถึงสัปดาห์ทางตำรวจได้เข้าจับกุมหญิงสาวที่ฆ่าแฟนหนุ่มและเก็บร่างเขาไว้ในตู้ฟรีช และผู้ต้องหาอีกหลายต่อหลายคนที่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องไม่มากก็น้อยกับเหตุการณ์ pizza bomber นี่แหละคือเรื่องราวของสารคดีที่ใช้เวลาเกือบ 10 ปีในการถ่ายทำไปพร้อมกับการทำงานของ FBI !

https://www.popsugar.com/entertainment/Reactions-Evil-Genius-Netflix-44843366

           เรื่องราวสุดแสนจะสะเทือนใจและแปลกประหลาดอย่าง Murder of Brian Wells ถูกนำเสนอจากแง่มุมของฆาตกร(?)โดยตรง ซึ่งเป็นจุดเด่นที่น่าสนใจของสารดีชุดนี้ การสืบสวนซ้ำๆกับผู้ต้องหาคนเดิมๆ ที่เริ่มปริปากเผยสิ่งที่ตนเองพยายามกลบไว้มานาน ผ่านเครื่องอัดเสียง ผ่านการสัมภาษณ์ระหว่างผู้ต้องหาที่ถูกคุมขัง ไปจนถึงการพิพากษาในชั้นศาล กลายเป็นการไขคดีได้ในที่สุด นับเป็นคดีที่ยืดเยื้อและกินเวลานานนับปี มีการรื้อฟื้นคดีขึ้นมาใหม่หลายต่อหลายครั้ง และจำเป็นต้องยกความดีความชอบให้กับการการร่วมมือของทางทีมงานถ่ายทำกับหน่วยสืบสวนสอบสวนจากทางFBI ที่ช่วยกันทำคดี

           สำหรับเราแล้วเป็นคนที่ไม่ชอบดูสารคดีแนวสืบสวนเอาซะเลย เพราะน่าเบื่อและก็มักจะเล่นในแง่ของสาเหตุหรือแรงจูงใจของการก่ออาชญากรรมอย่างเดียวจนทำให้เรารู้สึกว่า คนที่ทำเลวก็เพราะเขาเลวไงเอ้อ จะมีเหตุผลอะไรอีก แต่ Evil Genius นำเสนอแง่มุมความแปลกใหม่ รวมถึงเหตุผลที่แบ่งสารคดีในชุดนี้เป็นทั้งหมด 4 ตอนทั้งที่สารคดีทั่วไปไม่ค่อยจะทำแบบนี้กันเท่าไหร่นัก เรื่องที่เราโคตรชอบเกี่ยวกับสารคดีนี้คือโปรดิวเซอร์ ที่มีการพูดคุยติดต่อกับนักโทษตลอดเวลา จนสามารถเชื่อมโยงหลักฐานในคดีเข้าด้วยกันได้ พี่โปรดิวเวอร์แม่งโคตรเก่งอย่างกับตำรวจเองมาเลยจริงๆ

            อีกเรื่องคือบางช่วงในสารคดีที่จะพูดถึงเรื่องจิตที่ไม่ปกติของผู้ต้องหา อดีตหรือการกระทำของพวกเขา ที่ตัวสารคดีถึงแม้ว่าจะถ่ายทอดออกมาอย่างนั้นแต่ก็ไม่ได้จงใจจะให้เราเห็นใจหรือสงสารความไม่ปกติของจำเลยในคดีได้เลย จำได้ว่ามีช่วงสั้นๆที่โปรดิวเซอร์เข้าไปสัมภาษณ์นักวาดภาพประกอบในห้องพิจารณา เขาก็พูดว่าตอนแรกที่เห็นเขาก็รู้สึกกลัวจำเลยอย่างมากภาพจึงออกมาดูแววตากระด้าง ไม่เป็นมิตร แต่เมื่อจำเลยเริ่มพูด เขาก็วาดรูปออกมาซอฟลงกว่าเดิม แววตาในรูปวาดก็อ่อนลง ท่าทางในรูปก็ดูน่าสงสาร ถึงจะเป็นอย่างนั้นแต่ทางสารคดีกลับเสริมอีกว่าไม่มีผู้มีปัญหาทางจิตคนไหนที่จะทำเรื่องอุกอาจแบบนี้ ไม่มีผู้มีปัญหาทางจิตคนใดที่จะกล้าใส่ปลอกคอระเบิดให้กับเหยื่อแน่นอน นั่นเองที่ทำให้เรากลับมาทบทวนว่าใครกันแน่ที่เราควรจะให้ความสงสารครอบครัวของเหยื่อหรือจำเลย

            เรื่องสุดท้ายคือตัวสารคดีและโปรดิวเซอร์ซึ่งพยายามนำเสนอว่าคนบางคน ที่เป็นคนฉลาดแต่กลับทำเรื่องเลวร้าย โดยการใช้คำพูดปั่นหัว จำเลยทั้งหมดในสารคดีเป็นตัวแทนของพวกหัวกะทิทั้งหลาย เก่งในการวางแผนและการปั่นหัวคนอื่นให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตัวเองต้องการ รวมทั้งอาจการฆ่าใครสักคน ตลอดการดูซีรีส์นี้ทั้งสี่ตอนจะทำให้เราต้องอ้าปากหวอ และประหลาดใจกับรูปคดีที่เปลี่ยนกลับไปกลับมาอยู่เสมอ และเราเชื่อว่าต้องมีคนที่ดูและออกอาการแบบเราแน่นอน

Remark: หากมีคำใดสะกดผิดหรือเนื้อหาผิดพลาดขออภัยไว้ล่วงหน้า