เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
A day in AmericaAnn Saengsuri
09: 1700 ไมล์ ไป Yollowstone
  • เข้าเทอมที่สองแล้ว ฉันเริ่มปรับตัวกับการเรียนบริหารแบบภาษาอังกฤษได้บ้างแล้ว ที่ UCLA Extension เรียนเทอมละสามเดือน (Quarter) คือเรียนไปห้าสัปดาห์ สอบกลางภาค เรียนอีกห้าสัปดาห์ก็สอบปลายภาค เทอมนึงเลยผ่านไปเร็วมาก ห้ามเผลอเด็ดขาด บางครั้งฉันมัวแต่ทำงานกับเที่ยวเล่นเยอะไป เลยทำให้อ่านหนังสือสอบไม่ทันบ่อยๆ หลังสอบกลางภาคเสร็จ ฉันไม่รอช้า รีบหาที่เที่ยวเพื่อไปฉลองวันเกิดปีที่สองที่อเมริกาสักสี่ห้าวัน 

    ช่างเป็นช่วงเวลาเหมาะเจาะมาก เพื่อนที่เคยทำงานที่เมืองไทยด้วยกัน บินมาทำงานที่โคโรลาโด (Corolado) เพื่อนโทรมาชวนไปเที่ยวที่นั่นและจะขับรถไปเม้าท์รัชมอร์ (Mt. Rushmore) รัฐเซาท์ดาโกต้า (South Dakota) ในวันหยุดสุดสัปดาห์ ฉันตอบตกลงภายใน 2 วินาที ไม่ต้องคิดนานเลยสำหรับเรื่องเที่ยว หลังจากตกลงวันได้แล้วก็รีบจองตั๋วเครื่องบินทันที 

    ฉันบินไปเจอเพื่อนที่โคโรลาโด ไปอาศัยนอนโซฟาที่ห้องเพื่อนและเที่ยวเล่นอยู่ในเดนเวอร์ (Denver) สองวันในช่วงที่เพื่อนไปทำงาน ฉันขับรถไปเที่ยวที่พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ในเมือง สัปดาห์ที่ฉันไปมีผลงานของประเทศอียิปต์มาโชว์ เช่นร่างมัมมี่ของคน แมว โลงศพของมัมมี่และข้าวของที่ขุดเจอในหลุมศพฟาโรห์ ฉันได้เห็นผลงานชิ้นมาสเตอร์ของชาวอียิปต์โบราณเป็นครั้งแรก มันน่าทึ่งมากที่ร่างสิ้นลมหายใจมีอายุหลายพันปีแต่กลับคงสภาพเดิมได้แบบไม่เน่าเปื่อยผุพัง

    เย็นวันศุกร์หลังเพื่อนเลิกงานเลยชวนกันไปเที่ยวคาสิโนที่เมืองแบล็คฮ็อก (Blackhawk) ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับเมืองเบาวเดอร์ (Boulder) ที่นี่เคยเป็นเมืองที่รุ่งเรืองในยุคขุดทอง (Gold Rush) ของโคโรลาโด มีเหมืองร้างหลายแห่งกระจายไปทั่วเมือง เมื่อทองหมดไป เมืองก็เปลี่ยนมาเป็นบ่อนคาสิโนแทน มีบ่อนการพนันตั้งอยู่บนถนนหลักในเมืองหลายแห่ง พวกเราแวะไปทานอาหารในคาสิโนและเล่นเกมส์สล็อตแมชชีนแต่พอเป็นพิธี

  • เพื่อนสาวดื่มแอลกอฮอล์ไปนิดหน่อยระหว่างเล่นเกมส์ ฉันเลยอาสาขับรถกลับบ้านให้ ระหว่างทางกลับต้องขับรถเส้นทางบนเขาซึ่งคดเคี้ยวและมืดมากขึ้น กลางวันก็แทบจะไม่ไหวเจอโค้งเยอะแยะ เจอกลางคืนเข้าไปแทบมองอะไรไม่เห็นเลย ฉันเลยเปิดไฟสูงตลอดทางเพื่อจะได้มองเห็นชัดๆ ขับไปได้ไม่นานหรอก โดนรถตำรวจตามมาให้จอดบนยอดเขาเลย

    " กรี๊ด ทำอะไรผิดเนี่ย ไม่เคยโดนตำรวจเรียกให้หยุดด้วยสิ ต้องทำยังไงดีละ " ฉันเริ่มลนลาน

    " ขอดูใบขับขี่และบัตรทะเบียนรถด้วย " คุณตำรวจส่องไฟฉายมาที่ฉันและขอเอกสาร ฉันรีบหาเอกสารและยื่นให้ตำรวจไป 

    พี่แกเดินหายกลับไปที่รถสักประมาณห้านาทีเพื่อเช็คประวัติฉัน แล้วเดินกลับมาที่รถพวกเราต่อ

    " กลับมาจากคาสิโนเหรอ ดื่มเหล้ามาหรือป่าว " คุณตำรวจเริ่มซัก

    " ไม่ได้ดื่มอะไรเลยคะ มีแต่เพื่อนที่ดื่ม ฉันเลยต้องขับรถให้ " ฉันตอบไปตรงๆ

    " คุณโดนให้หยุดรถเพราะเปิดไฟสูงมาตลอดทาง รถที่ขับสวนมามองไม่เห็นทาง ต่อไปให้เปลี่ยนเป็นไฟต่ำด้วยเวลาเห็นรถฝั่งตรงข้ามวิ่งมา " คุณตำรวจอธิบายแถมบังคับให้ปฏิบัติตามกฏจราจร

    สุดท้ายแค่โดนตักเตือนด้วยคำพูดแต่ไม่ได้ตั๋วค่าปรับ รอดตัวไปงานนี้ นึกว่าต้องเสียเงินอีกแล้ว
  • ตอนเช้าพวกเราออกเดินทางจากโคโรลาโดไปเม้าท์รัชมอร์ ขับรถไปเรื่อยๆฝนตกเบาๆ มองไปทางไหนก็เขียวสดชื่นสวยดี ระหว่างทางก็แวะที่ Crazy horse รูปปั้นสลักหินบนภูเขาเป็นรูปใบหน้าของหัวหน้าชนเผ่าพื้นเมืองลาโกตะ (Lakota) ที่ต่อสู้การรุกรานของคนขาวประมาณ 150 กว่าปีมาแล้ว  รูปปั้นนี้ใช้เวลาแกะมากว่า 60 ปีแล้ว ตอนนี้ก็ยังไม่เสร็จสมบูรณ์เลย 

    กว่าพวกเราจะไปถึงเม้าท์รัชมอร์ก็บ่ายสามโมงแล้ว โชคดีที่ฝนหยุดตก เลยได้ถ่ายรูปหน้าของ 4 ประธานาธิปดีชื่อดัง Washington, Jefferson, Roosevelt  และ Lincoln หน้าของทั้งสี่ท่านแกะสลักอยู่บนหินเกรนิตที่หน้าผาบนเขา Black Hill ดูยิ่งใหญ่ดีนะ พวกเราเดินเที่ยวเล่นไม่เกินสองชั่วโมง ไม่มีอะไรให้ดูต่อ เลยเปิดแผนที่ดูว่าจะไปไหนต่อดี 

    " ไปเที่ยว Yellowstone กันมั้ย ขับจากนี่ไป 300-400 ไมล์ก็ถึงไวโอมิ่ง (Wyoming) แล้ว " ฉันถามออกไปลอยๆ ไม่ได้คิดว่าเพื่อนจะเออออไปด้วย 

    " ไปดิ ชั้นอุตส่าบินมาจากเมืองไทยนะ โอกาสแบบนี้หาได้อีกมั้ย " หล่อนตอบมาสั้นและได้ใจความมาก  

    พวกเราตกลงใจไปเที่ยวอุทยานแห่งชาติ Yellowstone กันภายใน 30 วินาที 

    ** Yellowstone National Park เป็นอุทยานแห่งชาติที่ตั้งขึ้นเป็นแห่งแรกในอเมริกา ครอบคลุมพื้นที่สามรัฐ (Wyoming, Montana และ Idaho) จุดประสงค์หลักเพื่อคุ้มครองสัตว์ป่า ที่นี่เป็นแหล่งรวมพลังงานความร้อนใต้ภิภพขนาดใหญ่แห่งหนึ่งของโลก ภูเขาไฟขนาดยักษ์ (Super volcano) ที่ยังคุกลุ่นอยู่ใต้พื้นดินกินอาณาเขตประมาณ 45 ไมล์ ทำให้มีน้ำพุร้อนและบ่อโคลนเดือดกระจายไปทั่วอุทยาน** 

  • Mouth Rushmore National Memorial, South Dakota

  • สมัยนั้นยังไม่มีสมาร์ทโฟนหรือ GPS ในรถ เวลาขับรถเที่ยวโรดทริปก็เปิดแผนที่อย่างเดียว รถที่เพื่อนเช่ามามีแผนที่ Atlas ทั่วทุกรัฐของอเมริกาติดมาด้วย พวกเราผลัดกันดูแผนที่และป้ายบนทางหลวง ก็ขับตามป้ายไปเรื่อยๆ มีหลงบ้างอะไรบ้างแต่ไม่ซีเรียส สนุกไปอีกแบบนึง  

    ขับไปประมาณ 7 ชั่วโมง พวกเราแวะถามทางชาวบ้านก่อนที่จะมาขึ้นเขาในช่วงสุดท้าย ต้องขับช้ามากเพราะหิมะตกและมืดมาก ไหนจะต้องระวังสัตว์ข้ามถนนอีก ประมาณสี่ทุ่มพวกเราก็มาถึงเมืองโคดี้ (Cody) ที่นี่เป็นเมืองประตูทางเข้าอุทยานซึ่งอยู่ในรัฐ Wyoming ขับรถมาทั้งวัน คืนนี้เลยสลบไสลไม่ได้สติเลย ตั้งใจว่าตื่นเช้าจะได้ขับไปเข้าอุทยานทางด้านทิศตะวันออก (East entrance) เลยไม่ได้หาข้อมูลอะไรเพิ่มเติม

    ตื่นเช้ามานั่งจิบกาแฟกินอาหารเช้า ลุงกับป้าเจ้าของโรงแรมชวนคุย ถามพวกเราว่าจะไปไหนกัน พอบอกว่าจะไปเยลโลสโตนเท่านั้นแหละ คำตอบที่ได้จากป้าทำให้พวกเราแทบเข่าอ่อนลงไปกองกับพื้นเลย 

    " ประตูนี้ยังไม่เปิดนะ หิมะตกหนักมาหลายวันแล้ว ประตูจะเปิดอาทิตย์หน้า " ป้าบอกฉันพร้อมทำสีหน้าเห็นใจ ฉันแทบจะกรี๊ดออกมาดังๆ และแสดงสีหน้าผิดหวัง 

    คุณป้าใจดี โทรไปที่อุทยานเพื่อสอบถามข้อมูลให้พวกเราว่าประตูไหนเปิดบ้าง 

    " เจ้าหน้าที่บอกว่าเปิดสองประตู ทางเหนือที่รัฐ Montana กับทางตะวันตกที่รัฐ Idaho " คุณป้านำข่าวดีมาให้ พร้อมกับอวยพรให้พวกเราโชคดีในการเดินทาง 

    ฉันกล่าวขอบคุณป้าแล้วรีบวิ่งมาเปิดแผนที่เพื่อหารือกับเพื่อนสาวต่อ

    " ไปต่อมั้ย ประตูทางเหนือ ขับต่ออีก 200 ไมล์จากที่นี่ เข้าทางมอนทาน่า " ฉันถามเพื่อดูเชิงว่าเพื่อนจะสู้ต่อมั้ย

    " แกนี่ถามมาได้ มาถึงนี่แล้วไม่ไปได้ไง รีบออกจากที่นี่เหอะ กว่าจะถึงโน่นก็อีกสามชั่วโมง " เพื่อนสาวแสดงอารมณ์อยากไปมากกว่าฉันซะอีก

  • ถึงไหนถึงกัน รีบขนของขึ้นรถแล้วก็บึ่งไปมอนทาน่า (Montana) ต่อทันที ระหว่างทางที่ขับไปเป็นถนนสองเลน พวกเราเร่งความเร็วกันได้ไม่มาก จนผ่านเข้าในเขตรัฐมอนทาน่าได้วิ่งบนทางหลวงถึงจะขับได้เร็วขึ้น ทิวทัศน์สองข้างทางเปลี่ยนไป วิวสวยๆเริ่มโผล่เข้ามาในสายตา มีแม่น้ำไหลเอื่อยๆไปตลอดทาง มองเห็นหิมะบนยอดเขาทุกลูกอยู่ไกลๆ 

    ในที่สุดก็มาถึงแล้วประตูทางทิศเหนือ (North entrance) รอจ่ายเงินค่าเข้าอุทยาน อีกไม่กี่ก้าวจะถึงอุทยานแห่งแรกของอเมริกาแล้ว พวกเราขับเข้ามาสักระยะก็เริ่มมองเห็นแต่หิมะ นี่เป็นครั้งแรกที่เด็กบ้านนอกอย่างฉันได้สัมผัสหิมะ ไม่รอช้าเลยรีบลงจากรถไปนอนทำ snow angle แกว่งแขนและขาไปมาอยู่บนพื้น ฉันนอนจนเสื้อและกางเกงเริ่มเปียกจึงรีบลุกแล้วชวนเพื่อนไปต่อ 

    ขับรถแวะเที่ยวไปเรื่อยๆในเขตอุทยาน พวกเราแวะที่น้ำตกร้อนแมมมอท (Mammoth Hotspring), น้ำตกเยลโลสโตน (Yellowstone falls) และน้ำพุร้อน Old Faithful ทางอุทยานจะบอกเวลาที่น้ำพุจะพุ่งขึ้นมาจากใต้พื้นโลกไว้ ซึ่งค่อนข้างจะแม่นยำมาก ระหว่างรอก็สามารถไปเดินบนทางเดินศึกษาธรรมชาติได้

    พวกเราเดินไปดูบ่อน้ำร้อนที่เดือดปุดๆ ซึ่งอยู่ถัดไปจากห้วยเล็กๆแต่เป็นน้ำเย็น บ่อโคลนเดือดและบ่อน้ำร้อนมีให้เห็นไปทั่วบริเวณ มองไปรอบๆตัวจะเห็นควันขาวๆพวยพุ่งออกมาจากใต้พื้นดินตลอดเวลา สิ่งที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดคือ เดินตามเส้นทางที่อุทยานทำไว้ ห้ามเดินออกนอกเส้นทางเด็ดขาด เพราะที่นี่มีความร้อนใต้พิภพเยอะ ถ้าเผลอเดินไปบนจุดที่ความร้อนระบายออกมาอาจจะบาดเจ็บถึงตายได้

    ที่นี่มีสัตว์ป่าให้เห็นเยอะมาก ที่เห็นง่ายสุด คงเป็นควายป่า Bison ขอเตือนว่าอย่าเข้าไปใกล้มาก ควายป่าตัวโตสูงใหญ่ อาจจะตกใจและทำร้ายเราได้ พวกกวาง elk เล็มหญ้าอยู่ประปรายก็มีให้เห็นตลอด และกวางมูส (Bull Moose) ตัวโตเขางามยืนกินหญ้าอยู่ข้างทางขณะที่ขับรถผ่านไปด้วย

  • มีหลายจุดที่พวกเราไม่สามารถเข้าไปดูได้เพราะหิมะที่ตกไปทั่วอุทยาน บางจุดเลยปิดไม่ให้เข้าชม ฉันต้องกลับมาที่นี่อีกครั้งนึงในช่วงหน้าร้อน ยังมีหลายจุดที่ยังไม่ได้ไปชมเพราะต้องเดินเท้าเข้าไป พวกเราตัดใจบอกลาที่นี่ เลยช่วยกันดูแผนที่เพื่อจะขับรถออกจากอุทยานทางประตูทิศตะวันตก (West entrance) ในรัฐ Idaho แทน

    เคยได้ยินมาว่าไอดาโฮ่ปลูกมันฝรั่งมาก ฉันคิดว่าผ่านไปทางไหนคงมีแต่ไร่มันฝรั่ง แต่พอขับผ่านไปเรื่อยๆ มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลยไอดาโฮ่กลับสวยงามกว่าที่ฉันคิดไว้มาก

    พวกเราขับผ่านเขตอนุรักษ์ป่าเทตั้น (Teton national forest) เห็นคนเล่นสโนบอร์ดลงมาจากเขาผ่านแนวต้นไม้ทะลุมาหยุดตรงจุดชมวิวที่พวกเรายืนกัน งงๆเหมือนกันว่ามาได้ยังไงแต่ไม่กล้าถาม ขับไปเรื่อยๆก็ผ่านทะเลสาบที่น้ำแข็งยังไม่ละลาย และสุดท้ายก็ผ่านไร่มันฝรั่งสุดลูกหูลูกตาอย่างที่ฉันจินตนาการไว้ ผ่านสกีรีสอร์ตหลายแห่ง เห็นคนนั่งบนสกีลิฟท์ขึ้นๆลงๆ ฉันคิดไว้ในใจว่าสักวันจะต้องลองเล่นสกีให้เป็นบ้าง 

    พวกเราขับกลับมาในรัฐ Wyoming อีกครั้งนึง ผลัดกันขับเรื่อยๆตลอดทาง ขับจากเหนือลงมาใต้ จากภูเขาจนมาถึงที่ราบ ฉันขับไปประมาณตีสามกว่าๆ ง่วงนอนสุดๆจนตาลายเริ่มเห็นถนนไม่ชัด ฉันเลยจอดรถเพื่องีบหลับที่ปั้มน้ำมันแห่งนึง นอนได้ไม่ถีงชั่วโมง ความหนาวก็เข้าครอบงำภายในรถ เพื่อนสาวเลยตื่นขึ้นมาขับต่อให้เป็นไม้สุดท้าย ในสุดก็มาถึงโคโลราโดเช้าตรู่วันจันทร์  

    พวกเราใช้เวลาเที่ยวทั้งหมด 2 วัน ขับรถระยะทางโดยรวมประมาณ 1700 ไมล์ ขับวนรอบ Yellowstone จนครบทุกทิศแบบไม่ได้ตั้งใจ นี่เป็นโรดทริปครั้งแรกที่เดินทางแบบไม่ได้วางแผน ค่ำไหนนอนนั่น ถามทางคนไปตลอดกับอาศัยแผนที่เอา ชอบตรงไหนก็แวะตรงนั้น หิวเมื่อไหร่ก็จอดหาร้านอาหารฟาสฟู๊ดประทังหิว ฉันเริ่มติดใจการขับรถเที่ยวแบบนี้ในอเมริกาแล้วสิ 

    ฉันเริ่มคิดในใจว่าทริปหน้าจะหนีเรียนไปเที่ยวที่ไหนดี แต่ก็แอบกังวลเรื่องเรียน ทำงานและเงินด้วย

    กลับมาถึงแอลเอเงินเก็บหร่อยหรอ แถมโดดเรียนไปอีกสามวัน ฉันเลยต้องขอทำงานเพิ่มเพื่อชดเชยเงินเก็บที่หายไป ไหนยังต้องอ่านหนังสือให้ทันคาบเรียนที่หายไปด้วย ชีวิตกลับเข้าสู่วงจรเดิมต่อ หลังจากเติมเต็มความต้องการเรื่องเที่ยวมาแล้ว ฉันมีแรงจูงใจในการเรียนและทำงานเพิ่มขึ้น อย่างนี้สินะที่เค้าเรียกว่าชาร์ตแบตมาเต็มที่ ฉ้นพร้อมที่จะลุยต่อกับวันพรุ่งนี้ในอเมริกาแล้วสิ 

    ฉันตั้งใจไว้ว่าจะไปเที่ยวที่ใหม่ๆทุกสามเดือนหลังสอบปลายเสร็จ เพื่อเติมพลังให้ตัวเองก่อนที่จะเริ่มเรียนเทอมใหม่ในแต่ละครั้ง มันเป็นแผนที่เข้าท่ามากในความคิดของฉัน

  • ต้นไม้แตกยอดอ่อน ต้อนรับฤดูใบไม้ผลิ ระหว่างทางไป Yellowstone, Montana
  • Mammoth Hot Springs, Yellowstone NP 
  • บรรยากาศทั่วไปใน Yellowstone 
  • The Grand Prismatic Spring ที่พลาดโอกาสไปชม (เครดิตรูปจากเพื่อนที่ไปในหน้าร้อน)
Views

เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in